Monday, 29 April 2024
ชัชชาติ_สิทธิพันธุ์

หน.รวมไทยยูไนเต็ด ยก ‘ชัชชาติ’ คนของประชาชน วอนหยุดสร้างวาทกรรม สร้างความเกลียดกลัว

หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด มั่นใจ ‘ชัชชาติ’ เป็น “คนของประชาชน” จะพากรุงเทพ ก้าวข้ามความแตกแยก ขอหยุดปลุกระดมความเกลียด กลัวโยงขั้วการเมืองระดับชาติ ที่ทำลายความหวัง กทม.

วันที่ 20 พ.ค. 2565 นายวรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก Voranai Vanijaka-วรนัยน์ วาณิชกะ เรื่อง “ก้าวข้ามความแตกแยก : Man of the People” โดยระบุว่า ตนรู้จักคน Gen X ยัน Baby Boomer เยอะมาก ที่ทั้งชีวิตลงคะเเนนเสียงให้ขั้วอนุรักษ์นิยม ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าและทั้งชีวิตของพวกเขา ก็คงลงคะแนนเสียงให้ขั้วอนุรักษ์นิยม แต่การเลือกตั้งผู้ว่าครั้งนี้ พวกเขาจะลงคะแนนเสียงให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

เหตุผลคือ พวกเขาไม่ไหวแล้วที่เมืองหลวงของเราจะต้องหยุดชะงักและพังอย่างต่อเนื่อง เพราะการบริหารไม่เอาไหน ซึ่งสืบทอดมาจากการที่กรุงเทพตกเป็นเหยื่อในสนามรบของขั้วการเมืองระดับชาติ ที่ต่อสู้กันบนความเกลียดและความกลัว กรุงเทพจะเดินไปข้างหน้าได้ ผู้ว่ากรุงเทพต้องเป็นคนที่ก้าวข้ามความแตกแยก ก้าวข้ามขั้วการเมือง

ตนพักอาศัยอยู่แถวบ่อนไก่ ข้างหน้าคือถนนวิทยุ ตรงข้ามคือสวนลุมพินี นายชัชชาติมักจะมาวิ่งตอนเช้าในสวนลุมพินี และแวะเข้ามาที่สโมสรกีฬาในบ่อนไก่ ตนได้พูดคุยกับชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้น ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ชอบนายชัชชาติมาก อัธยาศัยดี เป็นกันเอง ใส่ใจ ถามทุกข์สุขตลอด ตนพูดว่า “ก็เขาหาเสียงอยู่นิ” ชาวบ้านก็บอกผมว่า เขาทำแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หลายปีแล้ว

นั่นหมายความว่า ในบรรดานักการเมืองในประเทศนี้ มีไม่กี่คนหรอก ที่จะพูดได้ว่าเป็น Man of the People (คนของประชาชน) ที่แท้จริง หนึ่งในนั้นคือ นายชัชชาติ และสิ่งที่กรุงเทพต้องการ ไม่ใช่ขั้วการเมือง แต่เป็น Man of the People

นับถอยหลัง เลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ 22 พ.ค.65

หมายเลข 1 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล กับแนวคิด “เมืองที่คนเท่ากัน” พร้อมชนกับต้นตอของปัญหา และจะทำให้ปัญหาของทุนคนได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม นโยบายหาเสียง ได้แก่

1. เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 60 เป็น 1,000 บาทต่อเดือน เพิ่มสวัสดิการเลี้ยงดูเด็กเป็น 1,200 บาทต่อเดือน เพิ่มเบี้ยคนพิการเป็น 1,200 บาทต่อเดือน 

2. ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ให้บริการวัคซีนฟรี เช่น วัคซีนโรคปอดอักเสบ วัคซีนไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออก 

3. เพิ่มงบชุมชนปีละ 500,000-1,000,000 บาท ตามขนาดของชุมชน ตั้งงบประมาณ 200 ล้านบาทในการพัฒนากรุงเทพฯ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะนำไปพัฒนาด้านใดบ้าง

4. สร้างที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง 10,000 ยูนิต ภายใน 4 ปี ให้คนกรุงเทพฯ เช่าได้ระยะยาว 30 ปี 

