Wednesday, 4 December 2024
WeekendNews

สัตหีบ (หลวงพ่ออี๋) ร่วมหน่วยงานพื้นที่ มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนได้รับผลกระทบจากโควิด-19

เมื่อวันที่ 6 ส.ค.64 ที่บริเวณโดมอเนกประสงค์วัดสัตหีบ (หลวงพ่ออี๋) ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พระครูทัสนียคุณากร เจ้าคณะอำเภอสัตหีบ เจ้าอาวาสวัดสัตหีบ พร้อมด้วย นายกิตติพงษ์ กิติคุณ นายอำเภอสัตหีบ พล.ร.ต.ประสาทพร สาทรสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ พล.ร.ต.ศุภชัย ธนสารสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ดร.สะพอระ เผือกประพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 8 จังหวัดชลบุรี   พ.ต.อ.ปัญญา ดำเล็ก ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสัตหีบ นายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสัตหีบ นายไพโรจน์ มาลากุล ณ อยุธยา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ นายเอกชัย วิริยะธรรมทวี ไวยาวัจกรวัดสัตหีบ และกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ ร่วมเป็นประธานมอบสิ่งของ อาทิ ข้าวสาร ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมันพืช น้ำปลา ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้าน และประธานชุมชนในตำบลสัตหีบ เป็นผู้แทนรับมอบเพื่อนำไปแจกให้กับประชาชน จำนวน 500 ชุด

ภาพข่าว  สมนึก เชื้อสนุก
 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง  ในวันที่ 7 ส.ค.2564 ซึ่งอาจเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเสี่ยงต่อการติดหรือแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่มีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง จำนวนหลายกลุ่ม นัดหมายการชุมนุมเพื่อร่วมกันทำกิจกรรมในวันนี้  ( 7 ส.ค.2564)  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยในความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนที่จะเข้าร่วม รวมถึงพี่น้องประชาชนทั่วไป ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ที่อาจได้รับผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวันจากการจัดกิจกรรรมดังกล่าว

การชุมนุมทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีบางกลุ่มดำเนินการจัดกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดทางกฎหมายและละเมิดต่อสิทธิของผู้อื่นหลายลักษณะ เช่น การวางเพลิงเผาทรัพย์ ซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่นหรือทรัพย์สินของทางราชการ เข้าข่ายความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์, การสาดสี/พ่นสี ใส่ทรัพย์สินของผู้อื่นหรือทรัพย์สินของทางราชการ เข้าข่ายความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และการใช้ยานพาหนะขับขี่หรือจอดในลักษณะการกีดขวางการจราจร เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ  เป็นต้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มที่จะร่วมชุมนุมจัดกิจกรรมในวันนี้ ซึ่งนอกจากจะสุ่มเสี่ยงและอาจเข้าข่ายกระทำผิดทางกฎหมายแล้ว ยังอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)  ร่วมถึงเป็นผู้แพร่เชื้อได้ตลอดเวลา และขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังบริเวณทีมีการชุมนุมและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสวัสดิภาพของทุกคน

“เฉลิมชัย” นำทัพคิกออฟแคมเปญขายมังคุดวันที่ 8 เดือน 8  ดีเดย์พรุ่งนี้ผนึกทุกภาคส่วนจำหน่ายทั่วประเทศ ทั้งออนไลน์ออฟไลน์ในราคาโปรโมชั่น 4 โล 100 มีออร์เดอร์ในมือกว่า 100 ตันพร้อมส่งตรงถึงบ้าน

นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ และนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ร่วมแถลงข่าววันนี้ว่าตามที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ขยายโครงการ “เกษตรกรแฮปปี้” โดยจะจัดแคมเปญใหญ่ในวันพรุ่งนี้ วันที่ 8 เดือน 8 (สิงหาคม) ผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้สถานที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม9  เป็นจุดคิกออฟกระจายสินค้า ภายใต้มาตรการควบคุมโรคของ ศบค. เพื่อให้ทุกภาคส่วนทั่วประเทศสั่งซื้อมังคุดล่วงหน้าในราคา 4 โล 100 สำหรับมังคุดคละเกรดคุณภาพสดอร่อยภายใต้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เช่น บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด (ท็อปส์ และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์)  บริษัท ไปรษณีย์ไทย สมาคมขนส่งโลจิสติกส์ บริษัทแกร็บ ร้านธงฟ้า ฯลฯ

โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าทีมพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เฉพาะกิจ ที่มีคณะทำงานเป็นตัวแทนมาจากหลายภาคส่วน กล่าวว่า ขณะนี้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะรับออร์เดอร์มังคุดภายใต้แคมเปญดังกล่าว โดยจะใช้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 และเซ็นทรัล เวสต์เกต เป็นจุด Drop off เพื่อกระจายสินค้า ขณะนี้เป็นที่น่ายินดีว่าหลังจากเริ่มเปิดรับพรีออร์เดอร์มาเป็นเวลา 2 วัน ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมากที่สั่งซื้อกันเข้ามาในจำนวนเกิน 100 ตันแล้ว และจะเริ่มจัดส่งตรงถึงบ้านเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป 

“ท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัยย้ำว่า เราต้องดูแลชาวสวนทุกจังหวัดในภาคใต้พาฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกัน แม้วันนี้จะมีสัญญาณที่ดีว่าราคามังคุดทั้งหน้าแผงและหน้าล้งปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนของเสถียรภาพราคา จึงต้องมีมาตรการเสริมเพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคในประเทศที่เป็นส่วนที่สำคัญในภาวะที่การส่งออกยังมีอุปสรรคจากสถานการณ์โควิด-19” นายอลงกรณ์ กล่าว

ทั้งนี้คณะทำงานฟรุ้ทบอร์ดเฉพาะกิจมีผู้แทนมาจากหลายภาคส่วน ที่มาร่วมผนึกกำลังกันแก้ไขปัญหาราคามังคุด รวมถึงผลไม้อื่น ๆ เช่นลำไย เงาะ ลองกอง ทุเรียนที่กำประสบปัญหาล้นตลาดอาทิ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ รับผิดชอบการขายแบบ B to G นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ประธานคณะอนุกรรมการธุรกิจการเกษตร นายกฤชฐา โภคาสถิตย์ ประธานอนุกรรมการ  อีคอมเมิร์ซ กระทรวงเกษตรฯ.รับผิดชอบการขายแบบ B to B รวมถึงการขายผ่านเครือข่ายสภาอุตสาหกรรม หอการค้า การขายตรงถึงผู้บริโภครวมถึงช่องทางอื่น ๆ ในขณะที่นางดรุณวรรณจะรับผิดชอบการขายและประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยมีนายณฐกร สุวรรณธาดา และนายวิเชียร สุขพันธ์ คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯรับผิดชอบแหล่งผลิตผลไม้และจุดกระจายผลไม้

“มังคุดภายใต้แคมเปญนี้ เป็นมังคุดดี สดจากต้น อร่อย ส่งตรงจากสวนเมืองใต้ ที่ตั้งใจปลูกโดยชาวสวนแท้ ๆ รับประกันคุณภาพโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การซื้อมังคุดครั้งนี้ รับทันทีสองต่อคือได้ทานมังคุดดี ๆ และยังมีส่วนช่วยสร้างรอยยิ้ม และส่งกำลังใจให้ชาวสวนมังคุดด้วย ภายใต้แนวคิด “คนกินยิ้มได้ เกษตรกรไทย Happy” สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ช่องทางต่าง ๆ ตามที่ได้แจ้งไว้ในช่วงต้น” นางดรุณวรรณ กล่าว

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้รัฐมนตรีเกษตรฯ ในฐานะประธาน Fruit Board ได้สั่งการล่วงหน้าให้ทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ช่วยกันซื้อมังคุด เช่น กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำให้ช่วยระบายมังคุดออกจากแหล่งผลิตหลายร้อยตัน และขอให้ภาครัฐภาคเอกชนช่วยกันซื้อมังคุดให้มากที่สุด และนายเฉลิมชัยจะเป็นผู้นำในการคิกออฟแคมเปญด้วยตัวเองในวันอาทิตย์นี้ด้วย

