Tuesday, 13 May 2025
World

อีลอน มัสก์ชูแนวคิดปกครองดาวอังคาร คาดส่งมนุษย์แตะพื้นในอีก 4 ปี

(30 ธ.ค. 67) อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อ SpaceX เสนอความคิดเห็นว่าหากมนุษย์มีการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารในอนาคต ควรเลือกรูปแบบการปกครองด้วยหลักการประชาธิปไตยทางตรง

มักส์ กล่าวผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “ชาวดาวอังคารควรเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะปกครองกันอย่างไร แต่ผมขอแนะนำให้ใช้ประชาธิปไตยทางตรงแทนที่จะเป็นประชาธิปไตยแบบตัวแทน”  

มัสก์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ยานอวกาศ Starship แบบไร้คนขับอาจลงจอดบนดาวอังคารได้ภายในสองปีข้างหน้า และยานที่มีมนุษย์โดยสารอาจเดินทางไปถึงในอีกสี่ปีข้างหน้า  

ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน มัสก์ได้กล่าวว่ามนุษยชาติต้องพัฒนาความสามารถในการเดินทางข้ามดวงดาว หากไม่สามารถทำได้ อาจเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในอนาคต เนื่องจากการขยายตัวของดวงอาทิตย์หรือการชนกันของโลกกับดาวเคราะห์น้อย

เกาหลีใต้ออกหมายจับ 'ยุนซอกยอล' ผู้นำคนแรกที่ถูกหมายจับขณะดำรงตำแหน่ง

(30 ธ.ค. 67) หน่วยสอบสวนร่วมของเกาหลีใต้เปิดเผยการขอหมายจับกุมยุน ซอก-ยอล ประธานาธิบดีที่ถูกถอดถอน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเกาหลีใต้ที่มีการยื่นขอหมายจับกุมประธานาธิบดีที่ยังอยู่ระหว่างดำรงตำแหน่ง

หน่วยสอบสวนร่วมที่ประกอบด้วยสำนักงานสอบสวนการทุจริตของคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูง สำนักงานสอบสวนแห่งชาติ และสำนักงานใหญ่การสอบสวนของกระทรวงกลาโหม ได้ยื่นขอหมายจับกุมยุนจากศาลแขวงโซลตะวันตกตอนเที่ยงคืน

ทั้งนี้ หน่วยสอบสวนร่วมเคยส่งหมายเรียกตัวยุนเข้าสอบปากคำ จำนวน 3 รอบ แบ่งเป็นวันที่ 18 ธ.ค. 25 ธ.ค. และ 29 ธ.ค. แต่ฝ่ายยุนปฏิเสธจะรับหมายเรียกดังกล่าว รวมถึงยังไม่ยื่นเอกสารสำหรับการแต่งตั้งทนายความฝ่ายจำเลยของตัวเอง

กลุ่มหน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ระบุยุนเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในข้อกล่าวหาก่อกบฎ เนื่องด้วยกรณีเขาประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉินเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ซึ่งถูกยกเลิกในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเพราะรัฐสภาเกาหลีใต้ลงคะแนนเสียงไม่เห็นชอบด้วย

เวียดนามออกกม.ห้ามเด็กต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมออนไลน์-บังคับใช้โซเชียลยืนยันตัวตน

(30 ธ.ค. 67) เวียดนามได้ประกาศใช้กฎหมายอินเทอร์เน็ตฉบับใหม่ที่เข้มงวด ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา กฎหมายนี้มุ่งเน้นการควบคุมการใช้เกมออนไลน์สำหรับเยาวชนและบังคับให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียยืนยันตัวตน ภายใต้กฎหมายดังกล่าว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ดำเนินการในประเทศเวียดนามจะต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้และส่งมอบข้อมูลดังกล่าวให้แก่ทางการเมื่อมีการร้องขอ รวมถึงต้องลบเนื้อหาที่รัฐบาลถือว่า "ผิดกฎหมาย" ภายใน 24 ชั่วโมง

