Wednesday, 3 July 2024
TheStatesTimes

'กบน.' ควักเงินกองทุนฯ ชดเชยราคาดีเซลเพิ่ม  หลังปรับขึ้นราคาไม่ได้อีก เพื่อลดกระทบประชาชน

(24 มิ.ย.67) ศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center - ENC) รายงานสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้พิจารณาเพิ่มเงินชดเชยราคาดีเซลขึ้นอีกครั้งเป็น 2.02 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชยอยู่ 1.60 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับ กบน. ไม่สามารถปรับขึ้นราคาดีเซลได้อีกแล้ว เนื่องจากเต็มเพดานที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้ปรับขึ้นได้ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งปัจจุบันราคาดีเซลจำหน่ายอยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร ทำให้ กบน. ต้องอนุมัติใช้เงินกองทุนฯ ชดเชยราคาดีเซลเพิ่มขึ้นแทน

ทั้งนี้การเพิ่มเงินชดเชยราคาดีเซลดังกล่าว ส่งผลให้กองทุนฯ ต้องประสบปัญหาเงินไหลออก 178.28 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งมากกว่าเงินไหลเข้า 158.47 ล้านบาทต่อวัน ทำให้เงินกองทุนฯ ติดลบวันละ 19.81 ล้านบาท หรือประมาณ 594 ล้านบาทต่อเดือน

โดยสถานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดที่รายงานโดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ณ วันที่ 23 มิ.ย. 2567 ภาพรวมกองทุนฯ ยังคงติดลบรวม -110,743 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบรวม -63,121 ล้านบาท และมาจากบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบรวม -47,622 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กบน. พยายามปรับขึ้นราคาดีเซลจาก 29.94 บาทต่อลิตร นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2567 เป็น 32.94 บาทต่อลิตร หรือเท่ากับปรับขึ้น รวม 6 ครั้ง เป็นเงิน 3 บาทต่อลิตร โดย ครม. อนุญาตให้ปรับขึ้นราคาดีเซลได้ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้นระหว่างวันที่ 20 เม.ย.-31 ก.ค. 2567 

ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาดีเซลดังกล่าว เพื่อช่วยลดภาระกองทุนฯ ในการชดเชยราคาดีเซล และหวังให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้าจนบัญชีเป็นบวกในแต่ละวัน เนื่องจากต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการชำระหนี้เงินต้นก้อนแรก จำนวน 30,000 ล้านบาทในเดือน พ.ย. 2567 นี้ (จากหนี้กู้ยืมทั้งหมด 105,333 ล้านบาท) เบื้องต้น กบน. เคยระบุว่าจะพยายามทำให้กองทุนฯ มีรายรับเป็นบวกในแต่ละวันให้ได้ ภายในเดือน ต.ค. 2567 หรือในอีก 4 เดือนข้างหน้าเพื่อให้ทันต่อการชำระหนี้เงินต้นก้อนนี้

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกล่าสุด ณ วันที่ 24 มิ.ย. 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 82.49 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.34 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 80.76 เหรียญหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.03 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 85.29 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.05 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ในส่วนของค่าการตลาดน้ำมันที่ผู้ค้าได้รับ ในวันที่ 24 มิ.ย. 2567 ซึ่งรายงานโดย สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พบว่าค่าการตลาดดีเซลอยู่ที่ 1.87 บาทต่อลิตร ส่วนของกลุ่มเบนซินยังสูงอยู่ที่ประมาณ 3.4-3.7 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดน้ำมันตั้งแต่ 1-24 มิ.ย. 2567 อยู่ที่ 2.34 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่ควรได้ที่ 1.50-2 บาทต่อลิตร)

'สุริยะ' แย้มข่าวดี!! มอเตอร์เวย์ 'บางปะอิน-โคราช' ลุ้นเปิดทั้งเส้นต้นปี 69 อำนวยความสะดวกการเดินทาง-บรรเทาการจราจรหนาแน่นบน ถ.มิตรภาพ

(24 มิ.ย. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) เร่งรัดดำเนินการก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน - นครราชสีมา หมายเลข 6 (M6) ระยะทาง 196 กิโลเมตร (กม.) โดยความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างฯ จากข้อมูล ณ พฤษภาคม 2567 งานด้านโยธา มีความก้าวหน้า 95.20% ล่าสุดก่อสร้างแล้วเสร็จ 31 สัญญา และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 9 สัญญา 

ขณะที่งานระบบ มีความก้าวหน้า 39.86% ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างด่านเก็บค่าผ่านทาง 9 ด่าน ส่วนงานก่อสร้างที่พักริมทาง 15 แห่ง ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างในเดือนมิถุนายน 2568 และจะเปิดให้บริการบางส่วนได้ในช่วงเดือนมิถุนายน 2569 

ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะเปิดให้บริการตลอดเส้นทาง โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางภายในปี 2568 ก่อนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ต่อไป

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ยังได้สั่งการให้ ทล. เร่งก่อสร้างมอเตอร์เวย์ M6 ช่วงหินกอง - ปากช่อง ระยะทาง 87 กม. ซึ่งเป็นช่วงที่การจราจรบนถนนมิตรภาพที่มีความหนาแน่น โดยตั้งเป้าหมายจะเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่จะถึงนี้ โดยในระยะแรก จะเปิดให้บริการ 1 ฝั่งจราจร 

ทั้งนี้ การเปิดให้บริการมอเตอร์เวย์ M6 เพิ่มเติมในช่วงหินกอง - ปากช่องนั้น จะทำให้ประชาชนสามารถใช้บริการมอเตอร์เวย์ M6 รวมระยะทางประมาณ 164 กม. จากที่ในปัจจุบัน ทล. ได้เปิดให้ประชาชนได้บริการแล้ว ตั้งแต่ช่วงอำเภอปากช่อง - ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา ระยะทาง 77 กม. 

อย่างไรก็ตาม การเปิดให้บริการมอเตอร์เวย์ M6 นั้น จะช่วยเพิ่มทางเลือก และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน อีกทั้งยังแบ่งเบาการจราจรหนาแน่นบนถนนมิตรภาพ ที่ในช่วงเทศกาลต่างๆ  จะมีประชาชนใช้เส้นทางดังกล่าว เดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยว ตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย

ดร.เอก์’ นำคณะสื่อต้านโกง ร่วมแสดงความยินดีกับ สมาพันธ์สื่อมวลชนฯ ในโอกาสครบรอบ 44 ปี

ดร เอก์  เหลืองสะอาด  นายกสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) นำคณะสื่อต้านโกง ร่วมแสดงความยินดีกับสมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ในโอกาสครบรอบ 44 ปี พร้อมร่วมงานมอบรางวัลการประกวดภาพข่าวอาเซียน และการประกวดภาพท่องเที่ยวไทย ประจำปี 2024 ณ ห้องเดอะมิตร-ติ้ง รูม สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ โดยงานวันนี้ได้รับเกียรติจาก นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

สำหรับการประกวดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของสื่อมวลชนในกลุ่มประเทศอาเซียน และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนในอาเซียนได้แสดงความสามารถในการถ่ายภาพด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนการสนับสนุนให้สื่อมวลชนในอาเซียนร่วมส่งเสริมการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ

(สุรินทร์) กกล.สุรนารี  ฝึกเหมือนรบ!!! แม่ทัพภาคที่ 2 เยี่ยมการฝึกซักซ้อม และทดสอบแผนป้องกันประเทศ ประจำปี 2567

วันที่ 24 มิถุนายน 2567 พลโท อดุลย์  บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาตรวจเยี่ยมการฝึกซักซ้อม และทดสอบแผนป้องกันประเทศ ณ กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์สุรินทร์ โดยมี พลตรี ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ให้การต้อนรับและร่วมปฏิบัติภารกิจ ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้จัดการฝึกขึ้นเพื่อให้กำลังพลทุกนาย มีความรู้ ความเข้าใจ ความคุ้นเคยต่อการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ และแผนป้องกันประเทศ นำไปสู่การเตรียมความพร้อมตั้งแต่ในยามปกติ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาความพร้อม และขีดความสามารถทางทหารให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ
 

‘Picostim’ ก้าวสำคัญแห่งความสำเร็จในการรักษา ‘โรคลมบ้าหมู’ ด้วยเครื่องกระตุ้นประสาทขนาดจิ๋ว ชาร์จไฟผ่านหูฟังไร้สาย


‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ (Epilepsy) เกิดจากเซลล์สมองที่ทำงานเชื่อมโยงกันเหมือนวงจรไฟฟ้าและปล่อยคลื่นไฟฟ้าออกมาผิดปกติพร้อมกันอย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้ระบบประสาทเกิดความผิดปกติจนไม่สามารถควบคุมตนเองหรือเกิดอาการชักซ้ำ ๆ โดยอาการแสดงที่เกิดขึ้นนั้น ขึ้นกับว่าเป็นส่วนใดของสมองที่ได้รับการกระตุ้น และอาการจะเกิดขึ้นเป็นๆ หายๆ ในระยะเวลาไม่นาน มักเกิดขึ้นทันทีและหยุดเอง แต่ส่วนใหญ่อาการมักเกิดขึ้นซ้ำเรื่อย ๆ ถือเป็นโรคทางระบบประสาทซึ่งพบได้ 70 คนจาก 1,000 คน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ไม่สูงมาก แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต โดยพบได้ในทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะในเด็กเล็ก 4 - 6 ขวบ หรือกระทั่งผู้สูงอายุที่มีอาการของสมองเสื่อม