5. จัดให้มีรถเมล์คุณภาพ ทำตั๋วคนเมืองที่จ่ายในราคา 70 บาท แต่สามารถใช้เป็นค่าโดยสารได้ 100 บาท ผลักดัน “ตั๋วร่วม” ขึ้นรถไฟฟ้าในราคา 15-45 บาทได้ตลอดสายแบบไร้รอยต่อ 

6. ขึ้นค่าเก็บขยะห้างใหญ่ไม่ต่ำกว่า 10 เท่าของที่จ่ายอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำไปปรับปรุงการเก็บขยะครัวเรือน ปรับปรุงจุดทิ้งขยะทั่วกรุงเทพฯ และแก้ไขกลิ่นเหม็นจากโรงงานขยะ

7. ลงทุนศูนย์ดูแลเด็กเล็กศูนย์ละ 5 ล้านบาท ยกระดับให้มีคุณภาพเทียบเท่าเอกชนจัดให้มีครูสำหรับเด็กพิเศษที่พัฒนาการช้า เพิ่มศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่ยังขาดแคลนรวมถึงดูแลสวัสดิการครูและพี่เลี้ยงเด็กต้องมีสัญญาจ้างงานประจำ 

8. ด้านการศึกษา เสนอตัดวิชาที่ไม่จำเป็นออก เพิ่มการเรียนรู้นอกห้องเรียน ทำให้เป็นโรงเรียนปราศจากการรังแก (Bullying-Free School)

9. ลอกท่อทั่วเมือง ลอกคลองทั่วกรุง เปลี่ยนงบประมาณอุโมงค์ยักษ์ปีละ 2,000 ล้านบาท เป็นงบปรับปรุงระบบระบายน้ำเพื่อให้ระบายได้เร็วขึ้น 

10. เปลี่ยนที่รกร้างเป็นสวนสาธารณะ ออกข้อบัญญัติให้หน้าอาคารที่จะก่อสร้างใหม่ทุกแห่งต้องมีพื้นที่สีเขียวที่ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ได้ และเปิดพื้นที่สาธารณะให้เป็นที่ปลอดภัยสำหรับการชุมนุม

11. ทางเท้าดี เท่ากันทั้งกรุงเทพฯ ให้ประชาชนเป็นพยานตรวจรับงาน หากมีการขุดทางต้องคืนกลับมาในสภาพดีเหมือนเดิม ทางเท้าที่แคบกว่า 3.2 เมตร ห้ามตั้งแผงลอย แต่หาพื้นที่ใกล้เคียงให้ค้าขาย และทางม้าลายต้องปลอดภัย

12. เจอส่วยแจ้งผู้ว่าฯ สร้างกรุงเทพฯโปร่งใส ไร้คอร์รัปชั่น การขอใบอนุญาตให้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้บุคคลที่สาม (Third Party) ประเมินการขอใบอนุญาตและตรวจรับงาน

หมายเลข 3 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครอิสระ สโลแกน “กทม.More ทำกรุงเทพฯ ให้ดีกว่านี้ได้” กับนโยบายหลัก 6 ด้าน ได้แก่...

1.ยกระดับศูนย์สาธารณสุข 69 ศูนย์ และสำนักอนามัยให้ครอบคลุมการบริการอย่างทั่วถึง เพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลในสังกัด กทม.ให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง

2.โรงเรียนคุณภาพใกล้บ้าน เพิ่มหลักสูตรภาษาอังกฤษและภาษาจีนในโรงเรียนปรับให้เป็นโรงเรียน 2 ภาษา จัดตั้งโรงเรียนผสมและเฉพาะทาง มีหลักสูตรเรียนตามความถนัดหรือความชอบ เช่น โปรแกรมเมอร์ ดนตรี ภาพยนตร์ โภชนาการอาหารฟรี มีหลักสูตรหลังเลิกเรียนเพื่อเพิ่มทักษะการใช้ชีวิตและหารายได้เสริม โดย กทม.สนับสนุนประสานภาคเอกชน

