Monday, 17 June 2024
TheStudyTimes

คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ม.ขอนแก่น นำร่อง เปิดหลักสูตรเรียนปริญญาตรีล่วงหน้า ให้นักเรียน ม.ปลายลงเรียนสะสมหน่วยกิต เพื่อค้นหาความชอบและความถนัด ลดระยะเวลาเรียนในมหาวิทยาลัย

คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดการปฐมนิเทศผู้เรียนในหลักสูตรการจัดการศึกษาตลอดชีวิต ระดับปริญญาตรี : KKBS PRE-B (Pre-Bachelor Degree) ภายใต้โครงการ “เรียนปริญญาตรีล่วงหน้า แบบสะสมหน่วยกิต ในหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต วิชาเอกการตลาด และวิชาเอกการจัดการ ผู้ประกอบการพาณิชย์และนวัตกรรม” 

โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษาและบริการวิชาการ เป็นประธานในพิธีเปิดการปฐมนิเทศ และบรรยายพิเศษเรื่องนโยบายการจัดการศึกษาตลอดชีวิตของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และมี รองศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี เป็นผู้กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุม 1-2 ชั้น 6 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ปัจจุบันโลกเข้าสู่ยุคการแข่งขันทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยี มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ตามกระแสการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 อย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อวิถีการดำรงชีวิตของทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติรอบด้านจึงเป็นความท้าทายที่สำคัญยิ่ง

ด้วยเหตุนี้ การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) เป็นรูปแบบการจัดการศึกษาที่ตอบโจทย์ในยุคปัจจุบัน ที่ให้ผู้เรียนได้ค้นหาตัวตนว่ามีความชอบและความถนัดในศาสตร์ใดขององค์ความรู้ด้านการบริหารและการบัญชี โดยเปิดโอกาสให้เรียนในรายวิชา ป.ตรี ล่วงหน้าแบบสะสมหน่วยกิต เพื่อเตรียมความพร้อมในทักษะด้านการบริหารธุรกิจและการบัญชีให้แก่ผู้เรียน และฉายภาพให้เห็นถึงกระบวนทัศน์ใหม่ของระบบนิเวศของธุรกิจยุคใหม่ (Ecosystem of The New Paradigm of Business) ได้อย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน (Creativity and Sustainability)

รองศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มข.กล่าวว่า คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีได้มีการจัดทำโครงการเรียนรู้ล่วงหน้าและการเตรียมความพร้อมสู่โลกธุรกิจกับ Khon Kaen Business School สถาบันการศึกษาชั้นนำและเป็นเลิศด้านบริหารธุรกิจและการบัญชีที่ได้มาตรฐานสากล หลักสูตรฯ นี้ได้ถูกริเริ่มขึ้นเพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีศักยภาพสูงทางด้านวิชาการ ได้เตรียมความพร้อมการเรียนรู้ในระดับอุดมศึกษา โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลงทะเบียนเลือกเรียนในรายวิชาต่าง ๆ ของหลักสูตรในระดับปริญญาตรีของคณะฯ ได้ล่วงหน้า

ทั้งนี้ เพื่อให้นักศึกษาได้ค้นหาตัวตนว่ามีความชอบและความถนัดด้านใด รวมทั้งสามารถลดระยะเวลาเรียนในมหาวิทยาลัย เก็บสะสมหน่วยกิตได้ ได้รับประกาศนียบัตรในการผ่านเข้าร่วมการเรียนของแต่ละวิชา โดยได้รับสมัครและคัดเลือกนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและเทียบเท่า

ทั้งนี้ มีผู้รายงานตัวลงทะเบียนทั้งสิ้นจำนวน 33 คน โดยแบ่งเป็นผู้เรียนในหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต วิชาเอกการตลาดจำนวน 18 คน หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต วิชาเอกการจัดการผู้ประกอบการ พาณิชย์และนวัตกรรม จำนวน 21 คน และลงทะเบียนเรียนทั้งสองหลักสูตร จำนวน 6 คน แบ่งเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 4 คน มัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 21 คน และมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 8 คน ซึ่งมาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ ด้วยการจัดหลักสูตรนี้ถือเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยขอนแก่น และหลักสูตรได้มุ่งเน้นการฝึกปฏิบัติจริงในสถานประกอบการอีกด้วย

รองศาสตราจารย์ ดร.ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษาและบริการวิชาการ มข. กล่าวว่า การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบของการจัดการศึกษาตลอดชีวิต (แบบรายวิชา) หลักสูตรปริญญาตรี เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะเปิดโอกาสให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าได้ค้นหาตัวตนว่ามีความชอบและความถนัดในศาสตร์ทางด้านบริหารธุรกิจและการบัญชี อีกทั้งยังเป็นการเรียนล่วงหน้าในระดับปริญญาตรีของคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีเพื่อสะสมหน่วยกิตและเทียบโอนได้