สาเหตุที่ทำให้เกิด ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ นอกเหนือจากความผิดปกติของสมองแล้วสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคลมชักได้ อาทิ กรรมพันธุ์ที่มักมีอาการชักร่วมด้วย การติดเชื้อทางสมอง การเกิดสภาวะสมองขาดออกซิเจน การได้รับอุบัติเหตุกระทบกระเทือนจนทำให้เกิดแผลเป็นในสมอง ภาวะสมองพิการแต่กำเนิดซึ่งเกิดตั้งแต่เมื่อทารกยังอยู่ในครรภ์ เนื้องอกในสมอง หรือมะเร็งที่กระจายจากอวัยวะอื่น ๆ มาสู่สมอง หลอดเลือดในสมองแตกหรือตีบอุดตันเฉียบพลัน โรคไต การรับยาเกินขนาด การติดเชื้อในสมอง เช่น ไข้สมองอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย การติดเชื้อโปรโตซัว หรือพยาธิในสมอง รวมไปถึงผู้ที่ป่วยด้วยอาการพิษสุราเรื้อรัง กระทั่งไม่ทราบสาเหตุด้วยเมื่อทำการตรวจแล้วแต่กลับไม่พบร่องรอยของโรคในสมอง


อาการของ ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ มีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าในสมองผิดปกติตรงส่วนใดของสมองและมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน บางอาการสังเกตได้ยากว่ามีอาการชักอยู่ โดยอาการชักมี 2 ลักษณะ ดังนี้

อาการชักแบบเกร็งกระตุกทั้งตัว จากการส่งสัญญาณคลื่นไฟฟ้าจากส่วนลึกของสมองผิดปกติกระจายไปทั่วสมอง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการชักเกร็ง กระตุก หมดสติทันทีทันใด กล้ามเนื้อลำตัวและแขนขาเกร็ง หยุดหายใจชั่วขณะ หน้าเขียว กัดลิ้น ปัสสาวะราด และหลับไป เมื่อตื่นรู้ตัวจะมีอาการปวดเมื่อยตามตัว เพลีย ปวดศีรษะ บางรายยังไม่ทันตื่นก็เกิดอาการชักซ้ำ
อาการชักเฉพาะที่ โดยกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติอาจรบกวนสมองส่วนที่ควบคุมการทำงานแห่งใดแห่งหนึ่งในร่างกาย อาการชักที่เกิดจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับตำแหน่งของสัญญาณคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติบนผิวสมอง เช่น อาการกระตุกใบหน้า มุมปาก แขนหรือขา มีอาการชานอกจากนี้อาจมีอาการ เห็นแสงสว่างหรือเห็นเป็นรูปร่าง เห็นภาพหลอน คลื่นไส้ ปวดท้อง ความรู้สึกเหมือนฝัน หูแว่ว หรือใจสั่น ใจหวิว หรือบางครั้งมีอาการเหม่อและนิ่ง เรียกแล้วไม่รู้สึกตัว พร้อมกับอาการเคี้ยวปาก มีการใช้มือคลำไปมาโดยไม่มีสาเหตุที่ต้องคลำ


อันตรายของ ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ หากผู้ป่วยแสดงอาการอยู่บ่อยๆ และไม่ได้รับการรักษา กระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติในสมองจะทำให้เกิดการหลั่งสารออกมาแล้วทำลายเซลล์สมอง นาน ๆ เข้าอาจทำให้เนื้อสมองตาย จนทำให้ความจำมีปัญหา หากทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ขับรถหรือว่ายน้ำ ก็จะเป็นอันตราย และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้นผู้ป่วย ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ จึงไม่ควรที่จะขับรถหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ 


แนวทางในการรักษา ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ซึ่งบางชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยการรักษาแพทย์จะต้องวินิจฉัยก่อนว่า ผู้ป่วย ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ป่วยจากสาเหตุใด เพื่อทำการรักษาได้ถูกต้อง ด้วยการ...

