Saturday, 18 May 2024
TheStatesTimes

'อ.พงษ์ภาณุ' ยก 4 เรื่องที่เป็นอุปสรรคขวากหนามของประเทศ หวัง 'พิชัย ชุณหวชิร' สะสาง พา ศก.ไทยสู่เป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'ของฝากถึงรัฐมนตรีคลัง' เมื่อวันที่ 5 พ.ค.67 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

น่าเสียดายที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเร็วอย่างที่คาด

เมื่อสิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 หลายสำนักรวมทั้งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ต่างก็ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจลงเหลือไม่ถึง 3% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพของไทย แม้ว่าจะมีพัฒนาการที่ดีหลายประการในช่วงปลายไตรมาส อาทิ งบประมาณประจำปี 2567 มีผลบังคับใช้ / มาตรการดิจิทัลวอลเล็ตเริ่มมีความชัดเจน / นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาไทยอย่างท่วมท้นจนดุลบริการและดุลการชำระเงินเกินดุล แต่น่าเสียดายที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกลับทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง โดยตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับสูง และไม่ฟังเสียงสาปแช่งจากประชาชนทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตามความหวังของคนไทยเริ่มจุดประกายขึ้นใหม่ เมื่อเราได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังท่านใหม่ที่ชื่อ 'พิชัย ชุณหวชิร' ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ด้านการเงินการคลังมาอย่างโชกโชน และเป็นที่ยอมรับในทุกวงการ เราเชื่อมั่นว่าท่านจะนำพาเศรษฐกิจไทยไปสู่เป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ได้ หากสามารถสะสางงาน 3-4 เรื่องที่เป็นอุปสรรคขวากหนามของประเทศอยู่ ดังนี้...

ประการแรก ความขัดแย้งระหว่างนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน ได้เป็นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างรุนแรง ไม่มีที่ไหนในโลกปล่อยให้ธนาคารกลางมีอิสระอย่างไร้ขอบเขตและไร้จิตสำนึกเช่นประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยล้มเหลวในการดำเนินนโยบายการเงินอย่างสิ้นเชิง ปี 2565 เงินเฟ้อขึ้นไปสูงถึงกว่า 6% พอปี 2566 เงินเฟ้อกลับติดลบจนจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด (Deflation) เพราะการขึ้นดอกเบี้ยที่ผิดจังหวะจะโคน นโยบายการเงินจึงเป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศ หากไม่สามารถเรียกความร่วมมือจากนโยบายการเงินได้ ก็สมควรที่จะพิจารณาเปลี่ยนตัวบุคคลที่คุมนโยบายนั้นเสีย

ประการที่สอง การปรับโครงสร้างการคลังเข้าสู่สมดุล โดยเฉพาะการปฏิรูปภาษีอากรเพื่อเพิ่มรายได้รัฐบาล ขณะนี้รายได้ภาษีของไทยอยู่ที่ระดับเพียง 13% ของ GDP ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น และไม่เพียงพอต่อความจำเป็นในการใช้จ่ายของรัฐบาล เป็นเหตุให้ต้องกู้เงินจนหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูงในปัจจุบัน ระยะต่อไปรัฐยังมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อรองรับสังคมสูงอายุ จัดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ตลอดจนการป้องกันประเทศ เป็นต้น

ประการที่สาม ภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แม้ว่าจะดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังโดยตรง แต่กระทรวงการคลังมีบทบาทสำคัญในการจัดโครงสร้างแรงจูงใจและการจัดสรรทรัพยากรไปสู่การลงทุนในโครงการที่เอื้อต่อการลดคาร์บอน รวมทั้งการจัดการตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตในฐานะที่เป็นหลักทรัพย์ประเภทหนึ่ง

ประการสุดท้าย ในฐานะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังท่านนี้เป็นบุคคลในวงการกีฬา ประกอบกับปีนี้จะ มีมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก็อยากขอให้ท่านรัฐมนตรีสนับสนุนการพัฒนากีฬาของประเทศเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการใช้เงินของกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ซึ่งมาจากเงินภาษีอากร ดูเหมือนจะยังไม่มีประสิทธิภาพและมีการรั่วไหลอยู่พอสมควร เราเชื่อมั่นว่าหากท่านรัฐมนตรีเข้ามาจัดการวงการกีฬาอย่างจริงจัง ก็น่าจะสามารถทำให้คนไทยมีความสุขกับความสำเร็จของทีมนักกีฬาไทยในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปารีสนี้

