Friday, 3 May 2024
กรมราชทัณฑ์

ผู้ต้องหาคดี 112 มือทวีต ‘เฟกนิวส์’ ในวัง ร้องผู้ตรวจการฯ สอบ 'ราชทัณฑ์' ละเมิดสิทธิ

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน - นายเวหา แสนชนชนะศึก เจ้าของทวิตเตอร์ ‘ฟ้าฝนverเกี้ยวกราด’ และผู้ต้องหาคดีความผิดอาญา มาตรา 112 ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำ เข้าร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้เข้าไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาภายในเรือนจำผ่านนายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน ผู้ตรวจฯ

นายเวหา กล่าวว่า ตนได้ถูกเจ้าหน้าที่กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสันติบาลจับกุมตัวที่จ.พิษณุโลก และนำตัวมาขออำนาจศาลอาญา และถูกนำส่งเข้าทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง จนได้รับการปล่อยตัว รวมระยะเวลาที่เข้าเรือนจำทั้งสิ้น 51 วัน แต่การเข้าเรือนจำครั้งนี้ของตนเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทางกรมราชทัณฑ์ได้ออกมาตรการต่างๆ ทำให้การดำเนินการถูกจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐาน 

ทั้งนี้ปัญหาหนึ่งของราชทัณฑ์คือเรือนจำต่างๆ งดรับผู้ต้องขังใหม่ อ้างเหตุที่ว่า แต่ละเรือนจำไม่สามารถรับมือการแพร่ระบาดโควิดได้ ในช่วงที่ตนเข้าไปนั้นมีเพียงทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางเท่านั้นที่รองรับผู้ต้องขังใหม่ในทุกคดี ทุกเขตอำนาจในกรุงเทพฯ

ดังนั้น ทัณฑสถานฯ จึงเป็นแดนแรกรับ และเกิดปัญหาในการจัดการทั้งเรื่องจำนวนผู้ต้องขังใหม่ที่มีจำนวนมาก อีกทั้งปัญหาที่ว่าผู้ต้องขังที่มาในวันเดียวกัน ตรวจไม่พบเชื้อจะต้องถูกกักตัวรวมกันบนเรือนนอนเป็นเวลา 21 วัน ทำให้เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวไม่เพียงพอ หรือแม้กระทั่งการตรวจหาเชื้อที่มีทุกๆ 7 วัน หาพบเชื้อจะส่งตัวไปทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่หากมีใครป่วยขึ้นมาในระหว่างนี้ จะได้รับแค่ยาพาราเซตามอล 1 เม็ดต่อวันเท่านั้น แม้ว่าจะมีไข้สูงก็ต้องรอตรวจในอีก 7 วันข้างหน้า และไม่มีการให้ติดต่อญาติ

‘เจี๊ยบ’ จี้รัฐทบทวนแนวทางเยี่ยมผู้ต้องขังใหม่ หลังคนนอกรู้ช้า กรณีพยายามฆ่าตัวตายในคุก

กลุ่มเยี่ยมเพื่อนในเรือนจำ ยื่นหนังสือผ่าน ‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ และ ส.ส.ก้าวไกล ร่วมตรวจสอบความโปร่งใสของกรมราชทัณฑ์ หลังเกิดกรณีนักกิจกรรมพยายามฆ่าตัวตายเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมจี้คืนสิทธิการประกันตัวให้ผู้ต้องขัง

อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รับหนังสือจาก กลุ่มเยี่ยมเพื่อนในเรือนจำ ที่มาเรียกร้องให้ตรวจสอบความโปร่งใสของกรมราชทัณฑ์และกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเรือนจำในกรณีต่าง ๆ 

อมรัตน์ กล่าวว่า ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ กมธ.ภายในวันนี้ (29 มิ.ย.) เหตุการณ์ทำร้ายตัวเองของนักกิจกรรมทางการเมืองมีลักษณะปิดข่าวจากกรมราชทัณฑ์ โดยเหตุการณ์เกิดตั้งแต่วันศุกร์ (24 มิ.ย.) แต่โลกภายนอกกว่าจะรู้เรื่องคือวันจันทร์ หากเกิดรุนแรงมากกว่านี้ ใครจะสามารถช่วยได้ทัน จึงขอให้กรมราชทัณฑ์และกระบวนการยุติธรรมทบทวนแนวทาง เรื่องการกำหนดคนเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในดุลพินิจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์สามารถทำได้ แต่ที่ผ่านมามีการใช้ข้ออ้างเรื่องโควิดในการจำกัดการเข้าเยี่ยม ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายและกำลังกลายเป็นโรคประจำถิ่น กฎเกณฑ์ จึงควรผ่อนคลายได้ อย่าให้โลกประณามไปมากกว่านี้ว่า ประเทศไทยมีการนำกฎหมายอาญา ม.112 และระเบียบเรือนจำมาใช้ เพื่อเป็นเครื่องมือจัดการนักกิจกรรมทางการเมืองและผู้เห็นต่าง