การใช้ยากันชัก เพื่อช่วยกดสมองส่วนที่มีการปล่อยคลื่นลมชักออกมา ทำให้ไม่ชัก โดยปัจจุบันมียากันชักหลากหลายชนิด ซึ่งการเลือกใช้ยากันชัก แพทย์ก็จะเลือกตามความเหมาะสมของชนิดการชัก และผลข้างเคียงของยา เป็นต้น
การใช้อาหารสูตรพิเศษ แบบคีโตเจนิค ไดเอท (Ketogenic Diet) คือ อาหารที่มีสัดส่วนของไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ และโปรตีนที่เพียงพอเหมาะสม
การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ในกรณีที่พบเนื้องอกในสมองหรือหลอดเลือดผิดปกติ หรืออาการชักที่ควบคุมไม่ได้ด้วยยากันชัก และตรวจเพิ่มเติมพบว่ามีจุดกำเนิดชัก ที่สามารถผ่าตัดออกได้

และขณะนี้ โลกกำลังก้าวสู่ความสำเร็จในรักษา ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ด้วยความร่วมมือ 4 ฝ่าย ระหว่างโรงพยาบาล Great Ormond Street, โรงพยาบาล King's College, UC London และ U of Oxford ช่วยกันทำให้ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้น ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า ‘Picostim’ ซึ่งเป็นเครื่องกระตุ้นประสาทที่มีขนาดเล็กมาก ผลิตโดยบริษัท Amber Therapeutics แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งจะถูกใส่เข้าไปในช่องว่างของกะโหลกศีรษะของผู้ป่วยในบริเวณที่เนื้อกระดูกของกะโหลกนั้นได้ถูกผ่าตัดเอาออกแล้ว โดย ‘Picostim’ เป็นอุปกรณ์รักษา ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ เครื่องแรกของโลกถูกติดตั้งในกะโหลกศีรษะของ Oran Knowlson เด็กชายชาวอังกฤษ ผู้ป่วย ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ขั้นรุนแรง เพื่อควบคุมอาการชัก


‘Picostim’ เครื่องกระตุ้นประสาททำหน้าที่ส่งสัญญาณไฟฟ้าลึกเข้าไปในสมองของผู้ป่วย สามารถลดอาการลมชักในเวลากลางวันของ Oran Knowlson ได้ถึง 80% โดย Justine มารดาของเขาเล่าว่า เขามีความสุขมากขึ้น และมี ‘คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมาก’ การผ่าตัดใส่ ‘Picostim’ นี้ ได้ดำเนินการครั้เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2023 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองที่โรงพยาบาล Great Ormond Street ในกรุงลอนดอน เมื่อ Oran Knowlson ขณะที่รับการผ่าตัดอายุ 12 ปี เขามีอาการ Lennox-Gastaut syndrome ซึ่งเป็นโรคลมบ้าหมูที่ดื้อต่อการรักษา เขาเริ่มมีอาการเมื่ออายุได้ 3 ขวบ ตั้งแต่นั้นมา Oran มีอาการชักหลายครั้งในแต่ละวันตั้งแต่ 24 ครั้งไปจนถึงหลายร้อยครั้ง


(Oran (ขวา) อยู่กับมารดา น้องชาย และน้องสาว)

ทั้งนี้ Justine มารดาของเขาเล่าว่า ก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดนั้น ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ของ Oran Knowlson ได้พรากเอาชีวิตวัยเด็กของเขาไปจนหมด เขามีอาการชักหลายอย่าง รวมถึงการที่เขาล้มลงกับพื้นแล้วมีอาการสั่นอย่างรุนแรงจนหมดสติ เธอกล่าวว่าบางครั้งเขาจะหยุดหายใจและต้องใช้ยาฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิตเขา Oran Knowlson ยังเป็นโรคออทิสติกและสมาธิสั้น แต่มารดาของ Oran กล่าวว่า  ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ของเขาคือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด “เด็กอายุ 3 ขวบที่สดใส แต่ภายในไม่กี่เดือนต่อมาเขาเริ่มมีอาการชัก แล้วก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว จนสูญเสียทักษะต่าง ๆ ไปมากมาย” ทั้งนี้ Oran Knowlson เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CADET ซึ่งเป็นชุดการทดลองที่ประเมินความปลอดภัยและประสิทธิผลของการกระตุ้นสมองส่วนลึกสำหรับ ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ขั้นรุนแรง ทั้งนี้ ‘Picostim’ ผลิตโดยบริษัท Amber Therapeutics ในสหราชอาณาจักร