‘เพจดัง’ แฉปม ‘ท่อไร้ฝา ที่ลาดพร้าว’ เผย!! ปชช. เคยร้องเรียนแล้ว แต่ ‘กทม.’ แก้ปัญหามักง่าย แค่นำไม้ มาวางพาดปากหลุม

(4 พ.ค.67) จากเหตุการณ์มีผู้พลัดตกบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าที่บริเวณเกาะกลางถนนใกล้ตอม่อทางเดินรถไฟฟ้า ซึ่งมีต้นไม้ปลูกเป็นแนวไว้ ปากซอยลาดพร้าว 49 เสียชีวิตนั้น

ทางเพจ Drama-addict ได้ออกมาโพสต์ ภาพจากลูกเพจ หลังเคยร้องเรียนกับ กทม. ผ่านทราฟฟี่ฟองดูว์ ในกรณีหลุมไม่มีฝาท่อย่านลาดพร้าว หวั่นจะเกิดอันตรายกับประชาชนถึงชีวิตได้ ซึ่งทางกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการแก้ปัญหาด้วยการนำไม้มาวางพาดปากหลุม

ทั้งนี้ ทางเพจได้ระบุข้อความว่า

"ลูกเพจฝากมา เขาว่ากรณีหลุมไม่มีฝาท่อแถวนั้น ยังมีอีกเพียบ เรียงเป็นตับเลย และแจ้งไปก่อนหน้านี้แล้ว เขาว่า "แก้ไขเสร็จสิ้น" ตามแบบในภาพ"

อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก และมีผู้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก เช่น ทำงานได้หัว ค มากครับ, ให้คนทำเดินไป เดินมา สัก 1ชม., ว้าว การแก้ไข แบบนี้ ไม่มีใครคิดได้เลย นอกจาก…, แก้ปัญหาได้ห่วยแตกมาก คุณภาพชีวิตเรียกร้องได้จากไหน, ต้องรอให้ญาติ ๆ ผรม.ตกลงไปในท่อก่อนหรือครับ

'รัดเกล้า' เผย!! รัฐบาลมุ่งยกระดับอาชีวไทย-พัฒนาทั้งครูและเด็ก เชื่อ!! เป็นทักษะสำคัญในโลกยุคใหม่ที่ตลาดแรงงานโลกต้องการ

(4 พ.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา เสนอรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง อาชีวศึกษา: คุณภาพ มาตรฐาน และแรงจูงใจ โดยมีข้อเสนอแนะทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐาน และด้านแรงจูงใจผู้เรียนอาชีวศึกษา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพของอาชีวศึกษาให้มีความทันสมัยและทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และสร้างแรงจูงใจให้มีผู้สนใจเข้าเรียนสายอาชีวศึกษาเพิ่มมากขึ้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรรมาธิการฯ มีข้อเสนอแนะให้พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษา อาทิ พัฒนาสมรรถนะที่ขาดหายไป ด้วยการ Up-Skill, Re-Skill หรือ New-Skill เพื่อให้ครูมีสมรรถนะในการสอน พัฒนาหลักสูตรให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับกลุ่มอาชีพใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และให้ความสำคัญกับการฝึกปฏิบัติวิชาชีพจริงในสถานประกอบการที่ตรงกับสาขาอาชีพของผู้เรียน

ส่วนข้อเสนอแนะด้านแรงจูงใจผู้เรียนอาชีวศึกษา เช่น การสร้างค่านิยมต่อการเรียนอาชีวศึกษาว่าการเรียนทางด้านอาชีวศึกษาจะทำให้ผู้เรียนมีงานทำทันทีเมื่อสำเร็จการศึกษาในแต่ละระดับ การพัฒนากระบวนการแนะแนว นำเสนอความสำเร็จของผู้เรียนอาชีวศึกษาที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพให้แพร่หลายผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ และสร้างระบบการเรียนร่วมกับการทำงานและมีรายได้ระหว่างเรียน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ซึ่งผู้เรียนจะได้มีประสบการณ์จริงและทักษะในการประกอบอาชีพระหว่างที่เรียนด้วย

