Friday, 16 May 2025
WeekendNews

'สามีอินเดีย' ฟ้องหย่าภรรยา เหตุ!! ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้กินทุกมื้อ

คดีความสุดแปลกที่อินเดีย เมื่อสามีฟ้องหย่าภรรยาของตนเอง หลังเธอทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้กินทุกมื้อ

สำนักข่าวท้องถิ่นของอินเดียรายงานว่า ผู้พิพากษาศาลในรัฐกรณาฏกะ ทางตอนใต้ของอินเดีย ทำคดีสุดแปลก ชื่อว่า "คดีแม็กกี้" ซึ่งแม็กกี้เป็นชื่อของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชื่อดังที่วางขายในประเทศอินเดีย 

ผู้พิพากษาเล่าว่า สามีคนหนึ่งได้ฟ้องหย่าภรรยาของตนเอง เนื่องเธอทำอาหารไม่เป็น และเธอก็ทำเป็นแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทำให้หลังแต่งงานเธอเลยทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้เขากินทุกวัน 3 มื้อ คือ มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น จนเป็นเหตุให้ตัวสามีไม่พอใจกับภรรยาคนดังกล่าว

สุดท้ายสามี และภรรยาคู่นี้ก็หย่าร้างกันด้วยความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย

'ดร.กิตติธัช' เตือนกองเชียร์ 'Over PR' ระวังกระแสตีกลับ 'ผู้ว่าฯ ชัชชาติ'

5 มิ.ย.2565 - ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith โดยมีเนื้อหาดังนี้

เราจะอยู่ในโลกของการปั่นกระแสจนเกินจริง และ อุปทานหมู่ทางการเมืองแบบนี้จริงหรือ?

วันนี้เห็นมีงานดนตรีในสวน ที่จัดที่สวนรถไฟ อ.ชัชชาติ ผู้ว่าฯ กทม.ป้ายแดง แกก็ไปร่วมงานตามหน้าที่ ซึ่งก็ไม่น่าจะมีอะไรใช่ไหมครับ

แต่สื่อต่างๆ พากันรุมประโคมข่าว เพจฟตุบาททั้งหลาย ก็ออกมาเชิดชู บอกว่าวันนี้กรุงเทพเหมือนกลายเป็น "โลกที่ 1" แล้ว รู้สึกมีความหวังสุดๆ

พร้อมด้วยคนนับพันที่เข้าไปคอมเมนต์ว่า กรุงเทพเปลี่ยนไปแล้ว แซะให้รัฐบาลหรือผู้ว่าคนก่อนมาดูซะว่าชัชชาติมาทำงานได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็จัดดนตรีในสวน ที่ทำให้ดูศิวิไลซ์เหมือนประเทศโลกที่ 1 ได้แล้ว

https://www.facebook.com/FootpathThaiStyle/posts/pfbid0jZYS5ywP35KAhf26Wg9qcT3B1eknF6nnQrdvuFN
qwv1w7uQbNDjXXHjuZV1JReXfl

โดยคนเหล่านี้ไม่ได้รู้เลยว่า งานพวกนี้เขามีจัดมาตั้งนานแล้วครับ ตั้งแต่สมัยสุขุมพันธุ์ และอัศวินเป็นผู้ว่า ก็มีจัดงานแบบนี้ไม่รู้กี่รอบแล้ว งานใหญ่กว่านี้ มีคนมาเยอะกว่านี้ แต่แค่สื่อและเพจเหล่านั้นทำเหมือนมันไม่มี และไม่เคยนำเสนอก็เท่านั้นเอง

(ภาพด้านขวา 3 ภาพเป็นตัวอย่างงานดนตรีในสวนที่จัดตั้งแต่ปี 2559-2562 / ก่อนโควิด)

หมายเหตุ : ปรากฎการณ์เหล่านี้ คือ การ PR ที่เกินจริงหรือเรียกว่า "Over PR" สุดท้ายวันหนึ่งมันจะเป็นกระแสตีกลับไปที่ตัวคนที่ถูก PR แทน และตัว อ.ชัชชาติเองที่จะดูไม่ดีมากขึ้นในอนาคต ก็เพราะสื่อ เพจ และติ่งเหล่านี้ ที่ทำแบบนี้นั่นแหละครับ

