Thursday, 2 May 2024
วัคซีน

อนุทิน-พิพัฒน์ ติดตามคืบกระจาย วัคซีน-พื้นที่ท่องเที่ยว กระบี่ พังงารองรับเปิดเมือง-ฟื้นฟูเศรษฐกิจ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 7-8 ต.ค. 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อเปิดเมืองฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ที่จังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการติดตามการดำเนินงานตามแผนของรัฐบาลที่ทยอยเปิดพื้นที่ของจังหวัดต่างๆเพื่อรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติตามแนวทางที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กำหนดเป็น 3 ระยะ เริ่มตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 เป็นต้นไป  ภายใต้เงื่อนไขว่า 70% ของประชาชนในพื้นที่ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวจะต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดส ขณะที่กลุ่ม 608 ต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 80% 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับภารกิจของรองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมคณะนั้น วันที่ 7 ต.ค. 2564 ที่จังหวัดกระบี่จะมีการตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างท่าอากาศยานกระบี่ จากนั้นจะมีการมอบวัคซีนป้องกันโควิด- 19  มีประชุมร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว โดยในการประชุมจะได้รับทราบจากรายงานของกรมทางหลวงชนบทถึงความคืบหน้าการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะลันตา หัวหิน-คลองหมาก และนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่จะรายงานความคืบหน้าความพร้อมการเปิดรับนักท่องเที่ยวตามนโยบายของส่วนกลาง  ซึ่งหลังการประชุมให้นโยบายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะเดินทางตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม ร.15 พัน1 อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ เพื่อให้กำลังใจบุคลาการทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ต่อไป  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนภารกิจวันที่ 8 ต.ค. 2564 ที่จังหวัดพังงา รองนายกรัฐมนตรีและคณะจะมีการมอบวัคซีนแก่จังหวัดพังงา และตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม ณ ศูนย์ศึกษาวิจัย ศิลปกรรม วัฒนธรรมและประเพณีแห่งอันดามัน  และบริเวณท่าเทียบเรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา บ้านท่าด่าน ตำบลเกาปันหยี อำเภอเมืองพังงา  และตรวจท่าเทียบเรือเกาะคอเขา บ้านน้ำเค็ม ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ

กระบี่ - “อนุทิน” อนุมัติวัคซีน sinovac - AstraZeneca จำนวน 500,000 โดส พร้อมส่งมอบพื้นที่เป้าหมาย เพื่อเปิดเมืองพื้นฟูเศรษฐกิจ - การท่องเที่ยว พร้อมให้กำลังใจข้าราชการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด-19

วันนี้ (7 ตุลาคม 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตรวจเยี่ยมการดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID -19) พื้นที่จังหวัดกระบี่  โดยมี  นายพุฒิพงศ์  ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวต้อนรับ เข้าร่วมประชุม รับและส่งมอบวัคซีนจาก ผู้บริหารจากทั้ง 2 กระทรวง โดยมี องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพนมเบญจา (ชั้น) 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่

จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 2019 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกนับตั้งแต่ เดือนมกราคม 2563 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ชะลอตัวไปจนถึงหยุดชะงัก ร้านอาหาร ห้างร้าน โรงแรม และกิจกรรมการท่องเที่ยวต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว รัฐบาลได้ประกาศ "เปิดประเทศ" ไว้เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 เดินหน้าแผนระยะที่ 1 โดยทำการทดลองเปิดพื้นที่นำร่องในรูปแบบ Sandbox ซึ่งจังหวัดกระบี่ เริ่มเปิดเกาะพีพี เกาะไหง หาดไร่เล  ก่อนแผนระยะที่ 3 เป็นการผ่อนผัน ในเรื่องของระยะเวลาในการทำกิจกรรมในสถานที่ต่าง ๆ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 และแผนระยะที่ 3 การเปิดจังหวัด เปิดประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2564

