Saturday, 12 October 2024
WeekendNews

ผบ.ตร.​ เข้ม!! กวดขันจับกุมผู้มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายชัด​ ทั้ง Fake News ก่อความสับสน ตื่นตระหนก​ และอาชญากรรมที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการตำรวจทุกหน่วยขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาล หลังประกาศต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.64 เน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ พร้อมเข้มงวดกวดขันจับกุมผู้ที่มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายชัดเจน อาชญากรรมที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน เน้นหนักการสร้าง Fake News ก่อความสับสน ตื่นตระหนก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆกษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ กล่าวว่า​ ตามที่เว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ ลงวันที่ 23 ก.ค.64 เรื่อง 'การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร'​ (คราวที่13) โดยให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่งสำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป ทั้งนี้ตั้งแต่ 1 ส.ค.64 – 30 ก.ย.64 นั้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ห้วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมกำชับการปฏิบัติของหน่วยงานความมั่นคง สาธารณะสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงขับเคลื่อนตามนโยบายของทางรัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19​ (ศบค.) อย่างจริงจัง ต่อเนื่อง 

โดยสั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปม.ตร.) ลงไปขับเคลื่อนกำชับทุกหน่วยงานในสังกัด ประสานการปฏิบัติหน้าที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ สนับสนุนภารกิจเมื่อมีการร้องขอ

การจำกัดการเคลื่อนย้ายของบุคคลเพื่อสกัดกั้นป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสให้อยู่ในวงจำกัด​ การตรวจคัดกรองการ เข้า-ออกพื้นที่จังหวัดที่มีการควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามที่รัฐบาลได้ประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) 

พร้อมเน้นสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ เพื่อปฎิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประกาศ คำสั่ง ข้อกำหนด ของ ศบค. และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกพื้นที่ และกวดขันบังคับใช้กฎหมายในกรณีที่มีเจตนาฝ่าฝืนหรือท้าทายกฎหมาย โดยเฉพาะการผลิตและแชร์ Fake News ต่างๆ​ สร้างความสับสนตื่นตระหนกให้กับประชาชน

การรวมกลุ่มกัน การมั่วสุม การลักลอบจัดกิจกรรม  การมั่วสุม ลักลอบจำหน่ายสุราและยาเสพติด การลักลอบเล่นการพนัน อบายมุขในรูปแบบต่างๆ​ การแข่งรถ หรือกิจกรรมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค รวมทั้งดำเนินคดีอาชญากรรมที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชนห้วงการแพร่ระบาดโควิด19 

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่ออีกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่ร่วมกันปฎิบัติหน้าที่และมีผลการจับกุมผู้ที่มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยในห้วงที่ผ่านมามีผลจับกุมการรวมกลุ่มมั่วสุม ลักลอบจัดกิจกรรมสังสรรค์ เสพยาเสพติด เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ส่งดำเนินคดีไปแล้วหลายราย 

อีกทั้งยังได้กำชับให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ฝ่ายปกครอง หน่วยสาธารณะสุข และหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด สนับสนุนกำลังพลในการปฏิบัติภารกิจเมื่อมีการร้องขอ ออกตรวจสอบ ดำเนินคดีกับผู้ที่มีเจตนาฝ่าฝืนหรือท้าทายกฎหมาย ประกาศ คำสั่ง ข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อาทิ การมั่วสุม จัดงานสังสรรค์ ลักลอบเล่นการพนัน การแข่งรถหรืออบายมุขในรูปแบบต่างๆที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายยึดการปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด หากพื้นที่ใดมีการปล่อยปละละเลย ก็จะพิจารณาความบกพร่องทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป 

นอกจากนี้หากพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งมายังสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติหมายเลข 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

​​​​​

สกพอ.ร่วมกับกลุ่มสตรีอีอีซีฉะเชิงเทรา ส่งมอบน้ำใจช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 ในฉะเชิงเทรา

(24 กรกฎาคม 2564) ที่ร้านอาหารบลูม ต.บางตีนเป็ด อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา นายกำพล เลิศเกียรติดำรง สมาชิกวุฒิสภา และนางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการสายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ สกพอ. ร่วมกับกลุ่มสตรีอีอีซี ฉะเชิงเทรา

ส่งมอบถุงยังชีพจำนวน 250 ถุง และหน้ากากอนามัย 15,000 ชิ้น ที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารและพนักงาน สายงานนโยบายและแผน และสายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ สกพอ. ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดฉะเชิงเทรา ใน 5 อำเภอได้แก่...