'โกมล​ จึงรุ่งเรืองกิจ'​ เจ้าของแบรนด์รองเท้าดัง​ 'แอโร่ซอฟ'​ มอบเงินกว่า 1 ล้านบาท ช่วยเหลือ รพ.บางพลี ฝ่าวิกฤต Covid-19

บริเวณอาคาร ช้น 1 โรงพยาบาลบางพลี  อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.สมนึก บุรมิ ที่ปรึกษา บริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด เป็นตัวแทน คุณโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด  พร้อมด้วย คุณดารุณี วงษ์ชาลี ผู้จัดการ  บริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด และคณะได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ  เพื่อเป็นตัวแทนนำสิ่งของที่จำเป็นไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ พร้อมทั้งมอบเงินสดอีก จำนวน 1,000,000 บาท แก่ทางโรงพยาบาลบางพลีเพื่อนำไปใช้ประโยขน์ทางการแพทย์

โดยสิ่งของที่นำมามอบให้กับทางโรงพยาบาลบางพลีนั้น ประกอบไปด้วย เฟสชิว จำนวน  2,000 ชิ้น หน้ากากอนามัย จำนวน 700 กล่อง  แอลกอฮอล์ ขนาด 500 มิลลิลิตร จำนวน 400 ขวด ถุงมือทางการแพทย์ จำนวน 15 ลัง และเงินสดอีก จำนวน 1,000,000 บาท รวมถึงของใช้ที่จำเป็นอีกหลายรายการ โดยมีนายแพทย์ พิเชษฐ์ พัวพันกิจเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ ให้การต้อนรับและเป็นตัวแทนรับมอบ พร้อมด้วย  แพทย์หญิง ธิดา สกุลพิพัฒน์ รองผู้อำนวยการด้านปฐมภูมิ โรงพยาบาลบางพลี และคณะเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบางพลี ร่วมให้การต้อนรับ

เนื่องจาก ทางผู้บริหาร บริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์  จำกัด โดยคุณโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด  ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแบรนด์ดัง “แอโร่ซอฟ” ที่เห็นถึงความสำคัญของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องและแพร่กระจายไปในหลายพื้นที่ จึงได้มอบเงินสด จำนวน 1,000,000 บาท พร้อมทั้งสิ่งของที่จำเป็นอีกหลายรายการนำไปมอบให้กับทางโรงพยาบาลบางพลี เพื่อส่งต่อให้กับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการปฎิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วย เนื่องจากพื้นที่บางพลียังคงมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  อย่างต่อเนื่องและมีจำนวนประชาชนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น   

อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลบางพลี ต้องขอขอบคุณและขอชื่นชมในความห่วงใยและความมีน้ำใจของทางผู้บริหาร บริษัท ซัมมิต  ฟุตแวร์ จำกัด ที่มอบเงินสดและสิ่งของที่จำเป็นแก่ทางโรงพยาบาลบางพลี  สมุทรปราการ ในครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

'บิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์'​ ดาราคู่ขวัญ ปันสุข ให้ประชาชนชาว 'บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้'​ (นนทบุรี)

(7 ส.ค.64)​ หมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี "นายบิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์" ดารานักแสดงชื่อดัง /นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม (ต๋อง ศิษย์ฉ่อย) นักสนุกเกอร์ระดับโลก / นายสุรศักดิ์ ศรีเพ็ชร (เค เยาวราช) วีรบุรุษจิตอาสา / นายสุขสันต์ ไชยมาตร (ยาว ลูกหยี) นักแสดงตลกชื่อดัง พร้อมด้วยเหล่า อาสาสมัคร "มูลนิธิ ร่วมกตัญญู" จัดกิจกรรมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณ​ "หมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้" นำปลากระพง (สดใหม่) มาบริการในราคาต่ำกว่าท้องตลาดมาก สืบเนื่อง ได้รับร้องขอความช่วยเหลือ "ผู้เลี้ยงปลากระพง" อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ กำลังประสบปัญหาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤตเชื่อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ และภาครัฐได้ขอร่วมถาคประชาชน ร้านค้า ร้านอาหาร งดให้บริการสำหรับลูกค้านั่งรับประทานอาหารภายในร้าน จึงไม่มีใครมาซื้อปลากระพง และประกอบด้วย "ปลากระพง" มีขนาดใหญ่ถึงเวลาที่จะต้องจับขายแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาซื้อ จึงติดต่อขอความช่วยเหลือให้ “บิณฑ์-เอกพัน” รับซื้อปลากระพง ในราคากิโลกรัมละ 90 บาท จำนวนรวมๆกว่า 3,000 กิโลกรัม 