“การยกระดับระบบอาชีวศึกษาไทย โดยเฉพาะการเสริมทักษะขั้นสูงและเฉพาะทาง ถือเป็นหนึ่งนโยบายที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และสร้างแรงงานทักษะให้ตรงกับความต้องการในตลาดแรงงานโลก ซึ่งหากข้อเสนอแนะดังกล่าวจะเป็นแนวทางให้นักศึกษาและแรงงานอาชีวะไทยได้รับการสนับสนุนเพิ่มทักษะความรู้ ก็จะทำให้กลายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยอีกทางหนึ่งด้วย” รองโฆษกฯ กล่าว

‘โซลาร์เซลล์’ ทนแดดไม่ไหว ไฟลุกพรึบ กลางหมู่บ้าน ชาวเน็ตวิเคราะห์ ‘ตัวชาร์จแบตเตอรี่ไม่ตัด-ความร้อนเกินมาตรฐาน’

(4 พ.ค.67) โซลาร์เซลล์ ทนแดดไม่ไหว ไฟลุกพรึบกลางหมู่บ้าน ชาวเน็ตหวั่นของไม่ได้มาตรฐาน

ผู้ใช้ TikTok ‘seephumeegarage’ โพสต์คลิปวิดีโอความยาวกว่า 30 วินาที ในคลิป เป็นภาพขณะที่ เสาโซลาร์เซลล์ที่ตั้งอยู่กลางแดด แต่แล้วมีควันลอยขึ้นมาจนเกิดไฟไหม้ และท้ายสุดโซลาร์เซลล์ ก็หักและหล่นลงพื้น

ผู้โพสต์คลิป ระบุข้อความว่า “ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับอากาศร้อนเปล่า อยู่ดี ๆ โซลาร์เซลล์ก็ไฟไหม้เอง”

หลังจากโพสต์ไปไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น และตั้งคำถามจำนวนมาก ว่า เหตุใดโซลาร์เซลล์ ที่ควรจะต้องทนความร้อน ถึงสามารถไฟลุกได้ 

หรือจะมาจากส่วนอื่นที่ไม่ใช่ 'โซลาร์เซลล์' เช่นแบต หรือตัวเชื่อมแผงวงจรอื่นๆ กันแน่

อย่างไรก็ตาม คนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย เช่น

“แล้วที่ติดตั้งตามหลังคาบ้านล่ะ ไม่อยากจะคิดเลย”

“1 ร้อนเกิน 2 ชาร์จเกิน ไม่แน่ใจว่ามีBMSไหมน่ะครับ”

“ความคิดส่วนตัวผมว่าการรับแสงเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน ยิ่งแดดแรงๆ วัสดุต้องรับความร้อนเป็นอย่างมาก วัสดุจึงทนความร้อนไม่ไหวจึงทำให้ติดไฟ มั่วเอาครับ”

“ไหม้อยู่แล้วเพราะแผงโซลาเซลล์ บนตัวรับแสงมีเนื้อกระจกบางๆ เพราะรับความร้อนเกินมาตรฐานที่กำหนด”

“แบตเตอรี่ไม่ตัดชาร์จตลอดเต็มก็ไม่ตัด”

“แบตลิเธียม ทนความร้อนไม่ไหว”

“แดดดีจัดชาร์ทเต็มอัตราจนแบตบอกไม่ไหวแล้วน้องพลีชีพเลย”

‘อัครเดช’ หนุนนายกฯ ดัน ‘ไฟไหม้กากสารเคมีอุตฯ’ เป็นเรื่องสำคัญ ชี้!! หมักหมม มานานหลายปี ต้องสร้างความเชื่อมั่น เร่งหาคนผิดมาลงโทษ

(4 พ.ค.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม(กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและฝ่ายความมั่นคงมาช่วยแก้ปัญหาไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมี รวมถึงการที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้สั่งให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดทั่วประเทศเข้ามาช่วยสำรวจร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น ถือว่าเป็นเรื่องดีที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และคิดว่าการมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการดูแล ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเป็นเรื่องที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องบูรณาการหลายกระทรวงเข้ามาดำเนินการ