นับว่าการจัดการศึกษาตลอดชีวิตเป็นการจัดการศึกษาเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต Lifelong Education โดยเป็นการจัดการศึกษาในรูปแบบในระบบ Formal Education การศึกษานอกระบบ Non-Formal Education และการศึกษาตามอัธยาศัย Informal Education มุ่งให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง Self Directed Learning และสามารถพัฒนาตนเองให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของสังคม การเมือง และเศรษฐกิจของโลก ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งในของมหาวิทยาลัยขอนแก่น

โดยมีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีได้ดำเนินการเป็นหน่วยงานแรก ในการเปิดรับสมัครการจัดการศึกษาตลอดชีวิต (แบบรายวิชา) หลักสูตรปริญญาในการปฐมนิเทศครั้งนี้นักเรียนจะได้ทราบถึงแผนการเรียน และกระบวนการจัดการเรียนการสอนตลอดหลักสูตร ทำให้สามารถวางแผนการเรียนได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning ) ในรูปแบบสะสมหน่วยกิต (Credit banks) ของหลักสูตรการจัดการศึกษาตลอดชีวิตในระดับปริญญาตรี

นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเรียนระดับมัธยมปลายที่มีศักยภาพสูงทางด้านวิชาการ ได้เตรียมความพร้อมต่อการเรียนรู้ในระดับอุดมศึกษา โดยสามารถลงทะเบียนเลือกเรียนในรายวิชาต่างๆ ของหลักสูตรในระดับปริญญาตรีของคณะฯ ได้ล่วงหน้า เพื่อให้ค้นหาตัวตนว่ามีความชอบและความถนัดในศาสตร์ใดขององค์ความรู้ด้านการบริหารและการบัญชี ทำให้เห็นภาพและเข้าใจรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ก่อนมุ่งตรงสู่อาชีพในภาคธุรกิจหรือเพื่อเป็นผู้ประกอบการธุรกิจที่ตนเองสนใจในอนาคต ตามแนวความคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถอยู่ในระบบนิเวศของธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน


ที่มา: https://mgronline.com/smes/detail/9640000027520

ส่องค่าเทอม 8 โรงเรียนนานาชาติชั้นนำของประเทศไทย ตั้งแต่เข้าเรียนปีแรก จนถึงเรียนจบ คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองจะต้องเตรียมเงินไว้เท่าไหร่ ไปดูกันเลย!!

โรงเรียนนานาชาติกรุงเทพ : International School Bangkok

เริ่มตั้งแต่ Pre-Kindergarten - Grade 12 (เรียนทั้งหมด 14 ปี)

รวม 12,780,000 บาท

โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพฯ : King's College International School Bangkok

เริ่มตั้งแต่ Pre–nursery - Grade 12 (เรียนทั้งหมด 16 ปี)

รวม 12,775,000 บาท

โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ : Harrow International School

เริ่มตั้งแต่ Pre–nursery - Year 13 (เรียนทั้งหมด 16 ปี)

รวม 12,434,100 บาท

โรงเรียนนานาชาตินิสท์ : NIST International School

เริ่มตั้งแต่ Early Year 1 - Year 13 (เรียนทั้งหมด 15 ปี)

รวม 11,547,100 บาท

โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ : Shrewsbury International School

เริ่มตั้งแต่ Early Year 1 - Year 13 (เรียนทั้งหมด 15 ปี)

รวม 10,672,200 บาท

โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี : Ruamrudee International School

เริ่มตั้งแต่ Kindergarten 1 - Grade 12 (เรียนทั้งหมด 15 ปี)

รวม 10,346,000 บาท

โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา : Bangkok Patana School

เริ่มตั้งแต่ Nursery - Year 13 (เรียนทั้งหมด 16 ปี)

รวม 10,307,000 บาท

โรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ : Bangkok Prep International School

เริ่มตั้งแต่ Nursery - Year 13 (เรียนทั้งหมด 15 ปี)

รวม 8,403,000 บาท

**ราคาข้างต้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ โปรดตรวจสอบกับทางโรงเรียนอีกครั้งก่อนส่งลูกเรียน


ขอบคุณที่มา: https://www.facebook.com/TidRhooTH/posts/219129443065285

 

ครม. อนุมัติทุนโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ กรอบวงเงินรวม 1,654 ล้านบาท เร่งผลิตครูฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ ที่มีศักยภาพสูง สอดคล้องกับการเรียนรู้ยุคใหม่