‘ชลน่าน’ ควง ‘พานทองแท้’ ลุย ‘สุรินทร์’ แทน ‘แพทองธาร’ ที่ป่วยโควิด โดยหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ยืนยันผ่านพี่ชายตั้งใจจะลงพื้นที่ในครั้งต่อไปแน่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. 2565 ที่ปราสาทศีขรภูมิ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อม นายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย  นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เพื่อทำกิจกรรมพบปะประชาชนและเยี่ยมชมปราสาทศีขรภูมิ ภายใต้กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย เพื่อชาวนาไทย จ.สุรินทร์ โดยมีประชาชนร่วมรอรับและตะโกนส่งเสียงให้กำลังใจขอให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์

โดย นายพานทองแท้ ชินวัตร ในฐานะพี่ชายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองตั้งใจจะมาลงพื้นที่พร้อมกับ น.ส.แพทองธาร ที่ จ.สุรินทร์ อยู่แล้ว แต่ปรากฏว่า น.ส.แพทองธาร ไม่สบายป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ตนเองต้องมาปฏิบัติภารกิจแทน ตนเองมาเจอพี่น้อง จ.สุรินทร์ ถือว่ามีความอบอุ่น โดย น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่าถ้ารักษาตัวหายดีแล้วก็ตั้งใจจะมาลงพื้นที่พบปะกับครอบครัวพรรคเพื่อไทยตามเดิม

นายพานทองแท้ ยืนยันในการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในกิจกรรมครอบครัวพรรคเพื่อไทยครั้งต่อไป ตนเองก็จะลงพื้นที่พร้อมกับน.ส.แพทองธารด้วย

เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 8 ลูก  หลังเกาหลีใต้-สหรัฐฯ เสร็จสิ้นภารกิจซ้อมรบ

เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธ 8 ลูก ไปตกนอกชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี หลังจากการซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐอเมริกาปิดฉากลง

วันนี้ (5 มิ.ย. 65) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า คณะเสนาธิการร่วมเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้อย่างน้อย 8 ลูกจากฐานยิงใกล้กับกรุงเปียงยางไปตกนอกชายฝั่งตะวันออกของประเทศ หลังจากสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้เสร็จสิ้นภารกิจซ้อมรบร่วมกัน

ด้านรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ยืนยันว่า การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้

ปชป.คึก!!! “จุรินทร์ ออนทัวร์ พิษณุโลก” เปิดตัว 17 ขุนพลว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือตอนล่าง! 

5 มิ.ย.2565 เวลา 10.10 น. ที่จังหวัดพิษณุโลก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำ "จุรินทร์ ออนทัวร์" ไปจังหวัดพิษณุโลก เปิดสัมมนาแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ภาคเหนือตอนล่าง ที่หอประชุมศูนย์วัฒนธรรมภาคเหนือตอนล่าง โรงแรมวังจันทร์ จ.พิษณุโลก 

โดยได้กล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ที่รัฐบาลจะครบเทอมราวต้นปีหน้า แต่ถ้าไม่ครบเทอม ยังไงการเลือกตั้งก็ต้องมาเร็วกว่าการเลือกตั้งทั่วไปปกติ ซึ่งเราไม่อยู่ในฐานะที่จะคาดการณ์ได้ แต่ในฐานะพรรคการเมืองก็ต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ จึงเป็นที่มาที่ประชาธิปัตย์ภาคเหนือตอนล่างจัดให้มีการประชุมอย่างเข้มข้น พร้อมด้วยแกนนำสำคัญของพรรคใน 7 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ซึ่ง อดีต ส.ส. ของพรรคในปี 2562 ไม่มีใครเป็นอื่น ทุกคนยังร่วมอุดมการณ์กับพรรคอย่างครบถ้วนไม่ขาดแม้แต่คนเดียว 