กฎหมายฉบับนี้มีชื่อว่า "กฤษฎีกา 147" ซึ่งอิงมาจากกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ที่ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายประเทศและองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ที่มองว่ากฎหมายนี้มีลักษณะคล้ายกับการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดในประเทศจีน

หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากกฎหมายใหม่คือการจำกัดการเล่นเกมออนไลน์สำหรับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยจะมีการกำหนดเวลาเล่นเกมไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อเซสชัน และไม่เกิน 180 นาทีต่อวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการติดเกมในกลุ่มเยาวชน

Nguyen Minh Hieu นักเรียนมัธยมศึกษาวัย 17 ปีจากฮานอย ซึ่งยอมรับว่าเขาติดเกม กล่าวว่า ข้อจำกัดใหม่นี้จะเป็นเรื่องที่ยากต่อการปฏิบัติตาม เพราะเกมมีการออกแบบให้ผู้เล่นติดมากขึ้น และเขามักจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเล่น

นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังมีผลกระทบต่อผู้ใช้โซเชียลมีเดียในเวียดนาม โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook, YouTube และ TikTok ซึ่งผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนผ่านหมายเลขโทรศัพท์หรือหมายเลขประจำตัวประชาชนเวียดนาม การยืนยันตัวตนนี้จะส่งผลต่อผู้คนที่ทำธุรกิจหรือสร้างรายได้ผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซ เนื่องจากการถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์มต่างๆ จะสามารถทำได้เฉพาะบัญชีที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น

ทางการเวียดนามระบุว่า กฎหมายใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคมและปกป้องความมั่นคงของชาติในโลกไซเบอร์ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักวิจารณ์มองว่า กฎหมายนี้เป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการเข้าถึงข้อมูล

ในขณะที่กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนามมองว่า กฎหมายนี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในโลกไซเบอร์และรักษาอธิปไตยของชาติ ขณะเดียวกัน ก็ต้องเผชิญกับความกังวลจากกลุ่มผู้สนับสนุนเสรีภาพที่กลัวว่า จะทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่มีการเซ็นเซอร์ข้อมูลและควบคุมสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น

เปิดไทม์ไลน์สุดท้าย 'เจจูแอร์' พบชนนกจริง เผยก่อนเกิดเหตุ บิน 13 เที่ยวใน 48 ชม.

(30 ธ.ค. 67) กรณีสายการบินเจจูแอร์ 7C2216 ที่เผชิญเหตุโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติมูอัน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (29 ธ.ค.)   จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 179 ราย รายงานข่าวจากสำนักงานการบินพลเรือนเกาหลีระบุว่า เครื่องบินโบอิ้งรุ่น  737-800 ที่เกิดเหตุ  พบว่ามีการใช้งานหนักถึง 13 เที่ยวบินภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมงก่อนอุบัติเหตุ โดยเส้นทางบินครอบคลุมทั้งภายในประเทศ เช่น มูอัน เกาะเชจู และอินชอน รวมถึงเส้นทางระหว่างประเทศ เช่น ปักกิ่ง กรุงเทพฯ โกตาคินาบาลู นางาซากิ และไทเป

นอกจากนี้ เครื่องบินลำนี้ถูกใช้ในเที่ยวบินเช่าเหมาลำสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ จัดโดยบริษัทท่องเที่ยวในเมืองกวางจู ซึ่งมีการเดินทางไป-กลับระหว่างหลายประเทศในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องบินที่อาจมากเกินไปในช่วงเวลาเร่งด่วนของเทศกาลท่องเที่ยว โดยเฉพาะเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่เพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปี และเป็นที่จับตามองว่า การใช้งานเครื่องบินอย่างเข้มข้นในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุหรือไม่

ขณะที่กระทรวงกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานดับเพลิงของเกาหลีใต้ได้เปิดเผยไทม์ไลน์เหตุการณ์สุดท้ายของเที่ยวบิน 7C2216 ซึ่งระบุเวลาท้องถิ่นดังนี้