จังหวัดกระบี่ เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว พื้นที่นำร่องระยะแรกที่พร้อมจะเปิดจังหวัด  จึงกำหนดเป็นนโยบายให้ประชาชนได้รับวัคซีนอย่างน้อย ร้อยละ 70 หรือประมาณ 352,653 คน จากประชากรทั้งหมดประมาณ 504,00 คน ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มหนึ่งแล้วทุกคนจะได้รับวัคซีนเข็มสองภายใน เดือนตุลาคมนี้ คิดเป็นร้อยละ ๓๘ กระทรวงสาธารณสุขยังคงเร่งให้วัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ครบตามเป้าหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อเปิดเมือง  พื้นฟูเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว พร้อมส่งมอบวัคซีน จำนวน 500,000 โดส

  

กระทรวงสาธารณสุขมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะให้การเปิดประเทศครั้งนี้ ไม่ก่อให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับทั้งสุขภาพประชาชนควบคู่ กับเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 จึงเป็น "วาระแห่งชาติ"ที่ประชาชนในแผ่นดินไทยจะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 70% หากประชาชน มีความประสงค์จะเข้ารับวัคซีนมากกว่านั้น กระทรวงสาธารณสุขก็ได้เตรียมวัคซีน สำหรับปี 2564 ไว้ถึง 125 ล้านโดส วัคซีนทางเลือก 27 ล้านโดส รวมถึง การได้รับบริจาคจากประเทศต่าง ๆ มาเป็นระยะ 

 

“บิ๊กตู่”ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยจัดการดำเนินการอำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติในไทยได้รับวัคซีน ซึ่งรับแล้วมากกว่า 1 ล้านคน 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุขได้ประสานงานร่วมกันเปิดเว็บไซต์ให้ชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในไทย โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติ ทุกกลุ่มอายุและทุกจังหวัด ลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนทางเว็บไซต์ https://expatvac.consular.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 นั้น ภาพรวมมีชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านคน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลการดำเนินการดังกล่าว และขอบคุณทุกหน่วยงานที่พร้อมดำเนินการตามแนวนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติที่ใช้ชีวิตในประเทศไทยอย่างเท่าเทียม เพื่อให้ทุกคนในประเทศไทยมีสุขภาพที่ดี และได้ฝากความห่วงใยยังชาวไทยทุกคนที่ดำรงชีวิตในต่างประเทศด้วย

“รองโฆษกรัฐบาล”ย้ำ 1 พ.ย. นี้ ให้ “เปิดมหาลัย-โรงเรียน” เรียนในที่ตั้ง เผย ฉีดวัคซีนเด็กมหาลัย กว่า1 ล้านคน 

น.ส.รัชดาธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” ถึงการเปิดเรียนในที่ตั้งและการฉีดวัคซีนให้นักเรียนนักศึกษา ว่า ในระดับอุดมศึกษา ทางกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม เห็นว่ามหาวิทยาลัยจะมีความพร้อมให้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่วันที่1พ.ย.นี้โดยขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละสถานที่ ส่วนการฉีดวัคซีนให้นักศึกษาและบุคลากรในมหาวิทยาลัย ได้ฉีดแล้วกว่า 1 ล้านคน

สำหรับนักเรียนก็ตั้งเป้าเปิดเรียนในที่ตั้งตั้งแต่วันที่1 พ.ย.เช่นกัน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละโรงเรียนในแต่ละพื้นที่อาจมีความพร้อมไม่เท่ากัน โรงเรียนบ้านแห่งที่อยู่นอกพื้นที่เสี่ยงพิจารณาเปิดเรียนได้ง่ายและรวดเร็วกว่า ส่วนการฉีดวัคซีนมีผู้ปกครองแสดงความประสงค์ให้ลูกหลานฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น โดยฉีดให้เด็กนักเรียนตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปถึงวันที่ 18 ต.ค.จำนวน 1,130,000 คน

Walk in เข็มแรก!! เทศบาลแพรกษา สมุทรปราการ เปิด Walk in ฉีดวัคซีน 1,000 คน หนุ่มชาวอังกฤษ เผย! ขอบคุณคนไทย

