Saturday, 18 May 2024
TheStatesTimes

เชียงใหม่- ตำรวจภูธรภาค 5 จัดการฝึกอบรมหัวข้อ 'การป้องกันและรักษาโรคออฟฟิศซินโดรม' ให้กับข้าราชการตำรวจฝ่ายอำนวยการในสังกัด ภ.5 ส่วนกลาง

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 เวลา 15.00 -16.30 น. พล.ต.ต.ไพศาล  ลือสมบูรณ์  รอง ผบช.ภ.5 เป็นประธานในการกล่าวให้โอวาทแก่ข้าราชการตำรวจฝ่ายอำนวยการในสังกัดกองบังคับการอำนวยการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการกฎหมายและคดี ตำรวจภูธรภาค 5 รวมจำนวน 100 นาย ในการฝึกปฎิบัติและรับฟังการบรรยายในหัวข้อ "การป้องกันและรักษาโรคออฟฟิศซินโดรม" โดย กภ. ธีรภัทร์ ทัศนศรีวรการ นักกายภาพบำบัด ศูนย์สุขภาพพร้อม คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นวิทยากร 

ในการนี้ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์  รอง ผบช.ภ.5 รอง ผบช.ภ.5 ได้กล่าวขอบคุณและมอบของที่ระลึกให้กับวิทยากร กภ. ธีรภัทร์ ทัศนศรีวรการ นักกายภาพบำบัด ศูนย์สุขภาพพร้อม คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งการบรรยายในครั้งนี้ได้รับคำชื่นชมจากข้าราชการตำรวจผู้เข้ารับการฝึกอบรมดังกล่าว โดยสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันในการป้องกันและรักษาโรคออฟฟิศซินโดรมได้จริง ตลอดจนเป็นการเพิ่มพูนความรู้ที่ถูกต้องในการดูแลรักษาสุขภาพของข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานฝ่ายอำนวยการ โดยได้มีการฝึกปฏิบัติประกอบการรับฟังบรรยายด้วย ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมีตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

โซเชียล ชื่นชม ‘ตร.ทางหลวง’ บึ่งรถนำตัวเด็กป่วย ส่งถึงมือหมอ หลังได้รับแจ้งเหตุ มีเด็ก ‘ช็อก-ไข้สูง-ชักเกร็ง’ บนรถสองแถว

(4 พ.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘สถานีตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวงสกลนคร’ โพสต์ข้อความระบุว่า 

ประชาชนขอความช่วยเหลือเด็กป่วยบนรถโดยสารมีอาการไข้สูง ชักเกร็ง ก่อนนำขึ้นรถวิทยุตำรวจทางหลวง 4508 ส่งโรงพยาบาลศูนย์สกลนคร ถึงมือคุณหมออย่างปลอดภัย ทำทุกอย่างด้วยสำนึก เพราะเราคือตำรวจทางหลวง

พร้อมคลิปวิดีโอความยาว 02.38 นาที และมีข้อความประกอบในวิดีโอว่า ประชาชนขอความช่วยเหลือมีเด็กป่วยอยู่บนรถโดยสาร บริเวณสี่แยกธาตุ เมืองสกลนคร ซึ่ง รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับไปจอดใกล้กับรถโดยสารแล้ววิ่งลงไป นำทางผู้หญิงสวมเสื้อสีแดงอุ้มเด็กชายรายหนึ่งพร้อมกับหญิงเสื้อขาว ให้ขึ้นบนรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นคลิปก็ตัดไปบนรถ เด็กชายก็ร้องงอแงในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ หญิงเสื้อขาวที่พยายามใช้ผ้าลูบไปที่เด็ก พร้อมกับตบก้นเพื่อเรียกสติของเด็กให้รู้สึกตัว

ขณะเดียวกัน จนท.เปิดสัญญาณไฟไซเรนและรีบบึ่งรถไปยังโรงพยาบาลสกลนคร พร้อมกับประสานงานทางวิทยุสื่อสาร เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกทางจราจร ระหว่างขับรถมีการใช้เสียงขอความร่วมมือจากประชาชนว่าต้องรีบนำเด็กที่มีอาการชักนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน สุดท้ายนำส่งถึงมือหมออย่างปลอดภัย