3.เชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ล้อ ราง เรือ Free Feeder ทั่วเมือง ระบบตั๋วเชื่อมที่ใช้ได้ทุกเส้นทาง เพิ่มความปลอดภัยด้วยการกำจัดจุดเสี่ยงจราจร นำเทคโนโลยี Ai มาควบคุมระบบการจราจรให้การปล่อยรถเป็นระบบมากขึ้น

4.บริการ Free WiFi ทุกชุมชนและที่สาธารณะ ขอยื่นพิจารณาการอนุญาตต่างๆ จบในที่เดียวภายในเวลาไม่เกิน 30 วันด้วยระบบ AI

5.ลด แยกขยะ จัดแนวทางการเก็บขยะเพื่อเตรียมเป็น กทม. Net Zero จัดระเบียบ Zoning อุตสาหกรรม พาณิชย์ ที่อยู่อาศัย จัดทำสวนทุกเขตพร้อมนักรุกขกรมืออาชีพเพื่อดูแลต้นไม้ใหญ่ทั่วเมือง สนับสนุนปลูกต้นไม้หักภาษีทั่วเมือง ทำบึงหนองบอนให้เป็นกีฬาทางน้ำที่ใหญ่ที่สุดของ กทม. เสนอสร้าง 50 สวน 50 เขต เพิ่มจำนวนกล้องซีซีทีวีให้ครอบคลุม ลดจุดบอด จุดอับ จัดทำโครงการ Smart pole เสาไฟที่ให้มากกว่าความสว่าง มีเครื่องวัดคุณภาพอากาศ กล้องวงจรปิด เพิ่มสถานีดับเพลิง ปรับปรุงสาธารณูปโภคเอื้อต่อผู้พิการ ผู้ใช้รถเข็น ผลักดันโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำด้วยวิธีดันท่อลอด pipe jacking เพิ่มเติม เพื่อประสิทธิภาพการระบายน้ำในกรุงเทพฯ รวมถึงอุโมงค์ระบายน้ำต่างๆ

6.การหารายได้เข้ากรุงเทพฯ สร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ที่ไม่พัฒนา แปลงสินทรัพย์เป็นทุน เช่น เปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่ของ กทม. เพื่อให้ กทม.มีรายได้เข้ามาบริหารเมือง นอกจากรองบกลางจากรัฐบาล เปลี่ยนขยะให้เป็นทอง จัดระบบงบดุลใหม่ ตั้งกองทุน Social Impact Fund โดยซักชวนนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนเพื่อผลตอบแทนทางสังคม จับมือเอกชนเพื่อสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่แปลงให้เป็น BOT (Build Operate Transfer) ทุกโครงการโปร่งใส ใช้ระบบ Blockchain และจัดกิจกรรมท่องเที่ยว ถนนคนเดิน 50 เขต ทุกเขตตามอัตตลักษณ์ชุมชน พิจารณาส่งเสริม Street food ไม่กระทบต่อการเดินเท้า ส่งเสริมสนับสนุนเพิ่มโอกาสจ้างงานผู้พิการ และส่งเสริมอาชีพคนพิการ

 

หมายเลข 4 ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคประชาธิปัตย์ กับสโลแกน “เปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้” เปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวัสดิการที่ดูแลประชาชนเป็นเมืองที่มีความทันสมัย และเป็นเมืองต้นแบบแห่งอาเซียน โดยได้เสนอนโยบาย ได้แก่...

1. ตั้งกองทุนเพื่อการจ้างงานชุมชนในทุกชุมชน

2. ติดตั้งอินเทอร์เน็ตไวไฟ (Wi-Fi) 150,000 จุดทั่วกรุงเทพฯ

3. จัด 12 เทศกาลใหญ่ และ 50 เทศกาลเขต เพื่อให้กรุงเทพฯ มีรายได้จากการท่องเที่ยว

4. ส่งเสริมศูนย์บริการสาธารณสุขให้มีอุปกรณ์การแพทย์ทันสมัย และมีแพทย์เฉพาะทางประจำการ-โรงเรียนดี อยู่ใกล้บ้าน มีโรงเรียนประจำเขต 50 เขต 50 โรงเรียนสาธิต หลักสูตรการเรียนรู้ขั้นต่ำ 2 ภาษา รู้โคดดิ้ง รู้ AI และมีครูที่ครบทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้

5. ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เอไอควบคุมสัญญาณไฟจราจร เอาเกาะกลางถนนออกเพิ่มช่องจราจร

6. สร้างทางเท้าที่มีมาตรฐานสากล สร้างทางจักรยานลอยฟ้า เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถขี่รถจักรยานไปทำงานได้

7. สร้างแก้มลิงใต้ดิน ใช้เครื่องสูบน้ำแบบอัตโนมัติ แก้ปัญหาการระบายน้ำ

8. ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดมลพิษทางอากาศบริเวณที่มีการก่อสร้าง บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับการก่อสร้างที่สร้างมลพิษเกินมาตรฐาน ประกาศสงครามกับฝุ่นพิษ PM 2.5 ระงับการให้บริการรถโดยสารที่สร้างมลพิษเกินค่ามาตรฐาน

9. ส่งเสริมการแยกขยะในครัวเรือน จัดจุดบริการขยะแลกเงินไม่ให้มีขยะตกค้าง

10. เปลี่ยนพื้นที่รกร้างของเอกชนเป็นสวนสาธารณะฉบับกระเป๋า หรือ Pocket Park ให้ประชาชนสามารถใช้งานได้ ลดภาษีที่ดินให้กับเอกชนที่ให้ กทม.ได้เข้าใช้พื้นที่

'ชัชชาติ' ปั่นจักรยานคู่ใจเข้าคูหาเลือกตั้งผูว่า กทม. ฟาก 'วิโรจน์' สวมเสื้อลิเวอร์พูล-ปั่นจักรยานมาใช้สิทธิ์

วันที่ 22 พ.ค. 65 ที่หน่วยเลือกตั้ง 26 โรงเรียนแจ่มจันทร์ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา เป็นอีกหนึ่งหน่วยเลือกตั้งที่ประชาชนทยอยเดินทางมารอใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กันตั้งแต่ช่วงเช้า

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาโดยปั่นจักรยานคู่ใจ คันเดียวกับที่ปั่นไปจับเลขเบอร์ของตัวเองมาใช้สิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ เมื่อมาถึงได้ตรวจสอบลำดับรายชื่อ ซึ่งนายชัชชาติ อยู่ในลำดับที่ 263 จากทั้งหมดในหน่วยนี้ 555 คน

นายชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้มีความสุขและสบายใจมาก นอนหลับเต็มอิ่ม ได้ตื่นตีสี่ ไปวิ่งออกกำลังกาย จากนั้นก็กลับมาเตรียมตัวเพื่อจะไปเลือกตั้ง โดยตนไม่ได้มีฤกษ์งามยามดี หรือเคล็ดลับอะไรเลยนอกจากฤกษ์ที่สะดวกเท่านั้น

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ไม่ได้ไปไหว้พระที่ไหน มีเพียงแค่ตอนเช้าที่โทรหาลูกชาย เขาก็ได้ให้กำลังใจ และโทรหาแม่ แม่ก็บอกว่า ทำเต็มที่ที่สุดแล้วเท่านั้นเอง โดยหลังจากเลือกตั้งเสร็จก็จะไปนั่งคุยกับแม่ อาจจะไปไหว้พระด้วย แต่ยังไม่ทราบว่าที่ไหน

ทั้งนี้ สาเหตุที่เลือกปั่นจักรยานคันนี้มา เพราะเป็นคันเดียวกับที่ปั่นไปจับฉลากเลือกเบอร์ เริ่มต้นคันไหน ก็จบคันนั้น

โพลสถาบันพระปกเกล้า ชี้!! คนกรุงไว้ใจชัชชาติ พร้อมเทคะแนนเลือกเป็นผู้ว่าฯ มากถึง 40.8%

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ภายหลังจากการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ภายใต้โครงการวิจัยประเมินผลการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือ ผู้บริหารท้องถิ่น ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนก่อนเลือกตั้ง กทม. 22 พฤษภาคม 806 ตัวอย่าง โดยทำการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2565 ดังนี้

ส.ว.ยก 'ชัชชาติ' คลื่นลูกใหม่ทางการเมือง สะท้อนปรากฏการณ์ คนเบื่อ 'สลิ่ม-สามกีบ'

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้...