ที่บริเวณอาคาร ชั้น 1 ศูนย์ฉีดวัคซีนเทศบาลตำบลแพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นำคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา เดินตรวจเยี่ยมประชาชนพร้อมทั้งให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และคณะเจ้าหน้าที่ที่คอยให้บริการประชาชนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก แบบ Walk in จำนวน 1,000 คน ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนเทศบาลตำบลแพรกษา

โดยในวันนี้ มีประชาชนจำนวนมากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจ ต่างเดินทางมารอรับบริการฉีดวัคซีน โควิด-19 เข็มแรก แบบ Walk in หลังจากที่เทศบาลตำบลแพรกษาได้เปิดให้ประชาชนทุกกลุ่ม สามารถเดินทางมาขอรับการฉีดวัคซีนได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียนก่อน 

จากการสอบถามนาย ปีเตอร์ แอนดรู คาโล อายุ 67 ปี ชาวอังกฤษ เปิดเผยว่า สาเหตุที่เดินทางมาฉีดวัคซีน แบบ Walk in ในวันนี้เพราะช่วงก่อนหน้านั้นตนเองได้ลงทะเบียนจองวัคซีนไปก่อนแล้ว แต่เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ตนจึงมองว่าวัคซีนชนิดไหนได้ก่อนก็ควรฉีดป้องกันไว้ก่อน และหลังจากที่ทราบว่าเทศบาลตำบลแพรกษาแห่งนี้จะเปิดให้ประชาชนที่สนใจรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบ Walk in จึงทำให้เดินทางมาฉีดวัคซีนในวันนี้ และยังมีความสะดวกสบายไม่แออัด อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่โดยเทศบาลตำบลแพรกษามาเป็นจิตอาสาคอยดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุอีกด้วย

 

"บิ๊กตู่" ย้ำที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ เราจะกลับไปอยู่ที่เดิมไม่ได้อีกแล้ว คาดสิ้นเดือนพ.ย. ฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดส เตรียมพิจารณาสถิติ เปรียบเทียบยี่ห้อวัคซีนกับภูมิต้านทาน ย้ำที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ เราจะกลับไปอยู่ที่เดิมไม่ได้อีกแล้ว คาดสิ้นเดือนพ.ย. 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงต้นการประชุมว่า วันนี้มีหลายเรื่องที่จะต้องพิจารณา และมีหลายเรื่องที่ดำเนินการผ่านมาแล้วประสบความสำเร็จ จากการผลักดันของทุกภาคส่วน แต่อย่างไรก็ตามตนได้ประกาศในที่ประชุมเอเปค

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.แล้วว่า ตราบใดที่โรคโควิด-19 ยังอยู่ เราจะต้องอยู่กับมันให้ได้ ภายใต้มาตรการครอบจักรวาล และมาตรการ DMHTT  และการดำเนินกิจการต่างๆจะต้องมีการอนุมัติคัดกรองเฝ้าระวัง เพราะเราจะย้อนกลับไปอยู่ที่เดิมไม่ได้อีกแล้ว พร้อมย้ำทุกคนจะต้องระมัดระวังเป็นที่สุด 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของการฉีดวัคซีน ก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำได้ตามเป้าหมาย ซึ่งตนได้แจ้งในที่ประชุมเอเปคแล้วว่าสามารถฉีดวัคซีนไปแล้ว 83 ล้านโดส และคาดการณ์ว่าในสิ้นเดือนนี้จะสามารถฉีดวัคซีนได้ 100 ล้านโดส และมีวัคซีนสำหรับปีหน้าแล้วด้วย อย่างไรก็ตาม จะมีการหารือเรื่องยี่ห้อของวัคซีนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งต้องหาข้อมูลทางสถิติ เพื่อพิจารณาว่ายี่ห้อใดมีภูมิต้านทานมากน้อยเท่าไหร่ 