08:54 น. หอบังคับการบินสนามบินมูอันอนุญาตให้เครื่องบินลงจอดบนรันเวย์ 01 ซึ่งทำมุม 10 องศาทางตะวันออกเฉียงเหนือ

08:57 น. หอบังคับการบินแจ้งเตือน "ระวัง พบฝูงนก"

08:59 น. นักบินแจ้งว่าเครื่องบินชนกับฝูงนก และส่งสัญญาณฉุกเฉิน “เมย์เดย์” พร้อมขอบินวนเพื่อลงจอดใหม่

09:00 น. เครื่องบินเริ่มบินวน และขอเปลี่ยนรันเวย์ลงจอดไปยังรันเวย์ 19

09:01 น. หอบังคับการบินอนุญาตให้ลงจอดที่รันเวย์ 19

09:02 น. เครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ 19 ที่ระยะประมาณ 1,200 เมตรจากความยาวรันเวย์ทั้งหมด 2,800 เมตร

09:02:34 น. หอบังคับการบินส่งสัญญาณ "Crash Bell" แจ้งเตือนหน่วยกู้ภัยและดับเพลิง

09:03 น. เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์และชนเข้ากับกำแพง

09:10 น. กระทรวงคมนาคมได้รับรายงานอุบัติเหตุจากเจ้าหน้าที่สนามบิน

09:23 น. ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุชาย 1 ราย และนำส่งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน

09:38 น. ประกาศปิดสนามบินมูอัน

09:50 น. ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุรายที่สองจากส่วนหางของเครื่องบิน

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า นักบินของเครื่องบินที่ประสบเหตุได้แจ้งขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกนกชนเมื่อเวลา 8.59 น. และได้บินวนกลับ (ขึ้นบินโดยไม่ลงจอด - Go Around) ซึ่งสัญญาณที่ส่งออกไปในเวลานั้นเป็นสัญญาณถูกนกชนครั้งแรกและครั้งเดียว ในเวลา 08.57 น. หรือ 2 นาทีก่อนนักบินส่งสัญญาณฉุกเฉิน หอควบคุมการบินสนามบินมูอันได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับกิจกรรมของนกในบริเวณใกล้สนามบิน และอีก 2 นาทีต่อมา นักบินได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือพร้อมตะโกนว่า “เมย์เดย์ เมย์เดย์ เมย์เดย์” จากนั้นจึงแจ้งว่า “นกชนเครื่องบิน นกชนเครื่องบิน นกชนเครื่องบิน กำลังบินวน”

เกาหลีใต้เล็งออกกระตุ้นท่องเที่ยว งดค่าขอวีซ่า 6 ประเทศ รวมกัมพูชาด้วยหวังดึงเขมรเที่ยว

(30 ธ.ค. 67) รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว โดยกำลังพิจารณาอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนแบบกรุ๊ปทัวร์สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เฉพาะผู้ที่เดินทางมาทางเรือ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองและการแพร่ระบาดของโควิด-19  

รายงานระบุว่า ในการประชุมเชิงกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่กรุงโซล เมื่อ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตัวแทนจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและวิสาหกิจเอกชนกว่า 60 คนเข้าร่วม รัฐบาลยังได้ประกาศแผนแก้ไขกฎหมายเพื่ออนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้สามารถพักในโฮมสเตย์ในเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้สงวนไว้สำหรับชาวต่างชาติเท่านั้น  

นายฮัน ด็อกซู อดีตรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนของมาตรการดังกล่าว โดยระบุว่า จะเร่งนำร่องโครงการสำหรับนักท่องเที่ยวจีนแบบกรุ๊ปทัวร์ทันที เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวขาเข้าอย่างรวดเร็วและยั่งยืน  

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เตรียมมีมาตรฐานขยายระยะเวลาการยกเว้นการลงทะเบียนออนไลน์ผ่านระบบ Korea Electronic Travel Authorization (K-ETA) ไปจนถึงเดือนธันวาคมปีหน้า และยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์จาก 6 ประเทศ ได้แก่ จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชา และอินเดีย ก็จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกวีซ่า ไปจนจบปีหน้าเช่นกัน แต่ไร้ความชัดเจนในมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า K-ETA สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย

จากข้อมูลของหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) ระบุว่า ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนเกาหลีใต้ถึง 13.74 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2019 แต่ถือว่า ยังต่ำกว่าเป้าหมาย 20 ล้านคนที่รัฐบาลตั้งไว้ โดยมาตรการข้างต้นมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการเติบโตของการท่องเที่ยวและเสริมสร้างความยั่งยืนในระยะยาว โดยรัฐบาลจะเพิ่มงบประมาณและจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น "Korea Grand Sale" ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า และ "Beyond K-Festa" ในเดือนมิถุนายน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก  

ก่อนหน้านี้  เกาหลีใต้ถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย แต่ในปีที่ผ่านมา คนไทยต้องเผชิญปัญหาเกี่ยวกับการติดตม.เกาหลีจากหลายประการ จนเกิดกระแส #แบนเกาหลี บนโซเชียลมีเดียช่วงหนึ่ง  

กระแสดังกล่าวส่งผลให้ช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปยังเกาหลีใต้ลดลงถึง 19.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เหลือเพียง 20,150 คน นอกจากนี้ จำนวนสะสมของนักท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ลดลง 19.1% เหลือ 168,328 คน ส่งผลให้ประเทศไทยที่เคยติดอันดับ 3 ของชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ส่งนักท่องเที่ยวไปเกาหลีใต้ในเดือนเมษายน และอันดับ 5 ในเดือนพฤษภาคม มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง  

สื่อเผยรถยนต์ราคาถูกสหรัฐฯ ส่อวิกฤต คนอเมริกันต้องซื้อรถแพงขึ้นเพราะกำแพงภาษี

(30 ธ.ค. 67) เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่าการหาซื้อรถยนต์ราคาเอื้อมถึงในสหรัฐฯ กลายเป็นเรื่องท้าทายของชาวอเมริกันจำนวนมากที่มีงบประมาณจำกัด เนื่องจากการจัดเก็บภาษีนำเข้ายานยนต์ที่ผลิตในเม็กซิโกในอัตราใหม่อาจเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้เลวร้ายกว่าเดิม

เอ็ดมันด์ส (Edmunds) เว็บไซต์ซื้อขายรถยนต์ วิเคราะห์ว่าเกือบหนึ่งในสามของยานยนต์ทั้งหมดที่มีราคาต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.02 ล้านบาท) และจำหน่ายในสหรัฐฯ นั้นผลิตในเม็กซิโก เช่น นิสสัน เซนตรา (Nissan Sentra) ฟอร์ด เมเวอริกค์ (Ford Maverick) และรถยนต์ยอดนิยมรุ่นอื่นๆ

ทั้งนี้ เม็กซิโกถือเป็นผู้ผลิตยานยนต์ราคาเอื้อมถึงได้ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ราวหนึ่งในห้าเมื่อสิบปีที่แล้ว

รายงานเสริมว่าเม็กซิโกเป็นจุดหมายที่บรรดาผู้ผลิตยานยนต์นึกถึง หากต้องการควบคุมต้นทุนการผลิตยานยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นเล็กที่จำหน่ายในราคาต่ำกว่าและทำกำไรน้อยกว่ารถยนต์รุ่นใหญ่กว่าอย่างรถบรรทุกและรถเอสยูวี (SUV) ขนาดใหญ่

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ข้างต้นด้วยการกำหนดจัดเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาราวร้อยละ 25 ซึ่งอาจหมายถึงการล้มเลิกข้อตกลงการค้าเสรีที่เขาเคยเจรจาตอนดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรก

เหล่านักวิเคราะห์และตัวแทนจำหน่ายยานยนต์มองว่าต้นทุนที่เกี่ยวพันกับการจัดเก็บภาษีนำเข้าอัตราใหม่จะถูกโยนสู่ผู้บริโภคในระยะเวลาอันใกล้และส่งผลกระทบต่อรถยนต์ราคาเอื้อมถึงได้และรถยนต์เอสยูวีอย่างหนักที่สุด ขณะรถยนต์ราคาต่ำบางรุ่นและชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในเม็กซิโกและแคนาดายังจะถูกคิดภาษีนำเข้าใหม่ ซึ่งกลายเป็นการเพิ่มต้นทุนของผู้ผลิตและผู้บริโภค