นายจุรินทร์กล่าวว่าหลังการเลือกตั้งใหญ่คราวที่แล้ว ประชาธิปัตย์ถูกปรามาสเยอะว่าต่อไปก็สูญพันธุ์ แต่มาถึงวันนี้ 2 ปีเศษและกำลังครบ 3 ปี เดินเข้าสู่ปีที่ 4 พรรคประชาธิปัตย์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า คำปรามาสนั้นไม่ได้มีเค้าลางของความเป็นจริง ซึ่งอย่างน้อยที่สุดจากการเลือกตั้งซ่อม 3 ครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดสงขลา ชุมพร และล่าสุดจังหวัดราชบุรี ประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 ครั้ง ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่าไม่ว่าจะเป็นภาคไหน ประชาชนก็ยังให้การต้อนรับประชาธิปัตย์ จึงเป็นที่มาที่พวกเราได้ประกาศไว้ที่จังหวัดสงขลาว่า การเลือกตั้งเที่ยวหน้า ประชาธิปัตย์ปักษ์ใต้จะคัมแบ็ค

สำหรับการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร แม้เราจะได้รับเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนจำนวนไม่น้อย แต่เราไม่ได้ที่นั่ง ส.ส. เลย แม้แต่ที่นั่งเดียว ทำให้หลายคนสบประมาทเราเช่นเดียวกันว่า กรุงเทพฯ ประชาธิปัตย์จะสูญพันธุ์ แต่จากการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.เที่ยวนี้ ก็เป็นบทพิสูจน์ว่า ประชาธิปัตย์ในกรุงเทพฯ ไม่ได้สูญพันธุ์ และคนกรุงเทพฯ ยังให้โอกาสประชาธิปัตย์อยู่ แม้ผู้ว่าฯ กทม. เราจะไม่ได้รับเลือกเพราะคะแนนเกือบทั้งหมดเทให้กับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง แต่คะแนนของประชาธิปัตย์ก็มาเป็นที่ 2 ส่วน ส.ก. เราก็ได้มา 9 ที่นั่ง และยังมีคะแนนได้มาเป็นลำดับ 2 อีกหลายที่นั่ง 

ดังนั้น การที่ตนมาพบกับพวกเราทุกคนในครั้งนี้ก็เพื่อมาบอกว่า พวกเรามีความมั่นใจ และภายใต้การร่วมแรงร่วมใจของพวกเราทุกคน ทั้งอดีตผู้แทนราษฎรในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ทั้งแกนนำพรรค สาขาพรรค ทั้งตัวแทนจังหวัด รวมทั้งพี่น้องสมาชิกประชาธิปัตย์ทุกคน ประชาธิปัตย์ในภาคเหนือตอนล่างของเรายังมีโอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งมากขึ้นและสามารถครองใจประชาชนได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน 

ซึ่งจากสถิติในปี 50 ภาคเหนือตอนล่าง 7 จังหวัด นครสวรรค์ ตาก พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ เราเคยได้มาถึง 13 ที่นั่ง แต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เราเหลือที่นั่งเดียว คือ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ แต่ไม่ได้แปลว่าถัดจากนี้เราจะได้ 2 ไม่ได้ เราจะได้ 3 ไม่ได้ เราจะได้ 9 ที่นั่งหรือมากกว่านั้นไม่ได้ เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนที่ต้องร่วมแรงร่วมใจ พร้อมกับเรามีข้อพิสูจน์แล้วว่าประชาชนต้อนรับประชาธิปัตย์มากขึ้น เพราะอุดมการณ์ของเราและผลงานของเรา 

ซึ่ง “อุดมการณ์ ทันสมัย” นั้น ไม่ใช่อุดมการณ์ที่ทันสมัยเพราะอุดมการณ์ทันสมัยเสมอ แต่อุดมการณ์ที่แท้จริงของประชาธิปัตย์นั้น เป็นอุดมการณ์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อุดมการณ์การทำงานเพื่อประชาชนเป็นที่ตั้งเพื่อส่วนรวมไม่ใช่ส่วนตัว และอุดมการณ์แห่งความซื่อสัตย์สุจริต ล้วนเป็นอุดมการณ์ของความเป็นประชาธิปัตย์ที่ทำให้เราพัฒนามาเป็นสถาบันทางการเมือง จนกลายเป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศไทยมาถึง 76 ปีและจะก้าวต่อไปจวบชั่วฟ้าดินสลาย