“นายกฯ”ชวน ปชช.ฉีดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ตั้งเป้าฉีด100ล้านโดสในเดือนพ.ย.นี้ ย้ำ”อสม.-ท้องถิ่น” ช่วยกลุ่มเปราะบางเข้าถึงระบบฉีดวัคซีน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เชิญชวนประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในเกิดขึ้นโดยเร็ว สร้างความแข็งแกร่งในระบบสาธารณสุขรองรับการระบาด ลดความรุนแรงและเสียชีวิตในประชากรกลุ่มเสี่ยง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และเปิดประเทศตามแผนที่กำหนด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ข้อมูลการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2564 - 11 พ.ย.2564 ฉีดวัคซีนสะสม  83,320,621 โดส เข็มที่ 1 สะสม 44.8 ล้านราย หรือร้อยละ 62.2 เข็มที่ 2 สะสม 35.8 ล้านราย หรือร้อยละ49.7 เข็มที่ 3 สะสม 2.7 ล้านราย หรือร้อยละ 3.8  มี 9 จังหวัดที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ร้อยละ 70 คือเชียงใหม่ กรุงเทพ สมุทรปราการ ชลบุรี ภูเก็ต ปทุมธานี สมุทรสาคร สงขลา ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข คาดว่าจะฉีดวัคซีนได้ครบจำนวน 100 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 ภายในเดือนพ.ย.นี้ โดยรัฐบาลกำหนดเป้าหมายที่จะฉีดเข็มที่ 1 ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือน พ.ย. 2564 ร้อยละ 80 ภายในเดือน ธ.ค. 2564 เข็มที่ 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือน ธ.ค. 2564 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยจัดหาวัคซีนแล้ว จำนวน 128.6 ล้านโดส มากกว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้

“โฆษกรัฐบาล” โว รัฐบาล จัดหาวัคซีนเกินเป้าหมาย เผย “นายก” เร่งฉีดกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ใช่สัญชาติไทย มอบ”ศรชล.-กอ. รมน.-คมนาคม-มหาดไทย แรงงาน” ขึ้นทะเบียนแรงงาน  เตรียมแผนฉีดวัคซีน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 (ศบค.) พอใจการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของไทย ที่สามารถจัดหาวัคซีนเกินเป้าหมาย โดยปลายปี64จะมีวัคซีนรวมทั้งหมด 155.6 ล้านโดส ได้แก่ วัคซีนที่รัฐจัดหา จำนวน 128.6 ล้านโดส  ทั้งซิโนแวค แอสตราเซเนก้า ไฟเซอร์ และวัคซีนทางเลือก ซิโนฟาร์ม และโมเดอร์นา จำนวน 27 ล้านโดส และตั้งเป้าหมายการฉีดวัคซีนภายในปีนี้ ให้ครอบคลุมผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อยร้อยละ 80 เข็ม 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือนธ.ค.นี้

ส่วนผลการดำเนินการให้บริการวัคซีนโควิด – 19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. – 12 พ.ย.นี้ มีผู้ได้รับวัคซีนสะสม 84.5 ล้านราย เข็มที่ 1 จำนวน 45.2 ล้านราย คิดเป็น 67.3 เปอร์เซ็นต์ เข็มที่ 2 จำนวน 36.5 ล้านราย คิดเป็น 54.4 เปิร์เซ็นต์ เข็มที่ 3 จำนวน 2.7 ล้านราย คิดเป็น 3.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุ 12 – 17 ปี ระหว่างวันที่ 4 ต.ค. – 11 พ.ย. 64 รวม 4.3 ล้านโดส เข็มที่ 1 จำนวน 2.8 ล้านโดส และเข็มที่ 2 จำนวน 1.5 ล้านโดส และการฉีดวัคซีนชาวต่างชาติในไทยอยู่ที่ 2,196,744 โดส คิดเป็นร้อยละ 26.5 ของจำนวนชาวต่างชาติทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในไทย

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯเห็นชอบให้มีการจัดสรรให้กลุ่มประชากรอื่น ที่ไม่ใช่สัญชาติไทยทั้งหมด สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ตามความสมัครใจ โดยศบค.มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนดและจัดทำทะเบียนรายชื่อและจำนวนผู้ประสงค์รับวัคซีนในกลุ่มประชากรที่มิใช่สัญชาติไทย และติดตามให้มารับการฉีดวัคซีนตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด กรณีกลุ่มเป้าหมายไม่มีเลขประจำตัว จะสร้างฐานข้อมูลตัวแปร เพื่อออกใบรับรองการฉีดวัคซีนได้ โดยแต่ละหน่วยงานให้ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สำรวจ จัดทำทะเบียนฉีด รวมทั้งพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการฉีดให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ดังนี้
 

'บิ๊กตู่'ฮึ่มกลุ่มเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวาย ถามคนไทยรับได้หรือไม่ ขอใช้มาตรการสังคมตักเตือน ลั่นคำว่าสถาบันฯต้องอยู่คู่กับไทยตลอดไป เผย จัดซื้อวัคซีนปีหน้า 60 ล.โดสแล้ว พร้อมขอให้รอดูสถานการณ์หลังมีการวิจัยพัฒนาวัคซีนใหม่ออกมาอีก

ที่โรงแรมโซฟิเทลกระบี่ โภคีธรา แอนด์ สปา รีสอร์ท จ.กระบี่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีการเดินหน้าเปิดประเทศและเป็นไปด้วยดี ห่วงหรือไม่ว่าการเคลื่อนไหวชุมนุมจะทำให้เสียบรรยากาศ ว่า ให้สังคมช่วยกันพิจารณา เพราะนายกฯ มีอย่างเดียวคือการบังคับใช้กฎหมายอย่างระมัดระวัง เป็นไปตามขั้นตอนและเป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่ทุกประการ ดังนั้นต้องไปดูวัตถุประสงค์การสร้างความวุ่นวายนั้นเพื่ออะไร แล้วคนไทยยอมรับได้หรือไม่ ถ้ายอมรับไม่ได้มาตรการสังคมต้องตักเตือนกัน อย่าให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียว

"ผมเน้นย้ำคำว่าสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ต้องคงอยู่คู่กับไทยตลอดไป"นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังมีการโหนเรื่อยๆ กังวลว่าจะบานปลายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่กังวล แต่เป็นความห่วงใยมากกว่า อย่าเรียกว่ากังวล เพราะถ้ากังวลคงกังวลหลายเรื่องที่ทุกอย่างประดังประเดถมเถเข้ามาในสถานการณ์วันนี้ ทั้งราคาน้ำมัน หนี้ครัวเรือน เกษตรกรให้มีรายได้ที่ดีขึ้น รวมถึงปัญหาอะไรต่างๆ

 

 เผย “บิ๊กตู่” พอใจภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข้าใกล้เป้าหมาย 100 ล้านโดส กำชับเร่งติดตามนักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยง สกัดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจภาพรวมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยยอดรวมการให้บริการวัคซีนสะสมอยู่ที่   93,929,601 โดส  เข็มที่ 1 สะสม 48,594,537 โดส เข็มที่ 2 สะสม 41,827,020 โดส เข็มที่ 3 สะสม 3,490,779 โดส และเข็มที่ 4 สะสม 17,265 โดส ซึ่งเป็นการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 1 ธันวาคม 2564   ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมายของรัฐบาลที่วางไว้ให้มีการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 นี้   ขณะเดียวกัน ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุ 12 – 18 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2564 แล้ว กว่า  5,836,791 โดส มากกว่าจำนวนที่เคยได้แจ้งความสมัครใจไว้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้เตรียมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมสำหรับปี 2565  โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ติดตามการพัฒนาวัคซีนเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเพื่อให้ไทยสามารถเปลี่ยนสูตรวัคซีนและนำเข้าเป็นวัคซีน Gen ใหม่ ได้  ควบคู่ไปกับการพันาและผลิตวัคซีนเองภายในประเทศ อาทิ วัคซีน ChulaCov19 และ วัคซีนใบยา (Baiya) เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ๆ  ที่มีการกลายพันธุ์ ได้รวมทั้ง โอไมครอน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top