ERDI-CMU ประสบความสำเร็จระดับโลก เดินหน้าต่อเนื่อง นำเสนอโครงการ 3 Significant Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด

หม้อแปลง Low Carbon, Solar, Energy Storage, EV แก้ปัญหา Net Zero, Demand Response และ Saving Energy 9% ต่อ ผู้อำนวยการกองพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านพลังงาน กระทรวงพลังงาน และหัวหน้ากลุ่มมาตรฐานประสิทธิภาพการอนุรักษ์พลังงาน

ผศ.ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและผู้แทนพิเศษ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และดร. ณัฐวุฒิ จารุวสุพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มงาน smart energy & innovation และ นักวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนอโครงการ "Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด หม้อแปลง Low Carbon, Solar, Energy Storage, EV แก้ปัญหา Net Zero, Demand Response และ Saving Energy" ต่อ คุณมัณลิกา สมพรานนท์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาทรัพยากรบุคคล ด้านพลังงาน และดร. ศุภชัย สำเภา หัวหน้ากลุ่มมาตรฐานประสิทธิภาพการอนุรักษ์พลังงาน  ณ กระทรวงพลังงาน ในวันพุธที่ 24 เมษายน 25567

ด้วยสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับบริษัท เจริญชัย      หม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ได้ร่วมวิจัยและได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้ดำเนินงานวิจัยหม้อแปลง IoT และระบบบริหารจัดการพลังงานทดแทน Solar กับ Energy Storage ด้วยโปรแกรม Sustainable Green Energy Management System ภายใต้โครงการ “Low Carbon Transformer ระบบจัดการหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อรองรับพลังงานสะอาดอย่างมั่นคง Net Zero, Demand Response และ Saving Energy” ซึ่งจากการดำเนินงานพบว่าหม้อแปลงที่ใช้ในการดำเนินโครงการที่กล่าวในข้างต้น ตอบโจทย์ด้านการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน ในภาคอุตสาหกรรม Smart Factory, Smart Building ในด้าน Net Zero, Near Zero, Peak Demand, Demand Response การประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน โดยสามารถลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และมีระยะเวลาคืนทุนภายในเวลา 2 – 5  ปี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาด้านการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคม ประชาชนและผู้ประกอบการ ด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้าพลังงานสะอาด

หม้อแปลง Low Carbon เป็นหม้อแปลงบริหารระบบจัดการพลังงานที่บริหารจัดการการสิ้นเปลืองให้เกิดประสิทธิภาพและมีความเสถียรภาพกับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและยั่งยืน ทำให้โรงงานอุตสาหกรรม, อาคาร สถานประกอบการ ลดค่าไฟฟ้า 5-20% (Energy Saving) ลดคาร์บอน 5-20% (Low Carbon) มากกว่า 100 ล้านตัน ลดมลพิษ (Low Emission) ทำให้อุปกรณ์อายุการใช้งานยาวนานขึ้น (Long Life Equipment) เพื่อเป็นการตอบโจทย์ให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม สถานประกอบการ เจ้าของอาคาร ตามนโยบายของรัฐบาลในการลดก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อน และลดอุณหภูมิโลก    

เชียงใหม่-มหาวิทยาลัยแม่โจ้ MOU กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน การพัฒนาวิชาชีพด้านการเกษตร

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 มหาวิทยาลัยแม่โจ้  โดยวิทยาลัยนานาชาติ มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ(MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน  โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา  รก.อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้  และ นาย Dasho Thinley Namgyel  ปลัดกระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน เป็นผู้แทนลงนาม  ณ  ห้องอินทนิล สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 

การลงนามในครั้งนี้ เป็นการสร้างความร่วมมือ ในการเพิ่มพูนความรู้ทางด้านการเกษตร สัตวศาสตร์ การประมง รวมถึงพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี  ให้กับ บุคลากร ข้าราชการ กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน  ผ่านการจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้น ด้วยองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้  ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการทุนการศึกษาด้านการเกษตรและการพัฒนาวิชาชีพ โดยรัฐบาลของราชอาณาจักรภูฏาน  