อย่างไรก็ตาม สำหรับอาการชักจาก ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ เกิดขึ้นจากการกระตุ้นของกิจกรรมทางไฟฟ้าในสมองที่มีความผิดปกติ เครื่องกระตุ้น ‘Picostim’ ซึ่งปล่อยกระแสพัลส์ (Pulse คือสัญญาณทางไฟฟ้าที่มีรูปร่างหรือลักษณะเป็นคลื่นรูปสี่เหลี่ยม (Square wave) ที่) คงที่เพื่อป้องกันหรือรบกวนสัญญาณที่ผิดปกติ ก่อนการผ่าตัด Justine บอกว่า เธอต้องการให้ Oran Knowlson ค้นพบตัวเองอีกครั้งท่ามกลางปัญหาจากอาการชัก และเธอก็อยากได้ลูกชายของเธอกลับมามีชีวิตเช่นเด็กปกติทั่วไป การผ่าตัดติดตั้ง ‘Picostim’ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2023 ทีมงานนำโดย นายแพทย์ Martin Tisdall ศัลยแพทย์ที่ปรึกษาระบบประสาทเด็กได้ทำการสอดขั้วไฟฟ้าสองอันเข้าไปในสมองของ Oran จนกระทั่งไปถึงฐานซึ่งเป็นสถานีถ่ายทอดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเส้นประสาท โดยระยะขอบของความผิดพลาดสำหรับตำแหน่งเป้าหมายต้องน้อยกว่าหนึ่งมิลลิเมตร ปลายสายเชื่อมต่อกับเครื่องกระตุ้นประสาทซึ่งเป็นอุปกรณ์สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 3.5 ซม. และหนา 0.6 ซม. วางอยู่ในช่องว่างของกะโหลกศีรษะของ Oran ซึ่งเป็นบริเวณที่เนื้อกระดูกส่วนนั้นได้ถูกนำเอาออกแล้ว จากนั้นจึงยึด ‘Picostim’ เครื่องกระตุ้นประสาทให้เข้าที่กับกะโหลกศีรษะ


(Oran Knowlson สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้ทุกวันผ่านหูฟังไร้สาย 
ขณะเดียวกันก็ยังทำกิจกรรมที่ชื่นชอบได้ เช่น ดูทีวี)

แต่ก่อนการใช้เครื่องกระตุ้นสมองส่วนลึกสำหรับ ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ในเด็ก ด้วยการวางเครื่องกระตุ้นประสาทไว้ที่บริเวณหน้าอก มีสายไฟวิ่งไปถึงสมอง นพ. Martin Tisdall กล่าวว่า “การศึกษานี้หวังว่าจะช่วยให้เราระบุได้ว่าการกระตุ้นสมองส่วนลึกเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับโรคลมบ้าหมูชนิดรุนแรงนี้หรือไม่ และยังพิจารณาถึงอุปกรณ์ประเภทใหม่ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในเด็กด้วย เพราะ ‘Picostim’ เครื่องกระตุ้นประสาทอยู่ในกะโหลกศีรษะเลย ไม่ใช่บริเวณหน้าอกเช่นที่ใช้กันอยู่ เราหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้” รวมถึงการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหลังการผ่าตัดและจากอุปกรณ์ซึ่งอาจทำงานล้มเหลว Oran Knowlson มีเวลา 1 เดือนในการฟื้นตัวจากการผ่าตัด ก่อนที่จะเปิดเครื่องกระตุ้นประสาท และเมื่อเปิดเครื่องแล้วเขาจะไม่รู้สึกผิดปกติเลย และสามารถชาร์จอุปกรณ์ได้ทุกวันผ่านหูฟังไร้สาย ขณะเดียวกันก็ยังทำกิจกรรมที่เขาชื่นชอบได้ เช่น ดูทีวี 


หลังจาก Oran Knowlson และครอบครัวของเขารับการผ่าตัดเป็นเวลา 7 เดือน Justine บอกว่า  ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ของ Oran ดีขึ้นมาก เขามีอาการตื่นตัวมากขึ้น ทั้งยังไม่มีอาการชักระหว่างวัน แต่ยังคงมีอาการชักในตอนกลางคืนอยู่ ซึ่งสั้นและรุนแรงน้อยลง โดยมารดาของเขากล่าวว่า “ฉันจะพาเขาให้ค่อย ๆ กลับมาเป็นเด็กปกติได้อย่างแน่นอน”


(นพ. Martin Tisdall ศัลยแพทย์ที่ปรึกษาระบบประสาทเด็ก โรงพยาบาล Great Ormond Street)

ด้าน นพ. Martin Tisdall กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ Oran Knowlson และครอบครัวของเขาได้เห็นประโยชน์มหาศาลจากการรักษานี้ และช่วยให้อาการลมชักและคุณภาพชีวิตของเขาดีขึ้นอย่างมาก” ตอนนี้ Oran Knowlson กำลังเรียนขี่ม้า ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาชอบ แม้ว่าจะมีพยาบาลถือออกซิเจนอยู่ในมือ และครูคนหนึ่งของเขาคอยอยู่ใกล้ ๆ เสมอ ซึ่งเผื่อแม้จะยังไม่มีความจำเป็นใด ๆ เลย


(‘Picostim’ เครื่องกระตุ้นประสาทผลิตโดย Amber Therapeutics)