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (24 มีนาคม 2564) ว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติทุนโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ 4 (พ.ศ.2560 - 2567) กรอบวงเงินรวม 1,654 ล้านบาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ เพื่อสร้างบุคลากรครูคุณภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เข้าสู่ระบบได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตครูระดับปริญญาโทที่มีความสามารถพิเศษวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ ให้เป็นครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับการเรียนรู้ยุคใหม่ มีความสามารถในการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้กับนักเรียนระดับระดับมัธยมศึกษา สำหรับรูปแบบและจำนวนทุนการผลิตครู แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1.) ทุนระดับปริญญาตรี – โท ปีละ 150 ทุน รวม 600 ทุน ระยะเวลารับทุน 6 ปี ดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 – 2573 รวมระยะเวลาดำเนินการ 10 ปี

2.) ทุนระดับปริญญาโท ปีละ 150 ทุน รวม 600 ทุน ระยะเวลารับทุน 2 ปี ดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 – 2569 รวมระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี

โครงการนี้ใช้งบประมาณจำนวน 1,654 ล้านบาท โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จะขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีผ่านกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยการทำความตกลงในรายละเอียดร่วมกับสำนักงบประมาณต่อไป

สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ คือ

1.) ส่งเสริมให้ผู้ที่มีศักยภาพระดับสูงด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี สมัครรับทุนโครงการเพื่อเป็นครูเพิ่มขึ้น

2.) มีครูผู้สอนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ ที่ มีศักยภาพสูงในการจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพและได้มาตรฐานเพิ่มขึ้น

3.) มีปริมาณครูผู้สอนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพเพียงพอต่อการทดแทนบุคลากรที่เกษียณอายุราชการและโยกย้ายภูมิลำเนา


ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/normal_news/473333?as=

สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชน กังวลมหา’ลัยแห่เปิด ปวส. ดึงเด็กเรียนวิชาชีพชดเชยนักศึกษาลด ชี้ต้องมีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของตลาด วอน รมว.ศธ. คนใหม่พัฒนาอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐ และเอกชน

นายอดิศร สินประสงค์ นายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สวทอ.) เปิดเผยว่า สวทอ.หวังว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) คนใหม่ จะดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง โดยเฉพาะการพัฒนาอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐ และเอกชน เพราะปัจจุบันการพัฒนาอาชีวะยังเป็นแค่นโยบาย และวาทะกรรม แต่ยังไม่เห็นการพัฒนาใดๆ ที่เป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ ศธ.กำลังทำให้นโยบายเพิ่มผู้เรียนอาชีวะนั้น พลิกด้าน เพราะสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะสร้างห้องเรียนอาชีพ ซึ่งอาจขาดครู เครื่องมือ และขาดความพร้อม อาจเป็นแค่การเพิ่มจำนวนผู้เรียน แต่ไม่ได้เพิ่มคุณภาพ ซึ่งเรื่องนี้ทาง สวทอ.กังวลมาก และจะนำเรื่องนี้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) วันที่ 25 มีนาคม พิจารณา และเสนอแนะต่อไป

นายอดิศรกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สวทอ.กังวลกรณีที่ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ทยอยเปิดสอนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) โดยต้องขออนุญาตใช้หลักสูตร ปวส.ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เข้าใจว่าเพราะมหาวิทยาลัยอยากเพิ่มจำนวนผู้เรียน เนื่องจากปัจจุบันผู้เรียนลดลง แต่กังวลว่ามหาวิทยาลัยจะเข้าใจ มีความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนหรือไม่ และกลัวว่าอาจไม่เท่าเทียมในเรื่องครูผู้สอน

เพราะครูที่จะสอนในสถานศึกษาสังกัด สอศ.โดยเฉพาะครูวิชาชีพ ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู จึงจะสอนนักเรียนนักศึกษาได้ แต่ถ้ามหาวิทยาลัยสอนระดับ ปวส.ครูผู้สอนจต้องมีใบอนุญาตฯ หรือไม่ และจำนวนการผลิต รวมถึง คุณภาพปลายทางที่จบการศึกษา จะได้มาตรฐานของอาชีวศึกษาหรือไม่

“ผมเห็นด้วยที่จะให้หน่วยงานอื่นๆ ร่วมจัดการเรียนการสอนด้านสายอาชีพ แต่ขอให้มีคุณภาพ ไม่ใช่แค่ต้องการเพิ่มจำนวนผู้เรียนเท่านั้น และขอให้ผลิตตรงกับความต้องการของตลาดด้วย เพราะทุกวันนี้มีหลายหน่วยงานที่จัดการเรียนการสอน เช่น สถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) สถานศึกษาสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) สถานศึกษาสังกัดกระทรวงกลาโหม ล่าสุดคือ สพฐ.ต้องการเปิดห้องเรียนสายอาชีพ และมหาวิทยาลัย จึงกังวลเรื่องการผลิตคนที่แต่ละหน่วยงานต่างมุ่งผลิต แต่ไม่สนใจคุณภาพปลายทางจะส่งผลกระทบในอนาคตอย่างไร ซึ่งผมจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม กอศ.ด้วย” นายอดิศร กล่าว

นายอดิศรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ อยากให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.คนใหม่ เห็นความสำคัญของครูอาชีวะเอกชน และช่วยผลักดันให้ครูอาชีวะเอกชนได้รับเงินเดือน 15,000 บาทด้วย เพราะตั้งแต่สถานศึกษาอาชีวะเอกชนย้ายมาสังกัด สอศ. 5 ปี แต่ครูอาชีวะเอกชนยังไม่ได้รับการสนับสนุน และผลักดันให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นเลย ขณะที่ครูเอกชนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กลับได้รับการสนับสนุน และขึ้นเงินเดือนเป็น 15,000 บาท มา 3 ปีแล้ว


ที่มา: https://www.matichon.co.th/education/news_2638335

ในอนาคตผู้เรียนในระดับอุดมศึกษาจะลดลง แต่จะมีกลุ่มคนทำงาน และผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น สถาบันการศึกษาจำเป็นต้องมีภารกิจในการพัฒนาคนกลุ่มนี้ ด้วยการ Reskill Upskill รวมถึงการพัฒนา New Skill เพื่อการประกอบอาชีพ

แนวโน้มที่คาดการณ์กันว่า ในอนาคตมหาวิทยาลัยทุกแห่งจะประสบปัญหามีผู้เรียนลดจำนวนลง หลายแห่งจึงเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ด้วยการนำระบบการเรียนแบบออนไลน์มาช่วย เพิ่มความยืดหยุ่นในการเรียนการสอน เปิดสาขาวิชาทางเลือกเฉพาะกลุ่ม และหันไปสอนหลักสูตรระยะสั้นให้คนในวัยทำงาน หรือกระทั่งคนในวัยเกษียณมากขึ้น หรือเปิดโอกาสให้คนวัยทำงาน เข้ามาสังเกตการณ์การเรียนการสอนในบางวิชา

จากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในรอบปีที่ผ่านมา หลายมหาวิทยาลัยได้จำนวนผู้เรียนไม่เป็นไปตามเป้าในการรับนิสิตนักศึกษา จากเด็กที่เข้าเรียนในระบบมัธยมศึกษาจะสอบเข้าในระดับอุดมศึกษา มีจำนวนน้อยกว่าจำนวนที่มหาลัยเปิดรับ แต่ในทางกลับกัน ประชาชนทั่วไปหรือคนในวัยทำงาน รวมถึงคนที่เกษียณอายุไปสู่ผู้สูงอายุในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคนกลุ่มวัยทำงานนี้ เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศรวมคือ การนำไปสู่การหาเลี้ยงชีพของตัวเอง เห็นภาพชัดขึ้น ในช่วงปี 63 ที่ผ่านมาที่เราเจอกับสถานการณ์ Covid-19 มีผลต่อการทำงาน ของคนในวัยทำงานเป็นอย่างมากบางบริษัท

ในอนาคตก็จะมีผู้เรียนในระดับอุดมศึกษาลดลงแต่จะมีกลุ่มคนทำงาน และผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น นอกจาการสร้างบัณฑิตแล้ว สถาบันการศึกษาจำเป็นต้องมีภารกิจในการพัฒนาคนกลุ่มนี้ ด้วยการ Reskill Upskill รวมถึงการพัฒนา New Skill เพื่อการนำไปพัฒนางานเดิม ประกอบอาชีพ หรือเป้าสู่การเป็นผู้ประกอบการเอง

ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาคน ทุกช่วงวัย รวมถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต การสร้าง ออกแบบหลักสูตร Non Degree จะช่วยได้อีกทาง และหาก Non Degree ที่ได้เรียนนั้น สามารถนำไปสู่ Degree ได้ โดยมีระบบการเทียบโอน หรือ ระบบสะสมหน่วยกิต ที่เรียกว่าธนาคารหน่วยกิต (Credit bank) รวมถึงการเทียบโอนประสบการณ์ ก็จะเป็นการเปิดโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างแท้จริง  เป็นการเรียนการสอนแบบนอกเหนือจากภาคปกติ เรียนจบได้ใบประกาศนียบัตร