“การที่ต้องเอาฝ่ายความมั่นคงมาช่วยและเอากระทรวงอื่นๆมาร่วมแก้ปัญหา ถือว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ที่จะต้องบูรณาการทุกหน่วยงาน ดังนั้นที่ท่านนายกฯได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงเข้ามาช่วย และ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้ามาช่วยกระทรวงอุตสาหกรรมถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และตอนนี้รัฐมนตรีอุตสาหกรรมก็ลงมาดูแลปัญหาด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเป็นเรื่องที่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องบูรณาการหลายกระทรวงเข้ามาดำเนินการเรื่องนี้ จึงต้องได้รับความร่วมมือจากกระทรวงอื่นด้วย” ประธาน กมธ.อุตสาหกรรม กล่าว

นายอัครเดช ยังย้ำอีกว่า ปัญหานี้ตนต้องการให้นายกรัฐมนตรี ยกเป็นปัญหาระดับชาติ เพราะที่ต้องเป็นปัญหาระดับชาติ เนื่องจากเป็นปัญหาที่หมักหมมมาหลายปี ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดราชบุรี พระนครศรีอยุธยา ระยอง และจากที่ทราบก็ยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีการกองเก็บกากดังกล่าวอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ปราจีนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐมเป็นต้น ซึ่งถ้ามีการเกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีกจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อหน่วยงานของรัฐ ดังนั้นตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะตอนนี้ประชาชนให้ความสนใจเรื่องนี้มาก ฉะนั้นเรื่องการป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อภาครัฐ ซึ่งการที่นายกรัฐมนตรี กับ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพพยากรธรรมชาติฯ ลงมาช่วยกระทรวงอุตสาหกรรมดูแล ก็จะทำให้การควบคุมตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญการเกิดเหตุที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นจะต้องหาผู้กระทำความผิดให้ได้ ต้องสอบสวนให้ได้อย่างรวดเร็ว และต้องตอบสังคมให้ได้ว่ามันเป็นที่การวางเพลิง หรือเป็นที่อุบัติเหตุ และถ้ามันเป็นการวางเพลิงต้องหาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้

‘เทพไท’ ฟาด ‘อุ๊งอิ๊ง’ ตระบัดสัตย์-หักหลังปชช. ภาคภูมิใจกับดีลลับ ‘ทักษิณ’ ยก!! ‘ชวน-อภิสิทธิ์’ เป็นตัวอย่าง ให้ความสำคัญ ‘สัจจะวาจา’ มากกว่าอำนาจ

(4 พ.ค.67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า

จงภูมิใจกับการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้วต่อไป

เมื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ‘อุ๊งอิ๊ง’ กล่าวในงานอีเวนต์  ‘10เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม10’ ว่า พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูกตั้งรัฐบาลผสม บอกลูกพรรคอย่าสนวากรรมทำให้ เหมือนผิดคำสัญญาประชาชน นั้น ต้องยอมรับความจริงว่าเป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย ที่จะเข้าสู่อำนาจรัฐให้ได้ โดยมีการดีลลับกัน ระหว่างนายทักษิณกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม จนสมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย หรือที่เรียกกันว่า ฮั้วอำนาจทางการเมืองกันลงตัว

เมื่อต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ก็เหมือนกับคุณอุ๊งอิ๊งบอกว่า ตัดสินใจถูกต้องแล้ว และไม่สนคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนว่า จะไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรค2ลุง ซึ่งเป็นการประกาศบนเวทีหาเสียง จากปากคุณอุ๊งอิ๊ง นายเศรษฐา ทวีสิน  แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และน.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค เป็นการตระบัดสัตย์และหักหลังประชาชน

ถ้ามั่นใจว่าประชาชนลืมง่าย และสามารถนำผลงานมาเรียกศรัทธาคืนจากประชาชนได้ ก็ขอให้รอดูผลการเลือกตั้งในครั้งต่อไปก็แล้วกัน เพราะคำพูดของนักการเมือง มีความสำคัญเป็นสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับประชาชน เมื่อพูดไปแล้วก็ต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ประชาชนก็จะเสื่อมศรัทธาและจะลงโทษเอง อยากให้ดูการรักษาสัจจะของนักการเมืองอย่างน้อย 2 คน คือ