ในการนี้ "บิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์" ดาราคู่ขวัญใจประชาชนและวีรบุรุษจิตอาสา จึงเป็น"สะพานบุญ" รับซื้อ "ปลากระพง" ทั้งหมด และมีแนวความคิดที่อยากจะแบ่งปันจากบุญสู่บุญ นำปลากระพงที่รับซื้อมานั้นไปจำหน่ายต่ำกว่าราคาต้นทุนที่รับซื้อมาถึง 50% หรือ 2 กิโล 100 บาท ให้กับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของบ้านเอื้ออาทรต่างๆ โดยดำเนินการมาแล้วกว่า 15 แห่ง ซึ่งเจตนารมย์หลักของกิจกรรมในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้อง"ผู้เลี้ยงปลากะพง" และยังสามารถเป็นสะพานบุญนำปลากระพงสดๆ ให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย และกำลังประสบปัญหา ตกงาน ขาดรายได้ สามารถเข้าถึงการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพดี มีประโยชน์ ราคาถูกมากๆ และสร้างรอยยิ้มให้กับคนในครอบครัวที่จะนำปลาไปประกอบอาหาร และรับประทานกันอย่างมีความสุข

อีกทั้งยังเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของกลุ่ม "ผู้เลี้ยงปลากระพง" ให้สามารถ มีเงินทุนไว้เพื่อประกอบอาชีพได้ในภายภาคหน้า 

ท้ายนี้ "นายชัยพร ภูผารัตน์" ผู้อำนวยการสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยและยังได้กล่าว ขอบพระคุณ คุณบิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ / กลุ่มดาราศิลปินตลก / นักกีฬาสนุกเกอร์ระดับโลก / เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู / เจ้าที่ภาครัฐ /ผู้นำชุมชน ที่ได้เสียสละ กำลังกาย กำลังทรัพย์ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยให้อยู่รอดปลอดภัย จากสถานการณ์ covid_19 นี้ไปด้วยกัน

'ผบช.สตม.'​ ตรวจเยี่ยม 'ตม.จว'​.ประจวบคีรีขันธ์ และจุดตรวจร่วมป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด 19 ด่านบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ให้ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย  พ.ต.อ.สถิตย์ พรหมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง รอง ผบก.ตม.5 และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. เดินทางตรวจเยี่ยม และมอบนโยบาย กำชับการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจ.ประจวบคีรีขันธ์ พบ พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ และข้าราชการ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด 

จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจร่วมป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด 19 ด่านบ่อฝ้าย อ.หัวหินจว.ประจวบคีรีขันธ์ พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน, เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จว.ประจวบคีรีขันธ์ ,เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ว.4 ร่วมบริเวณจุดตรวจฯ 

ทั้งนี้ ได้แสดงความห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน และการใช้ชีวิต เนื่องจากห้วงเวลานี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 และได้กล่าวขอบคุณในความเสียสละ และได้อวยพรให้เจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 

ทั้งยังได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ อาทิ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และเครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน

​​​​​​

“จุรินทร์”เผย ผลถกล้ง-ผู้ว่าฯ3 จว.แก้ปัญหามังคุดตกต่ำ ราคาพุ่ง 13-15 บ.แล้ว ระบุซัพพลายเออร์ ทำสัญญารับซื้อแล้ว 2 หมื่นตัน ยันไข่ไก่ในปท.ไม่ขาด แม้ราคาพุ่งสูง ขอปชช.อย่ากักตุนสินค้า สั่งตรวจสอบค้ากำไรเกินควรเอาผิดจำคุก 7 ปี -ปรับ1.4 แสน