หลักสูตร Non Degree เพื่อการ Reskill Upskill ในการเรียนรู้ตลอดชีวิต นั้น ต้องเปิดโอกาสให้แก่คนทุกวัยทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็นคนวัยทำงานหรือคนวัยเกษียณ คือ เรียนวิชาที่นำไปใช้งานได้จริง สำหรับประกอบอาชีพ ไม่ได้เน้นเชิงวิชาการหรือเชิงทฤษฎีเหมือนภาคปกติ เป็นวิชาสำหรับประกอบอาชีพเสริม เช่น การทำการเกษตรแนวใหม่ การเลี้ยงปลาสวยงามหรือปลาเศรษฐกิจ

การเรียนที่ออกแบบขึ้นนั้น จะศึกษาความต้องการของตลาด เราจะทำผลิตภัณฑ์อะไรที่ตอบโจทย์กับตลาด หลังจากนั้นก็เริ่มลงมือปฎิบัติจริง หรือเรียนรู้ในสถานประกอบการ เป้าหมายของการเรียน คือ คิดเป็น วางแผนเป็น และแก้ปัญหาเป็น สู่การเป็นผู้ประกอบการ สร้างรายได้ ได้อีกด้วย

วิทยาลัยบูรณาการศาสตร์ ม.เกษตร เปิด Non Degree รองรับคนทุกช่วงวัย หลายชุดวิชา อาทิ ชุดวิชาการสร้างความสุขของสังคมผู้สูงวัย เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่อยากทำธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งต้องมีจิตวิทยาในการดูแลผู้สูงอายุให้ผู้สูงอายุมีความสุข เพื่อตอบโจทย์สังคมสูงวัย อีกกลุ่มก็คือหลักสูตรการดูแลเด็กปฐมวัยช่วงก่อนเข้าโรงเรียน สำหรับโรงเรียนอนุบาลภาคเอกชนที่มักจะไม่ค่อยมีอาจารย์ที่จบทางด้านปฐมวัยหรือด้านศึกษาศาสตร์โดยตรง

“วิชาเหล่านี้สามารถนำไปสะสมเป็นปริญญาตรีอีก 1 ใบได้ หลักสูตร Non Degree เราให้หน่วยกิตไว้ประมาณ 20 หน่วย และเรามีโครงการธนาคารหน่วยกิต ซึ่งเมื่อคุณจบ 1 ชุดวิชา แล้วคุณก็จะเก็บหน่วยกิตได้ 20 หน่วย และเมื่อคุณเรียนเพิ่มอีก 1 ชุดวิชา ก็จะได้อีก 20 หน่วย โดยใครที่จบปริญญาตรีมาแล้วก็สามารถใช้เทียบเป็นอีก 1 ปริญญาได้เลย”


เขียนโดย ผศ.ดร.ธานินทร์ คงศิลา อาจารย์ภาควิชาส่งเสริม และนิเทศศาสตร์เกษตร คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ปฏิทินการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2564 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

รับสมัคร

สอบคัดเลือก (ถ้ามี) 24 - 28 เม.ย. 64

-ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 24 - 27 เม.ย. 64

-เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 24 - 28 เม.ย. 64

จับฉลาก (ถ้ามี) 24 - 28 เม.ย. 64

 

สอบ / คัดเลือก

สอบคัดเลือก (ถ้ามี) 1 พ.ค. 64

-ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 29 เม.ย. 64

-เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 1 พ.ค. 64

 

จับฉลาก

จับฉลาก (ถ้ามี) 6 พ.ค. 64

 

ประกาศผล

สอบคัดเลือก (ถ้ามี) 5 พ.ค. 64

-ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 30 เม.ย. 64

-เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 5 พ.ค. 64

จับฉลาก (ถ้ามี) 6 พ.ค. 64

 

รายงานตัว

สอบคัดเลือก (ถ้ามี) 5 พ.ค. 64

-ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 30 เม.ย. 64

-เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 5 พ.ค. 64

จับฉลาก (ถ้ามี) 6 พ.ค. 64

 

มอบตัว

สอบคัดเลือก (ถ้ามี) 8 พ.ค. 64

-ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 8 พ.ค. 64

-เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 8 พ.ค. 64

จับฉลาก (ถ้ามี) 8 พ.ค. 64

 

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://plan.bopp-obec.info/Home/

ทุนการศึกษา ปีการศึกษา 2564 – 2565 สำหรับนักเรียนไทยที่ประสงค์จะเรียนต่อในระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก ที่ประเทศอินเดีย

สภาวัฒนธรรมแห่งอินเดียเปิดให้ทุนการศึกษาสำหรับปีการศึกษา 2564 - 2565 สำหรับนักเรียนไทยที่ประสงค์จะเรียนต่อในระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก ในสาขาวิชาต่าง ๆ ที่เป็นประเทศอินเดีย ยกเว้น สาขาแพทยศาสตร์ หลักสูตรเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์ (อาทิ พยาบาล กายภาพบำบัด ฯลฯ) และแฟชั่น