ในการทดลองนี้ เด็ก ๆ อีก 3 คนที่มีอาการ Lennox-Gastaut จะได้รับการติดตั้งเครื่องกระตุ้นประสาทสมองส่วนลึก ปัจจุบัน Oran Knowlson ได้รับการกระตุ้นทางไฟฟ้าจากอุปกรณ์ของเขาอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตทางทีมงานมีแผนที่จะทำให้เครื่องกระตุ้นระบบประสาทตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของสมองแบบเรียลไทม์ เพื่อป้องกันอาการชักที่กำลังจะเกิดขึ้น 


มารดาของ Oran Knowlson กล่าวว่า เธอรู้สึกตื่นเต้นมากที่สุดกับการทดลองในระยะต่อไป “ทีมงานของโรงพยาบาล Great Ormond Street ให้ความหวังกับเราอีกครั้ง…ทำให้อนาคตในตอนนี้ดูสดใสยิ่งขึ้น” โดยครอบครัวรู้ว่า แม้การรักษาของเขาในขณะนี้อาจไม่ใช่วิธีรักษาที่ทำให้หายขาด แต่พวกเขายังมองโลกในแง่ดีที่ว่า Oran Knowlson จะสามารถหลุดพ้นจากเงามืดที่เกิดจาก ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ของเขาได้ต่อไปในอนาคต เครื่องกระตุ้นประสาท ‘Picostim’ ซึ่งผลิตโดย Amber Therapeutics ยังสามารถใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคพาร์กินสันได้อีกด้วย ดังนั้น ‘Picostim’ เครื่องกระตุ้นประสาทจึงเป็นสุดยอดความหวังของผู้ป่วย ‘โรคลมบ้าหมู’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ซึ่งเมื่อได้รับการผ่าตัดติดตั้ง ‘Picostim’ แล้ว ในที่สุดอาการป่วยของพวกเขาจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับอย่างแน่นอน

'พีระพันธุ์' แจ้ง 'ม็อบรถบรรทุก' กฎหมายช่วยราคาพลังงานใกล้เสร็จแล้ว คาด!! เสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ทันในสมัยการประชุมหน้า

เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ประกาศเตรียมระดมพลผู้ประกอบการรถบรรทุกจัดคาราวานเพื่อนขบวนรถบรรทุกทุกภูมิภาค เข้ากทม.ในวันที่ 3 ก.ค. 67 เพื่อเรียกร้องตรึงราคาน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร ว่า ให้รอกฎหมายของตน ที่กำลังจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีการเปลี่ยนระบบ เปลี่ยนรูปแบบการคิดราคาใหม่ เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครกำกับดูแลการค้าน้ำมัน นอกจากนี้ตนจะให้สมาคมรถบรรทุกสามารถนำน้ำมันเข้ามาได้ ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันลดลงโดยปริยาย เพราะราคาน้ำมันที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แบ่งคนละครึ่ง 50-50 ซึ่งราคาน้ำมันแท้ ๆ ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นภาษี ดังนั้นถ้าลดตรงนี้ไปได้น้ำมันก็ลดลง 

เมื่อถามว่า อีกนานหรือไม่ที่การยกร่างกฎหมายดังกล่าวจะเสร็จสิ้นเรียบร้อย? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า “ตอนนี้ยกร่างดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ทันในสมัยการประชุมหน้า”

เมื่อถามต่อว่า จะทันต่อการเรียกร้องของกลุ่ม สมาพันธ์รถบรรทุกหรือไม่? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า “รอมาตั้ง 50 กว่าปีแล้ว ตนเข้ามายังไม่ถึงปีเลย แต่ตอนนี้กฎหมายจะเสร็จแล้ว”

เมื่อถามอีกว่า ราคาสินค้าและราคาค่าขนส่งกำลังจะขึ้นจะมีมาตรการเฉพาะหน้าออกมาก่อนหรือไม่? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า “เราก็ต้องขอความร่วมมือ แต่ทุกวันนี้มันเป็นเรื่องประหลาด กระทรวงพลังงานกำกับดูแลพลังงาน แต่ไม่มีอำนาจอะไรสักอย่าง กลายเป็นว่าเราต้องไปขอความร่วมมือทั้งที่เป็นหน่วยงานของรัฐ แต่ไม่เคยมีการออกกฎหมายให้กระทรวงพลังงานมีอำนาจในการควบคุมขนาดมาม่าจะขึ้นราคายังต้องขออนุญาต แต่น้ำมันไม่ต้อง”

เมื่อถามอีกว่า เรื่องดังกล่าวจะต้องพูดคุยกับนายกฯ ให้ชัดเจนหรือไม่? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "นายกฯ มอบหมายให้ตนดูแลอยู่แล้ว”

5 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 ‘ในหลวงรัชกาลที่ 9’ เสด็จเยือนนครนิวยอร์ก ประชาชนกว่า 7 แสนคน รับเสด็จเนืองแน่น