อำเภอเมือง, บางปะกง, บ้านโพธิ์, บางคล้า และบางน้ำเปรี้ยว เพื่อเป็นนำไปแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ซึ่งกำลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

โดยสิ่งของที่บรรจุในถุง​ จะเน้นของที่เป็นผลิตภัณฑ์ใน อีอีซี เช่น ข้าวสารจากชลบุรี รวมกว่า 1,200 กิโลกรัม น้ำปลา กะปิและอาหารทะเลจากวิสาหกิจชุมชน จ.ระยอง

นอกจากนี้ นายธนวัฒน์ สันตินรนนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทอินดัสเตรียล วอเตอร์ รีซอร์ท แมนเนจเม้นท์ จำกัด (IWRM) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านการจัดหาน้ำเพื่ออุปโภค บริโภคและน้ำเพื่ออุตสาหกรรมในอีอีซี ได้ร่วมบริจาคน้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 3,600 ขวด เพื่อร่วมเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปด้วยกัน

​​​​​​

ผบ.ตร.ห่วงใยประชาชนพื้นที่สีแดงเข้ม กำชับเจ้าหน้าที่กวดขันควบคุมการเดินทาง

วันที่ 24 ก.ค.64 เวลาประมาณ 20.45 - 23.00 น. พล.ต.อ.สุรพล  อยู่นุช ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./รอง ผอ.ศปม.ตร. ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานประจำจุดตรวจควบคุมการเดินทาง และจุดตรวจฉุกเฉิน (Curfew) ตามมาตรการล็อคดาวน์ในห้วงประกาศข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 28 ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี พล.ต.ต.พนัญชัย  ชื่นใจธรรม รอง จตร.ปรก.รองผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นราเดช  ทิพย์รักษ์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยาร่วมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจที่จุดตรวจในเส้นทางคมนาคมสายหลักจำนวน 3 จุดคือ

1. จุดตรวจบริเวณแยกเทศบาลตลาดเกรียบทางหลวง 347 (ขาขึ้น) อ.บางปะอิน จว.พระนครศรีอยุธยา
2. จุดตรวจทางหลวงหมายเลข 32 (เอเชีย) หน้าตู้ยามมหาราช อ.มหาราช จว.พระนครศรีอยุธยา
3. จุดตรวจบริเวณทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ขาออก (คู่ขนาน) หน้า ธ.ไทยพาณิชย์ อ.วังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา

 พล.ต.อ.สุรพลฯ กล่าวว่า "อยุธยาเป็น 1 ในจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือจังหวัดสีแดงเข้ม มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ สูงถึง 359 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความห่วงใย จึงได้มอบหมายให้ผมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และอาสาสมัครภาคประชาชน ที่สนธิกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่ออำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนในเส้นทาง"

พล.ต.อ.สุรพลฯ กล่าวต่อว่า "นับแต่ประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 28 และเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 20 ก.ค.64 เป็นต้นมา พบว่า อยุธยามีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน ดังนั้นจึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันดูแล กวดขันไม่ให้ประชาชนฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ และหากพบการกระทำผิดให้ประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำ ยกเว้นกรณีที่ฝ่าฝืนและมีพฤติการณ์ที่เป็นความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย หรือท้าทายอำนาจรัฐ ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากจะไม่เคารพกฎหมายแล้วยังเป็นสาเหตุของการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"

พร้อมนี้ ผบ.ตร.ได้ฝากอาหารและน้ำดื่มมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจประจำจุดตรวจดังกล่าว เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อไป