'ก้าวไกล' เชือดขั้น 3 ส.ก.เขตวัฒนา หลังมีผู้ร้องเรียนคุกคามทางเพศ

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่พรรคก้าวไกล น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม และรองโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมของสมาชิกพรรค ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตวัฒนา โดยผู้ร้องเรียนระบุว่าสมาชิกพรรคคนดังกล่าวกระทำการคุกคามก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญทางเพศต่อพนักงานในบริษัท ว่า พรรคก้าวไกล โดยคณะกรรมการวินัยจรรยาบรรณสมาชิกพรรคได้แสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจากฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องที่นำมาชี้แจง และได้พิจารณาบนพยานหลักฐานที่มี

น.ส.สุทธวรรณ กล่าวว่า ปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ กรณีที่ผู้ร้องระบุว่าผู้ถูกร้องมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมมีการสัมผัสเป้ากางเกงของตนเองต่อหน้าผู้ร้อง จากการตรวจสอบพยานหลักฐานในวันดังกล่าวมีคนอยู่ในห้องหลายคน ฝ่ายผู้ร้องไม่มีพยานและหลักฐานมาแสดง ส่วนผู้ถูกร้องมีพยานยืนยันว่าอยู่ในห้องที่เกิดเหตุและพยานไม่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว พรรคจึงไม่สามารถวินิจฉัยกรณีนี้ว่าผู้ถูกร้องกระทำความผิดจริงได้

น.ส.สุทธวรรณ กล่าวว่า กรณีที่ผู้ร้องระบุว่าถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมและไม่ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมาย โดยผู้ถูกร้องยืนยันว่าเป็นการเลิกจ้าง เนื่องจากไม่ผ่านการทดลองงาน ซึ่งตามกฎหมายนายจ้างมีสิทธิ์เลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย แต่ต้องจ่ายค่าไม่บอกกล่าวการเลิกจ้างล่วงหน้าในอัตราเท่ากับเงินเดือน 1 เดือน ซึ่งผู้ถูกร้องยินดีจ่ายให้ผู้ร้องและจะดำเนินการโดยเร็วที่สุด

น.ส.สุทธวรรณ กล่าวว่า กรณีที่ผู้ร้องมีหลักฐานในการพูดคุยในไลน์ 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2564 กรณีนี้มีหลักฐานทางไลน์ชัดเจน ข้อความในไลน์มีการชมว่าผู้ร้องสวยหุ่นดี และขอดูรูปถ่ายของผู้ร้อง เป็นการก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศด้วยวาจาและกระทบต่อความรู้สึกและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ร้องเรียนเข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรงเนื่องจากพฤติกรรมไม่สอดคล้องกับอุดมการณ์และคุณค่าของพรรคที่ยึดถือเคารพความหลากหลายเท่าเทียมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

“ความผิดทางวินัยของสมาชิกพรรคมี 4 สถาน 1.ตักเตือน 2.ภาคทัณฑ์ 3.ตัดสิทธิที่พึ่งมีในฐานะสมาชิก 4.ให้พ้นจากสมาชิกภาพ โดยพรรคมีมาตรการตัดสิทธิ์บางประการในฐานะสมาชิกพรรคซึ่งเป็นความรับผิดทางวินัยขั้นที่ 3 ซึ่งผู้ถูกร้องจะไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในพรรคและพรรคจะไม่เสนอรายชื่อให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในสภากรุงเทพมหานครเป็นเวลา 1 ปีและหากผู้ถูกร้องยังมีการกระทำโทษให้พ้นจากสมาชิกภาพทันที” น.ส.สุทธวรรณ กล่าว

