Saturday, 27 April 2024
TheStudyTimes

หลาย ๆ คนอาจยังไม่เชื่อใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 นำไปสู่การคัดค้านไม่ให้คนในครอบครัวฉีดด้วย ในประเทศเนเธอร์แลนด์เกิดกรณีเด็กวัย 12 ขวบ ฟ้องร้องพ่อตัวเอง ที่ไม่ให้ฉีดวัคซีน เพราะต้องการไปเยี่ยมคุณยายที่กำลังจะเสียชีวิต

ที่เมืองโกรนิงเงิน ประเทศเนเธอร์แลนด์ เด็กวัย 12 ขวบ ชนะการฟ้องร้องในชั้นศาลเพื่อขอให้ตัวเองได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 เพราะผู้เป้นพ่อไม่ยอมให้ฉีด ส่วนสาเหตุในการฉีดคือ เด็กชายต้องการเดินทางไปเยี่ยมคุณยายที่กำลังจะเสียชีวิต 

ในกรณีนี้ส่งผลให้ผู้พิพากษาตัดสินว่า การฉีดวัคซีนโรคระบาดโควิด-19 จะลดโอกาสในการแพร่เชื้อไปยังคุณยายซึ่งกำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะลุกลาม ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเปราะบางที่มีอาการรุนแรงถ้าติดเชื้อโควิด-19 

ปัจจุบัน ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้อนุญาตให้เด็กอายุระหว่าง 12 - 17 ปีชาวดัตช์สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ แต่เด็กอายุต่ำกว่า 17 ปีต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองเท่านั้น ซึ่งตัวของคุณพ่อไม่ต้องการให้ลูกได้รับการฉีดวัคซีน

บาร์ต ทรอมป์ ผู้พิพากษาประจำศาลแขวงโกรนิงเงิน กล่าวว่า “เด็กชายควรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยทันที เพราะประโยชน์ที่เขาจะสร้างมีความสำคัญมากกว่าความกังวลของพ่อ”

‘แอลลี่’ ศิลปินอายุน้อย มากความสามารถ ใครจะรู้ว่ากว่าจะมีวันนี้ เธอต้องฝ่าฟันสารพัดคำดูถูก และการถูกบูลลี่ แต่เธอก็ได้พิสูจน์ตัวเอง มองมุมบวก แปรเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นเป็นแรงผลักดัน จนก้าวขึ้นมาเป็นไอดอลวัยรุ่นที่น่าจบตามอง

“แอลลี่ - อชิรญา นิติพน” ศิลปินวัย 17 ปี จากค่าย 411 Music ลูกสาวศิลปินชื่อดัง “อ่ำ-อัมรินทร์ นิติพน” กับ “จอย-อัจฉริยา อังคสุวรรณศิริ” ที่ล่าสุด เจ้าตัวก้าวสู่การเป็นเฟรชชี่เต็มตัว ในสาขาวิชา “Online Bachelor of Professional Studies in Music Business” วิทยาลัยดนตรีเบิร์กลีย์ (Berklee College of Music) เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปถึงเส้นทางกว่าจะก้าวเข้าสู่วงการเพลง เดินตามความฝันด้านนักร้อง ได้เป็นศิลปินคนแรกของค่าย ที่แจ้งเกิดในเพลง “How To Love” และทำงานร่วมกับ ศิลปินและโปรดิวเซอร์ชื่อดังชาวเกาหลี แอลลี่ต้องผ่านการฝึกเป็นศิลปินที่ใช้มาตรฐานเดียวกับ K-pop ส่งไปฝึกที่ประเทศเกาหลีใต้ ทั้งระบบการฝึกซ้อม การมีผู้จัดการดูแลใกล้ชิด ทีมโปรดิวเซอร์ระดับโลก เรียกได้ว่าได้เห็นการถูกขัดเกลาให้เติบโตทั้งความสามารถ และการมีวินัยในการฝึกอย่างทุ่มเท ผ่านคราบน้ำตามานับไม่ถ้วน

ด้วยความที่แอลลี่เป็นที่จับตามาตั้งแต่เด็ก ในฐานะทายาทศิลปินผู้เต็มไปด้วยความมั่นใจ กล้าแสดงออก แต่กว่าจะมีวันนี้เธอพบความเห็นมากมายที่พูดถึงเธอในโลกโซเชียลฯ และคำตัดสินนั้นทำให้เธอเปลี่ยนไป