1.นายชวน หลีกภัย ซึ่งเคยประกาศเป็นสัญญาประชาคมในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อันดับ1 ก็จะไม่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคความหวังใหม่ 2 เสียง จากเหตุไฟฟ้าดับตอนนับคะแนนที่จังหวัดปทุมธานี นายชวนก็เปิดโอกาสให้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่จัดตั้งรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีทันที

2.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้ประกาศไว้ในการ หาเสียง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ว่า จะไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ มีมติด้วยเสียงข้างมาก ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ก็แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ลาออกจากการเป็นส.ส.ในทันที ทั้งที่สามารถหลีกเลี่ยงการขานชื่อ สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยการรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายอภิสิทธิ์ ยึดหลักบาป 7 ประการ ของมหาตมะ คานธี คือ
1.เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ
2.หาความสุขสำราญโดยไม่ยั้งคิด
3.ร่ำรวยเป็นอกนิษฐ์โดยไม่ต้องทำงาน
4.มีความรู้มหาศาลแต่ความประพฤติไม่ดี
5.ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลธรรม
6.วิทยาศาสตร์เลิศล้ำแต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์
7.บูชาสูงสุดแต่ไม่มีความเสียสละ

ขอให้พรรคเพื่อไทย จงภูมิใจกับการเป็นรัฐบาลต่อไปเถิด ถ้าคิดว่าผลงานช่วงเป็นรัฐบาล 4 ปีนี้สามารถเรียกคะแนนนิยมคืนได้ 10 เต็ม ตามที่ประกาศไว้ ถือเป็นความโชคดีไป ขอให้ยืนยันและภูมิใจในการตัดสินใจหักหลังประชาชน กระโดดข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

จะตัดสินใจถูกหรือผิดในการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้ม อย่าคิดเอง เออเอง รอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ในการเลือกตั้งครั้งหน้าดีกว่า

สืบนครบาล ล่านัท night stalker จอมหื่นนักสะกดรอย อ้างปิกาจูไม่แข็งคิดว่าต้องถูกสารวัตรแจ๊ะจับกุมสักวัน

'night stalker' จอมหื่นที่ตามสะกดรอยชีวิตของเหยื่อสาวกว่าหลายเดือน ก่อนสบโอกาสลากเธอไปข่มขืนอย่างวิตถาร เหตุการณ์ยิ่งกว่าภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ล่าสุด ผู้การจ๋องัดส่งชุด “สะกดรอย VS นักสะกดรอย” จนเกิดการไล่ล่าอย่างดุเดือดบนถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนรวบตัวได้กลางถนน โดยคนร้ายอ้าง “ลากน้องไปจริงแต่ไม่ได้ข่มขืนเพราะปิกาจูไม่แข็ง”

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น.  พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.สส บก.น.5 พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้วสว.ฝอ.บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ศิวัช  ยังอุ่น รอง สว. กก.4 บก .สส.บช.น. ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.สส.2 ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ บก.สส.บช.น. ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อ้นชูฤทธิ์ รอง สว.สอบสวน สน.ดินแดง ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

นายณัฐพล บุราณรักษ์ หรือนัท อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ถ.ประชาอุทิศ ซอย 2 ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1625/2567 ลงวันที่ 19 เม.ย. 67 

ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”

จับกุมได้ที่ กลางถนนวิภาวดี-รังสิต (ขาออก-บริเวณสนามบินดอนเมือง) แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง จ.กรุงเทพฯ