เมื่อวันที่ 8 ส.ค.เวลา 10.30 น.ที่ห้างแม็คโคร สาขาสามเสน บางกระบือ ถนนสามเสน กรุงเทพฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค ถึงการแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ โดยการดึงห้างสรรพสินค้าเข้ามามีส่วนร่วมจะสามารถช่วยดึงราคาได้มากน้อยแค่ไหน ว่า ห้างสรรพสินค้าที่ช่วยนำมังคุดจากภาคใต้ที่ออกเยอะในขณะนี้ มาช่วยขายในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศรวมทั้งกรุงเทพฯ เพราะถือว่ามีส่วนช่วยมากเนื่องจากถือเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยระบายตลาดภายในประเทศและช่วยให้ราคาหน้าสวนที่เกษตรกรขายได้ราคาดีขึ้น  ซึ่งการรับซื้อหน้าสวนอาทิ มังคุดคละกิโลกรัมละ 17 บาท แต่ในภาพรวมเราไม่ได้ใช้ช่องทางส่งเสริมการขายของเกษตรกรในประเทศเฉพาะส่งในห้างสรรพสินค้า แต่ห้างสรรพสินค้าเป็นช่องทางหนึ่งที่ต้องขอขอบคุณ ทั้งนี้ยังมีหลายฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ เช่นภาคเอกชน ปั้มปตท. และปั้มบางจาก ซึ่งหากประชาชนไปเติมน้ำมันก็จะมีมังคุดแถมฟรีด้วย นอกจากนี้บริษัทไปรษณีย์ไทยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ในการช่วยเป็นช่องทางระบายมังคุด จากเกษตรกรโดยตรงส่งไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยส่งผ่านไปรษณีย์ และกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในสนับสนุนกล่องที่จะบรรจุมังคุดให้ฟรีไว้ที่ไปรษณีย์ 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้หัวใจสำคัญที่สุดอีก 2 มาตรการที่มีผลให้มีการรับซื้อมังคุดเพิ่มขึ้นในปริมาณที่มาก คือ 1.กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการเชิงรุกตั้งแต่ต้นมือในการนำห้างสรรพสินค้าและซัพพลายเออร์ต่างๆที่ไปช่วยรับซื้อมีการทำสัญญาล่วงหน้า เพื่อซื้อมังคุดจากเกษตรกรซึ่งขณะนี้สามารถทำสัญญาไปแล้ว 20,000 ตัน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ใหญ่มาก ที่จะช่วยระบายมังคุดในราคาที่เกษตรกรพอใจ ตั้งแต่ก่อนมังคุดภาคใต้ออก และ 2.การที่จะต้องมีล้งเข้าไปรับซื้อในพื้นที่เพราะถ้าไม่มีเกษตรกรจะต้องขายเองตามช่องทาง  ย้ำว่าล้งสำคัญ เพราะก่อนหน้านี้ล้งที่เข้าไปซื้อในพื้นที่ภาคใต้มีปัญหามาก เพราะตอนที่มังคุดออกในภาคตะวันออกล้งเต็มไปหมดในพื้นที่ช่วยให้เกษตรกรขายมังคุดได้ราคาดีมาก เช่น มังคุดคัดเกรดกิโลกรัมละ100-200 บาทโดยเฉลี่ย แต่พอมังคุดในพื้นที่ภาคใต้ออกตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมา  ปรากฏว่าเป็นช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ทำให้ล้งที่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกทั้งหมดส่วนใหญ่ลงไปรับซื้อในพื้นที่ภาคใต้ไม่ได้  ซึ่งในช่วงนี้ราคาเหลือ 5-7 บาท ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนมาก 