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 ประชาชนกว่า 7.5 แสนคน (จากการประเมินของเจ้าหน้าที่ตำรวจ) ได้มาเฝ้ารอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งประทับรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุนมาพร้อมกับขบวนพาเหรด บนถนนโลเวอร์บรอดเวย์ (Lower Broadway) นครนิวยอร์ก โดยมีแถบกระดาษขนาดเล็กจำนวนมากโปรยปรายลงมาระหว่างการเคลื่อนขบวนเสด็จ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของการต้อนรับขบวนพาเหรดในนครนิวยอร์ก

โดยขบวนพาเหรดดังกล่าวกินเวลาประมาณ 20 นาที นำเสด็จจากถนนโลเวอร์บรอดเวย์ ไปถึงศาลาว่าการนครนิวยอร์ก เมื่อเวลาประมาณ 12.25 นาฬิกา

“มันอลังการมาก เราเคยเห็นการต้อนรับแบบนี้ในภาพยนตร์หลายเรื่อง และเราก็ตื่นเต้นมากที่ได้รับการต้อนรับแบบเดียวกัน” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตรัสกับโรเบิร์ต แวกเนอร์ (Robert Wagner) ผู้ว่านครนิวยอร์กในขณะนั้น

ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวยังอยู่ในภาวะสงครามเย็น สื่อสหรัฐฯ จึงตั้งคำถามต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงตอบว่า…

“ประชาชนชาวไทยต้องการสันติภาพ สันติภาพอันมีเกียรติ…เราไม่เคยยั่วยุผู้ใด แต่เราพร้อมที่จะปกป้องตนเองจากการรุกรานจากภายนอก”

'ม.สือเหอจื่อ' เชิญ 'แม่บ้าน-รปภ.' กล่าวอวยพรแก่บัณฑิตจบใหม่ สะท้อนความเท่าเทียม-ให้เกียรติแก่ทุกคนในรั้วการศึกษานี้

(25 มิ.ย. 67) ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ‘ตี๋น้อย’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ งานพิธีประสาทปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยสือเหอจื่อ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน โดยมีเนื้อความระบุว่า…

“เรียบง่าย ให้เกียรติ และ มีความหมายที่สุด”

“นี่คือสิ่งที่ตี๋น้อยให้คำนิยามเกี่ยวกับงานพิธีประสาทปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยสือเหอจื่อ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีนครับ”

“โพสต์นี้เอาบรรยากาศพิธีประสาทปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยสือเหอจื่อ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน มาฝากครับ”

“ตัวตี๋น้อยเองมีโอกาสได้รับเชิญเข้าร่วมงานพิธีประสาทปริญญาบัตรนี้ด้วย ในตัวงานพิธีจะจัดในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น ( ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้น 7 โมงเช้า งานพิธีเริ่ม 8 โมงเช้า )”

“ในการเริ่มพิธีจะมีการเคารพธงชาติ หลังจากนั้นก็เป็นการกล่าวสุนทรพจน์ของบัณฑิต โดยมีทั้งตัวแทนของบัณฑิตจีนและต่างชาติ จากนั้น เป็นการอวยพรของเหล่าคณาจารย์ ศิษย์เก่าต่าง ๆ”

“สิ่งที่เป็นไฮไลท์ที่สุดคือ การให้เกียรติ แม่บ้านมหาวิทยาลัย ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ขึ้นกล่าวอวยพรและสอนการใช้ชีวิตแก่บัณฑิตจบใหม่ อันนี้เป็นอะไรที่สุดยอดมาก ๆ แสดงถึงความเท่าเทียม และให้เกียรติกันมาก ๆ เป็นสิ่งที่ตี๋น้อยชอบและประทับใจที่สุดในพิธีครับผม ถือว่าสุดยอดมาก ๆ”

“ในบางมหาวิทยาลัยในจีนเองก็มีการให้แม่บ้าน และฝ่ายรักษาความปลอดภัยขึ้นกล่าวอวยพรบัณฑิตเหมือนกันครับ”

“จากนั้นในการมอบปริญญาบัตร ที่นี่จะเป็นการให้คณะอาจารย์มอบปริญญาบัตรตามจุดต่าง ๆ ทำให้พิธีผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก ๆ ครับ”

“ทั้งหมดตี๋น้อยขอให้คำนิยามเกี่ยวกับพิธีประสาทปริญญาบัตรครั้งนี้ครับว่า ‘เรียบง่าย ให้เกียรติ และมีความหมายที่สุด’ ครับ”

“ปล. ของผมเองน่าจะรอปีหน้าครับ”