พฤติการณ์กล่าวคือ “night stalker” ในชีวิตจริง จอมหื่นที่ตามสะกดรอยชีวิตของเหยื่อสาวกว่าหลายเดือน ก่อนสบโอกาสลากเธอไปข่มขืนอย่างวิตถาร โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในห้วงปลายปี พ.ศ. 2566 หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายรายนี้เธอเป็นเด็กสาวหน้าตาดีวัย 22 ปี เธอเล่าว่า ได้เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง คนร้ายทำหน้าที่โชเฟอร์ของบริษัท ได้ฉวยโอกาสนี้เข้ามาทำทีตีสนิทใกล้ชิดกับเธอ จนมันเริ่มคลั่งไคล้เธอจนถึงขั้นเลิกขับรถแล้วขอย้ายมาอยู่แผนกเดียวกับเธอ ภัยร้ายเริ่มคลืบคลานมาหา เมื่อได้ทำงานใกล้ชิดกับเธอแล้วไอโรคจิตรายนี้พยายามซักถามข้อมูลส่วนตัวเธออย่างเกินงาม จนเธอรู้สึกอึดอัด โดยคนร้ายยังไม่จบเพียงแค่นี้บางครามันถึงขั้นนำสิ่งของของเธอในอ็อฟฟิศ “มาสูดดม” อย่างโรคจิตในภาพยนตร์ แล้วที่พีคสุดคือหลังเลิกงานเมื่อ “พระอาทิตย์ตกดิน” ผู้ต้องห่จะสะกดรอยติดตามเธอตั้งแต่ออกจากบริษัท ป้ายรถเมล์ และแอบขึ้นรถเมล์ไปกับเธอ ตามไปจนถึงที่พักของเธอ โดยที่เธอไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นเช่นนี้มาเป็นเวลากว่าหลายเดือน มันรู้แม้กระทั่งว่าเธอชอบกินขนมยี่ห้ออะไรในร้านสะดวกซื้อ จนมาถึงในวันที่เกิดเหตุ ได้มีการจัดงานการกินเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัทฯ ซึ่งหลังเสร็จจากงานเลี้ยงเธอต้องกลับมาทำงานต่อที่บริษัทฯ มันฉวยโอกาสตามเธอกลับมาที่บริษัทฯ ด้วยสภาพแวดล้อมที่แทบจะไม่มีใครอยู่ในบริษัท ลงมือลากเธอเข้าไปในห้องฟิสเนตของบริษัทฯ แล้วลงมือกระทำชำเราเธออย่างรุนแรง เวลาผ่านไปเท่าใดไม่ทราบเธอฟื้นได้สติขึ้นมาแล้วพบว่าตนกำลังถูกไอ้โรคจิตรายนี้ข่มขืนอยู่

จึงใช้เท้าถีบมันและหนีออกมาจากสถานการณ์นั้นได้ ซึ่งหลังเกิดเหตุเธอได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น และได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับหัวหน้าในบริษัททราบทันที ซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้มาทำการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดก็พบว่าหลังเกิดเหตุ ไอ้โรคจิตรายนี้ยังกลับเข้าไปทำความสะอาดและทำลายหลักฐานในห้องฟิสเน็ตจุดที่ลงมือก่อเหตุอีกด้วย หลังจากนั้นคนร้ายก็ไม่มาทำงานอีกและหนีหายเข้ากลีบเมฆไปเลย ซึ่งต่อมาก็ได้มีการออกหมายจับนายณัฐพล หรือนัท อายุ 45 ปี โดยคดีนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาลเพื่อไล่ล่าติดตามตัว จนชุดสืบสวนได้ไปพบบุคคลต้องสงสัยที่มีตำหนิรูปพรรณตรงกับคนร้าย กำลังขับรถยนต์อยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ต.ธีรเดชฯ สั่งให้ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. ชุดสืบสะกดรอยนักสะกดรอยรายนี้ไปเรื่อยๆเพื่อพิสูจน์ทราบ กระทั่งต่อมาคนร้ายเริ่มระวังตัวจึงเริ่มขับรถโดยใช้ความเร็วต่ำ แต่ชุดสืบสวนไม่กลัวว่าคนร้ายจะรู้ตัว โดยสารวัตรแจ๊ะสั่งลูกทีม “ตามแบบหนังไทย” ขับตามรถคนร้ายไปดื้อๆ จนกระทั่งคนร้ายเริ่มออกอาการเริ่มขยับฉวัดเฉวียวและใช้ความเร็ว กระทั่งได้พยายามจะสับขาหลอกชุดสืบสวนหักเลี้ยวกลับรถกะทันหันและพยายามขับขี่มุดไปตามช่องแคบ แต่ท้ายสุดก็ถูกสกัดจับได้กลางถนนวิภาวดีรังสิต