แอลลี่เผยว่า คำแรงที่เคยเจอมา คือ “คิดว่าไม่ได้ผ่านอะไรมาเลย You ไม่ได้พยายามเลย”

ด้วยภาพลักษณ์และการถูกจับตามอง ทำให้แอลลี่ถูกมองว่า “เป็นศิลปินด้วยวิธีการที่ง่าย” “เติบโตมาในครอบครัวศิลปิน” แต่เธอยังคงมีมุมมองบวกๆ ซึ่งรับรู้ได้ผ่านบทสัมภาษณ์ ที่กล่าวว่า

“หนูก็คิดว่าถ้าเราไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรเป็นอะไร เราสามารถถามได้ อย่างแอลลี่เทรนหนักขนาดไหน แอลลี่เทรนนานแค่ไหน เป็นเรื่องที่ถามกันได้เพราะสงสัยกันได้ค่ะ

หนูก็ตอบด้วยความยินดีอยู่แล้ว หนูชอบเล่าเรื่องมากๆ แต่ว่าในชีวิตประจำวัน ที่มีคำว่านี่ไม่ได้พยายามเลยใช่ไหม หรือว่าไม่ได้ใช้เวลากับการทำเลยใช่ไหม หนูคิดว่าคนที่พยายามจริงๆ แล้วเขากำลังเหนื่อย ได้ยินคำเหล่านั้นมันยิ่งเหนื่อยเข้าไปอีกค่ะ

'YG Entertainment' ค่ายศิลปิน K-pop ชั้นนำจากเกาหลีใต้ร่วมมือกับ 'GMM Grammy' ค่ายดนตรียักษ์ใหญ่ของประเทศไทย เปิด YG”MM รับสมัครเด็กเทรนนิ่งเพื่อฝึกฝน พร้อมก้าวสู่การเป็นศิลปินระดับโลก

YG Entertainment ค่ายศิลปิน K-pop จากประเทศเกาหลีใต้ ที่ผลิตไอดอลระดับโลก อย่าง Bigbang , Blackpink , IKON ได้จับมือกับ GMM Grammy บริษัทดนตรีชั้นนำของประเทศไทย เปิดบริษัท YG”MM (วายจีเอ็มเอ็ม) โดยทั้งบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศิลปินไอดอลที่ครบวงจรที่สุดตั้งแต่การคัดเลือก, ฝึกซ้อม, สร้างสรรค์และโปรโมทผลงาน เพื่อผลักดันสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพระดับโลก

โดยเมื่อวานนี้ (วันที่ 27 กันยายน 2564) YG”MM ได้เปิดรับสมัครเด็กฝึกหัดเพื่อพัฒนาเป็นศิลปินระดับโลก โดยมีคุณสมบัติและขั้นตอนการสมัครดังต่อไปนี้

คุณสมบัติ 
- เพศชาย / หญิง อายุระหว่าง 10-20 ปี (เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2544 - พ.ศ.2554) ผู้สมัครอายุต่ำกว่า 20 ปี บริบูรณ์ ต้องได้รับความยินยอมจาก พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง 
- ไม่จำกัดสัญชาติ (แต่หากผ่านการคัดเลือก จะต้องเข้ารับการฝึกในประเทศไทย) 
- ไม่มีติดสัญญาผูกพันกับค่ายเพลง, สังกัด หรือบุคคลใด ๆ 
- สามารถสมัครได้ 1 คนต่อ 1 หมายเลขบัตรประชาชน และ/หรือ หมายเลข Passport (หากพบว่ามีการทุจริตจะถูกพิจารณาตัดสิทธิ์ในภายหลัง) 

ประเภทการสมัคร 
1.) Vocal, Rap - 1 ท่อน หรือ ไม่เกิน 1.30 นาที ไม่จำกัดแนวเพลง และต้องไม่มีดนตรีประกอบ
2.) Dance - ความยาว ไม่เกิน 1.30 นาที ไม่จำกัดแนวเพลง

“การศึกษา” นับได้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จำเป็นต้องปรับหลักสูตรและรูปแบบการสอนเป็นการเรียนออนไลน์ แต่ก็ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะมีความพร้อม