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร #ตร.มุกดาหาร ยึดกัญชา​ 443 กก.​ มูลค่า 19 ล้านบาทได้พร้อมผู้ต้องหา

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.00น. ที่บริเวณหน้า สภ.เมืองมุกดาหาร พ.ต.อ.ชัชชัย วงศ์สุนะ รอง ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร  และ พ.ต.อ.เกียรติภูมิ สุวรรณไตรย์ ผ.ก.ก.สภ.เมืองมุกดาหาร แถลงข่าวการผลการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 443 กก. ของกลุ่มขบวนการผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ต.ท.สุทธิศักดิ์ สอนสะอาด สว.หน.ชุด สืบสวนปราบปรามยาเสพติด สืบทราบว่า ที่บ้านเลขที่ 261 บ้านคำเม็ก หมู่ที่ 6 ต.คำอาฮวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร มีกลุ่มขบวนค้ายาเสพติดลักลอบนำกัญอัดแท่งที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาซุกซ่อนไว้ จึงได้สั่งการให้ ร.ต.อ.เศรษฐพงษ์ วิชาหารอง ประสานสนธิกำลังหน่วยงานด้านมั่นคงจังหวัดมุกดาหารเข้าทำการตรวจค้นบ้านดังกล่าว  ผลปรากฏว่าพบกัญชาแห้งอัดแท่งบรรจุในกระสอบปุ๋ยสีขาวหุ้มด้วยถุงพลาสติกที่ดำบรรทุกอยู่ในกระบะท้ายรถยนต์โตโยต้าสีเทา ทะเบียน บพ 6231 ยโสธร จำนวน 11 กระสอบ ภายในกระสอบบรรจุด้วยกัญชาอัดแท่งๆ ห่อด้วยกระดาษฟอยล์สีทอง รวมทั้งหมด จำนวน 443 แท่ง น้ำหนักประมาณ 443 กก. มูลค่าประมาณ 19,935,000 บาท ซึ่งขณะตรวจค้นมีนางโสภา อายุ 51 ปี รับว่าเป็นเจ้าของบ้านดังกล่าว และนายเกษม อายุ 51 ปี รับว่าเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว โดยกัญชาอัดแท่งดังกล่าวก็เป็นของพวกตนที่ได้รับการติดต่อจากนายหน้าซึ่งว่าจ้างในราคา 20,000 บาท ให้นำมาเก็บซุกซ่อนไว้เพื่อรอนายทุนจากภาคใต้ที่สั่งซื้อไว้มารับแต่ถูกจับกุมเสียก่อน 

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมตัวทั้งสองคนโดยกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท​(5) กัญชา ไว้ในความครอบครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ภาพ/ข่าว ชุด ฉก.พญาอินทรีย์/พวงเพชร-เดวิท โชคชัย จ.มมุกดาหาร 092-5259-777

EA บลูเทคซิตี้ และมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ มอบชุดตรวจโควิด-19 หรือ Antigen Test Kit หรือ ATK พร้อมชุด PPE และหน้ากากอนามัย ให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาดิน เพื่อใช้ในภารกิจโควิด-19 ในพื้นที่

วันนี้ (25 ก.ค.64) ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ผู้บริหารโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ ในฐานะประธานที่ปรึกษามูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วย ดร.พัชรางสุ์ ชัยวรมุขกุล อัยการจังหวัด สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดสมุทรปราการ มอบชุดตรวจโควิด-19 หรือ Antigen Test Kit  หรือ ATK จำนวน 300 ชุด  พร้อมชุด PPE จำนวน 50 ชุด และหน้ากากอนามัย จำนวน 10,000 ชิ้น ให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาดิน เพื่อใช้ในภารกิจโควิด-19 ในพื้นที่ โดยในวันนี้ทาง รพ.สต.เขาดิน ได้ดำเนินการตรวจเชิงรุกให้พระสงฆ์วัดเขาดิน คณะครู และประชาชนในพื้นที่ตำบลเขาดิน 