'นทท.ญี่ปุ่น' เคยถูกตุ๊กตุ๊กโกง 6,000 บาท คัมแบ็ก!! แต่รอบนี้เหมาแค่ 200 บาท ชวน!! มาเที่ยวไทย ต้องลอง

เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.67) จากกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งโพสต์ลงใน X (ทวิตเตอร์) ว่าขึ้นรถตุ๊กตุ๊กจากย่านสุขุมวิทซอย 18 (อโศก) ไปห้างธนิยะ แล้วถูกคนขับเอาเปรียบโดยเรียกค่าโดยสารไปคนละ 1,500 บาท ไปกัน 4 คน รวมเป็น 6,000 บาท จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเป็นจำนวนมาก ก่อนที่กรมการขนส่งทางบกจะสั่งลงโทษ ปรับคนขับรถคันดังกล่าวจำนวน 2,500 บาท พักใช้ใบอนุญาตขับรถเป็นระยะเวลา 90 วัน และส่งตัวเข้ารับการอบรมจิตสำนึกการให้บริการที่ดีแก่ผู้โดยสารจำนวน 3 ชั่วโมง

ล่าสุด เมื่อไม่นานมานี้ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นคนเดิมก็ได้ออกมาโพสต์ภาพตนเองและเพื่อนๆ บนรถตุ๊กตุ๊กผ่าน X ชื่อ @peronen โดยโควตโพสต์เดิมที่ระบุราคาตุ๊กตุ๊กที่ถูกโกงเมื่อครั้งก่อนหน้านี้ พร้อมระบุข้อความใหม่ว่า “รอบนี้ตนเองมากับเพื่อนรวมทั้งหมด 12 คน นั่งรถตุ๊กตุ๊กกัน 3 คัน โดยคันแรกถูกคิดราคาที่ 200 บาท คันที่ 2 ราคา 300 บาท คันที่ 3 ราคา 200 บาท ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าตอนแรกนึกว่าจะเสียคนละ 200 บาท พร้อมกับฝากถึงคนที่จะมาเมืองไทย คุณจะได้นั่งตุ๊กตุ๊กอย่างสบายใจ มันทั้งสนุกและคุ้นเคย”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็มีคนญี่ปุ่นเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

'กฤชนนท์' ลงพื้นที่สายสีแดงจัดแผน 'เพิ่มรถสาธารณะ-จุดจอดรถ' แย้ม!! นโยบายรถไฟฟ้า 20 ตลอดสาย หนุนผู้ใช้บริการพุ่งเกินคาด

(25 มิ.ย. 67) นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคมและโฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการผลักดัน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรองนายกรัฐมนตรี โดยนำร่อง 2 โครงการ คือ 

1.โครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จำนวน 10 สถานี และช่วงบางซื่อ-รังสิต จำนวน 4 สถานี

2. โครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ จำนวน 16 สถานี ซึ่งขณะนี้มีประชาชนเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีรังสิต โดยได้มีการเจรจากับประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ระบบขนส่งเสริม หรือ Feeder System ยังไม่เพียงพอต่อการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะด้านของรถสาธารณะ และสถานที่จอดรถยนต์บริเวณสถานี ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานได้จัดทำแผนและเตรียมดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

นายกฤชนนท์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทางหน่วยงาน กรมการขนส่งทางบก ได้จัดเตรียมแผนเพิ่มจำนวนการเดินรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะ โดยจะเข้าที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกจังหวัดปทุมธานี ภายในช่วง กรกฎาคม 2567 โดยจากแผนเบื้องต้น จะให้เอกชนเดินรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะเพิ่มอีก 4 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 วงกลมรังสิต / เส้นทางที่ 2 รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต / เส้นทางที่ 3 รังสิต-โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส และเส้นทางที่ 4 รังสิต คลอง 7 และเตรียมเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาต่อไป 

จากปัจจุบันนี้ที่มีรถโดยสารสองแถวขนาดเล็ก สีแดง และสีเขียว จำนวน 4 เส้นทาง วิ่งให้บริการตั้งแต่เปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง ได้แก่ เส้นทาง 6188 รังสิต-จารุศร / เส้นทาง 1008 รังสิต-อำเภอหนองเสือ / เส้นทาง 1116 รังสิต-สถานีรถไฟเชียงราก และเส้นทาง 381 รังสิต-องครักษ์ 

นอกจากนี้ทางหน่วยงาน รฟท. ยังมีแผนที่จะปรับปรุงพื้นที่ เพื่อให้มีสถานที่จอดรถเพิ่มเป็น 200-300 คัน จากปัจจุบันที่สามารถจอดได้ 100 คัน พร้อมทั้งเร่งดำเนินการพัฒนาแผนการก่อสร้างเป็นอาคารจอดรถยนต์เพิ่มเติมต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top