'เทสลา ไซเบอร์ทรัก' ระเบิด ดับ 1 ราย มัสก์เชื่ออาจเป็นเหตุก่อการร้าย

(2 ม.ค. 68) เกิดเหตุรถกระบะไฟฟ้า 'ไซเบอร์ทรัก' (Tesla Cybertruck) ระเบิดที่ลานจอดรถด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเทล (Trump International Hotel) เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันพุธที่ 1 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอย่างน้อย 7 ราย ขณะที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) กำลังเร่งตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว

ภาพจากกล้องวิดีโอแสดงให้เห็นว่า รถไซเบอร์ทรักคันดังกล่าวเกิดระเบิดและไฟลุกท่วมในขณะที่จอดอยู่ด้านนอกของโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเทล

นายเควิน แมคมาฮิลล์ นายอำเภอเขตคล้ากเคาตี เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ KSNV ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08:40 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่รถคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรม และเริ่มมีควันก่อนเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตภายในรถ 1 ราย

สำนักงานตำรวจลาสเวกัสได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ระบุว่า “เรากำลังสอบสวนเหตุการณ์ระเบิดรถไซเบอร์ทรักที่ทางเข้าอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ส ขณะนี้เพลิงถูกควบคุมแล้ว ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว”

ตำรวจยืนยันว่า มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 ราย โดย 2 รายต้องถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา ผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ในโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ได้รับการย้ายไปยังโรงแรมใกล้เคียงคือ รีสอร์ท เวิลด์ ลาสเวกัส

แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ที่ได้รับรายงานสรุปเหตุการณ์ เปิดเผยกับสำนักข่าว ABC News ว่า รถไซเบอร์ทรักคันนี้บรรทุกดอกไม้ไฟชนิดกระสุนปืนครก (fireworks-style mortars) ซึ่งฝ่ายสืบสวนกำลังหาสาเหตุว่าการระเบิดเป็นอุบัติเหตุหรือจงใจ

“การสืบสวนกำลังพุ่งเป้าไปที่ความเป็นไปได้ของการก่ออาชญากรรมและการก่อการร้าย จนกว่าจะพบแรงจูงใจที่ชัดเจน” รายงานระบุ

ด้านนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “ทีมผู้บริหารระดับสูงของเทสลากำลังสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เรายืนยันว่าเหตุการณ์เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่หรือระเบิดที่อยู่ในรถไซเบอร์ทรักที่เช่ามา และไม่เกี่ยวข้องกับระบบของรถเอง”

เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้พักอาศัยในพื้นที่และผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าของเทสลา ซึ่งยังคงต้องติดตามผลการสืบสวนต่อไป

คาซัคสถานผงาด! ครองฮับการลงทุนเอเชียกลาง ดึงเม็ดเงิน 15.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024

(2 ม.ค.68) คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (ESCAP) ได้เผยแพร่รายงานการลงทุนประจำปี 2024 ซึ่งระบุว่า คาซัคสถานได้กลายเป็นประเทศชั้นนำของแถบเอเชียกลางที่สามารถดึงดูดการลงทุนในโครงการใหม่ได้ถึง 15.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นผู้นำด้านการลงทุนในภูมิภาคเอเชียเหนือและเอเชียกลาง  

ข้อมูลระบุว่าในปี 2024 การลงทุนในคาซัคสถานเพิ่มขึ้นถึง 88% เมื่อเทียบกับปี 2023 คิดเป็น 63% ของการลงทุนทั้งหมดในภูมิภาคนี้ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ที่ติดในการจัดอันดับชาติที่ได้รับการลงทุนในภูมิภาคเอเชียกลางสูงสุดคือ อุซเบกิสถาน – 4 พันล้านดอลลาร์ (-49%)  คีร์กีซสถาน – 2.1 พันล้านดอลลาร์ (+310%)  อาเซอร์ไบจาน – 1.2 พันล้านดอลลาร์ (+1%) เติร์กเมนิสถาน – 339 ล้านดอลลาร์ จอร์เจีย – 126 ล้านดอลลาร์ อาร์เมเนีย – 67 ล้านดอลลาร์  