คุณสมบัติผู้สมัคร

ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ: ผู้สมัครต้องมีทักษะภาษาอังกฤษในระดับที่ สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม และสามารถเข้าใจบทเรียนต่าง ๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษ

อายุ: ต้องมีอายุระหว่าง 18 - 30 ปี ณ วันที่มหาวิทยาลัย/ สถาบันของอินเดียตอบรับเข้าศึกษา

ท่านที่สนใจควรเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย / สถาบัน และทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรที่เปิดสอนอย่างละเอียด รวมทั้งคุณสมบัติของผู้สมัคร และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย / สถาบัน ก่อนทำการสมัคร

นอกจากนี้ ผู้สมัครต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่หลักสูตรกำหนดและให้ดำเนินการขึ้นเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด (นอกเหนือจากเอกสารที่ระบุในใบสมัครขอรับทุน)

ท่านที่สนใจสามารถทำการยื่นใบสมัครออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ทุน “A2A” (Admissions to Alumni) ที่ http://a2ascholarships.iccr.gov.in/

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำแนะนำในการสมัคร โครงการทุนต่างๆ ข้อมูลโดยย่อของเมืองต่าง ๆ ของอินเดีย รายชื่อและข้อมูลของมหาวิทยาลัย ระเบียบและเงื่อนไขค่าใช้จ่าย คำถามที่พบบ่อยสามารถดูได้จากเว็บไซต์ ผู้สมัครควรอ่านและปฏิบัติตามกรอบเวลาของขั้นตอนการรับสมัครตามเอกสารแนบ

ปิดรับสมัครทางเว็บไซต์ในวันที่ 30 เมษายน 2564 


ที่มา: https://www.facebook.com/156843177716078/posts/3863472347053124/

ปฏิทินการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2564 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เปิดสอน ม.ต้น และ ม.ปลาย

รับสมัคร

นักเรียนที่จบ ม.3 เดิม ตามที่โรงเรียนเดิมกำหนด

สอบคัดเลือก (นักเรียนที่จบ ม.3 จากโรงเรียนอื่น และโรงเรียนเดิม) 24 - 28 เม.ย. 64

- ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 24 - 27 เม.ย. 64

- เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 24 - 28 เม.ย. 64

สอบ / คัดเลือก

นักเรียนที่จบ ม.3 เดิม

สอบคัดเลือก (นักเรียนที่จบ ม.3 จากโรงเรียนอื่น และโรงเรียนเดิม) 2 พ.ค. 64

- ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 29 เม.ย. 64

- เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 2 พ.ค. 64

ประกาศผล

นักเรียนที่จบ ม.3 เดิม ตามที่โรงเรียนเดิมกำหนด

สอบคัดเลือก (นักเรียนที่จบ ม.3 จากโรงเรียนอื่น และโรงเรียนเดิม) 6 พ.ค. 64

-ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 30 เม.ย. 64

-เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 6 พ.ค. 64

รายงานตัว

นักเรียนที่จบ ม.3 เดิม ตามที่โรงเรียนเดิมกำหนด

สอบคัดเลือก (นักเรียนที่จบ ม.3 จากโรงเรียนอื่น และโรงเรียนเดิม) 6 พ.ค. 64

- ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 30 เม.ย. 64

- เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 6 พ.ค. 64

มอบตัว

นักเรียนที่จบ ม.3 เดิม 9 พ.ค. 64

สอบคัดเลือก (นักเรียนที่จบ ม.3 จากโรงเรียนอื่น และโรงเรียนเดิม) 9 พ.ค. 64

- ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 9 พ.ค. 64

- เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 9 พ.ค. 64

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://plan.bopp-obec.info/Home/

บทสัมภาษณ์ 'เพียงฝัน นาคสุขไพบูลย์' นักเรียนทุนออทิสติกไทยคนแรก ปริญญาเอกแพทย์ UK

STUDY TALK: เปิดบทสัมภาษณ์ 'เพียงฝัน นาคสุขไพบูลย์' นักเรียนทุนออทิสติกคนไทยคนแรก ปริญญาเอกแพทย์ในอังกฤษ มุ่งมั่นผลักดันสังคมเท่าเทียมเพื่อผู้พิการ ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย

แนะนำตัวให้แฟน ๆ THE STUDY TIMES รู้จักอย่างเป็นทางการสักนิดค่ะ?  