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ผู้บริหารโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ ในฐานะประธานที่ปรึกษามูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ กล่าวว่า EA บลูเทคซิตี้ และมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม และสนับสนุนภารกิจโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยสนับสนุนชุด PPE และหน้ากากอนามัย ให้บุคลากรทางการแพทย์  และชุดตรวจโควิด-19 หรือ Antigen Test Kit หรือ ATK ซึ่งเป็นชุดตรวจที่สามารถทราบผลภายใน 10 นาที ซึ่งได้รับอนุญาตจาก อย.แล้ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้การควบคุมโรคระบาดเป็นไปโดยเร็วที่สุด เพราะยิ่งตรวจเชื้อได้มากและเร็วเท่าไร ยิ่งลดการเสี่ยงแพร่กระจายของเชื้อได้มากขึ้นเท่านั้น

INTERLINK จัดงานสัมมนา Share & Go Together ครั้งที่ 2 ในรูปแบบ Fully Online @บ้านที่ปลอดภัย ผ่านระบบ Zoom

#INTERLINK (31 ก.ค. 2564)

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงานสัมมนา Share & Go Together ครั้งที่ 2 ในรูปแบบ Fully Online @บ้านที่ปลอดภัย ผ่านระบบ Zoom ในช่วงสถานการณ์ที่ต้องรักษาระยะห่าง แต่เราก็ยังคงใช้เทคโนโลยีที่เข้ามาเพิ่มศักยภาพในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในองค์กรให้ดียิ่งขึ้น โดยงานสัมมนาครั้งนี้ชาว  INTERLINK ได้มาแชร์ และแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในงานขายแก่ทีม Front ทั้งหมดจากทั่วประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับงานขายอย่างทั่วถึง

???? LIVE จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

สกพอ. ร่วมกับพลังสตรีอีอีซี ระยอง ส่งมอบน้ำใจช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด -19

ระยอง​ -​ (31​ก.ค.64)​ นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการสายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และ ดร.เพ็ชร ชินบุตร ผู้บริหารกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สกพอ. ร่วมกับ​ กลุ่มสตรีอีอีซี ระยอง เป็นผู้แทนเลขาธิการ สกพอ. (ดร.คณิศ แสงสุพรรณ) มอบถุงยังชีพจำนวน 300 ถุง ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ได้แก่...

เทศบาลตำบลบ้านฉาง โดยนายสุชิน พูลหิรัญ นายกเทศมนตรี ต.บ้านฉาง​ / เทศบาลตำบลพลา โดยนายสมทรง แถวโชติ รองนายกเทศมนตรี ต.พลา / และองค์การบริหารส่วนตำบลสำนักท้อน โดยนางอิงอร เนียมสะอาด รองนายก อบต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ร่วมรับมอบ ณ​ อาคารเอนกประสงค์ เทศบาลตำบลบ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อนำไปมอบให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ซึ่งกำลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

โดยภายในถุงประกอบด้วยสิ่งของที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ยาสามัญ และหน้ากากอนามัย เพื่อร่วมเป็น อีกหนึ่งกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่อีอีซี ได้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

'ผบช.สตม.'​ ตรวจเยี่ยมจุดคัดกรอง Covid 19​ ต.ตลาดเกรียบ อ.บางปะอิน​ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา​ และ​ ด่าน​ ตม.จังหวัด

ตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. (มค) ให้ผู้บังคับบัญชา ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่และให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 

(31กค.64) พล. ต.ท.สมพงษ์​ ชิงดวง ผบช.สตม. ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมจุดตรวจคัดกรองป้องกันการแพร่ระบาด โรคไวรัสโควิด 19 ต.ตลาดเกรียบ อ.บางปะอิน​ จ.พระนครศรีอยุธยา  พบ พ.ต.อ.จิรประภาพ สุทธปรีดา ผกก.ตม.จว.อยุธยา, พ.ต.ท.ภาคิน พงษ์กาญจนะ รอง ผกก.(ป) สภ.บางบาล พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุด และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่น ได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ว.4 ร่วมบริเวณจุดตรวจฯ

