Wednesday, 3 July 2024
TheStatesTimes

'วงเสวนาฯ' ชี้ 'การเมือง' มีผลต่อระบบเศรษฐกิจ นโยบายของรัฐบาล ส่งผลต่อ ' เศรษฐกิจมหภาค-การคลัง'

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ 
ประธานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 
กล่าวในงานเสวนาเรื่อง ‘การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตอย่างยั่งยืน’ ในหัวข้อ ‘ปัญหาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยใน 20 ปีที่ผ่านมา และนโยบายการเงินที่ควรพิจารณาใหม่’

'วงเสวนาฯ' ชี้ 'การเมือง' มีผลต่อระบบเศรษฐกิจ นโยบายของรัฐบาล ส่งผลต่อ ' เศรษฐกิจมหภาค-การคลัง'

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล 
ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย 
กล่าวในงานเสวนาเรื่อง ‘การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตอย่างยั่งยืน’ ในหัวข้อ ‘ยกเครื่องเศรษฐกิจไทย แก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน’ 

'วงเสวนาฯ' ชี้ 'การเมือง' มีผลต่อระบบเศรษฐกิจ นโยบายของรัฐบาล ส่งผลต่อ ' เศรษฐกิจมหภาค-การคลัง'

รศ.ดร.อธิภัทร มุทิตาเจริญ 
นักเศรษฐศาสตร์ด้านนโยบายการคลังและการพัฒนา
คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
กล่าวในงานเสวนาเรื่อง ‘การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตอย่างยั่งยืน’ ถึงปัญหาการขาดดุลการคลัง ‘เรื้อรัง’

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินสาย คาราวานป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุข ให้ชุมชน ครั้งที่ 5 นำอาสาสมัครศิลปิน และของรางวัลกว่าร้อยรายการ มอบความสุขให้ชุมชนชาวเขตบางกอกน้อย ณ โรงเรียนวัดอมรินทราราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

วันนี้ (วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม จัด “คาราวานป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุข ให้ชุมชน” ครั้งที่ 5 ยกทัพอาสาสมัครศิลปิน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายศรสุทธา กลั่นมาลี (ถั่วแระ เชิญยิ้ม) นางสาวอธิชา เทศขำ (เมย์-อธิชา) นางสาวกวินณดา พรพิชยานุรักษ์ (เรย์) นางสาวกฤษณา แซ่โค้ว (กุง) นายขวัญใจ ไมตรี (เคน) และอาสาสมัครศิลปินอีกหลายท่าน มอบความสุข พร้อมจัดกิจกรรมแจกของขวัญ และของรางวัลสุดพิเศษกว่า 100 รายการ 

พร้อมจัดบริการด้านการแพทย์ฟรีจากหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชนมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กิจกรรมนันทนาการจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และหน่วยงานในเครือ ได้แก่ โรงพยาบาลหัวเฉียว และมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ อาทิ กิจกรรม ตรวจรักษาโรคทั่วไป แจกจ่ายยา ตรวจและแจกแว่นสายตา ตัดผม การเจาะเลือด เพื่อตรวจการทำงานของตับ ไต ไขมันในเส้นเลือด น้ำตาลในเลือด เก๊าท์ และมะเร็งเต้านมเบื้องต้น ฯลฯ รวมทั้งจัดบูธแจกจ่ายอาหาร เครื่องดื่มและขนม ให้กับประชาชนภายในเขตบางกอกน้อย โดยมี นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วย  ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ  จิตอาสา อาสาสมัครมูลนิธิฯ แขกผู้มีเกียรติ และประชาชนร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ณ โรงเรียนวัดอมรินทราราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้าปราบปรามจับกุม พนันออนไลน์และออนไซต์ ช่วงแข่งขันฟุตบอลยูโร ตั้งแต่เริ่มแข่งขันจับกุมผู้ต้องหาแล้วกว่า 2,600 คน

วันนี้ (29 มิถุนายน 2567) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2024 ในห้วงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 หรือฟุตบอลยูโร 2024 ระหว่างในวันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม 2567 ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทั้งออนไลน์และออนไซต์

ผลการจับกุมการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร ปี 2024 ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 21-27 มิถุนายน 2567 แบ่งเป็น
1. การจับกุมการพนันออนไซต์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 784 คน แบ่งเป็น เจ้ามือ 3 คน , ผู้เล่น 769 คน , คนเดินโพย 12 คน เงินหมุนเวียน 117,440 บาท 
2. การจับกุมการพนันออนไลน์ สามารถจับกุมได้ 80 เว็บไซต์ ผู้ต้องหารวม 265 คน แบ่งเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน 35 คน , ผู้เล่น 230 คน เงินหมุนเวียนในระบบกว่า 400 ล้านบาท

ภาพรวมสถิติการจับกุมการพนันออนไลน์และออนไซต์ ตั้งแต่เปิดศูนย์ฯ วันที่ 14-27 มิถุนายน 2567 มีผลการจับกุมผู้ต้องหา รวม 2,626 คนแบ่งเป็น
1. การจับกุมการพนันออนไซต์ 2,113 คน แบ่งเป็น เจ้ามือ 39 คน , ผู้เล่น 2,052 คน , คนเดินโพย 22 คน เงินหมุนเวียน 339754 บาท 
2. การจับกุมพนันออนไลน์ 142 เว็บไซต์ ผู้ต้องหารวม 513 คน แบ่งเป็น ผู้จัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ 63 คน , ผู้เล่น 450 คน เงินหมุนเวียนกว่า 1,800 ล้านบาท 

พล.ต.ท.อัคราเดชฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยังคงเดินหน้าอย่างเข้มข้นในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการพนันฟุตบอล  พร้อมฝากเตือนผู้ประกอบการร้านค้าหรือสถานบริการต่างๆ ที่มีการเปิดให้ชมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ขอให้ปิดสถานบริการตามเวลาที่กฎหมายกำหนด หากฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย

ทรภ.1 ให้ เรือหลวงกระบุรี ลาดตระเวนและเยี่ยมชมแท่นผลิตปิโตรเลียมมโนราห์ กลางอ่าวไทย

ระหว่าง 26 - 28 มิถุนายน 2567 พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) สั่งการให้เรือหลวงกระบุรี ออกลาดตระเวนและสนับสนุน ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1(ศรชล.ภาค 1) ในการตรวจสอบการทำประมงผิดกฎหมายและเรือประมงต่างชาติลักลอบทำการประมงในน่านน้ำและเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย กับตรวจสอบคุ้มครองแท่นผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่รับผิดชอบ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเล

โดยในวันที่ 28 มิถุนายน 2567 เรือหลวงกระบุรี ได้รับการต้อนรับและอนุญาตให้กำลังพล ขึ้นเยี่ยมชมการดำเนินการควบคุมในการผลิตปิโตรเลียมของแท่นขุดเจาะมโนราห์ กลางอ่าวไทย ซึ่งทำให้กำลังพลของกองทัพเรือ ได้รับความรู้ความเข้าใจและความสำคัญของแท่นผลิต ในการนำผลประโยชน์ของชาติที่มีอยู่ในทะเลมาสู่ประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม

'พีระพันธุ์' ขานรับ 'ก.เกษตร' เร่งช่วยชาวสวนปาล์มสุราษฎร์ฯ แก้ปัญหาราคาตกต่ำ พร้อมหนุนไฟฟ้าระบบโซลาร์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแก่เกษตรกร

‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ ลงพื้นที่จังหวัด สุราษฎร์ธานี รับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ พร้อมเร่งแนวทางผลิตน้ำมันระบบไพโรไลซิสจากขยะพลาสติกและเศษถ้วยยางพาราเพื่อช่วยลดมลภาวะและช่วยเกษตรกร รวมทั้งเร่งการสนับสนุนไฟฟ้าระบบโซลาร์เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้เกษตรกรและประชาชนอย่างยั่งยืน

เมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำจากชาวสวนปาล์มและโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ หรือ CPO ณ บริษัท ปาล์มทองคำ จำกัด อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีครั้งนี้ เพื่อพบพูดคุยปัญหากับชาวสวนปาล์มที่ประสบปัญหาราคาปาล์มตกต่ำโดยตรง พบว่าปัจจุบันปัญหาลดน้อยลงแล้วและลานเทก็รับซื้อทะลายปาล์มจากชาวสวนยางในราคาสูงขึ้น แต่ปัญหาคืออยากให้กรมการค้าภายในประกาศราคารับซื้อทะลายปาล์มในราคาสูงขึ้น เพราะราคาปุ๋ยกับค่าใช้จ่ายอื่นไม่ลดลง ส่วนปัญหาของโรงหีบหรือโรงสกัดคืออยากให้วางระบบการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบของโรงงานไบโอดีเซลให้มีความเป็นธรรมกับลานเทและโรงสกัดมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีกฎหมายกำกับดูแลลานเทและโรงสกัดแต่กลับไม่มีกฎหมายกำกับดูแลโรงงานไบโอดีเซลในการซื้อน้ำมันปาล์มดิบ CPO และการขายน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ รวมทั้งน้ำมัน B100 ที่นำมาผสมน้ำมันดีเซล ซึ่งนายพีระพันธุ์รับว่าจะนำไปพิจารณา ทั้งนี้ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน ทำงานร่วมกันเพื่อเร่งหามาตรการแก้ไขและช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนปาล์มอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงพลังงาน แม้ว่าจะไม่ใช่กระทรวงหลักที่ดูแลปัญหาดังกล่าว ทว่า ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงเกษตรฯ ได้ขอให้กระทรวงพลังงานช่วยดำเนินการให้ผู้ค้าน้ำมัน เช่น ปตท. และ บางจาก รับซื้อน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ B100 จากโรงงานผลิตไบโอดีเซลที่นำมาใช้ผสมน้ำมันดีเซล ในราคาประมาณ 33-35 ต่อกิโลกรัม ตามที่สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ประกาศไว้ เนื่องจากมองว่าจะทำให้การรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบหรือ CPO จากโรงหีบหรือโรงสกัดในราคาสูงขึ้นได้ จากนั้นโรงหีบหรือโรงสกัดก็จะไปซื้อผลปาล์มจากลานเทในราคาสูงขึ้น และจะทำให้ลานเทสามารถขยับราคารับซื้อผลปาล์มจากชาวสวนปาล์มสูงขึ้นด้วยตามลำดับ 

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะบังคับผู้ค้าน้ำมันให้รับซื้อน้ำมัน B100 ในราคาใดราคาหนึ่ง ต่างจากกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนั้นโรงงานผลิตไบโอดีเซลเป็นขั้นตอนที่อยู่ห่างจากการซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรที่ลานเทมาก จึงขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันที่จะซื้อน้ำมัน B100 จากโรงงานไบโอดีเซลต้องทำความตกลงกับโรงสกัดและลานเทว่าจะรับซื้อทะลายปาล์มจากชาวสวนปาล์มในราคาสูงขึ้นด้วยเสียก่อน ขณะเดียวกัน จะผลักดันการนำน้ำมันปาล์มดิบ CPO ขยะพลาสติก และเศษถ้วยยางไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตน้ำมันระบบไพโรไลซิสในชุมชนเพื่อช่วยลดมลภาวะและช่วยลดภาระด้านน้ำมันเชื้อเพลิงให้เกษตรกร

“ก่อนหน้านี้ เคยให้ความเห็นไว้ว่า หากต้องการจะช่วยเหลือชาวสวนปาล์มจริง ๆ แล้ว ควรให้กระทรวงพาณิชย์กำกับให้ลานเทรับซื้อผลปาล์มในราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศตามกฎหมายมากกว่า เพราะปัญหาในปัจจุบันคือ ลานเทส่วนมากไม่รับซื้อผลปาล์มในราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ ในขณะที่โรงหีบหรือโรงสกัดส่วนใหญ่กลับเป็นผู้รับซื้อผลปาล์มจากลานเทตามราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ ปัญหาอีกอย่างคือเรายังไม่มีการขึ้นทะเบียนลานเทว่า มีจำนวนเท่าใด ขนาดใด ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อมาดูกระบวนการรับซื้อปาล์มของลานเทในจังหวัดสุราษฎร์ธานี หนึ่งในจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันมากที่สุดของประเทศ จากนั้นจะนำไปสู่การบูรณาการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวสวนปาล์มอย่างยั่งยืนต่อไป”