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนั้นมีล้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเพียง 40-50 ล้งเท่านั้น แต่หลังจากที่ตนเรียกประชุมล้งทั้งประเทศเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมมราช ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร และผู้ว่าจังหวัดจันทบุรี มาพูดคุยกันปรากฏว่าทั้ง 3 จังหวัดพร้อมบริการเคลื่อนย้ายล้งจากจันทบุรีไปในพื้นที่ภาคใต้และเคลื่อนย้ายแรงงานตามไปด้วย ขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมมราช ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานตนและอธิบดีกรมการค้าภายในว่ามี 200 กว่าล้งแล้ว  ฉะนั้นทำให้การระบายมังคุดลื่นไหลขึ้นและราคามังคุดคละเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 4-7 บาท ซึ่งตอนนี้ขึ้นไปในราคา 13-15 บาทแล้ว ยืนยันว่าเราจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป หวังว่ามาตรการทั้งหมดจะช่วยผ่อนคลายได้ และที่สำคัญจะต้องขอความร่วมมือจังหวัดที่มีการขนส่งมังคุดกระจายไปยังทั่วประเทศ ให้มีการอำนวยความสะดวกรถบรรทุกที่ขนมังคุดให้สามารถผ่านด่านได้โดยสะดวกด้วย ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องปฏิบัติตามของแต่ละพื้นที่

 เมื่อถามว่า ในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภคได้มีการเตรียมมาตรการรองรับแล้วหรือไม่นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นประเด็นที่เมื่อมีการล็อกดาวน์ในช่วงแรกประชาชนอาจจะตื่นตระหนกและกังวล ทำให้สินค้าขาดแคลน แต่ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายลงได้บ้าง ผู้บริโภคเริ่มเรียนรู้และเข้าใจว่าไม่ต้องกังวลว่าสินค้าจะขาดแคลน ซึ่งไข่ไก่ที่กังวลว่าจะขาดแคลน ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีสถานการณ์ที่ขาด ยกเว้นช่วงเวลาที่ห้างสรรพสินค้าเติมสินค้าไม่ทันแต่โดยภาพรวมไข่ไก่เฉลี่ยทั้งประเทศยังมีเพียงพอและถ้าหากขาดแคลนจริง กระทรวงพาณิชย์จะมีมาตรการในการเข้ามาแก้ปัญหาซึ่งขอยังไม่พูดในตอนนี้ เพราะจะสร้างความตื่นตกใจ และราคาไข่ไก่เบอร์ 3 ตอนนี้ฟองละ 3 บาท 50 สตางค์ ถือว่าสูงกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ถือเป็นช่วงฤดูกาลด้วยที่จะมีผลกับกลไกตลาด แต่เราก็พยายามดูอยู่ว่าถึงขั้นค้ากำไรเกินควรหรือไม่ถ้าหากว่ามีการค้ากำไรเกินควรในสินค้าตัวใดก็ตามตนสั่งการพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดไปแล้วว่าต้องใช้มาตรา 29 ที่ระบุว่า ใครค้ากำไรเกินควรจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และสินค้าจะต้องติดป้ายแสดงราคาถ้าไม่ติดป้ายจะปรับ 1 หมื่นบาท

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนเนื้อไก่ราคาอยู่ในช่วงที่ถือว่าลดลงกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะราคาน่องไก่ติดสะโพกกิโลกรัมละ 60 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 118-119 บาท แต่เมื่อเทียบกับหลายเดือนที่ผ่านมาที่กิโลกรัมละ 150- 170 บาทตอนนี้ถือว่าราคาลดลงมา ยืนยันว่าอย่ากังวลและอย่าซื้อสินค้ากักตุน ส่วนได้มีการประสานห้างสรรพสินค้าขอความร่วมมือเพิ่มสต๊อกในการสต๊อกสินค้าให้เพียงพอนั้น กรมการค้าภายในได้ประสานงานมาโดยตลอดถ้าติดขัดตรงไหนกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปช่วยเหลือดูแล แต่ประเด็นสำคัญที่เกินกำลังกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเดียวที่จะเข้าไปแก้ไขคือแรงงานสินค้าอุปโภคและบริโภค ซึ่งภาพรวมจะต้องเข้ามาช่วยดู รวมทั้งการสัญจรที่ทุกจังหวัดจะต้องเข้ามาอำนวยความสะดวกให้สินค้าอุปโภคและบริโภคสามารถข้ามแดนจังหวัดได้โดยสะดวกถ้าหากติดขัดมากของอาจจะเน่าเสียหรือส่งไปยังจุดกระจายสินค้าล่าช้าลงได้