ปูตินเตือน!! รัสเซียจะโจมตีหนักขึ้น หากตะวันตกส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้ยูเครน

สำนักข่าว TASS รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า หากมีการจัดหาขีปนาวุธดังกล่าวปูตินกล่าวว่า "เราจะโจมตีเป้าหมายที่เรายังไม่ได้โจมตี" ปูตินในระหว่างการสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของรัฐ Rossiya-1

ปูตินไม่ได้ระบุเป้าหมายที่รัสเซียวางแผนจะติดตามหากประเทศตะวันตกเริ่มส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้กับยูเครน เขากล่าวว่า "ความยุ่งยาก" เกี่ยวกับการจัดหาอาวุธของชาติตะวันตกที่ส่งไปยังยูเครน ถูกวางแผนมาเพื่อทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อออกไป

ยูเครนกำลังค้นหาระบบปล่อยจรวดหลายเครื่อง (MLRS) เช่น M270 และ M142 HIMARS เพื่อโจมตีกองทหารและคลังอาวุธที่ด้านหลังของกองกำลังรัสเซีย

หนูน้อยวัย 11 ปี ฝึกเต้นบัลเลต์ด้วยตัวเอง จนดังเป็นไวรัล สร้างแรงบันดาลใจให้คนนับล้าน

คลิปวิดีโอสารคดี “Little Giants” ที่ผลิตโดย Bilibili แพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังแดนมังกร ได้เผยเรื่องราวของ อูกังอวิ๋น (邬刚云) หรือ อวิ๋นเอ๋อร์ (云儿) สาวน้อยวัย 11 ปี ผู้โชว์การแสดงเต้นบัลเลต์ในร้านขายหมูของนางหลี่ ผู้เป็นแม่ จนกลายเป็นไวรัลและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คน

ครอบครัวของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ อยู่ในหมู่บ้านน่าตั๋ว หนึ่งในหมู่บ้านที่ห่างไกลและยากจน ในมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) หมวยน้อยหลงรักการเต้นตั้งแต่มีอายุเพียง 7 ปี “การเต้น ทำให้หนูมีความสุขที่สุด” เธอเรียนรู้การเต้นบัลเลต์ด้วยตนเองจากอินเทอร์เน็ต และใช้ร้านขายหมูของแม่เป็นที่ฝึกซ้อม

ในวันที่ เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ ไม่ได้ไปโรงเรียนก็ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปช่วยแม่ขายหมู แม้จะต้องตื่นเช้า แต่เธอก็มีความสุขมาก เพราะจะได้เต้น โดยในช่วงเวลาที่ลูกค้าไม่พลุกพล่าน แม่ของเธอจะช่วยเธอยืดกล้ามเนื้อ กดขาและนับจังหวะ ซึ่งใครที่มาซื้อหมูที่ร้านก็จะได้เห็นเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ฝึกท่าพื้นฐานต่างๆ เช่น การตีลังกา การทำสะพานโค้ง เป็นต้น

บ่อยครั้งผู้คนที่สัญจรไปมาต่างมองว่าเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ทำอะไรแปลกๆ ต่างไปจากเด็กทั่วไป แต่แม่ของเธอไม่คิดเช่นนั้น เธอสนับสนุนลูกสาวเต็มที่และมักจะอัดคลิปวิดีโอของลูกลงยูทูป (YouTube) เสมอ

“ถ้าเธอชอบเต้น ผู้ใหญ่อย่างเราก็ควรสนับสนุน” นางหลี่กล่าว

ความจริงแล้วพรสวรรค์ของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ ถูกพบครั้งแรกโดยครูอนุบาลของเธอ หลังทราบว่าเธอเรียนรู้การเต้นจากการดูคลิปวิดีโอเพียงเท่านั้น ครูจึงแนะนำให้นางหลี่ ส่งเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ไปเรียนเต้นอย่างจริงจัง ดังนั้น เมื่อเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ มีอายุได้ 8 ปี นางหลี่จึงส่งเธอไปเรียนบัลเลต์ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงถึง 2,000 หยวน (ประมาณ 10,000 บาท) ต่อเทอม ด้วยสถานะการเงินของครอบครัวในขณะนั้น ที่มีเพียงพ่อของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ ซึ่งทำงานเป็นคนขับรถบรรทุก ต้องหาเลี้ยงครอบครัวเพียงลำพัง เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์จึงไปเรียนบัลเลต์ได้แค่เทอมเดียว แต่เธอก็ยังคงเรียนรู้และฝึกฝนด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ

'เติร์ก' มือกีต้าร์โพสต์ขอโทษหลังถูกขุดอดีต ด้านนักร้องนำรับไม่ได้ ขอรับผิด ลาออกจากวง

เรียกว่าเป็นประเด็นท็อปปิคร้อนโลกออนไลน์ข้ามวัน จากกรณีสมาชิกของวงดนตรี Gym and Swim ได้โพสต์วิจารณ์พาดพิงผลงานของดาราและศิลปินวัยรุ่นชื่อดัง บิวกิ้น - พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และ พีพี - กฤษฏ์ อำนวยเดชกร อีกทั้งยังมีข้อความที่พาดพิงถึงเพศสภาพ

จนกลายเป็นเรื่องราวที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลอย่างครุกรุ่น ชาวเน็ตยกทัวร์ไปลงต้นโพสต์ยับ ส่งผลให้ #แบนgymandswim พุ่งทะยานติดเทรนด์ทวิตเตอร์ข้ามวัน 

โดยทางค่าย Parinam Music ต้นสังกัดของ Gym and swim ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษถึงกรณีดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของค่ายเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น (https://www.facebook.com/thestatestimes/posts/598043985371399)

ต่อมา “เฉลิม” นักร้องนำวง Gym And Swim ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศยุติการเป็นสมาชิกวง หลังเพื่อร่วมวงเหยียดศิลปินอื่น ซึ่งระบุข้อความว่า

“ในวงที่ร่วมสร้างกันขึ้นมา คงปัดให้เป็นความรับผิดชอบของใครเพียงคนเดียวไม่ได้จริงๆ ตอนนี้มีเพียงความรู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่ผมคิดว่าคำขอโทษควรมาพร้อมบทลงโทษครับ ผมคิดว่าทุกคนก็คงรู้สึกเหมือนกันว่าการรับผิดร่วมกันคือสิ่งที่สมควรกระทำ สิ่งที่จะแสดงได้ว่าผมไม่เห็นด้วย กับสิ่งเหล่านี้ทั้งในตอนนี้ และในอนาคต และจะไม่เพิกเฉยเมื่อเห็นการกระทำลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก ผมจึงขอยุติบทบาทสมาชิกวง Gym and Swim ตั้งแต่ตอนนี้ครับ”

ในขณะที่ “เติร์ก มือกีตาร์” ได้ออกมาโพสต์ขอโทษ หลังโดนขุดข้อความที่พาดพิงถึงศิลปินอื่นๆในอดีตจนถูกทัวร์ลงอย่างหนัก โดยระบุว่า “ขออนุญาตแถลงครับ ผมเติร์ก จากวง Gym and Swim ก่อนอื่นเลยต้องแจ้งว่าความเห็นที่เป็นประเด็นทุกประเด็นในขณะนี้เป็นความเห็นของผมแต่เพียงผู้เดียว มิใช่ฉันทามติ หรือความคิดเห็นใดของสมาชิกวง Gym and Swim ท่านอื่นๆ

ประเด็นเรื่องการใช้คำที่ไม่เหมาะสม ในโพสต์หนึ่งที่เกี่ยวข้อง กับ บิวกิ้น และพีพี ผมขอยอมรับว่าถ้อยคำดังกล่าวเป็นถ้อยคำที่ไม่เหมาะ และขออภัยในการใช้คำดังกล่าว ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วผมเปิดกว้างและเคารพในเรื่องเพศวิถี ที่แตกต่าง หลากหลาย และหลงใหลในวัฒนธรรม LGBTQIA+ ซึ่งเป็นความสวยงามของสังคมสมัยใหม่ และตัวผมเองก็มีเพื่อนๆ ในวัฒนธรรมดังกล่าวที่น่ารักและเป็นกัลยาณมิตรที่ดี