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คลื่นลูกใหม่ทางการเมือง

ถึงจุดที่คนไทยเบื่อความขัดแย้ง ความแตกแยกของคนในชาติ เบื่อเหลืองแดง เบื่อสามกีบ เบื่อสลิ่ม เบื่อคนรุ่นใหม่รุ่นเก่า เขาจึงแสดงออกโดยเลือกชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เชื่อว่าจะเป็นตัวแทนของคนที่เป็นกลางๆ ไม่ซ้ายไม่ขวา เชื่อมต่อได้ทุกรุ่นทุกสี มีความทันสมัย ไม่เจ้าขุนมูลนาย ไม่พิธีรีตองเกินความจำเป็นและไม่ติดกับระบบราชการมากเกินไป เป็นผู้บริหารที่เป็นของคนทุกๆ คน แค่ทำงานไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงในหลายมิติของการจัดการกรุงเทพมหานคร เป็นความหวัง ตอบความหิวกระหายของคนไทยที่อยากได้นักการเมืองเช่นนี้

เชื่อว่าชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คงนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ ลดความขัดแย้งในสังคมไทย สร้างความปรองดองสมานฉันท์ ก้าวข้ามปัญหาทั้งปวงที่ทับถมอยู่ในประเทศนี้ถึง 20 ปี เป็นคลื่นลูกใหม่และพายุทางการเมืองที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

นายวันชัย กล่าวอีกว่า พลตรีจำลอง ศรีเมือง ผู้ว่ากทม. 2 สมัยในอดีต จากป้ายฝาเข่ง ใส่เสื้อม่อฮ่อม รองเท้าแตะ ถีบจักรยานหาเสียง กลายเป็นจำลองฟีเวอร์ พัฒนาไปสู่การเมืองยุคใหม่ในขณะนั้น เป็นพรรคพลังธรรม มี ส.ส.ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อยู่ในระดับพรรคการเมืองขนาดกลาง สร้างคนสร้างบทบาททางการเมือง สร้างความหวังให้กับคนไทยได้ในระดับหนึ่ง ยังมีนักการเมืองจากพลังธรรมที่โลดแล่นอยู่ในเวทีขณะนี้รวมทั้งทักษิณ ชินวัตร 

พายุลูกใหม่ทางการเมืองอย่างชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็คงจะพัฒนาไปเช่นนั้น เป็นพายุและคลื่นทางการเมืองที่สาดซัดไปทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัดในอนาคตทางการเมืองต่อไป

‘ชัชชาติ’ ชม ‘บิ๊กตู่’ มองประโยชน์ปชช.เป็นที่ตั้ง ฟาก ‘สุพัฒนพงษ์’ เสริม ให้หนุนเรื่องไหนบอก

‘ชัชชาติ’ ออกปากชมนายกฯ เป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา เผย ‘บิ๊กตู่’ ขอให้จับมือร่วมกันทำงานยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมเผยไม่ติดใจปมคลุมถุงดำ-มัดมือ ช่วงรัฐประหาร คสช. ขอทิ้งอดีต มองไปที่อนาคตข้างหน้า พร้อมลงพื้นที่ร่วมกัน

(17 มิ.ย.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ให้สัมภาษณ์หลังพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พาชมตึกภักดีบดินทร์ หลังจบประชุมศบค.ว่า นายกฯพาดูตึกใหม่ ที่ยังไม่เคยเห็นเพราะเพิ่งสร้าง และนายกฯได้แสดงความยินดีกับตน และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยขอให้ร่วมมือกันทำงาน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และตนเคยเจอนายกฯเมื่อนานมาแล้ว เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา ท่านขอให้เน้นการทำงานและประสานงานร่วมกัน โดยกทม.ต้องร่วมงานกับรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย

นายชัชชาติ กล่าวว่า นอกจากนั้นยังได้พูดคุยกับ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ถึงความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้ากทม.กับรัฐบาลร่วมมือกันได้ เช่น เรื่องมาตรการประหยัดพลังงาน เป็นต้น และตนได้แจ้งว่า กทม.อยากจัดงานถนนคนเดินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนายสุพัฒนพงษ์ บอกว่าสนใจเรื่องนี้เช่นกัน และให้เอารายละเอียดโครงการมาพูดคุย เพื่อดูว่ารัฐบาลจะสนับสนุนเรื่องไหนได้บ้าง ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะ กทม.เป็นองค์กรท้องถิ่น ที่จะต้องยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะสุดท้ายประโยชน์จะอยู่ที่ประชาชน

กรุงเทพฯ กลางแปลง ฉายหนังเรื่องอะไร ฉายที่ไหน มาดูกัน!!

ในเดือนกรกฎาคม 2565 กรุงเทพมหานครเตรียมจัดเทศกาล “กรุงเทพฯ กลางแปลง” โดยจะมีการฉายหนังทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อรับกับเทศกาล Film Festival ซึ่งจะจัดในสถานที่ รวม 10 สถานที่ ตลอด 4 สุดสัปดาห์ รวมฉายหนังทั้งหมด 25 เรื่อง โดยจะมีทั้งภาพยนตร์ที่เก่ามาก ตั้งแต่ปี 2502 จนถึงปัจจุบัน

สำหรับสถานที่ฉายหนังตลอดเดือน ก.ค. 65 มีดังต่อไปนี้

🎥สัปดาห์แรก (7-9 ก.ค. 65) มีรายละเอียดดังนี้ 

วันที่ 7 ก.ค. 65 ฉายเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง (2540) ณ ลานคนเมือง เขตพระนคร และเรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2552) ณ True Digital Park เขตพระโขนง

วันที่ 8 ก.ค. 65 ฉายเรื่อง เวลาในขวดแก้ว (2534) ณ ลานคนเมือง เขตพระนคร และเรื่อง 36 (2555) ณ True Digital Park เขตพระโขนง

วันที่ 9 ก.ค. 65 ฉายเรื่อง แพรดำ (2504) ณ ลานคนเมือง เขตพระนคร และเรื่อง แม่นาคพระโขนง (2502) ณ True Digital Park เขตพระโขนง

🎥สัปดาห์ที่สอง (14-16 ก.ค. 65) มีรายละเอียดดังนี้ 

วันที่ 14 ก.ค. 65 ฉายเรื่อง RRR (2565) ณ ศูนย์เยาวชนคลองเตย เขตคลองเตย และเรื่อง 4Kings (2564) ณ สวนรถไฟ เขตจตุจักร

วันที่ 15 ก.ค. 65 ฉายเรื่อง มนต์รักทรานซิสเตอร์ (2544) ณ ศูนย์เยาวชนคลองเตย เขตคลองเตย และเรื่อง Portrait of a Lady on Fire (2562) ณ สวนรถไฟ เขตจตุจักร

วันที่ 16 ก.ค. 65 ฉายเรื่อง บุญชูน่ารัก (2531) ณ ศูนย์เยาวชนคลองเตย เขตคลองเตย และเรื่อง One for the Road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ (2564) ณ สวนรถไฟ เขตจตุจักร

🎥สัปดาห์ที่สาม (21-23 ก.ค. 65) มีรายละเอียดดังนี้ 

วันที่ 21 ก.ค. 65 ฉายเรื่อง หมานคร (2547) ณ สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย และเรื่อง Fast and Furious (2552) ณ ตลาดบางแคภิรมย์ เขตบางแค

วันที่ 22 ก.ค. 65 ฉายเรื่อง อนธการ (2558) ณ สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย และเรื่อง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ (2547) ณ ตลาดบางแคภิรมย์ เขตบางแค

วันที่ 23 ก.ค. 65 ฉายเรื่อง Wheel of Fortune and Fantasy (2564) ณ สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย และเรื่อง เพื่อนสนิท (2548) ณ ตลาดบางแคภิรมย์ เขตบางแค

'ชาวเน็ต' ขุด 'เพจอัศวิน' โพสต์รายงานน้ำท่วมเพียบ เทียบ 'เพจชัชชาติ' มีแต่ไลฟ์ หาอ่านข้อมูลไม่ได้