ทัวร์ลงหนัก!! หลัง ‘Netflix’ โปรโมตเดี่ยวสเปเชียล ‘โน้ส อุดม’ ฟาด!! ‘ไร้สาระ-คิดแต่ตรรกะฝั่งตัวเอง-นึกว่าจะฉลาดกว่านี้’

(4 พ.ค.67) ทัวร์ลงหนักเลยทีเดียว สำหรับเพจ ‘Netflix’ ที่มีคนติดตาม 91 ล้านคน โดยมีการโปรโมตทอล์กโชว์ เดี่ยวสเปเชียล ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์ของ ‘โน้ส อุดม แต้พานิช’ ตัดตอนที่โน้สได้พูดเหน็บแนมเรื่องความพอเพียง แซะคนอยากเป็นเกษตรกรตามดารา อินฟลูฯ อยากอยู่กับธรรมชาติ อีด-ก เขาลงมาจากรถตู้ พอกครีมกันแดดหลายตลบ เสร็จแล้วก็ขึ้นรถแอร์ อย่าดัดจริต โดยแคปชันระบุว่า

“อยากพอเพียง อยากปลูกผักตามอินฟลูฯ แต่ลืมคิดว่าเขาลงจากรถตู้ พอกครีมกันแดดมาเกี่ยวข้าว กลับมาคราวนี้ พี่โน้ส อุดม เขาจัดเต็ม ไม่กั๊ก ไม่เซ็นเซอร์ เชิญรับชมพร้อมกันได้ใน เดี่ยวสเปเชียว ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์ ที่ Netflix”

งานนี้ชาวเน็ตฟาดไม่ยั้ง อาทิ พอเพียงเป็นคำที่มีความหมายในตัวเอง คนที่ไม่พอก็ไม่ได้แปลกอะไร คนที่แปลกคือคนที่พยายามด้อยค่ามันเพราะอคติ, พอไม่พออยู่ที่ความพอใจ ความพอใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่าคิดแต่ฝั่งตรรกะตัวเอง ใครไม่พอก็หากันต่อไป ใครพอเขาก็มีความสุขกับสิ่งที่เขามี แล้วไม่ต้องดินมาก แค่นั้นเอง,

มันไม่เกี่ยวกับง่ายหรือยาก มุงไม่เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงแล้วเอามาแซะ นึกว่าจะฉลาดกว่านี้ ภูมิใจจริงๆ ไม่เคยอุดหนุนอะไรสักอย่าง, คุณนิยามคำว่าพอเพียงผิดมหันต์ มันจึงเหมือนเป็นการเหน็บแนม ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่ากับคุณจริงๆ , อยากฟังทฤษฎีใช้เงินไปสวรรค์ของวัดดังแถวปทุมนะ, พอเพียงมันก็คือทางสายกลาง แบบที่พระพุทธเจ้าสอนนั่นแหละ การไม่ยึดติดสุดทางทั้งไม่ลำบากไปไม่สบายไป เอาแบบพอดี แต่โน้ส อุดม คงไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ไปเชื่อคำสอนของธัมมชโยมากกว่า ฯลฯ

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินประจำไตรมาส 1 ปี 2567

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมโคราช 2 โรงแรมเซ็นทารา จังหวัดนครราชสีมา ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) ได้จัดงานแถลงข่าวเศรษฐกิจภาคอีสาน ประจำไตรมาส 1 ปี 2567 หัวข้อ เหลียวหลัง...แลหน้า...เศรษฐกิจการเงินอีสาน โดยเป็นการแถลงข่าวสัญจรครั้งแรก สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ บทบาทหน้าที่ของ ธปท. ภาคอีสาน ได้แก่ 