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังได้รับฟังเสียงจากชาวสุราษฎร์ธานี ที่ต้องการให้ช่วยส่งเสริมไฟฟ้าจากแสงแดดหรือระบบโซลาร์เซลล์ ซึ่งนายพีระพันธุ์แจ้งให้ทราบว่าปัจจุบันกระทรวงพลังงานกำลังเตรียมการที่จะสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรและชาวบ้านในการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในเรื่องนโยบายและงบประมาณ แต่ในระยะยาวต้องทำกฎหมายการส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นการเฉพาะเพื่อลดขั้นตอนการขออนุญาตและกำหนดมาตรการสนับสนุนอย่างยั่งยืนด้วย ปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้เจรจากับกระทรวงการคลังที่จะให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์รูฟ มาหักภาษีเงินได้ คาดว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุม ครม. ได้ในเร็วๆ นี้ 

'อิหร่าน' ดีเดย์ 5 ก.ค.นี้ ชวนประชาชนเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่สอง หลังผู้สมัครชิงตำแหน่งทั้งสี่ ไม่มีผู้ได้รับคะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง (50%) 

สถานทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ณ กรุงเทพมหานคร แจ้งว่า เนื่องจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้งสี่ ไม่มีผู้ใดได้รับคะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง (50%) 

ดังนั้น สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน จึงจัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่สองในวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม โดยเป็นการเลือกจากผู้สมัครที่ได้รับคะแนนสูงสุดใน 2 ลำดับแรกในรอบที่ผ่านมา ซึ่งได้แก่ นาย Saeed Jalili (38.6%) และ นาย Masoud Pezeshkian (42.5%)

***ทั้งนี้ในส่วนของชาวอิหร่านที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ทางสถานทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ณ กรุงเทพมหานคร ยังคงทำหน้าที่เป็นหน่วยเลือกตั้งสำหรับชาวอิหร่านในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งในวันศุกร์ ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 08.00 ถึง 18.00 น . 

สถานทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ณ กรุงเทพมหานคร จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวอิหร่านในประเทศไทยได้ออกมาใช้สิทธิของท่านอีกครั้งหนึ่ง

'ดร.เอ้' ชื่นชม!! 'ลิซ่า-ทีมงาน' ไม่เคยลืมความเป็นไทย ส่งต่อของดีของไทยสู่สายตาชาวโลก สร้างมูลค่าทาง ศก.มหาศาล

(30 มิ.ย.67) จากเฟซบุ๊กของ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ 'ดร.เอ้' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ปรากฏการณ์ Rockstar จากน้อง Lisa และ กระแสเยาวราช fever สะท้อนอะไรถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยวันนี้?

หลังจากน้องลิซ่าได้ปล่อย teaser รวมทั้ง MV ซิงเกิ้ลใหม่ตั้งแต่เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา กับยอด view สูงถึงเกือบ 32 ล้าน view เพียงในวันแรก จนทุก Platform ลุกเป็นไฟ

จนตอนนี้ไม่มีย่านไหนที่จะฮอตอยู่ใน spotlight ความสนใจของคนไทยและคนทั่วโลกเท่ากับ ’เยาวราช‘ พื้นที่เก่าแก่ ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจมหาศาลสำหรับเมืองไทยและคนกรุงเทพ 

ต้องชื่นชมความน่ารักของน้องลิซ่าและทีมงานที่ไม่เคยลืมเมืองไทย คนไทย เป็นตัวอย่างความกตัญญูของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่เคยลืมถิ่นกำเนิด นำเสนอของดีของไทยในแบบของเธอเอง ซึ่งเข้าใจและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี 

ตั้งแต่ ปราสาทหินพนมรุ้ง ใน MV เพลง ‘La Lisa’ สวมผ้าซิ่น ‘ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม‘ จากอุดรธานี ไปทริปไหว้พระกับเพื่อนๆ ปรากฏการณ์ ‘ลูกชิ้นยืนกิน‘ ที่เธอพูดถึงในรายการ Woody show อีกทั้งโรตีสายไหม ร้านเจ้ไฝ และนมถุงหนองโพ ก็ได้เป็นไวรัล ที่ ‘เข้าใจจริง‘ และช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่คนไทยได้อย่างมหาศาล แบบประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว

สิ่งเหล่านี้และครับที่ผมคิดว่าเราควรจะยกให้เธอเป็น ‘ผู้นำ Soft power ของแทร่‘ อย่างที่คนสมัยนี้เขาพูดกัน กับผลงานที่จับต้องได้ และเป็นประโยชน์กับคนไทย ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยในระดับชาติ ซึ่งคนไทยน่าจะได้จากรัฐมากกว่าการไปร่วมเปิดงานกับชาวต่างชาติ ใส่ชุดที่ตัดจากผ้าไทย แล้วบอกว่านี่แหละคือ Soft power แล้ว?