ในชั้นจับกุม นายณัฐพลฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเคยเป็นพนักงานในแผนกไอทีแอนเซอร์วิส อยู่ที่บริษัทที่เกิดเหตุดังกล่าว ตามที่ผู้เสียหายกล่าวว่าตนนั้นเป็นสตอกเกอร์ตามคุกคามชีวิตประจำวันผู้เสียหาย ตั้งแต่ขึ้นรถเมล์จนกระทั้งรู้พฤติกรรมของผู้เสียหายว่าชอบลงมาซื้อข้าวจากร้านสะดวกซื้อไปกินบนห้องและคอยเฝ้าตามผู้เสียหายในที่ต่างๆ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นสตอกเกอร์ แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของน้องเขาเท่านั้น โดยในวันเกิดเหตุนั้นบริษัทที่ตนทำงานได้จัดเลี้ยงปีใหม่และผู้เสียหายได้ดื่มเหล้าจนมีอาการเมาไม่ได้สติ และตนจึงได้พาผู้เสียหายไปที่อ่างล้างจานเพื่อไปอาเจียน และพาผู้เสียหายมาเช็ดตัวที่ห้องฟิตเนสในระหว่างนั้นตนเห็นผู้เสียหายถอดเสื้อจนเห็นร่องอก ตนจึงเกิดอารมณ์และได้ลูบไล้ร่างกายผู้เสียหาย จนกระทั่งตนกำลังจะถอดกางเกงแต่ อวัยวะเพศของตนเกิดอาการอ่อนตัวจนไม่สามารถร่วมเพศเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้เสียหายรู้สึกตัวพอดี 

ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ ตนได้ลาออกจากบริษัทและออกมาทำงานรับจ้างด้วยตนเอง โดยตลอดช่วงที่หลบหนีที่ผ่านมาตนได้ตั้งจิตขอขมาองค์เทพและผู้เสียหายเรื่อยมา จนในวันที่ถูกจับกุมตนมีลางสังหรณ์จากองค์เทพว่าวันนี้ตนจะถูกลงโทษจากคดีความที่เคยก่อไว้ และถ้าถูกจับวันนี้จะมีญาติผู้ใหญ่มาช่วยเหลือและตนจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ตนอยากเจอกับ สารวัตรหมวกไหมพรหม (สารวัตรแจ๊ะ) เพราะติดตามใน tiktok มานานและคิดว่าสักวันตนอาจจะถูกสารวัตรแจ๊ะจับเพราะชุดสืบของสารวัตรแจ๊ะเก่ง อีกทั้งตนยังอยากคุยกับผู้การจ๋อ เพราะติดตามมานานและคิดว่าผู้การจ๋อซึ่งน่าจะเข้าใจตนมากที่สุด”

หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้าย เพราะพยานหลักฐานในคดีนี้แน่หนามาก และจากการตรวจสอบพฤติกรรมของคนร้ายพบว่ามีการเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยครั้งมาก เป็นไปได้สูงที่อาจจะเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว ซึ่งหลังจากนี้เราจะมีการขยายผลโดยละเอียด ขอเป็นกำลังใจให้กับหญิงสาวที่ต้องประสบพบเจอกับการถูก “sexual harassment” ในทุกแวดวงสังคมเช่นนี้ ต้องรู้จักสร้างภูมิคุ้มกันตัวเราเองก่อน ต้องรู้จักและหาแนวทางในการรับมือ การวางตัว และการป้องกันที่จะไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่คิดมิดีมิร้ายมาลงมือก่อเหตุกับเราได้ และหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิดในลักษณะนี้ในแวดวงสังคมที่ท่านต้องประสบพบเจออยู่โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.  