“สภาแห่งนี้ ใช้งบสร้างกว่า 2 หมื่นล้านบาท เป็นสภาของประชาชน ทุกคนต้องเข้ามาใช้ได้ และควรใช้พื้นที่แห่งนี้พูดคุยกัน ไม่ใช่พอมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในสังคมแล้วต้องเรียกเข้าไปคุยในกระทรวงกลาโหม ประเด็นที่จะนำเข้าไปใน กมธ. คือ เรื่องสิทธิในการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังที่ถูกจำกัด เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรง กรมราชทัณฑ์อ้างโควิด และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการจำกัดจำนวนเยี่ยม เป็นการทำให้ผู้ต้องขังที่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่เกิดความเครียดและทำร้ายตัวเองหรือไม่ จะต้องมีการตรวจสอบในเรื่องนี้”

เชียงใหม่-แฟลช เอ็กซ์เพรส จับมือ กรมราชทัณฑ์ ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการส่งเสริมการศึกษาแก่ผู้ต้องขัง

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2566 เวลา 10.00 น. ที่ เรือนจำชั่วคราวกลางเวียง ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ กรมราชทัณฑ์ และ บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือ “โครงการส่งเสริมด้านการศึกษาและพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้แก่ผู้ต้องขังทั่วประเทศ” เพื่อเป็นแนวทางการหางานให้แก่ผู้ต้องขังหลังพ้นโทษ โดยมี นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นางจรัสพักตร์ การปลื้มจิตต์ พาร์ทเนอร์กลุ่มธุรกิจแฟลช ร่วมลงนามความร่วมมือ MOU พร้อมกันนี้ ได้มีการมอบคอมพิวเตอร์ จำนวน 6 เครื่อง  เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ต้องขังได้ศึกษา และเรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ของโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น พร้อมนำทีมทรัพยากรบุคคลผู้เชี่ยวชาญเตรียมสัญจรลงพื้นที่ทัณฑสถานทั่วประเทศ เพื่อแชร์ข้อคิดในการดำเนินชีวิตและแนะแนวทางการหางานให้แก่ผู้ต้องขังหลังพ้นโทษ

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดี ที่บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส เล็งเห็นถึงความสำคัญในการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยตั้งใจที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรในสังคมให้ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ มีการทำโครงการเพื่อสังคมร่วมกับชุมชนและภาคเอกชนมาโดยตลอด สิ่งที่เรามุ่งเน้นคือความร่วมมือในการพัฒนา และการให้โอกาสแก่ผู้ต้องขัง เพื่อกลับไปเป็นคนดีของสังคม การลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้เกิดขึ้นจาก เจตนารมณ์ที่ตรงกันของกรมราชทัณฑ์ และบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส ในการที่จะจัดหาอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ เพิ่มโอกาสและช่องทางการเรียนรู้แก่ผู้ต้องขัง ควบคู่ไปกับการสร้างขวัญกำลังใจ ให้ข้อคิดเพื่อเตรียมความพร้อมในการออกไปใช้ชีวิตในสังคมภายนอก กรมราชทัณฑ์ จะบริหารจัดการกับคอมพิวเตอร์ที่ได้รับมา ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ต้องขัง และต้องขอขอบคุณบุคคลากรผู้เชี่ยวชาญ จากบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส ในการที่จะเข้ามาให้ข้อคิดการใช้ชีวิต และแนะแนวทางการหางานให้แก่ผู้ต้องขังภายหลังที่ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งผลที่จะได้จากความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นประโยชน์โดยตรงแก่ผู้ต้องขัง ทั้งในด้านความรู้และทัศนคติในการใช้ชีวิต อันจะส่งผลดีไปยังครอบครัว บุคคลรอบข้างรวมถึงสังคมถิ่นฐานที่อยู่อย่างเป็นรูปธรรม