1) จับชีพจรเศรษฐกิจการเงินในพื้นที่ รับฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 
2) สร้างองค์ความรู้วิชาการเพื่อตอบโจทย์ในพื้นที่ 3) ผลักดันนโยบาย ธปท. ให้กับพื้นที่ 4) เป็นตัวกลางความร่วมมือกับทุกภาคส่วน 5) สนับสนุนให้คนอีสานมีความรู้ทางด้านการเงินและเท่าทันภัยการเงิน โครงสร้างเศรษฐกิจภาคอีสาน 1) ภาคเกษตรเป็นเส้นเลือดหลักของคนอีสาน มีแรงงานในภาคนี้ถึงร้อยละ 53 ของผู้มีงานทำในภาคอีสาน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีแรงงานเพียงร้อยละ 7 2) ภาคเกษตรส่วนใหญ่พึ่งฟ้าพึ่งฝน และความสามารถในการทำเกษตรลดลง 3) รายได้ไม่เพียงพอรายจ่ายในภาคครัวเรือน นำไปสู่ปัญหาหนี้ จากโครงสร้างดังกล่าวจึงทำให้เศรษฐกิจภาคอีสานต่างจากประเทศ 

ปี 2566 เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวจากการบริโภคและท่องเที่ยว ขณะที่เศรษฐกิจภาคอีสานหดตัว ตามการบริโภคจากรายได้ที่ลดลงทั้งในและนอกภาคเกษตร หมดมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ และค่าครองชีพยังอยู่ในระดับสูง แม้การท่องเที่ยวฟื้นตัวแต่ช่วยสนับสนุนได้น้อยเพราะมีเพียงไม่เกินร้อยละ 3 ของเศรษฐกิจ เศรษฐกิจภาคอีสาน โดยภาพรวมเศรษฐกิจ ไตรมาส 1 ปี 2567 อ่อนแรงต่อเนื่องจากปี 2566 จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐลดลง ค่าครองชีพในสินค้าหมวดอุปโภคบริโภคยังอยู่ในระดับสูง และตลาดแรงงานอ่อนแอลงจากผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรลดลง นอกจากนี้ ยังเห็นสัญญาณเปราะบางต่อเนื่องจากปี 2566 และกำลังซื้อมีความเปราะบางมากขึ้น ในหมวดสินค้าคงทนโดยเฉพาะรถกระบะหดตัวสูง และยอดขายบ้านในระดับกลางและล่างลดลงต่อเนื่อง จากรายได้ที่ลดลง 

รวมทั้งความระมัดระวังในการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดี มีปัจจัยช่วยพยุงการบริโภคได้บ้างจากผลของราคาผลผลิตเกษตรที่ดี และการท่องเที่ยวที่มีผู้เยี่ยมเยือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2566 ระยะถัดไป เศรษฐกิจภาคอีสานคาดว่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัว จากงบประมาณภาครัฐปี 2567 ที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้หลังไตรมาส 2 ทำให้ภาคการค้า การก่อสร้างตามการลงทุนของรัฐเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 รายได้เกษตรกระจายตัวมากขึ้นจากผลดีของภัยแล้งที่คลี่คลายในช่วงหลังของปี 2567 คาดว่าจะส่งผลดีต่อผลผลิตข้าว การผลิตเพื่อการส่งออกในหมวดอาหารแปรรูปและเครื่องแต่งกายมีแนวโน้มฟื้นตัวดี และการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหม่ ๆ เข้ามากระจายหลายจังหวัดเพิ่มมากขึ้น 

📊เอกสารประกอบการแถลงข่าวเศรษฐกิจอีสาน ไตรมาส 1 ปี 2567  https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/thai-economy/regional-economy/northeastern/quarterly-press/2567/2567_NE_Q01_Slide.pdf

'เชียงราย' ตม.เชียงราย ตรวจเข้มปัองกันกลุ่มจีนเทาแฝงในพื้นที่

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม2567 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย โดยสั่งการของพ.ต.อ.สุรศักดิ์เทียนทองผู้กำกับตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย นำโดย พ.ต.ท. มนตรี อินเปรี้ยว รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย ,พ.ต.ท.กฤษณ์ สมณาศักดิ์ สว.ตม.จังหวัดเชียงรายพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงราย เข้าตรวจสอบบริเวณที่พักภายในหมู่บ้านเทอดไท ต.แม่สลองใน อ.แม่สลอง จ.เชียงราย  ซึ่งเป็นชุมชนที่มีผู้คนเชื้อชาติจีนพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกลุ่มต่างชาติอาจจะใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว หรือเป็นฐานที่มั่นเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางออนไลน์  จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางกลุ่มต่างด้าวดังกล่าวพบเป็นบุคคลสัญชาติจีนจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรถูกต้องสอบถามให้การว่าเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยวและมาพบเพื่อนในหมู่บ้านเทอดไท แต่พบว่าบางคนไม่มีการแจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าว จึงทำการเปรียบเทียบปรับเจ้าของรีสอร์ทและได้แนะนำดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งที่ผ่านมา ตม.จว.เชียงราย ได้เพิ่มความเข้มงวดในการสืบสวน หาข่าวและลงพื้นที่ตรวจสอบบุคคลต่างด้าวทุกสัญชาติ ไม่ให้มากระทำความผิดกฎหมายในพื้นที่ และจะได้สืบสวน ติดตาม ตรวจสอบพฤติกรรมของชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงข่าว การจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บ