ผู้กล้าหนองคาย! ‘พรรคกล้า’ ผุด ‘ศูนย์กล้าดูแล’ ต่อเนื่อง เดินหน้าสร้างศูนย์พักคอย แยกกักตัวผู้ติดเชื้อ จ.หนองคาย

เปิดศูนย์กล้าดูแล แห่งที่ 7-10 ณ จังหวัดหนองคาย  -  ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี ผู้อำนวยการพรรคกล้า กิตติพงษ์ ถิ่นศรี ผู้กล้าหนองคาย พร้อมด้วยทีมงานผู้กล้าจังหวัดหนองคาย พร้อมใจกันมาร่วมเปิด "ศูนย์กล้าดูแล" แห่งที่ 7 หมู่บ้านสมสะอาด ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย 
แห่งที่ 8 หมู่บ้านสวยหลง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย
แห่งที่ 9 หมู่บ้านดาวเรือง ต.โพนสว่าง  อ.เมือง จ.หนองคาย         
แห่งที่ 10  อบต.นาข่า  อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย 



เพื่อให้ที่นี่ เป็นศูนย์พักคอย แยกกักตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระดับสีเขียว ตัดวงจรระบาดในครอบครัวและชุมชน 

นอกจากนี้ ยังมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น

หากชุมชนใดสนใจ อยากจัดตั้งศูนย์พักคอย เพื่อคนในชุมชน สามารถติดต่อเราได้ เราพร้อมสนับสนุนเต็มที่ 



#พรรคกล้า#เรามาเพื่อลงมือทำ#สร้างสรรค์แต่ไม่ยอมจำนน

ธารน้ำใจ 'พญาอินทรี’ มอบแด่ 'พระครูแจ้' เจ้าอาวาสวัดดังบางพลี ถวายถังดับเพลิง 50 ถัง เพื่อใช้ป้องกันอัคคีภัย

ที่ภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายสวัสดิ์ เจริญวรชัย ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท ลีดเดอร์ ไฟร์ เซฟตี้ จำกัด และผู้อำนวยการ ฝ่ายปฎิบัติการพญาอินทรีบรรเทาภัย ศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี  พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี เดินทางไปยังวัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อนำถังดับเพลิง จำนวน 50 ถัง นำไปถวายให้กับท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  เพื่อใช้ป้องกันเหตุเพลิงไหม้ พร้อมทั้งให้ความรู้ ความเข้าใจและวิธีปฎิบัติที่ถูกต้องแก่พระสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ หรือเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นภายในวัด

โดยนายสวัสดิ์ เจริญวรชัย กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มจิตอาสา 9 องค์กรด้วยกัน และได้ดำเนินโครงการนี้มานานหลายปี โดยที่ผ่านมาได้มีการนำถังดับเพลิงไปถวายให้กับทางวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ไม่ต่ำกว่า 4,000 ถัง อีกทั้ง ตนเองได้ทำงานด้านจิตอาสามานานกว่า 47 ปี ตั้งแต่อายุ 16 ปี และได้ทำงานด้านจิตอาสาทำความดีเพื่อสังคมมาโดยตลอด

