'คปท.' จี้ 'ราชทัณฑ์' เผยอาการป่วย 'ทักษิณ' แนะบุคคลภายนอกร่วมสังเกตการณ์

(22 ก.ย. 66) ที่กรมราชทัณฑ์ นายพิชิต ไชยมงคล และ นายนัสเซอร์ ยีหมะ แกนนำ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง อธิบดีกรมราชทัณฑ์เพื่อขอให้เปิดเผยกรณีการอนุญาตให้ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวนอกเรือนจำ

นายพิชิตกล่าวว่า ภายหลังที่ น.ช.ทักษิณ ได้อ้างสิทธิ์ในการเป็นผู้ป่วยและย้ายมารักษาตัวนอกเรือนจำตั้งแต่เมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้อนุญาตให้มีการรักษาตัวต่อเนื่องหลัง จากที่ผ่านไป 30 วัน โดยอ้างว่าเป็นความเห็นของคณะแพทย์ที่ระบุว่า มีการผ่าตัดใหญ่ของนักโทษ จนทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยว่า กระบวนการส่งตัวของ น.ช.ทักษิณ ไปรักษาตัวนอกเรือนจำเป็นการใช้อภิสิทธิ์โดยการอ้างระเบียบราชทัณฑ์ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้ต้องขังคนใดคนหนึ่งหรือไม่ และการป่วยที่กล่าวอ้างไม่ใช่การป่วยที่เคยรักษาตัวจากต่างประเทศ เพราะเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย นายทักษิณมีอาการปกติ จึงไม่สามารถนำเอกสารการรักษาตัวจากต่างประเทศมาอ้างในการรักษาตัวนอกเรือนจำ

อีกทั้งการผ่าตัดล่าสุด ก็มีความสงสัย เพราะไม่มีการชี้แจงรายละเอียดแก่สังคม จึงอยากเรียกร้องให้เปิดเผยข้อเท็จจริงให้สาธารณะทราบ ทางข้อมูลในส่วนของอาการป่วยแรกที่อนุญาตออกไปให้รักษาภายนอกเรือนจำ และการผ่าตัดใหญ่ครั้งล่าสุดการผ่าตัดอะไร เพราะไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนจากแพทย์และกรมราชทัณฑ์ ยังชี้แนะทางออกที่ดีที่สุดว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ต้องอนุญาตให้มีองค์กรอื่น และบุคคลภายนอกเข้าไปสังเกตการณ์เรื่องนี้

“ตนไม่เชื่อว่า นายทักษิณป่วยจริง และหากยังไม่ได้รับการชี้แจงอีก ทาง คปท.ก็จะเดินหน้าในการยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจะเฝ้าติดตามเรื่องนี้ พร้อมยื่นให้ ป.ป.ช.การตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอย่างถึงที่สุด” นายพิชิต กล่าว

นายนัสเซอร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ควรจะไปจบที่ทราบข้อเท็จจริงว่า น.ช.ทักษิณ ป่วยจริงหรือไม่ เพราะหากป่วยจริง กระบวนจุดนี้ก็จะจบ แต่ปัญหาวันนี้คือยังไม่สามารถมีใครพิสูจน์และว่า น.ช.ทักษิณป่วยจริงหรือไม่ ย้ำว่า การป่วยเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการนอนนอกเรือนจำ เพราะ น.ช.ทักษิณ เป็นนักโทษ ไม่ใช่อดีตนายกฯ ธรรมดา ซึ่งหากเป็นนักโทษ และไม่ได้ป่วย ต้องกลับไปนอนคุก ย้ำว่านายทักษิณอย่ามาใช้อภิสิทธิ์เพราะการลดโทษจาก 8 ปีเหลือ 1 ปีก็ถือว่ามากพอแล้ว