รายงานยังชี้ให้เห็นว่า สภาพแวดล้อมการลงทุนในภูมิภาคสะท้อนถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งของบริษัทนานาชาติที่มุ่งกระจายกลยุทธ์การลงทุน โดยให้ความสำคัญกับโครงการในสาขาสำคัญ เช่น พลังงานสีเขียว การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี  

ในรายงานของESCAP ระบุว่า “ความสำเร็จนี้สะท้อนจากความพยายามอย่างจริงจังของหน่วยงานด้านการลงทุนและกระทรวงที่เกี่ยวข้องมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ความสำเร็จในภาคส่วนเกิดใหม่ไม่เพียงขึ้นอยู่กับนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน แต่ยังต้องมีการสนับสนุนครอบคลุมในทุกขั้นตอน รวมถึงการดูแลนักลงทุนหลังการลงทุนด้วย” 

แม้จะมีความท้าทายระดับโลก แต่คาซัคสถานยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ โดยยืนหยัดเป็นเวทีสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนและโอกาสใหม่ ๆ ในปีนี้ คาซัคสถานยังจัดงานสำคัญด้านการลงทุน เช่น สภานักลงทุนต่างชาติ และการประชุมโต๊ะกลมการลงทุนระดับโลกคาซัคสถาน 2024 ซึ่งช่วยย้ำสถานะของประเทศในฐานะศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาคนี้

นักศึกษาไทยฝึกงานเมคคาทรอนิกส์-หุ่นยนต์ในจีน กรุยทางสู่อาชีพในอุตสาหกรรมระดับโลก

(2 ม.ค. 68) ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาของไทยได้ส่งเสริมโครงการความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยอาชีวะและเทคนิคหลิ่วโจวของจีนกับวิทยาลัยเทคนิคของไทย จำนวน 5 แห่ง ซึ่งมีการรับสมัครนักศึกษารวม 85 คน เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถด้านวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์

โครงการนี้จัดการฝึกอบรมแบบ “ภาษาจีน+วิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์” แก่นักศึกษา โดยนักศึกษาจะเข้าฝึกงานที่บริษัท จูไห่ ฟาวน์เดอร์ ปริน เซอร์กิต บอร์ด ดีเวลอปเมนต์ จำกัด หรือฟาวน์เดอร์ พีซีบี (Founder PCB) ในจีนหลังจากผ่านการฝึกอบรม รวมถึงมีโอกาสเข้าทำงานที่ฐานการผลิตของฟาวน์เดอร์ พีซีบี ในไทยด้วย

สง่า แต่เชื้อสาย ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งเดินทางไปส่งคณะนักศึกษาชาวไทยที่เข้าร่วมโครงการในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีนเมื่อไม่นานนี้ กล่าวว่าโครงการนี้ช่วยให้เด็กไทยได้เล่าเรียนและฝึกงานในจีน เปิดกว้างมุมมองและประสบการณ์ มีโอกาสได้งานทำที่ดี และส่งเสริมการพัฒนาอาชีวศึกษาในไทยอย่างมีนัยสำคัญ

อนึ่ง กว่างซีได้เดินหน้ากระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติกับอาเซียน ซึ่งรวมถึงความร่วมมือทางอาชีวศึกษา โดยสถาบันอุดมศึกษาของกว่างซีได้จัดตั้งวิทยาลัยช่างฝีมือสมัยใหม่จีน-อาเซียน จำนวน 17 แห่ง ในกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การเกษตร การอนุรักษ์น้ำ ไฟฟ้า การขนส่ง ฯลฯ

ความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาระหว่างจีนกับอาเซียนได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนรุ่นใหม่ในอาเซียนจำนวนไม่น้อย เฉกเช่นอินทิรา พันธ์วิไล หรือหลี่เฟิ่งหวง บัณฑิตวิทยาลัยอาชีวะและเทคนิคหลิ่วโจว ได้เข้าทำงานที่บริษัท เซินหนาน เซอร์กิต จำกัด ในไทย ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จจากความร่วมมือดังกล่าว

กลุ่มคนวงในอุตสาหกรรมต่างๆ มองว่าความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาระหว่างจีนกับไทยไม่เพียงบ่มเพาะผู้มีความรู้ความสามารถมากทักษะที่บริษัทนานาชาติต้องการ แต่ยังนำมาซึ่งโอกาสใหม่ของอาชีวศึกษาสมัยใหม่ในสองประเทศ อัดฉีดแรงกระตุ้นใหม่สู่การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

ผู้นำคาซัคแถลงผลงาน 2024 ชูสำเร็จรอบด้าน สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษดึงนักลงทุนต่างชาติ

(3 ธ.ค. 67) ทำเนียบประธานาธิบดีคาซัคสถานได้เผยแพร่แถลงการณ์สุนทรพจน์ปีใหม่ 2025 ของนายคัสซิม-โจมาร์ต โตกาเยฟ ผู้นำคาซัคสถาน ซึ่งได้กล่าวถึงความสำเร็จของรัฐบาลคาซัคสถานภายใต้การนำของเขาอย่างรอบด้านทั้งด้าน การเมือง สังคม และเศรษฐกิจของคาซัคสถานตลอดปี 2024

ในแถลงการณ์ของนายโตกายเฟระบุว่า ตลอดปี 2024 เขาได้เดินทางเยือน 11 ภูมิภาคทั่วประเทศ และเยี่ยมชมเขตอุตสาหกรรมและพื้นที่เชิงวัฒนธรรมกว่า 60 แห่ง รวมถึงเข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมสำคัญกว่า 41 ครั้ง และพบปะกับบุคคลทางการเมืองและสาธารณะทั้งในและต่างประเทศ 137 ครั้ง นอกจากนี้ นายโตกาเยฟได้ลงนามในกฎหมายและคำสั่งประธานาธิบดีรวมกว่า 3,979 ฉบับ ซึ่งประกอบด้วยกฎหมาย 95 ฉบับ กฤษฎีกา 319 ฉบับ คำสั่ง 81 ฉบับ บันทึกการประชุม 28 ฉบับ และเอกสารทางการ 3,456 ฉบับ จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2024

ในบรรดากฎหมายที่นายโตกาเยฟลงนาม มีการปรับโครงสร้างการปกครองของจังหวัดอัลมาตี โดยการยกระดับตำบลเจตีเกนให้กลายเป็นเมืองอาลาตาว ซึ่งถือเป็นโครงการสำคัญที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยนายโตกาเยฟได้ใช้โอกาสในการเยือนสิงคโปร์เพื่อหารือกับนักลงทุนเกี่ยวกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจเสรีในอัลมาตีและการปรับปรุงการปกครองในพื้นที่สำคัญ

ผู้นำคาซัคสถานยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาสังคม 5 ประการ ได้แก่ การป้องกันการค้ามนุษย์ การส่งเสริมสิทธิของผู้หญิงและเด็ก และการป้องกันความรุนแรงในครอบครัว โดยการออกกฎหมายใหม่และปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายเพื่อสนับสนุนสิทธิที่สำคัญเหล่านี้

ในด้านการจัดการวิกฤต น้ำท่วมครั้งใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิที่ส่งผลกระทบต่อ 10 ภูมิภาคของประเทศ นายโตกาเยฟได้สั่งการอพยพผู้คนที่ได้รับผลกระทบและให้การช่วยเหลือทั้งทางการเงินและปัจจัยด้านต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วม พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ในด้านเศรษฐกิจ นายโตกาเยฟได้สั่งการให้ดำเนินการเพื่อส่งเสริมการแข่งขันและลดการแทรกแซงจากรัฐ โดยมุ่งเน้นที่การลดต้นทุนธุรกิจและการส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศในอุตสาหกรรมที่สำคัญ เช่น การทำเหมืองแร่ การค้า และการผลิต ซึ่งส่งผลให้คาซัคสถานสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศสูงถึง 9.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในครึ่งแรกของปี 2024