‘ราชทัณฑ์ฯ’ เผย ‘ใบเตย’ เครียด-นอนไม่หลับ หลังฝากขังคืนแรก ด้าน ‘ดีเจแมน’ ยังปกติดี ยัน!! พร้อมดูแลผู้ต้องหาตามหลักสิทธิมนุษยชน

(10 พ.ค. 66) นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวหลังจากทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำพิเศษกกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวจำเลยในคดีร่วมกันฉ้อโกงแชร์ Forex 3D ทั้ง 6 คน รวมถึงนายพัฒนพล หรือ ‘ดีเจแมน’ และ น.ส.สุธีวัน หรือ ‘ใบเตย’ ไว้ในการควบคุมเรียบร้อยแล้ว

รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ทัณฑสถานหญิงกลางและเรือนจำพิเศษกกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจสอบจัดทำทะเบียนประวัติ ประเมินสุขภาพเบื้องต้น และส่งตัวเข้าสู่ห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอก ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 เมื่อครบกำหนดจะส่งตัวเข้าแดนแรกรับ

ขณะที่เช้าวันนี้ ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ‘ใบเตย’ มีอาการเครียดเล็กน้อย นอนไม่หลับและยังไม่รับประทานอาหาร ส่วน ‘ดีเจแมน’ รับประทานอาหารได้ นอนหลับพักผ่อนได้ ไม่มีสภาวะความเครียด ซึ่งทั้ง 2 คนให้ความร่วมมือดีในการปฏิบัติตามระเบียบของทัณฑสถานฯ และเรือนจำ

รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า การปฏิบัติต่อใบเตย ดีเจแมนและพวก เป็นไปตามมาตรการรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่จากภายนอกตามปกติ และปฏิบัติต่อผู้ต้องขังด้วยความเท่าเทียมเสมอภาค พร้อมดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน

‘ศรีสุวรรณ’ ยื่น ป.ป.ช. สอบ ‘กรมราชทัณฑ์’ หลังส่อเอื้อ ‘นช.ทักษิณ’ ได้สิทธิเกินขอบเขต

(24 ส.ค. 66) ที่สำนักงานใหญ่ ป.ป.ช.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยว่า ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ทั้งระบบ มีส่วนช่วยนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องโทษจำคุก 8 ปีตามคำพิพากษาของศาลอาญาทุจริตฯให้ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่วันเดียว แต่กลับอนุมัติให้ไปนอน รพ.ตำรวจแทน แค่เป็นโรคความดันขี้ประติว ชี้อาจเป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดกัน เข้าข่ายร่วมกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หลังจากที่ นช.ทักษิณถูกนำเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทำการตรวจสุขภาพตามระเบียบแล้วเพียงไม่กี่นาที กรมราชทัณฑ์ก็ออกมาตั้งโต๊ะแถลงว่านายทักษิณจัดให้อยู่ในกลุ่มเปราะบาง เพราะอายุเกิน 70 ปี และดูแค่ประวัติทางการรักษาที่ผ่านมาป่วยถึง 4 โรค คือ โรคกล้ามเนื้อขาดเลือด, โรคปอดอักเสบเนื่องมาจากติดเชื้อโควิด-19, โรคความดันโลหิตสูง และโรคกระดูกสันหลังเสื่อม ดังนั้น ต้องเฝ้าระวังรักษาอย่างต่อเนื่องหลายโรค ที่ต้องดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การอ้างสุขภาพยาวเหยียดดังกล่าว ขัดหรือแย้งต่อพฤติกรรมของนายทักษิณก่อนหน้านี้ ที่ขณะอยู่ต่างประเทศออกมาโชว์ฟิตปั๋งไม่มีปัญหาสุขภาพแต่อย่างใด บินเดินทางไปประเทศต่างๆ ทั่วโลกเป็นว่าเล่น ไม่เห็นแสดงอาการของคนป่วยหรือมีปัญหาสุขภาพแต่อย่างใด แต่พอเข้าไปในรั้วของเรือนจำกลับเป็นชายแก่อมโรค ที่กรมราชทัณฑ์ต้องทะนุถนอม แยกขังเดี่ยว และยังไม่ทันข้ามคืนก็อนุมัติให้ไปนอนรักษาตัวบนเตียงนอนนุ่มๆ ของ รพ.ตำรวจ ด้วยเหตุผลมีอาการความดันขึ้นสูง รพ.ราชทัณฑ์ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ดีพอรักษาได้ ซึ่งเป็นที่ครหาของสังคมและญาติผู้ต้องขังอื่น ที่ส่วนใหญ่ก็มักเป็นโรคความดันโลหิตสูงกันส่วนใหญ่ว่า ได้รับการทะนุถนอมเหมือน นช.ทักษิณหรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ในส่วนของทรงผม นช.ทักษิณนั้นอ้างว่าไม่ต้องตัด ไม่ต้องกล้อนผมอย่างนักโทษทั่วไป เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้สูงอายุนั้น ถือได้ว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจที่ขัดต่อระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการตัดผมผู้ต้องขัง พ.ศ.2565 ที่บังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.65 เป็นต้นมาแล้ว โดยในระเบียบดังกล่าวกำหนดไว้ชัดเจนในข้อ 9 ว่า “นักโทษเด็ดขาดชายให้ไว้ผมสั้น ด้านหน้าและด้านกลางศีรษะยาวไม่เกิน 5 ซม. ชายผมรอบศีรษะเกรียนชิดผิวหนัง” และระเบียบดังกล่าวไม่ได้มีข้อกำหนดเป็นข้อยกเว้นไว้ให้เทวดาคนใด จะเลี่ยงไม่ตัดไม่ได้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า พฤติการณ์และการกระทำของผู้บริหารของกรมราชทัณฑ์ มีข้อพิรุธอีกมากมายที่สังคมไทยไม่ควรปล่อยให้ระบบราชการของรัฐใช้อำนาจหรือดุลยพินิจที่อาจขัดต่อระเบียบ กฎหมาย และรัฐธรรมนูญ 2560 ม.27 ประกอบ ปอ.ม.157 อันเกี่ยวกับการห้ามการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวกับสภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคมได้ องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมายื่นร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดผู้บริหารของกรมราชทัณฑ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง

‘รศ.ดร.เจษฎ์’ เปิดขั้นตอน ‘ทักษิณ’ ขอพระราชทานอภัยโทษ ภายใต้กรอบที่มิควรให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

(1 ก.ย. 66) รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ขณะนี้ ผ่านรายการ ‘คุยข่าว ถึงเครื่อง’ ประจำวันที่ 1 ก.ย. 66 เผยแพร่ผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES, คุยถึงแก่น, เปรี้ยง, NAVY AM RADIO/ MAYA Channel ช่อง 44 และ FM101 โดยมี นายปรเมษฐ์ ภู่โต สื่อมวลชนอาวุโส พิธีกร ผู้ประกาศข่าวรายการคุยถึงแก่น เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยสาระสำคัญจาก รศ.ดร.เจษฎ์ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า…

เกี่ยวกับประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่ขณะนี้นั้น ก็สืบเนื่องมาจาก ตัวนายทักษิณ หลังเดินทางมาถึงประเทศไทย และได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของกรมราชทัณฑ์แบบยังไม่ทันข้ามคืน ก็ถูกส่งตัวไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลตำรวจ และทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า มีสิทธิ์ขอตั้งแต่วันแรกตามกระบวนการกฎหมาย

>> แต่คำถาม คือ แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ? 
เพราะโดยปกติแล้ว ‘การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป’ ทางกรมราชทัณฑ์ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะถูกกระจายไปตามส่วนงานต่างๆ ของกรมราชทัณฑ์ โดยรายละเอียดต่างๆ จะมีการพิจารณาภายใต้เกณฑ์ที่กำหนดโดยกรมราชทัณฑ์ ซึ่งจะมีระเบียบว่าด้วยระยะเวลาในการต้องโทษ และระเบียบว่าด้วยระยะเวลาในการชดใช้ หรือชำระตามโทษนั้นแล้ว

สมมตินายทักษิณ ได้รับโทษไปแล้ว 3-4 ปี ตามระเบียบขั้นต่อมา ก็จะไปอยู่ที่ ระเบียบชั้นนักโทษ ซึ่งในแต่ละชั้นจะมีการได้รับการขอพระราชทานอภัยโทษที่แตกต่างกันออกไป โดยมี กรมราชทัณฑ์ เป็นผู้รับผิดชอบในกรอบกว้าง ซึ่งท้ายที่สุด กรมราชทัณฑ์ ก็จะนำส่งเรื่องขึ้นมาให้ทางคณะรัฐมนตรีจะทำการพิจารณาตัดสิน จากนั้นจึงส่งต่อไปตามขั้นตอนกระบวนการ