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บในพื้นที่ สภ.แม่โจ้ อ.สันทรายจ.เชียงใหม่ และ การจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้อาวุธมีด/วัตถุระเบิด ในพื้นที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.กฤษดา พันธุ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.วีร์กวิน เสริมศรีธนชัย ผกก.สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.นฤบาล จิตทยานันท์ ผกก.สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชน ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 

กรณีการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บในพื้นที่ สภ.แม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้อาวุธมีด/วัตถุระเบิด ในพื้นที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยมีรายละเอียดของคดีดังนี้

- คดีของ สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 03.00 น.ถึงเวลาประมาณ 03.17 น. สถานที่ ถนนสายซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ตั้งแต่สี่แยกข่วงสิงห์ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ ต่อเนื่อง ถนนในหมู่บ้านหนองไคร้หลวง (ข้างสถานีวิทยุเสียงสามยอด) ม.8 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ก่อเหตุร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยใช้อาวุธมีดทำร้าย นายเดชา อายุ 19 ปี เสียชีวิต และ นายวิชัย อายุ 18 ปี ได้รับบาดเจ็บ  
1. เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.แม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ทะเบียน จฉว 582 เชียงใหม่
2. เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.7 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ทะเบียน จฉว 582 เชียงใหม่
3. นายแดง อายุ 18 ปีเศษ ที่อยู่ ม.4 ต.ห้วยทราย อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ 
ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซุปเปอร์คัพ  สีแดงขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
4. นายสมชาย  อายุ 18 ปี ที่อยู่ ม.8 ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จว.แม่ฮ่องสอน ซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซุปเปอร์คัพ  สีแดงขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

คดี/ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” และ “พาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
โดยมีพฤติการณ์  ผู้ต้องหา 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ถืออาวุธมีดขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 2 คน ตั้งแต่ถนนหน้า รพ.ลานนา ไล่มาจนถึงที่ก่อเหตุ ใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ

2. คดีของ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ วันที่ 24 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 04.50 น. ถึงเวลาประมาณ 05.10 น.สถานที่  ข้างร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขา สตาร์เอเวนิว 5 หมู่ที่ 5 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 11 ราย
1.นายอนุเดช  อายุ 18 ปี ที่อยู่ ซอย7(ถนนลำพูน) ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ จว.ชม.
2.เยาวชนชายอายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.5 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่
3.เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.5 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
4.นายพีรย์ดน อายุ 19 ปี ที่อยู่ ม.7 ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่
5.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.แม่เหี๊ยะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
6.นายศิลาเสก อายุ 18 ปี ที่อยู่ ม.8 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่
7.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่  ม.5 ต.แม่ลาหลวง อ.แม่ลาน้อย จว.แม่ฮ่องสอน
8.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.1 ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
9.เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่  ม.2 ต.สะเมิงเหนือ อ.สะเมิง จว.เชียงใหม่
10. เยาวชนชาย อายุ 14 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
11.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.3 ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จว.เชียงใหม่

คดี/ข้อหา  “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน , โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น ปลอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ , โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น , ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ , ร่วมกันมีและใช้ซึ่งวัตถุระเบิด , ร่วมกันพาอาวุธ(มีด,วัตถุระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือไม่มีเหตุอันสมควร , ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และซ่องโจร”