นอกจากนี้ คาซัคสถานยังได้เปิดตัวศูนย์ขนส่งและโลจิสติกส์สำคัญหลายแห่ง รวมถึงในเมืองซีอาน ประเทศจีน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออกสินค้าไปยังยุโรป อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวสาลีสูงสุดถึง 26.7 ล้านตัน แม้จะประสบกับภัยพิบัติจากน้ำท่วม

ปี 2024 คาซัคสถานยังได้เริ่มโครงการสร้างโรงเรียนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพในพื้นที่ชนบท โดยสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนใหม่เพื่อให้บริการที่ดีกว่าแก่ประชาชนในชนบท

ในเดือนพฤษภาคม นายโตกาเยฟได้ลงนามในคำสั่งที่มุ่งเน้นการปรับปรุงเศรษฐกิจ โดยการลดการแทรกแซงจากรัฐและส่งเสริมการแข่งขัน ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาในด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ รวมถึงการร่วมมือกับอุซเบกิสถานในการพัฒนาเส้นทางการค้าทรานส์-อัฟกัน แม้คาซัคสถานจะเผชิญกับน้ำท่วมในฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็เก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวสาลีได้มากที่สุดในรอบสิบปีที่ 26.7 ล้านตัน

นอกจากนี้ การรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมผ่านโครรงการ Taza Kazakhstan สามารถระดมพลประชาชน 2.4 ล้านคน เก็บขยะได้ 900,000 ตัน และปลูกต้นไม้ได้ 2.5 ล้านต้น

ปี 2024 คาซัคสถานยังได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยการเปิดตัวเมืองอาลาตาว จากการลงนามคำสั่งของนายโตกาเยฟในเดือนมกราคม ซึ่งได้เปลี่ยนหมู่บ้านเจทีเกนให้กลายเป็นเมืองอาลาตาว ตั้งอยู่ระหว่างอัลมาตีและโคนาเยฟ โครงการนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะการหารือกับนักลงทุนในสิงคโปร์เกี่ยวกับการรวมกลุ่มอัลมาตีเข้าเป็นเขตเศรษฐกิจเสรี

ตลอดทั้งปี 2024 นายโตกาเยฟได้แนะนำกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิของผู้หญิงและความปลอดภัยของเด็ก โดยเน้นการเสริมบทลงโทษสำหรับความรุนแรงในครอบครัวและการค้ามนุษย์ รวมถึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนด้วยการกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดสำหรับการทำลายทรัพย์สิน การห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้า และมาตรการลดการเสพติดการพนัน

โดยรวมแล้ว ปี 2024 ถือเป็นปีที่สำคัญสำหรับคาซัคสถานในการพัฒนาเศรษฐกิจ การปรับปรุงสังคม และการจัดการวิกฤต พร้อมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศในอนาคต

ผู้นำคาซัคสถานนายคัสซิม-โจมาร์ต โตกาเยฟ กล่าวว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ปีหน้าเป็นปีที่ประสบผลสำเร็จยิ่งขึ้น โดยกล่าวว่า "เราจะดำเนินการปฏิรูปอย่างต่อเนื่องและทำโครงการที่ได้วางแผนไว้ให้สำเร็จ" 

"รัฐบาลต้องดำเนินการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง เราต้องเปิดโรงงานผลิตใหม่ ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจ สร้างถนนให้มากขึ้น และแก้ปัญหาในภาคบริการสาธารณะ" เขากล่าว

นายโตกาเยฟยังเน้นถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งปัญญาประดิษฐ์ในการขับเคลื่อนการพัฒนา "เป้าหมายหลักของการทำงานทั้งหมดนี้คือการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน" นายโตกาเยฟกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top