เพียงฝัน นาคสุขไพบูลย์ค่ะ ตอนนี้อายุ 31 ปี กำลังศึกษาระดับปริญญาเอก คณะแพทยศาสตร์ ทำวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ ชื่อหัวข้อวิจัยว่า Marie Curie Early Stage Researcher โดยได้รับทุนเต็มจำนวนจากสหภาพยุโรป หลักสูตร SPARK MSCA-COFUND ของมหาวิทยาลัยควีนส์ เบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือ สหราชอาณาจักร ตอนนี้ใช้ชีวิตที่สหราชอาณาจักรเป็นหลักค่ะ

คุณเพียงฝันมีคนติดตามทั้งใน ทวิตเตอร์และ Clubhouse จำนวนมาก แปลว่าสนใจข่าวสารและเทคโนโลยีใช่ไหมคะ

ใช่ค่ะ มีความสนใจเกี่ยวกับข่าวสารทุกประเภท ซึ่งมีเรื่องที่สนใจพิเศษคือ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้พิการ และการเข้าถึงบริการสาธารณะ ในฐานะที่ฉันมีความพิการเช่นกัน โดยมีอาการแอสเปอร์เกอร์ (Asperger’s Disorder) ซึ่งเป็นความบกพร่องทางพัฒนาการ จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับออทิสติก

ฉันเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะต้องมีการถกหรือหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาอย่างกว้างขวางบ่อยครั้งและไปสู่สาธารณะ เพราะว่าเราต้องการให้ทั้งโลกให้พื้นที่เกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่านี้

มองว่าเครื่องมือสื่อสารในยุคนี้อย่าง Twitter และ Clubhouse มีพลังมากไหม อย่างไร?

มีพลังอย่างมากค่ะ เพราะว่าเป็นช่องทางให้ผู้คนได้พูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนะเรื่องต่างๆ ในเวลาแค่เสี้ยววินาที ถ้าผู้คนเชื่อในสิ่งที่คุณพูดหรืออุดมการณ์ของคุณ พวกเขาก็จะติดตามคุณและฟังคุณ ฉันคิดว่ามันเยี่ยมมาก อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นดาบสองคม เพราะเราอยู่ในโลกที่ข้อมูลผิดพลาดไปหมด ข่าวปลอมก็เยอะมากด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ทุกๆ คนจะต้องตรวจสอบข้อมูลทุกสิ่งที่เห็นและได้ยินในโซเชียลมีเดีย และต้องใช้การคิดวิเคราะห์มากกว่าการใช้ความรู้สึกในการรับข่าวสาร

ได้ทุนเรียนมาตลอด ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่า ได้ทุนมาตั้งแต่เรียนชั้นไหน ทุนอะไรบ้าง?

1.) United World Colleges (UWC) scholarship to study at UWC Red Cross Nordic, Norway

2.) Shelby UWC Davis Scholarship, Clark University, MA, United States

3.) SPaRK MSCA COFUND, Queen’s University Belfast, Northern Ireland, United Kingdom.

เห็นว่าผ่านกิจกรรระดับโลกมาเยอะมาก เคยร่วมกิจกรรมอะไรมาบ้างคะ?

1.) ตัวแทนประเทศไทย Telenor Youth Forum and Nobel Peace Prize ปี 2015

2.) ตัวแทนประเทศไทย World Culture forum in Bali Indonesia ปี 2015

3.) กล่าวสุนทรพจน์ TEDxThammasatU talk หัวข้อ “We are differently-abled” ปี 2015.

4.) นักศึกษาฝึกงานที่สถาบันวิจัย The National Museum of Natural History in Washington DC and University of Massachusetts Medical School

5.) ผู้แทนบัณฑิต The University of Birmingham (2017-2018) and สมาชิกสภานักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย  

6.) ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง The 2020’s Falling Walls Groningen, Netherlands

ชอบเรียนหนังสือตั้งแต่เด็กเลยไหมคะ?

ฉันเติบโตมากับการที่หน้าบ้านของเราเป็นร้านหนังสือ ฉันชอบยืมหนังสือนิตยสารอย่าง National Geographic ฉบับภาษาไทย , a Day, Seventeen, คู่ผู้สร้างคู่สม มาอ่าน รวมถึงหนังสือพิมพ์ด้วย ฉันชอบใช้เวลากับอย่างสันโดษไปกับหนังสือ การรักการอ่านเปิดโลกของเราในหลายมิติ หนังสือที่ฉันเลือกอ่านไม่เฉพาะให้ประโยชน์กับเราในทางวิชาการเท่านั้น แต่ทำให้ฉันมองเห็นโลกในมุมมองที่แตกต่างออกไป การอ่านเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มีทักษะในการเข้าสังคมได้ด้วย เพราะช่วยให้ฉันสามารถที่จะมีชุดความคิดในการสนทนากับผู้อื่นอย่างชาญฉลาด ทำให้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดี รวมไปถึงคนรักของฉันที่กำลังจะแต่งงานกันในเดือนเมษายนนี้เช่นกัน

คิดว่าการศึกษามีความสำคัญกับเราอย่างไร?