แต่การเรียนออนไลน์บนหลักสูตรการศึกษาของไทยนั้น นักเรียนจะสามารถเข้าใจในสิ่งที่คุณครูสอนหรือไม่ หลักสูตรของไทยจริง ๆ แล้วมีการวางลักษณะ เนื้อหาการสอน ในรูปแบบการสอนต่อหน้า คุณครูพบปะกับนักเรียน (Onsite) ไม่ได้วางหลักสูตรมาในรูปแบบการเรียนออนไลน์ คุณครูต้องเปลี่ยนจากการสอนมาเป็น “การบรรยาย” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องย้อนกลับมาคิดว่าจริง ๆ แล้วหลักสูตรการศึกษาในแต่ละวิชานั้นเหมาะสมกับการเรียนในรูปแบบออนไลน์หรือเปล่า ? เราจะต้องปรับเปลี่ยนหลักสูตรหรือไม่ 

ผศ.ดร.สุทัศน์ จันบัวลา อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “หลักสูตรที่ใช้ในการสอนนั้น แท้จริงแล้วเป็นหลักสูตรที่ใช้สำหรับการเรียนต่อหน้า คุณครูสอนต่อหน้านักเรียน (Onsite) พอมีปัญหาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แล้วนั้น การที่เราเอาหลักสูตรที่ใช้ในห้องเรียนมาปรับใช้เป็นออนไลน์ ก็จะเกิดปัญหาทันที”

“ต้องมีกระบวนการปรับหลักสูตร นั่นคือต้องเปลี่ยน ต้องดีไซน์ ออกแบบการเรียนการสอนในแต่ละรายวิชาใหม่เลย จากโดยทั่วไปเป็นการเรียนการสอนในห้องเรียน มีการวัดผล คือ การสอบกลางภาคและปลายภาค แต่พอมาเป็นการสอนออนไลน์ เราก็ต้องมาปรับหมด อย่างการวัดผล การสอบจะมาใช้รูปแบบการวัดผลแบบที่ทำในห้องเรียนไม่ได้ การศึกษาไทยส่วนใหญ่มันแค่ปรับเปลี่ยนวิธีการสอน โดยที่หลักสูตรเป็นหลักสูตรที่ใช้ในห้องเรียน แต่ผลลัพธ์ไม่ต้องพูดถึงเพราะมันแตกต่างกันอยู่แล้ว เพราะหลักสูตรมันออกแบบให้เรียนในห้อง” 

เพจ “AMD Redteam Thailand” ได้โพสต์ภาพพุทธศาสนิกชนถวายสังฆทานยุคใหม่แก่พระมหาสมปอง อุปกรณ์ไอทีราคาสูงหลักหมื่น ย้ำเจตนาดีไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่เพื่อเพิ่มการไลฟ์ธรรมะให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2564 เพจ “AMD Redteam Thailand” ได้โพสต์ภาพพุทธศาสนิกชนได้นำสังฆทานยุคไอที โดยมี CPU ราคาประมาณ 30,000 บาท การ์ดจอคอมพิวเตอร์ ราคาประมาณ 17,000 บาท แก่ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
พระลูกวัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ โดยมีเจตนาในการเพิ่มประสิทธิภาพในการไลฟ์ธรรมะให้มีความเสถียรมากยิ่งขึ้น 

‘สภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ’ เผยถึงบทวิเคราะห์ เห็นตรงโอกาสน้ำท่วมใหญ่เป็นได้น้อยมาก พื้นที่กรุงเทพและใกล้เคียง ยังไม่น่าห่วงว่าน้ำจะท่วมจากฝนที่ตกในรอบนี้ แต่อาจจะมีจากฝนที่ตกหนักเฉพาะจุดในพื้นที่ตัวเอง

เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 64 มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก เผยถึงบทวิเคราะห์ว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพ ซ้ำรอยปี 54 หรือไม่ ความว่า เหตุการณ์น้ำท่วม ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้เกิดกระแสว่า จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ซ้ำรอยปี 54 เกิดความวิตกกังวลในวงกว้าง !!!

มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ในฐานะองค์เผยแพร่ข้อมูลความคิดเห็น เพื่อประโยชน์ในการรับรู้ข้อมูลล่วงเพื่อนำไปเป็นแนวทางการเตรียมการและบริหารความเสี่ยงล่วงหน้าในฐานะ “สภาเตือนภัย” !!!

นายปราโมทย์ ไม้กลัด รองปธ.กก.มูลนิธิ “สภาเตือนภัย” พิบัติแห่งชาติ อดีดอธิบดีกรมชลประทาน เห็นว่า ทั้งข้อมูลปริมาณฝน ปริมาณน้ำกักเก็บ 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ในขณะนี้มีน้อยหากเปรียบเทียบกับในห้วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 54 จึงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเกิดน้ำท่วมในกทม.ครั้งใหญ่เช่นปี 54 !!!