ถ้าผู้ปกครองชุดปัจจุบันแค่จะมองให้ลึก เข้าใจให้จริงถึงสิ่งที่มีค่าของ ‘อัตลักษณ์แบบไทย‘ ที่สามารถโดนใจคนทั่วโลก และมีวิสัยทัศน์มากขึ้นอีกนิดที่จะวางนโยบายผลักดัน ’ของดีของไทย’ ให้ไปสู่สายตาคนทั่วโลก และวางนโยบายที่ส่งต่อสิ่งเหล่านี้ให้ขับเคลื่อน สร้างกระแสเศรษฐกิจไทย มากกว่านโยบายที่แจกเงินประชาชนแล้วก็จบไป ประเทศไทยเราคงไปได้ไกลกว่านี้แน่นอน

เพราะผมเชื่อเหลือเกินในศักยภาพคนไทย ถ้าตั้งใจ ทำจริงแล้วละก็ ไม่มีแพ้ชาติใดในโลก ยังมีคนไทยเก่งๆ แบบนี้อีกเยอะ มาช่วยกันรวมพลัง สร้างคลื่นคนไทยแบบ ‘T-Wave คลื่นลูกใหม่ ไทยนิยม‘ ให้ไปสะเทือนเวทีโลกกันได้อีกแน่นอน ซึ่งจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจไทย ด้วยการเริ่มใส่ใจกับการพัฒนาศักยภาพ และการศึกษาของคนไทยตั้งแต่วันนี้ครับ

ผมเองอาจสามารถเรียกได้ว่า เป็นแฟนเพลงตัวจริงของน้องลิซ่า แต่ก็แอบชื่นชมผลงานอยู่ไกลๆ รวมทั้งยังขอเป็นติ่งน้อยๆ ของคนไทยที่ร่วมภาคภูมิใจที่เธอไปเขย่าเวทีโลก ให้ต่างประเทศต้องจับตามองและติดตามศิลปินหญิงคนหนึ่งจากประเทศเล็กๆ ที่ชื่อว่า ‘ประเทศไทย’ ขอบคุณที่เป็นตัวอย่างดีๆ ของคนรุ่นใหม่ และพี่เอ้เองด้วยนะครับ

ว่าแล้ว จะชวนทีมงานน้องๆ พรรคประชาธิปัตย์ไปหาของอร่อยกินที่เยาวราชตามรอย Rockstar กันดีกว่า มีเพื่อนๆ พี่ๆ ท่านไหนสนใจไปด้วยกันไหมครับ? :)

โดนแล้ว!! 'สื่อตะวันตก' ปั่นกระแส '2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ รับเงินหลวง ปฏิบัติข่าวสารเลือกข้าง แบบที่ฟอกขาวอิสราเอล แต่ดิสเครดิตจีนปมอุยกูร์

มีเรื่องราวอันเป็นข่าวเกี่ยวกับ ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ด้วยมีข่าวปรากฏออกมาว่า วันที่ 7 พ.ค. 2567 สื่อต่างประเทศรายหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) ได้สัมภาษณ์ ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ ผู้กำกับ ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’  ด้วยการเริ่มคำถามทั่วไปเกี่ยวกับ ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้ ซึ่งสื่อต่างประเทศรายนั้นถามว่า งบประมาณที่ใช้ทำแอนิเมชันเรื่องนี้มาจากกองทัพ ใช่หรือไม่ หรือการที่ ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ ในฐานะผู้กำกับตัดสินใจทำแอนิเมชันเรื่องนี้มาจากม็อบเยาวชนออกมาเคลื่อนไหวเรื่องภารกิจคณะราษฎร ใช่หรือไม่

ตามด้วยคำถามที่เกี่ยวกับการเมืองไทยในปัจจุบัน อาทิ คุณไม่อยากให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาลใช่หรือไม่, คุณคิดเห็นอย่างไรกับการยุบพรรคก้าวไกล, คุณเห็นว่า มาตรา 112 มีปัญหาหรือไม่, คุณคิดว่าบทลงโทษ 3-15 ปี ไม่รุนแรงไปหรือ?, แล้วการที่แค่วิจารณ์แล้วต้องติดคุก มันเหมาะสมหรือไม่?, แล้วคุณคิดเห็นอย่างไร? ที่หลายฝ่ายมองว่า ม.112 ละเมิดสิทธิมนุษยชน และ แล้ว มุมมองประชาธิปไตยของคุณเป็นอย่างไร? 