โดยการใช้ถ้อยคำดังกล่าวนั้นมีลักษณะเป็นการไม่ให้เกียรติความหลากหลายทางเพศวิถีอย่างแท้จริง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยทางวุฒิภาวะในการสื่อสาร

ซึ่งผมขอน้อมรับคำติ และขออภัยผู้่่ที่เกี่ยวข้องทุกท่านในประเด็นนี้เป็นอย่างสูงครับ

โดยผมจะนำประสบการณ์และบทเรียนในครั้งนี้ไปปรับปรุง วิธีคิดและการแสดงออกของผมให้มีความเหมาะสมต่อไปในอนาคต เพื่อเป็นการพัฒนาสังคมและวัฒนธรรมต่อไป เพื่อให้สังคม และวัฒนธรรมนี้พัฒนาไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น

ประเด็นที่สองที่ต้องการจะพูดถึง คือการวิพากย์ไลน์อัพของมิวสิคเฟสติวัลนั้น ความคิดเห็นดังกล่าวเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม ซึ่งการการแสดงออกมาโดยประชดประชันและขาดความยั้งคิด ซึ่งก่อให้เกิดความรำคาญใจ หรือไม่สบายใจ ส่วนนี้ผมขออนุญาตขออภัยในการแสดงความคิดเห็นโดยใช้ถ้อยคำดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งครับ

ขอแสดงความนับถือ เติร์ก”

‘อดีตบิ๊ก ศรภ.’ เอือม!! ส.ส.ไม่รู้ ‘ตชด.-บำนาญ’ มีไว้ทำไม พูดหวังเรตติ้ง แต่สะท้อนถึงวุฒิภาวะ

5 มิ.ย. 65 - พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้มีเรื่องแปลกๆ มาเล่าให้ฟังครับ ผมไปอยู่ในสวนบ้านนอก เพิ่งกลับมาพอเปิดหนังสือพิมพ์อ่าน ก็เจอเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่า คนที่เป็น ส.ส.จะด้อยปัญญาถึงขนาดพูดออกมาในที่ประชุมรัฐสภาได้  

1.) ตชด.มีไว้ทำไม ตามแนวชายแดนที่เป็นป่าเขา ซึ่งหลายแห่งทุรกันดาน รถยนต์เข้าไปไม่ถึง เป็นภาระหน้าที่ของตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ เป็นด่านหน้าปกป้องประเทศ ในพื้นที่ที่มีทั้งการลักลอบขนยาเสพติด ของเถื่อนนานาชนิด การก่อความไม่สงบต่างๆ การค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าประเทศไทย การตัดไม้ทำลายป่าของขบวนการทั้งคนไทยและต่างชาติ เป็นแม้กระทั่งยามบอกเหตุไฟป่า แล้วยังเป็นครู ที่สอนหนังสือแก่เด็กๆสอนการทำกินให้ประชาชนชายขอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเขาชาวดอยและอื่นๆทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ แม้กระทั้งการดูแลรักษาพยาบาลเบื้องตน  ฯลฯ  ลองไปนอนจุดตะเกียงอ่านหนังสือดูสักเดือนไหมครับ!

โดยเฉพาะพื้นที่ที่อ่อนไหวต่อการเกิดกรณีขัดแย้งระหว่างประเทศ หากมีการตั้งฐานปฏิบัติการทางทหารอาจ เกิดการเผชิญหน้ากันมาได้โดยง่าย (วัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง ตชด. นั้น เนื่องมาจาก ข้อตกลงในสนธิสัญญากรุงเจนีวาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสกำหนดห้ามไม่ให้มีกำลังทหารในระยะ 25 กิโลเมตรจากแนวชายแดน ดังนั้น ตชด.จึงเป็นกำลังสำคัญ ที่ได้รับมอบหมายภารกิจ ในการรักษาความสงบตามพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนของชาติ)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top