ด้าน รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ รองปธ.กก.มูลนิธิ “สภาเตือนภัย” ให้ความเห็นว่า แม้ว่าขณะนี้แม้จะมีกรณีน้ำท่วมเกิดขึ้นในหลายจังหวัด แต่โอกาสน้ำท่วมกทม.เหมือนปี 54 มีโอกาสเป็นไปได้น้อย เว้นแต่จะมีน้ำระบายไม่ทันทำให้เกิดน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน !!!

ขณะที่ ดร.สุทัศ วีสกุล ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ หรือสสน. เห็นว่า ณ เวลานี้เมื่อ 54 เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิต์ มีน้ำเต็มความจุ 22,000 ล้าน.ลบ.ม. แต่ขณะมีปริมาณน้ำอยู่ประมาณครึ่งเดียว หากมีพายุเข้ามาทั้ง 2 เขื่อนยังดักน้ำได้อีกมาก แม่น้ำเจ้าพระยาก็ยังอยู่ในระดับต่ำ และมีการสร้างคันกั้นน้ำให้สูงขึ้น คิดว่าปีนี้ จะไม่เกิดน้ำท่วมกทม.เหมือนปี 54 แน่นอน !!!

ดร.ณัฐ มาแจ้ง ม.เกษตรศาสตร์ ให้ความเห็นว่า น้ำจะท่วมเหมือนปี 2554 ไหม ปี 54 กราฟน้ำท่วมมีฐานกว้างมากจึงทำให้มีน้ำเติมเข้าทุ่งเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมากและนาน จึงทำให้เกิดน้ำท่วมขนาดใหญ่

ในขณะที่ปีนี้อีกไม่นาน (คาดว่า 1-3 สัปดาห์) อัตราการไหลที่นครสวรรค์จะคงที่และเริ่มลดลงเนื่องจากฝนจะลดลงในช่วงอาทิตย์ข้างหน้าทำให้มีน้ำเติมลงมาน้อยกว่าเดิมนั่นเอง

กระทรวงศึกษาธิการได้ออกหลักเกณฑ์สำหรับการเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ที่มีความพร้อมและผ่านเกณฑ์การประเมิน ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 โดยดำเนินการตามโครงการ Sandbox : Safety zone in School

 

นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 20 กันยายน 2564 เรื่อง หลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 32) เพื่อให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ใช้ประกอบในการพิจารณาการขออนุญาตใช้อาคารหรือสถานที่ของโรงเรียน และสถาบันการศึกษาในการจัดการเรียนการสอน การสอน การฝึกอบรม หรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

โดยกำหนดให้มีระยะเวลาดำเนินงาน 2 ระยะ คือ ระยะแรก สำหรับโรงเรียนพักนอน ซึ่งดำเนินการตามโครงการ Sandbox: Safety zone in School มาตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2564 และระยะที่สอง สำหรับโรงเรียนประเภทไป-กลับ ที่มีความพร้อมและผ่านเกณฑ์การประเมิน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 

ซึ่งการจะเปิดโรงเรียนได้ ต้องผ่านเกณฑ์การประเมินหลายด้าน เช่น ด้านกายภาพ ด้านการมีส่วนร่วม ด้านการประเมินความพร้อมสู่การปฏิบัติ สำหรับสถานศึกษา ครู-บุคลากรต้องฉีดวัคซีนครบโดสไม่น้อยกว่า 85% ในขณะที่นักเรียน-ผู้ปกครอง ควรได้รับวัคซีนตามมาตรการที่กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขกำหนด

โดยระหว่างการเปิดภาคเรียน ต้องปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด และสามารถจัดการเรียนการสอนแบบ Onsite หรือ Online หรือแบบผสมผสานได้ ในห้องเรียนแต่ละห้องต้องมีนักเรียนไม่เกิน 25 คน และต้องเว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร ส่วนมาตรการอื่น ๆ มีตามประกาศดังต่อไปนี้

ยอดจ่ายเงินเยียวยานักเรียนคนละ 2,000 บาท ใกล้ครบตามเป้า 11 ล้านคน ส่วนของการฉีดวัคซีนก็คืบหน้าไปอย่างมาก ล่าสุด พบผู้สมัครใจฉีดวัคซีนจำนวน 3.61 ล้านคน เตรียมพร้อมกลับสู่การเรียนรูปแบบปกติ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานความคืบหน้า การเยียวยานักเรียนทุกคน ทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท โดยให้ผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวนโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา 