เนื่องจากตนเองนั้น มองเห็นว่าปัจจุบันวัดส่วนใหญ่จะไม่มีอุปกรณ์ใช้ป้องกันเหตุอัคคีภัย และที่ผ่านมาวัดส่วนใหญ่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้นั้นจะไม่มีถังดับเพลิง หรือ อาจมีจำนวนที่ไม่เพียงพอแต่หากวัดที่มีถังดับเพลิงติดตั้งอยู่ภายในวัดสามารถมองเห็นได้ชัดเจนก็จะสามารถนำมาใช้ระงับเหตุเพลิงไหม้ได้ และอาจจะไม่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างหากเข้าใจวิธีการปฎิบัติอย่างถูกต้อง และเข้าใจวิธีแก้ไขเหตุเฉพาะหน้าจนนำไปสู่การดับไฟที่ถูกต้อง และในวันนี้ที่ทางศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี นำถังดับเพลิงมาถวายให้กับท่าน  พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้)  เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  มีจำนวน  50 ถัง โดยมีถังดับเพลิงขนาด 10 ปอน จำนวน 16 ถัง และถังดับเพลิงขนาด 15 ปอน จำนวน 34 ถัง นำมาถวายให้กับทางวัดฟรี  ดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด อีกทั้ง ถังดับเพลิงที่ทางวัดนำไปใช้แล้วเกิดหมดทางศูนย์ของเราก็จะดำเนินการนำถังไปบรรจุก๊าชให้ใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกัน

ในวันนี้ โดยทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการติดตั้งถังดับเพลิงบริเวณพื้นที่โดยรอบของวัดและมองเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ ทางศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี ยังมีเจ้าหน้าที่ชำนาญการมาให้ความรู้และทำการสาธิตวิธีการดับไฟ รวมถึงการระงับเหตุเพลิงไหม้อย่างถูกต้องและถูกวิธีอีกด้วย

ส่วนสาเหตุที่ตนเองนั้นนำถังดับเพลิงมาถวายให้กับทางวัดบางพลีใหญ่กลางแห่งนี้ เนื่องจากว่ามีความเลื่อมใสศรัทธา ท่านพระครูแจ้ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เนื่องจากตนเองได้สูญเสียมารดาที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 และทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้รับดำเนินการเผาศพมารดาของตนให้ฟรี โดยทางวัดไม่เรียกร้องค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ประกอบกับตนเองมองเห็นว่าวัดบางพลีใหญ่กลางนั้นไม่มีถังดับเพลิงติดตั้ง จึงมีความห่วงใยและมีความตั้งใจที่จะนำถังดับเพลิงมาถวายให้กับทางวัดบางพลีใหญ่กลางแห่งนี้ เพื่อไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป

อย่างไรก็ตามหากวัดใดที่มีความประสงค์อยากมีถังดับเพลิงติดตั้งไว้ภายในวัดเพื่อไว้ใช้ประโยชน์ ไว้ใช้ป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดจากอัคคีภัย หรือไฟฟ้าลัดวงจร ทางศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี หรือบริษัท ลีดเดอร์  ไฟร์ เซฟตี้ จำกัด ก็พร้อมที่จะร่วมทำบุญถวายให้กับทางวัดฟรี และเข้าไปดำเนินการติดตั้งให้ฟรีอีกด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 081-306-8254 และ 086-336-7462 เบอร์โทรสำนักงาน 02-524-2227-9 (สวัสดิ์  เจริญวรชัย)


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน

สกพอ. รวมพลังกลุ่มสตรี อีอีซี ชลบุรี ส่งมอบถุงยังชีพเพื่อร่วมผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน

(14 ส.ค.64)​ นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการ สกพอ. ร่วมกับ เครือข่าย สตรีอีอีซี ชลบุรี และ อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน จังหวัดชลบุรี (ทสม.) มอบถุงยังชีพจำนวน 200 ถุง เพื่อมอบให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งกำลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

โดยภายในถุงประกอบด้วยสิ่งของที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ยาสามัญ และเมล็ดพันธ์ุ

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้มีผู้นำท้องถิ่นจังหวัดชลบุรีร่วมบริจาคหน้าการอนามัย กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนตำบลหนองปลาไหลร่วมบริจาคสบู่ และสภาองค์กรตำบลหนองปลาไหลร่วมบริจาคน้ำ เป็นการร่วมพลังส่งกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่อีอีซี ได้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน โดยมีเครือข่ายพลังสตรี อีอีซี เครือข่าย ทสม.ในพื้นที่ เป็นผู้นำไปมอบให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top