รายละเอียด พฤติการณ์แห่งคดี
กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายเป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน  แจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.67 เวลากลางคืน ผู้เสียหายใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน เดินทางไปเที่ยวในเขตพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ ต่อมาเวลาประมาณ 04.50 น.ของวันเดียวกัน  ผู้เสียหายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อกลับที่พัก ก่อนถึงที่พัก ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่บริเวณที่จอดรถ ข้างร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขา สตาร์เอเวนิว 5 หมู่ที่ 5 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ เพื่อซื้อของภายในร้าน ต่อมาเวลาประมาณ 05.10 น.ของวันเดียวกัน ขณะที่ผู้เสียหายยืนอยู่บริเวณลานหญ้าหน้าร้านสะดวกซื้อที่เกิดเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่น ใช้รถจักรยานยนต์หลายคันเป็นพาหนะ ขับตรงเข้ามาหา กลุ่มผู้เสียหายกลัวจะถูกทำร้ายจึงวิ่งหลบหนี ต่อมากลุ่มวัยรุ่นได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้หญิงได้รับบาดเจ็บ  มีวัยรุ่นส่วนหนึ่งลักเอาของภายในรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย  โดยทรัพย์สินที่ถูกลักเอาไป คือ กระเป๋าสตางค์ มีเงินจำนวน 100 บาท , สายชาร์จไอโฟน จำนวน 1 เส้น ราคา 790 บาท , กุญแจรถจักรยานยนต์จำนวน 1 ดอก ราคา 300 บาท  และลำโพง ราคาประมาณ 300 บาท  และวัยรุ่นส่วนหนึ่งก็ได้เข้ามาทุบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น PCX สีเทา ของผู้เสียหายอีกคันหนึ่ง ได้รับความเสียหาย และอีกส่วนหนึ่งได้โยนระเบิดประดิษฐ์ เป็นถุงพลาสติกภายในมีน้ำมันและระเบิดประดิษฐ์เองแบบกระแทก ขึ้นไปยังบริเวณชั้น 2 ของร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้เสียหายได้วิ่งหนีไปหลบซ่อน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากการตรวจสอบต่อมาพบว่า มีระเบิดแบบประดิษฐ์เองจำนวน 1 ลูก พันด้วยเทปสีดำ ตกอยู่บริเวณข้างรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย

การสืบสวน-ติดตามจับกุม
จากการสืบสวนข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิด การข่าวจากกลุ่มแก๊งวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ข้อมูลจากสื่อออนไลน์ต่างๆ  จนกระทั่งสามารถทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุคือกลุ่มผู้ต้องหา จึงได้เชิญตัวมาซักถามปากคำ ที่ สภ.หางดง 
    
ผู้ต้องหารับสารภาพ
ผู้ต้องหาทั้งหมดยืนยันว่าตนคือบุคคลตามภาพถ่ายกล้องวงจรปิดและได้ร่วมไปก่อเหตุตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวจริง สาเหตุทำไปเพราะความคึกคะนอง

ทั้งนี้จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดพบว่า ในกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีผู้ต้องหารายหนึ่งมีอาวุธปืนในการก่อเหตุดังกล่าวด้วย โดยได้ยอมรับว่าตนเป็นบุคคลดังกล่าวตามภาพกล้องวงจรปิดจริง 

ชาวโซเชียลชื่นชม หนุ่มเจ้าของร้าน ซ่อมรถคู่ใจให้ ‘ลุงเก็บของเก่า’ ฟรี หลังลุงเข็นมาไกลเกือบกิโล นั่งปล่อยโฮหน้าร้าน เพราะไม่มีเงินซ่อม

(4 พ.ค.67) จากคลิปของผู้ใช้ติ๊กต็อก ‘beawtyfriendly’ ที่ได้แชร์เรื่องราวดีๆ ของการช่วยเหลือคุณลุงเก็บของเก่าคนหนึ่ง นั่งร้องไห้พร้อมกับรถคู่ใจอยู่ที่ร้านซ่อม เจ้าของร้านใจดีซ่อมให้ฟรีๆ พร้อมทำเครื่องรถให้ใหม่ ชาวแห่ชื่นชมโอนเงินช่วยเหลือ