(***สามารถอ่านคำถามและคำตอบของ ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ ได้ที่ >> https://www.facebook.com/2475animation/posts/pfbid0tkoXHrYutYW3RfNYzGTSAUdRmxQxMvsd6B1aYcuVYr8jPuvSomjKssMw9ujRGXm6l)

จะเห็นได้ว่าคำถามต่าง ๆ ของสื่อต่างประเทศรายนั้นที่ถามต่อสัมภาษณ์ ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ ผู้กำกับ ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ เป็นคำถามที่มีลักษณะชี้นำแกมบังคับเพื่อให้ผู้ตอบได้แสดงออกถึงจุดยืนทางการเมืองฟากฝ่ายใดฟากฝ่ายหนึ่ง แต่ ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ สามารถตอบคำถามต่าง ๆ เหล่านั้นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม แสดงถึงความเป็นกลางทางการเมือง และความถูกต้องตามมาตรฐานของคุณธรรมและจริยธรรมได้อย่างชัดเจน สมควรที่จะได้รับคำชื่นชมจากพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนที่รักในความเป็นธรรมและยึดถือในความถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง

หลายปีที่ผ่านมา ‘สื่อตะวันตก’ ได้เปลี่ยนบทบาทท่าทีจากความเป็นสื่อมวลชนที่มีคุณภาพและจรรยาบรรณ ยึดถือความเป็นกลาง นำเสนอข่าวสารข้อมูลอันเป็นจริงด้วยความเป็นธรรม ไม่เอนเอียงไปทางฟากฝ่ายใดฟากฟากหนึ่งของความขัดแย้ง แต่กาลปัจจุบันกลับไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว สื่อมวลชน โดยเฉพาะสื่อตะวันตกจะนำเสนอข่าวสารข้อมูลที่มีลักษณะเลือกข้าง ราวกับรับงานจากรัฐบาลและนายทุนฟากฝ่ายตะวันตกมา ‘ปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสาร’ (Information Operation : IO) โจมตีประเทศต่าง ๆ ที่เป็นคู่ขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็น จีน รัสเซีย อิหร่าน ฯลฯ

ในขณะที่ประเทศที่โลกตะวันตกสนับสนุนอย่างเช่น อิสราเอล ซึ่งไม่ว่าจะก่ออาชญากรรมเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ชาวปาเลสไตน์ไปมากมายขนาดไหน ก็ไม่เคยถูก ‘สื่อตะวันตก’ ประณามหรือกล่าวร้ายเลย โดย ‘สื่อตะวันตก’ เหล่านั้นต่างพยายามให้ข้อมูลกับชาวโลกว่า อิสราเอลป้องกันตนเองอย่างชอบธรรม ทั้ง ๆ ที่พฤติการณ์และพฤติกรรมที่อิสราเอลทำกับชาวปาเลสไตน์นั้น โหดร้ายและป่าเถื่อน เกินกว่าการป้องกันตัวเองไปจนมากมายเกินไปแล้วก็ตาม 

แต่ในกรณีของการปฏิบัติของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อชาวอุยกูร์ ทั้ง ๆ ที่เมืองต่าง ๆ ในดินแดนซินเกียงที่ชาวอุยกูร์อาศัยอยู่นั้นได้รับการพัฒนาความเจริญมากมายในทุก ๆ ด้าน และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเขตกาซ่าหรือเขตเวสต์แบงก์ของชาวปาเลสไตน์ซึ่งถูกอิสราเอลปิดล้อมอยู่นั้น ภาพที่ปรากฏเปรียบเทียบความแตกต่างได้ว่ามากกว่าฟ้ากับเหวเสียด้วยซ้ำไป แต่ ‘สื่อตะวันตก’ ยังคงประณาม กล่าวร้าย จีนว่ากดขี่และละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์ จนมีการแบนผลิตภัณฑ์จากฝ้ายที่เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของซินเกียง โดยรัฐบาลของประเทศมหาอำนาจตะวันตก

จากภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ หากนำเรื่องราวต่าง ๆ มาศึกษาติดตามต่อแล้วจะค้นพบถึงสัจธรรมและปรัชญาทางพุทธศาสนาอย่างน้อย 2 ประการคือ ‘ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย’ (สจจ เว อมตวาจา) และ ‘สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม’ (กมฺมุนา วตฺตตี โลโก) โดยเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย’ ได้แก่สิ่งต่าง ๆ ที่คณะราษฎรได้ทำแต่ถูกปิดเงียบเก็บงำเป็นความลับมายาวนานกว่า 80 ปีนั้น ปรากฎโดยเอกสารผลสอบสวนของคณะกรรมการเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินของพระคลังข้างที่ หรือสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน (ในขณะนั้น) ซึ่งเป็นรายงานที่ทำโดยสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อปี พ.ศ.2480 ได้บอกเล่าอธิบายเกี่ยวกับพฤติกรรมและวิธีการของสมาชิกคณะราษฎรซึ่งดำเนินการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ.2475 ในการซื้อที่ดินพระคลังข้างที่ในราคาถูกมาเป็นกรรมสิทธิของตัวเองและพวกพ้อง ด้วยวิธีการที่ไม่สุจริต ซึ่งถูกชี้ชัดว่าเป็นวิธีการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

ส่วนเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม’ นั้น มาจากการที่ ‘แกนนำคณะราษฎร’ เกือบทั้งหมดเป็นข้าราชการทหารและพลเรือน เคยเป็นนักเรียนต่างประเทศจึงได้รับการอุปถัมภ์ดูแลจากล้นเกล้าฯ ในหลวง รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 ตลอดจนเหล่าบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลาย แต่การปฏิวัติสยาม 2475 นั้น ‘แกนนำคณะราษฎร’ กลับใช้กำลังบังคับจับกุมเหล่าบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลาย ซึ่งหลายพระองค์ได้ทรงให้ความเมตตาเอ็นดูต่อ ‘แกนนำคณะราษฎร’ ตั้งแต่ยังศึกษาเล่าเรียนหรือเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย การกระทำดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนการเนรคุณต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งผลแห่งกรรมของบรรดา ‘แกนนำคณะราษฎร’ เกิดขึ้นอย่างมากมายในภายหลัง แม้คนรุ่นใหม่ในยุคสมัยนี้อาจไม่เชื่อ แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า บรรดา ‘แกนนำคณะราษฎร’ หลายคนนั้นจบชีวิตลงด้วยความทุกข์ทรมาน ยากลำบาก ไม่ด้วยทางกาย ก็ทางใจ และบางคนก็ไม่สามารถมากลับมาสิ้นสุดหยุดชีวิตบนแผ่นดินเกิดได้ 

ดังนั้น ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ นอกจากจะเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนความเป็นจริงที่ถูกต้องของประวัติศาสตร์ชาติไทยแล้ว ยังให้ข้อคิด อุทาหรณ์ บทเรียนมากมายแก่ผู้ที่เข้าใจต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยเพียงแค่ ‘กระพี้’ แต่กลับปฏิบัติตัวเช่นผู้ที่บรรลุถึง ‘แก่นแท้’ ของประชาธิปไตยแล้ว ซึ่งทำให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทยไม่เคยสมบูรณ์แบบ ทำให้เกิดปัญหาเรื่อยมา ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ได้แสดงให้เห็นถึงความหมายที่แท้จริงและชัดเจนของประโยคที่ว่า ‘เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้ว กระดุมเม็ดต่อ ๆ ไปก็กลัดผิดหมด’ ขอขอบคุณคณะผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะพบพานปัญหาอุปสรรคเยอะแยะมากมาย แต่ก็ไม่ได้ย่อท้อ บุคคลเหล่านี้ถือได้ว่ามีคุณสมบัติเป็นทองอย่างแท้จริง และเมื่อเป็นทองแล้ว...ย่อมไม่กลัวไฟ!!!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top