เพียงแต่… ในกรณีที่ไม่ได้เป็นไปตามระบบ หรือมีกลไกอื่น อาทิ ‘การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย’ ในส่วนนี้ ผู้รับผิดชอบในการเสนอ จะเป็น ‘ครอบครัว ญาติ หรือ ตัวของผู้ที่ต้องโทษ’ นั่นเอง โดยจะเสนอผ่านกระบวนการของกรมราชทัณฑ์ เช่น หากต้องจำขังอยู่ที่ไหน ก็ต้องจำขังอยู่ที่นั่น หรือหากไม่ได้ต้องจำขังในเรือนจำ แต่หากต้องจำขังในสถานที่อื่น ก็ต้องยื่นเรื่องผ่านไปยังผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชาของเรือนจำที่จะต้องจำขัง

ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของคุณทักษิณ ที่เดิมทีต้องถูกจำขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่ตอนนี้คุณทักษิณอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ดังนั้น จึงต้องส่งเรื่องผ่านไปยังทางผู้บังคับบัญชาของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จากนั้น ผู้บังคับบัญชาจะทำการส่งเรื่องต่อไปตามขั้นตอน จนในที่สุด เรื่องก็จะถูกส่งไปถึงมือรองนายกฯ ที่เป็นผู้ดูแลฝ่ายกฎหมาย และถึงมือของรัฐบาล จนฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งหลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงพิจารณาหรือทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเป็นประการใด ก็ขึ้นอยู่กับพระองค์ท่าน

เนื่องจากมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ” โดยการใช้พระราชอำนาจในลักษณะนี้ เป็นการใช้พระราชอำนาจผ่านกลไก อันต้องมีผู้ทูลเกล้าฯ และผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ดังนั้น ผู้ทูลเกล้าฯ จึงเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นผู้ต้องโทษนั้นเอง

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวอีกด้วยว่า กรณี ‘การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย’ จะมีรายละเอียดไม่มากเท่ากับ ‘การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป’ ที่ต้องมีระบบและกระบวนตามขั้นตอนแบบแผนของกรมราชทัณฑ์ เพียงแต่ การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ผู้ที่เป็นผู้นำเรื่องทูลเกล้าฯ ต้องมีความระมัดระวังมากกว่า เนื่องจากไม่มีระบบที่พิจารณารายละเอียดต่างๆ เชิงลึกอย่างชัดเจน

“อันที่จริงแล้วประเทศที่มีองค์อธิปัตย์ เช่น พระมหากษัตริย์, พระราชินี, สมเด็จพระจักรพรรดิ ทรงเป็นประมุข หรือประเทศที่มีประมุขของรัฐในลักษณะอื่น เช่น ประธานาธิบดี ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทยนั้น จะยึด ‘รัฐประศาสโนบาย’ นั้น หรือจะไม่อภัยโทษให้แก่นักโทษบางประการ เช่น ค้ายาเสพติด, ค้าอาวุธเถื่อน, ค้ามนุษย์ หรือกระทำการเป็นภัยต่อมนุษยชาติ และการทุจริต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นกรณีการพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย เท่าที่ไปสืบค้นดู ก็ยังไม่เคยมีการพระราชทานให้แก่นักโทษคดีทุจริตมาก่อนแต่อย่างใด 

นั่นหมายความว่า หากกรณีของคุณทักษิณ ซึ่งถือเป็นกรณีแรกในการยื่นขอการพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ภายใต้กลไกที่อาจจะไม่ได้มีความเข้มงวดในพิจารณารายละเอียดมากนัก แล้วได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ก็อาจจะต้องมีคนจำนวนหนึ่งออกมาติติงว่ากล่าวอย่างแน่นอน หรือหากไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ก็ต้องมีคนอีกจำนวนหนึ่ง ออกมาติติงว่ากล่าวเช่นกัน

ฉะนั้น เรื่องนี้มีโอกาสระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทสูงมาก จนอาจจะเข้าข่ายเรื่องมิบังควรเลยก็เป็นได้ เพราะเป็นเรื่องที่ควรจะรู้อยู่แล้วว่าอาจก็ให้เกิดปัญหา จนอาจมีกรณี ‘ทะลุฟ้า’ ได้ แต่ยังกระทำ ดังนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่ทางคุณทักษิณ ต้องระมัดระวังให้ดี