พูดเรื่องการศึกษาบ้าง การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ช่วยขับเคลื่อนสังคมและทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้น ซึ่งเราได้รับสิ่งดีๆ ในชีวิตจากการศึกษา หากฉันไม่ได้รับโอกาสการศึกษาในวันนั้น ฉันก็คงไม่มีวันนี้ การศึกษาสำหรับฉัน ไม่ใช่แค่การศึกษาในระบบ แต่รวมถึงการศึกษาจากประสบการณ์การทำงาน การฝึกงาน หรือการศึกษานอกระบบด้วย การศึกษาเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนที่ทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกเพศ ทุกวัยสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม

การมีภาวะออทิสติก ทำให้การเรียนและความฝันในการชิงทุนยากขึ้นไหมคะ มีวิธีคิดอย่างไร?

คำถามนี้พิกลอยู่นะคะ อาจจะเป็นเพราะขึ้นอยู่กับนโยบายและการให้ทุนในแต่ละประเทศด้วย ถ้าเป็นประเทศไทยฉันก็ไม่รู้ เพราะฉันใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาตั้งแต่ยังเด็ก อย่างที่สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา จะมีกฎหมายที่ปกป้องไม่ให้ผู้พิการถูกแบ่งแยกออกไป หลักสูตรและนโยบายต่างๆ จึงมีความเท่าเทียมมาก ยกตัวอย่าง https://www.rnib.org.uk/young-people-starting-work/two-tick-symbol ทั้งที่พักอาศัย หรือสวัสดิการอะไรก็ตามที่ควรจะได้ ก็จะสมเหตุสมผลอย่างมาก การใช้ชีวิตเลยไม่ได้ยุ่งยากมากนัก

แต่สำหรับการเรียน แน่นอนว่าฉันใช้ความพยายามมากกว่าคนปกติที่ไม่พิการถึง 5,000 เท่า เพื่อจะแสดงความโดดเด่นในการได้รับทุนการศึกษาแต่ละครั้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงมีเพดานบางอย่างสำหรับผู้หญิง และยิ่งเป็นผู้หญิงที่พิการอย่างฉันก็ยิ่งมีเพดานที่สูงขึ้นไปอีก มีหลายครั้งที่ฉันต้องร้องไห้ที่ได้รับจดหมายปฏิเสธจากหลายมหาวิทยาลัยหรือสถานที่ทำงาน แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการท้าทายฉันให้ทลายเพดานนั้นและทำให้สำเร็จให้ได้ อย่าละทิ้งความพยายามที่จะทำอะไร เพราะอะไร? เพราะฉันได้ทลายเพดานนั้นมาแล้ว ฉันหวังว่าจะเป็นการปูเส้นทางให้คนอื่น กล้าที่จะเดินตามหลังฉันมาเช่นกัน

คุณเพียงฝันเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน ทั้งผู้พิการและผู้มีสภาพร่างกายปกติ อยากให้คุณเพียงฝันให้กำลังใจ สำหรับคนที่กำลังท้อแท้หน่อยค่ะ?

ชีวิตยากค่ะ ไม่มีทางที่จะปฏิเสธมันได้เลย ถ้าฉันปฏิเสธก็แปลว่าฉันกำลังโกหกทุกท่านอยู่ มันจะมีช่วงที่ยากสำหรับทุกคน ทุกที่แตกต่างกันออกไป หายใจเข้าลึกๆ กอดครอบครัวและเพื่อนของคุณ หรือมองหาความช่วยเหลือจากคนที่เชี่ยวชาญกว่า มันไม่ได้น่าอายเลย และจำไว้ว่าอย่ายอมแพ้ วันนี้อาจจะไม่ใช่วันของคุณ มีหลายครั้งที่ไม่ใช่วันของฉันเหมือนกัน แต่วันหนึ่งมันจะมีวันของคุณค่ะ

สำหรับผู้พิการ อย่าให้ความพิการและภาพจำของคนอื่นมาตัดสินคุณ คุณสมควรได้รับสิ่งที่พิเศษเสมอ

มีคติพจน์ประจำใจไหมคะ?

“Today you are You, that is truer than true. There is no one alive who is Youer than You!” — Dr. Seuss

“วันนี้คุณก็คือคุณ นั่นคือความจริงยิ่งกว่าความจริง และไม่มีใครในโลกที่จะเป็นตัวคุณได้ไปมากกว่าคุณ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top