ล่าสุด นายกฤศรา กิจวัฒนโอภา เจ้าของร้านช่างตั้มพนม ได้เปิดเผยว่า ตนกับแฟนเปิดร้านซ่อมรถจยย.อยู่แล้ว และวันนั้นไม่มีใครอยู่หน้าร้านจึงไม่เห็นว่าลุงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มีพี่ร้านข้างๆ เห็นลุงเดินเข็นรถร้องไห้มาหยุดที่หน้าร้านตน จึงได้ไปตามตนที่หลังร้านให้ออกมาหาลุง

ตอนแรกคิดว่าลุงเอารถมาซ่อมตามปกติ พอออกมาดูก็เห็นว่าลุงนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ ตอนนั้นแฟนก็เลยบอกกับคุณลุงไปว่าให้ใจเย็นๆ ก่อนเดี๋ยวดูให้เดี๋ยวเช็คให้ พอเช็ครถให้คุณลุงก็เห็นว่าคาร์บูเรเตอร์พัง เลยเปลี่ยนให้ และได้คุยกับคุณลุงว่าเข็นมาจากไหน คุณลุงก็บอกว่าเข็นมาจากไฟแดง ซึ่งถ้าเข็นมาจากไฟแดงนั้นห่างจากร้านตนประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมกับบอกว่าจะเป็นลม เหนื่อย และร้อนมากๆ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเที่ยงพอดี ระหว่างนั้นก็เลยเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวไปอีกหนึ่งมื้อ จะได้ให้คุณลุงใจเย็น ตอนนั้นคุณลุงก็ดีขึ้นมาก

นายกฤศรา กล่าวต่อไปอีกว่า ปกติตนเคยเห็นคุณลุงประจำอยู่แล้ว เพราะว่าตนชอบแจกผัก ผลไม้ข้าวสารอยู่ที่หน้าร้าน คุณลุงเขาเป็นคนเก็บของเก่า เวลาเขาผ่านมาแถวนี้เขาก็แวะมาเอาของแจกอยู่ตลอด หรือเวลามีขวดน้ำของเก่าต่างๆ ตนก็จะเก็บไว้ให้ลุง ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว

โดยปกติเวลาเห็นคุณลุงจะเป็นคนยิ้มแย้มเฮฮาชอบพูดคุยหัวเราะเสียงดัง แต่วันนั้นพอเจอเหตุการณ์ที่เขานั่งร้องไห้อยู่หน้าร้าน ตนก็ตกใจมาก ไม่คิดว่ามันจะหนักถึงขั้นต้องร้องไห้ ตอนนั้นก็ปลอบใจกันไป ซึ่งตนคิดว่าเขาคงกลัวเรื่องค่าซ่อมที่ไม่มีเงินจ่าย และอีกอย่างนึงคงกลัวรถพังเพราะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ตนก็ตั้งใจที่จะซ่อมให้ฟรี ไม่ได้คิดเงินอยู่แล้ว เพราะปกติตนก็ช่วยเหลือคนอื่น

ตอนนี้คุณลุงก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว เวลาขับผ่านหน้าร้านก็มักจะบีบแตร ยิ้มให้หายเหมือนเดิม และตอนนี้รถของคุณลงก็เปลี่ยนคาร์บูไปแล้วแต่ยังมีส่วนอื่นที่น่าจะมีปัญหาอยู่ น่าจะเครื่องหลวม ก็เลยซ่อมเพิ่มเติมให้ ซึ่งค่าใช้จ่ายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 กว่าบาท และจะทำสตาร์ทมือให้คุณลุงเพิ่มเติมด้วย ทุกอย่างตนจะทำให้คุณลุงฟรีๆ และก็มีคนใจบุญส่งเงินมาให้ด้วยส่วนหนึ่ง

ที่ตนก็ตั้งใจจะซ่อมให้เสร็จหมดทุกอย่าง เพราะคุณลุงจะได้นำรถที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินไปใช้ต่อได้ นอกจากลุงแล้วเวลาตนเจอรถจยย.จอดเสียอยู่ข้างทาง หรือว่ารถเข็นอยู่ ตนก็จะจอดช่วยเหลือตลอด เพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าเขาจะเจอร้านซ่อมหรือจะมีใครช่วยเขาหรือไม่ และที่ทำมาโดยตลอดก็คือทำทานแจกกับข้าวให้คนเฝ้าไข้ ตามโรงพยาบาล เพราะอย่างน้อยข้าวหนึ่งมื้อก็ทำให้เขามีกำลังใจในการอยู่ต่อไป ให้เขาเฝ้าไข้ จะได้มีแรง