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.ย. 66 ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า มีคำสั่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณอภัยโทษลดโทษให้ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ให้เหลือโทษจำคุก 1 ปี ภายใต้เหตุผลเพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป 

ตรงนี้ก็คงต้องตามดูกันต่อไปว่า จะมีแรงกระเพื่อมใดจากสังคมดังที่ รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวไว้หรือไม่? และทักษิณ ชินวัตร จะดำเนินสถานภาพภายใต้กรอบความพึงพอใจของประชาชนที่คลางแคลงได้แค่ไหน คงต้องให้เวลาเป็นตัวตัดสิน...

'โอ๊ค-พานทองแท้' เตรียมเอาผิดคนสร้างเฟกนิวส์ ปล่อยภาพเก่า ‘ทักษิณ’ เล่นกับหลานที่ ตปท.

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพนายทักษิณ กำลังอุ้มหลานและตั้งคำถามว่า รพ.ตำรวจ และกรมราชทัณฑ์ จะตอบคำถามสังคมในกรณีอย่างไร?

ล่าสุด (7 ก.ย.66) นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขณะนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ภายใต้การควบคุมของกรมราชทัณฑ์ ได้ทวีตข้อความชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ ถึงประเด็นดังกล่าว ไว้ว่า...

“โรงพยาบาลตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ไม่น่าจะต้องอธิบายอะไรนะครับ แต่คุณ (ชื่อเฟซ) เตรียมอธิบายกับพนักงานสอบสวนว่าคุณต้องการอะไรมากกว่าครับ”

ทั้งนี้ นายพานทองแท้ ยังระบุในรูปดังกล่าวว่าเป็น เฟกนิวส์ หรือข่าวปลอม เพราะภาพดังกล่าวเป็นภาพที่โพสต์ตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่ต่างประเทศ โพสต์โดย อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2565 หรือเมื่อปีก่อนแล้ว

‘ส่องศักดิ์’ พ่อใจโหดฆ่าลูก คอตกนอนคุก ไร้คนยื่นประกันตัว ด้าน ‘กรมราชทัณฑ์’ นำตัวฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

(22 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบ สน.บางเขน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอฝากขังนายส่องศักดิ์ ส่งแสง กับพวก รวม 2 สำนวน ประกอบด้วย คำร้องฝากขัง หมายเลขดำ ฝ.1406/2566 ซึ่งมีนายส่องศักดิ์ ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และน.ส.สุนัน ภรรยา ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย, ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตาย หรือเหตุแห่งความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 199, 290 วรรคหนึ่ง

ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาที่ 1 รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 รับสารภาพในข้อกล่าวหาร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตาย หรือเหตุแห่ง ความตาย ส่วนข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายนั้นผู้ต้องหาที่ 2 ให้การปฏิเสธ

ซึ่งการฝากขัง ทั้งพนักงานสอบสวน ผู้ร้อง และผู้เสียหาย ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงหากปล่อยตัวไปเกรงว่าจะหลบหนี และผู้เสียหายอาจได้รับอันตรายเนื่องจากผู้ต้องหาทราบที่อยู่ของผู้เสียหาย

และคำร้องฝากขัง หมายเลขดำ ฝ.1407/2566 กล่าวหา นายส่องศักดิ์ ผู้ต้องหา ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายสาหัส, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดฯ หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (4), 309 ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ซึ่งการฝากขัง ทั้งพนักงานสอบสวน ผู้ร้อง และผู้เสียหาย ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยตัวไปแล้วจะหลบหนียากแก่การติดตามตัวมาภายหลัง และจะข่มขู่ผู้เสียหาย

โดยศาลอาญา อนุญาตให้ฝากขังตามคำร้องทั้ง 2 สำนวน ซึ่งผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวในชั้นฝากขังนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องหาไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

'คปท.' จี้ 'ราชทัณฑ์' เผยอาการป่วย 'ทักษิณ' แนะบุคคลภายนอกร่วมสังเกตการณ์

(22 ก.ย. 66) ที่กรมราชทัณฑ์ นายพิชิต ไชยมงคล และ นายนัสเซอร์ ยีหมะ แกนนำ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง อธิบดีกรมราชทัณฑ์เพื่อขอให้เปิดเผยกรณีการอนุญาตให้ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวนอกเรือนจำ

นายพิชิตกล่าวว่า ภายหลังที่ น.ช.ทักษิณ ได้อ้างสิทธิ์ในการเป็นผู้ป่วยและย้ายมารักษาตัวนอกเรือนจำตั้งแต่เมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้อนุญาตให้มีการรักษาตัวต่อเนื่องหลัง จากที่ผ่านไป 30 วัน โดยอ้างว่าเป็นความเห็นของคณะแพทย์ที่ระบุว่า มีการผ่าตัดใหญ่ของนักโทษ จนทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยว่า กระบวนการส่งตัวของ น.ช.ทักษิณ ไปรักษาตัวนอกเรือนจำเป็นการใช้อภิสิทธิ์โดยการอ้างระเบียบราชทัณฑ์ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้ต้องขังคนใดคนหนึ่งหรือไม่ และการป่วยที่กล่าวอ้างไม่ใช่การป่วยที่เคยรักษาตัวจากต่างประเทศ เพราะเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย นายทักษิณมีอาการปกติ จึงไม่สามารถนำเอกสารการรักษาตัวจากต่างประเทศมาอ้างในการรักษาตัวนอกเรือนจำ

อีกทั้งการผ่าตัดล่าสุด ก็มีความสงสัย เพราะไม่มีการชี้แจงรายละเอียดแก่สังคม จึงอยากเรียกร้องให้เปิดเผยข้อเท็จจริงให้สาธารณะทราบ ทางข้อมูลในส่วนของอาการป่วยแรกที่อนุญาตออกไปให้รักษาภายนอกเรือนจำ และการผ่าตัดใหญ่ครั้งล่าสุดการผ่าตัดอะไร เพราะไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนจากแพทย์และกรมราชทัณฑ์ ยังชี้แนะทางออกที่ดีที่สุดว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ต้องอนุญาตให้มีองค์กรอื่น และบุคคลภายนอกเข้าไปสังเกตการณ์เรื่องนี้

“ตนไม่เชื่อว่า นายทักษิณป่วยจริง และหากยังไม่ได้รับการชี้แจงอีก ทาง คปท.ก็จะเดินหน้าในการยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจะเฝ้าติดตามเรื่องนี้ พร้อมยื่นให้ ป.ป.ช.การตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอย่างถึงที่สุด” นายพิชิต กล่าว

นายนัสเซอร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ควรจะไปจบที่ทราบข้อเท็จจริงว่า น.ช.ทักษิณ ป่วยจริงหรือไม่ เพราะหากป่วยจริง กระบวนจุดนี้ก็จะจบ แต่ปัญหาวันนี้คือยังไม่สามารถมีใครพิสูจน์และว่า น.ช.ทักษิณป่วยจริงหรือไม่ ย้ำว่า การป่วยเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการนอนนอกเรือนจำ เพราะ น.ช.ทักษิณ เป็นนักโทษ ไม่ใช่อดีตนายกฯ ธรรมดา ซึ่งหากเป็นนักโทษ และไม่ได้ป่วย ต้องกลับไปนอนคุก ย้ำว่านายทักษิณอย่ามาใช้อภิสิทธิ์เพราะการลดโทษจาก 8 ปีเหลือ 1 ปีก็ถือว่ามากพอแล้ว

‘กรมราชทัณฑ์’ ปล่อยตัว ‘เจ้าสัวเปรมชัย’ ออกจากเรือนจำทองผาภูมิแล้ว หลังต้องโทษคดีเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวร พบคนสนิทจอดรถตู้รับหน้าเรือนจำ

(17 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีข่าวลือกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ปล่อยตัวนายเปรมชัย กรรณสูต คดีเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวรว่า หลังจากมีรถตู้และรถฟอร์จูนเนอร์ สีขาว 2 คัน ขับเข้าไปจอดที่บริเวณหน้าเรือนจำทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

โดยมีเจ้าหน้าที่จากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และคนสนิทของนายเปรมชัย กรรณสูต ร่วมเดินทางมาด้วยนั้น ล่าสุดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.รถยนต์ตู้และรถฟอร์จูนเนอร์ได้พานายเปรมชัย กรรณสูต เดินทางออกไปจากเรือนจำทองผาภูมิแล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top