(13 ก.ย. 65) ขณะนี้ชาวเน็ตให้ความสนใจไปที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งโพสต์เปรียบเทียบการรายงานสถานการณ์และแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร (กทม.) ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ คนก่อน โดยมีรายละเอียดดังนี้

เปิดไปดูเพจอดีตผู้ว่ากทม. อัศวิน ขวัญเมือง เลื่อนดูเล่น ๆ ในช่วงเวลาหน้าฝนแทบทุกวันมีแต่ข้อมูล และรายงานว่าได้สั่งงานอะไรบ้าง

รายงานตัวเลขหมด

ความน่าจะเป็นที่กรมอุตุเตือนรอบ 7 วันข้างหน้าว่าอาจจะมีฝนหนักแค่ไหน

มีการรายงานตัวเลขระดับน้ำแต่ละสถานีระบายน้ำ ว่าอยู่ระดับไหน พร้อมสำหรับรับน้ำแค่ไหน

ปริมาณน้ำจากแม่น้ำสูงแค่ไหน น้ำทะเลหนุนแค่ไหน ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านประตูในแต่ละวันระบายได้แค่ไหน เพื่อประเมินกำลังในการระบายหากฝนตกหนัก

'บิ๊กป้อม' ขอคนกรุงเชื่อมั่น ทุกฝ่ายต่างเร่งแก้น้ำท่วม ย้ำ!! ไม่ท่วม พร้อมยัน 'ชัชชาติ' แข็งแกร่งต้องชื่นชม

ขอคนกรุงเทพมั่นใจ ทุกฝ่ายต่างเร่งแก้น้ำท่วม ย้ำ!! ไม่ท่วม และ 'ชัชชาติ' แข็งแกร่งต้องชื่นชม 

พล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2565

'ชัชชาติ' ขอบคุณ 'บิ๊กป้อม' ทำโครงการบ้านมั่นคง ช่วยคลองลาดพร้าว ระบายน้ำคล่องตัวดีขึ้นมาก

(14 ก.ย. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ตรวจเยี่ยมพื้นที่น้ำท่วมเขตมีนบุรี และเขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร โดยจุดแรกเวลา 15.10 น. ไปที่ประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ (ตอนมีนบุรี) มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายวิรัตน์ รัตนเศรษฐ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ส.ส.มีนบุรี พรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร รับฟังการบรรยายเรื่องการบริหารจัดการน้ำภายในคันกั้นน้ำพระราชดำริและโครงการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียมีนบุรี ระยะ 1 และระยะ 2 จากนายชัชชาติ โดยนายชัชชาติระบุว่า ช่วงที่ผ่านมาฝนตกในพื้นที่กทม.จำนวนมาก ตอนนี้อยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ โดยหลังจากนี้จะเสนอแผนทำทางด่วนน้ำให้การระบายน้ำไม่ต้องไปผ่านบริเวณพระโขนง โดยจะเร่งเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ในเดือนต.ค.นี้ 

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมีปัญหาน้ำหลายคลองยังอยู่ในสถานการณ์วิกฤต จึงต้องเร่งระดมเครื่องสูบน้ำจากหลายหน่วยงานเข้ามาสนับสนุน โดยภายใน 1-2 วันนี้จะเร่งทยอยปิดล้อมหมู่บ้าน เพื่อสูบน้ำออกจากบริเวณที่ท่วมขังให้เร็วที่สุด

นายชัชชาติ รายงานว่า ปริมาณน้ำที่ประตูระบายน้ำแห่งนี้ยังไม่เท่าในปี 2554 ยังมีความห่างในระดับความสูงของน้ำอีกประมาณ 50 เซนติเมตร พร้อมระบุว่า ปริมาณน้ำในพื้นที่มีนบุรีไม่หนักมาก ที่หนักคือคลองประเวศ ลาดพร้าวและคลองเปรมประชากร ซึ่งต้องขอขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ไปทำเรื่อง 'บ้านมั่นคงในคลองลาดพร้าว' ดีขึ้นมาก ทำให้การระบายน้ำคล่องตัว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top