เวลา 14.00 น. พล. ต.ท.สมพงษ์​ ชิงดวง  ผบช.สตม. ได้เดินทางตรวจเยี่ยมด่าน ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งมอบนโยบายและกำชับการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทั้งนี้ ได้แสดงความห่วงใยและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจาก ห้วงเวลานี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด 19 เป็นจำนวนมาก และได้กล่าวขอบคุณในความเสียสละ และอวยพรให้เจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงาน ปลอดภัยจากการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด 19 

พร้อมกันนี้ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ อาทิ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และเครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

‘รัฐบาล’ เร่งกระจายชุดตรวจ ATK 1.1 ล้านชุด เน้น 13 จังหวัด สีแดงเข้ม ย้ำ!! ต้องแจกอย่างทั่วถึง เป็นธรรม

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้จัดสรรและกระจายชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ที่ได้รับจากสมาพันธรัฐสวิส จำนวน 1.1 ล้านชุด เพื่อใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสมแล้ว โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้กระจายชุดตรวจ ATK ตามความจำเป็นเร่งด่วน อย่างทั่วถึง เป็นธรรม ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้จัดสรรไปยังจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ตามจำนวนผู้ป่วยและความเหมาะสมแล้ว ดังนี้ กรุงเทพมหานครจำนวน 200,000 ชุด นนทบุรี ปทุมธานี จังหวัดละ 75,000 ชุด พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร นครปฐม ชลบุรี สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา จังหวัดละ 75,000 ชุด 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา จังหวัดละ 45,000 ชุด และสำรองที่กระทรวงสาธารณสุขจำนวน 150,000 ชุด

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้รับมอบจากสมาพันธรัฐสวิส และได้แจกจ่ายแล้วนี้ จะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ไทยสามารถควบคุมจำกัดวงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของเครื่องช่วยหายใจ จำนวน 102 เครื่อง ที่ได้รับมอบจากสมาพันธรัฐสวิส ในโอกาสเดียวกันนี้ จะได้แจกจ่ายตามความเหมาะสมต่อไป

'กาฬสินธุ์' เดินหน้าตามวาระแห่งชาติเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า

เทศบาลตำบลกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ เดินหน้าโครงการสร้างระบบการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (RDF) และผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะมูลฝอย เผยในอนาคตจะไม่มีบ่อขยะเดิมที่ “หลักเมือง” อีกแล้ว เพราะขยะในบ่อเดิมจะถูกนำออกและเข้าสู่ระบบทำลายจนหมด และพัฒนาเป็นลานสุขภาพ สนามกีฬาในร่มและสาธารณะประโยชน์อื่นๆ โดยยึดประชาชนและชุมชนเป็นศูนย์กลาง

 วันที่ 6 สิงหาคม 2564 นางสาววิจิตรา ภูโคก นายกเทศมนตรีตำบลกมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการสร้างระบบการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (RDF) และผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะมูลฝอย ของ ทต.กมลาไสยว่า เนื่องจากปัญหาขยะถือเป็นวาระแห่งชาติ ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งส่งผลกระทบกับประชาชนจากปริมาณขยะในบ่อขยะมีเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงได้เร่งรัดให้มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษา สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อม ดำเนินการจัดทำข้อกำหนดขอบเขตงานหรือ TOR เพื่อให้มีการประมูลหาเอกชนมาดำเนินการ เนื่องจากโครงการมีการลงทุนสูงมาก โดยให้แนวทางในการจัดทำ TOR ว่า ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของชุมชนและประชาชนเป็นหลัก และต้องแก้ปัญหาขยะอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่าง TOR จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งตัวแทนจากเทศบาลตำบลโนนบุรี และเทศบาลเมืองบัวขาว ที่จะร่วมเป็นศูนย์กำจัดขยะในโครงการนี้ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ตัวแทนจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติเละสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ ตัวแทนจากสาธารณสุข อ.กมลาไสย และตัวแทนภาคประชาชนมาร่วมร่าง TOR ฉบับนี้ โดยขอให้เรื่องเร่งด่วนที่กำหนดไว้ใน TOR คือการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่รอบบ่อขยะ ต้องได้รับการดูแลเยียวยาทันทีที่เริ่มโครงการ ต้องไม่มีบ่อขยะเหลืออยู่อีก เอกชนที่เข้ามาดำเนินโครงการต้องนำขยะทั้งหมดที่มีอยู่ที่บ่อขยะทั้งบนดินและใต้ดินของทุกบ่อขยะ ทั้งที่  ทต.หลักเมือง ทต.โนนบุรี และ ทม.บัวขาว ออกให้หมด และจะทำการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่บ่อขยะให้เป็นที่ๆประชาชนได้ใช้ประโยชน์ได้ เช่น ทำเป็นสวนสาธารณะ เป็นศูนย์กีฬาในร่ม โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด

“นอกจากนี้ใน TOR ยังกำหนดให้เอกชนต้องมีกองทุนเพื่อดูแลสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโครงการ โดยมีคณะกรรมการภาคประชาชนเป็นผู้ดูแลกองทุนนี้ มีการตรวจวัดมลภาวะที่เกิดขึ้นทุกๆ 3 นาที 5 นาที แจ้งให้ประชาชนทราบผ่านจอแสดงผลที่ติดอยู่ทุกหมู่บ้านรอบๆที่ตั้งโครงการ  มีการทำประกันภัยให้กับประชาชนรอบบ่อขยะ ถ้าเกิดผลกระทบจากการดำเนินการของเอกชน เอกชนต้องแปลงขยะเป็น RDF ที่แห้งกว่าขยะสดก่อนการขนย้าย  และห้ามไม่ให้รถขนถ่าย RDF วิ่งผ่านที่ชุมชนหนาแน่น เอกชนต้องแบ่งรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าโดยไม่หักค่าใช้จ่ายให้กับเทศบาล นำไปใช้ในการพัฒนาชุมชน และยังมีเรื่องอื่นๆอีกมากใน TOR ที่เป็นประโยชน์กับประชาชน” นางสาววิจิตรากล่าว
ด้านนายวุฒิชัย สรรพลุน รองนายก ทต.กมลาไสย กล่าวว่า ข้อกำหนดใน TOR ยังให้เอกชนพัฒนาการจัดเก็บขยะมูลฝอยให้กับเทศบาล รวมถึงการพัฒนาบุคลากรของเทศบาลในการเก็บรวบรวม และกำจัดขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ตนเชื่อว่า เมื่อโครงการได้เริ่มดำเนินการ ปัญหาขยะมูลฝอยของ จ.กาฬสินธุ์ จะลดลงอย่างมาก และมั่นใจว่าโครงการนี้จะแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของ จ.กาฬสินธุ์ได้อย่างยั่งยืน


ขณะที่นายจรัส นาชัยเริ่ม อายุ 83 ปี ชาวบ้านเมืองใหม่ เขต ทต.กมลาไสย กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างโรงงานขยะ เนื่องจากที่ผ่านมาขยะทำให้เกิดปัญหาต่อมลพิษ และเป็นบ่อเกิดของโรคภัยหลายชนิด ปัญหาที่พบในการจัดการขยะมูลฝอยในภาพรวมทั่วไป คือการเก็บรวบรวมที่ไม่เป็นระเบียบ มีกลิ่นเหม็น บางครั้งมีขยะตกหล่น มีน้ำเสียจากรถขนขยะ และปริมาณขยะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การที่จะมีโครงการดังกล่าว  ที่จะเป็นการกำจัดขยะอย่างถูกวิธี และมีการแปรสภาพขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชน นอกจากนี้ยังจะเกิดการสร้างงาน ให้กับคนในชุมชนอีกด้วย 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนและเพื่อนบ้านได้ร่วมประชาคม และเห็นชอบในโครงการดังกล่าว และยังเคยไปดูงานหลายแห่ง เห็นผลดีของโรงงานขยะ จึงอยากจะเห็นโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นในชุมชนของตน เพราะขยะถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกคน ทุกฝ่าย ควรที่จะมาร่วมสนับสนุน เพราะจะเป็นประโยชน์กับประชาชนและชุมชนอย่างแท้จริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top