'ม.วอชิงตัน' ทดลองพ่นเกลือให้เมฆ เพื่อหักเหแสงอาทิตย์ หวังลดความร้อนจากดวงอาทิตย์ รอลุ้นผลอีก 3 ปี

แม้แสงจากดวงอาทิตย์ คือ แหล่งพลังงานความร้อนและแสงสว่างของโลก แต่ในขณะเดียวกันภาวะโลกเดือด (หรือภาวะโลกร้อน) ก็ทำให้ความร้อนที่ได้จากแสงอาทิตย์ยังถูกกักเก็บเอาไว้ในโลกและทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 

(4 พ.ค.67) TNN Tech รายงานว่า จากปัญหาดังกล่าว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) จึงริเริ่มทดลองแก้ปัญหา ด้วยการลดความร้อนจากดวงอาทิตย์ โดยการสร้างเมฆเทียมเพื่อหักเหแสงอาทิตย์เป็นครั้งแรกของโลก 

การทดลองดังกล่าวอิงจากพื้นฐานว่าเมฆสามารถหักเหแสงอาทิตย์ได้ แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวในธรรมชาตินั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทีมนักวิจัยจึงเริ่มโครงการสร้างกระบวนการที่เรียกว่า การเพิ่มความสว่างของเมฆเหนือมหาสมุทร (Marine Cloud Brightening: MCB) เพื่อให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้โดยการสร้างและออกแบบของมนุษย์

ทั้งนี้ MCB เป็นการใช้ประโยชน์จากเมฆเหนือมหาสมุทรที่มักลอยตัวต่ำ เป็นวัตถุดิบในการสร้างเมฆที่ช่วยสะท้อนและหักเหแสง โดยการพ่นละอองเกลือเพื่อให้ไปถึงเมฆ ละอองเกลือจะทำให้เมฆเพิ่มความสามารถในการสะท้อนแสง และลดปริมาณความเข้มแสงที่ผ่านเมฆเข้ามาสู่โลก พร้อมทำให้เมฆมีความขาวชัดมากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกระบวนการด้วยเช่นกัน

โดยสิ่งที่ทีมนักวิจัยทำก็คือการสร้างเครื่องพ่น (Spraying) น้ำทะเลไปยังระดับความสูงที่เมฆเลยตัวอยู่ พร้อมติดตั้งตัวเครื่องพ่นบน ยูเอสเอส ฮอร์เน็ต (USS Hornet CV-12) เรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งปลดประจำการในปี 1970 ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำ บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก (San Francisco Bay Area) ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา 

แม้ผลลัพธ์การทดลองเบื้องต้นจะยังไม่สามารถได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่นักวิจัยในทีม ตลอดจนนักบรรยากาศศาสตร์ (Atmospheric scientist) เชื่อว่า การรบกวนธรรมชาติของเมฆด้วยเทคนิค MCB มีความเป็นไปได้ในการทดลอง โดยมีปัจจัยที่สำคัญคือการสร้างละอองในอากาศ (Aerosoid) ที่มีความเหมาะสมในแง่ของขนาดและความเข้มข้น รวมถึงเครื่องพ่นที่มีกำลังการปล่อยที่เหมาะสมด้วย

อย่างไรก็ตาม การทดลองดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 3 ปี นับตั้งแต่เดือนเมษายน เพื่อบันทึกข้อมูลการทดลอง โดยติดตั้งเครื่องมือวัดสภาพอากาศเหนือ USS Hornet รวมถึงปรับปรุงแบบเครื่องพ่นให้เหมาะสม โดยตั้งงบประมาณตลอดระยะเวลาโครงการไว้ที่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 370 ล้านบาท ซึ่งประมาณร้อยละ 10 ของงบ หรือประมาณ 37 ล้านบาท จะเป็นค่าใช้จ่ายในการใช้ USS Hornet เป็นสถานที่ทดลองด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top