ล่าสุดได้จ่ายเงินเยียวยาครอบคลุมเด็กนักเรียนทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการไปแล้วทั้งสิ้น 10,952,000 ล้านคน จากเป้าหมาย 11 ล้านคน คิดเป็น 87.80% โดยโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการได้รับทั้งหมด 97.75% ที่เหลือได้ทยอยดำเนินการส่งมอบต่อเนื่อง 
 

สถาบันการจัดอันดับมหาวิทยาลัยสากล ประเทศอังกฤษ เผยแพร่ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก ประจำปี 2022 โดย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกจัดลำดับให้เป็นสถาบันการศึกษาอันดับที่ 3 ของอาเซียน และเป็นที่ 1 ของประเทศไทย ในการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพสู่สังคม

สถาบันการจัดอันดับมหาวิทยาลัยสากล (Quacquarelli Symonds (QS) ) ที่ประเทศอังกฤษ ได้ประกาศอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก ประจำปี 2022 (QS Graduated Employability Rankings 2022) อย่างเป็นทางการ โดยพิจารณาจากคุณภาพของบัณฑิตและการจ้างงาน 

ซึ่งพบว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ถูกจัดลำดับให้เป็นสถาบันการศึกษาอันดับที่ 3 ของอาเซียน และที่ 1 ของประเทศไทย ควบคู่กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนในระดับโลก มธ. ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอันดับที่ 141-150 เลื่อนขึ้นมาสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในกลุ่มอันดับ 171-180

รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดี มธ. เปิดเผยว่า ในปี 2022 สถาบัน QS ได้จัดลำดับมหาวิทยาลัยจากทั่วโลก รวม 786 แห่ง โดย มธ. ได้รับการเลื่อนลำดับในตำแหน่งที่สูงขึ้น อันเป็นผลมาจากการบรรลุตัวชี้วัดทั้ง 5 ด้าน ได้แก่

1.) ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยจากผู้จ้างงาน (Employer Reputation)
2.) ความสำเร็จของศิษย์เก่า (Alumni Outcomes)
3.) บทบาทและความร่วมมือกับภาคธุรกิจ (Employers-student Connections)
4.) ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยกับนายจ้าง (Partnerships with Employers)
5.) อัตราการจ้างงานของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษา (Graduate Employment Rate)

นักวิจัยจากสหรัฐฯ เผยความคืบหน้าผลวิจัยวัคซีนโควิดชนิดใหม่ในรูปแบบ "แผ่นแปะ" ใช้งานง่ายโดยแปะลงที่ผิวหนังโดยตรง สร้างภูมิเพิ่มถึง 50 เท่า และไม่ต้องขนส่งในที่อุณหภูมิต่ำทำให้ส่งไปทั่วโลกได้สะดวกขึ้น

นักวิจัยจากสหรัฐฯ เผยความคืบหน้าผลวิจัยวัคซีนโควิดชนิดใหม่ในรูปแบบ "แผ่นแปะ" ใช้งานง่ายโดยแปะลงที่ผิวหนังโดยตรง สร้างภูมิเพิ่มถึง 50 เท่า และไม่ต้องขนส่งในที่อุณหภูมิต่ำทำให้ส่งไปทั่วโลกได้สะดวกขึ้น

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย นอร์ธ แคโรไลน่า และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้คิดค้น “แผ่นแปะวัคซีน 3 มิติ” ที่สามารถซึมเข้าผิวหนังได้โดยตรง ซึ่งฝ่ายทีมวิจัยได้เผยว่าพวกเขาได้ทำการทดลองกับสัตว์เรียบร้อยแล้ว ผลปรากฏว่าสามารถตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันกว่าการฉีดถึง 10 เท่า

วัคซีนแบบแปะ ประกอบด้วยโพลีเมอร์ที่มีไมโครนีดส์ ที่ทำหน้าที่เป็น วัคซีนกึ่งแข็งที่จะละลายตามอุณหภูมิของร่างกายและซึมเข้าสู่ผิวหนังผ่านเข็มขนาดเล็ก หรือ ไมโครนีดเดิล เป็นการวิจัยร่วมกับบริษัท Pfizer และ Moderna เพื่อทดลองฉีดวัคซีนโควิดชนิด mRNA ไว้ใช้ในอนาคต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top