‘นิพิฏฐ์’ ชี้ ‘แบงก์ชาติ’ ต้องไม่มีการเมือง มาแทรกแซง หนุน!! ผู้ว่าฯ อย่าเพิ่งถอดใจ ปชช. ยังต้องการให้เป็น ‘วีรบุรุษที่ยังมีชีวิต’

(4 พ.ค.67) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า สายเลือดพ่อ คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร กล่าวว่า “ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ” ถือเป็นคำกล่าวที่รุนแรงต่อสถาบันการเงินหลักของประเทศ ทุกประเทศในโลกเขาให้ธนาคารชาติของเขาเป็นอิสระปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองทั้งสิ้น

-มีครั้งหนึ่ง หลวงตามหาบัว ได้ตำหนิคุณทักษิณ และหลวงตาได้ระดมทองคำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ธนาคาร ตามโครงการ 'ทองคำช่วยชาติ'

-รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ จึงโทษธปท. ถึงกับประกาศว่า ธปท.เป็นอุปสรรคของประเทศ

-หลายคนโทรมาคุยกับผมในเรื่องนี้

-ผมได้แต่ฟัง และบอกว่า “เป็นเช่นนี้”

-เมื่อเราได้รัฐบาลเช่นนี้ ทุกอย่างก็จะ “เป็นเช่นนี้แหละ”

-อย่าแปลกใจเลย อุ๊งอิ๊ง ก็มีสายเลือดพ่อเต็มเปี่ยม และกำลังเดินตามรอยเท้าพ่อ จากนี้ ประเทศก็จะเป็นดังอดีตที่พ่อเคยทำ เริ่มจากต้องนำยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาแบบไร้รอยขีดข่วน

-ใครติดปีกให้คุณทักษิณ หากบ้านเมืองเสียหาย ก็ต้องยอมรับชะตากรรม

-ผมไม่กลัว และ ไม่แคร์ตระกูลชินวัตร คุณจะมั่งมีศรีสุข มีอำนาจล้นฟ้า ก็มีไป ผมขอเพียงพื้นที่เล็กๆให้ผมได้เหยียบเดินแบบ “เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน”

-ขอให้กำลังใจผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ท่านอยู่ต่อไป หากท่านถอดใจลาออก ประชาชนส่วนหนึ่งน่าจะเสียขวัญและกำลังใจ

-วีรบุรุษ มี 2 ประเภท คือ วีรบุรุษที่ยังมีชีวิตอยู่ กับ วีรบุรุษที่ตายไปแล้ว

-ประชาชนต้องการให้ท่านผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย เป็น “วีรบุรุษที่ยังมีชีวิต มากกว่า วีรบุรุษที่ตายไปแล้ว” ครับ

สืบนครบาล รวบ 'เคน สิชล' หลอกขายชุดใบจองไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ชิ่งหนีไม่ส่ง หลบหนี 2 ปี

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์. รรท.ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดย ชุดลาดตระเวนออนไลน์บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้เสียหายผ่านเพจ สืบนครบาล IDMB ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายจตุพล หรือเคน ซึ่งมีพฤติการณ์หลอกขายชุดใบจอง “เหรียญไอ้ไข่ยอดทรัพย์ 64 วัดเจดีย์” ผู้เสียหายได้ทำการโอนเงินจองให้แก่ผู้ต้องหาทั้งหมด 33 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิน 479,000 บาท เมื่อถึงกำหนดรับเหรียญ ผู้เสียหายก็ไม่สามารถติดต่อ นายจตุพล หรือเคน ได้หลบหนีการจับกุมอยู่ 2  ปี

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , สั่งการให้ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม 

นายจตุพล หรือเคน ว่องไว อายุ 29 ปี ที่อยู่เลขที่ 30/1 หมู่ 12 ตำบลเทพราช อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 163/2564 ลงวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์” 

โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณปากซอยเสรีไทย 7 แยก 10 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 

ในชั้นจับกุม นายจตุพล ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตนเรียนจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เดิมทีเปิดร้านขายไก่ทอดย่านแฟลตคลองจั่น  และลาออกมาวิ่งงานบริการรับส่งอาหาร เกี่ยวกับข้อกล่าวหาตามหมายจับที่ถูกจับกุม ตนรับสารภาพว่าตนไม่สามารถจัดส่งเหรียญไอ้ไข่ยอดทรัพย์ 64 วัดเจดีย์ ให้แก่ผู้เสียหายตามที่ได้ตกลงกันไว้จริง เนื่องจากตนก็ถูกคนวงในซึ่งมีความใกล้ชิดกับทางวัดซึ่งตอนแรกติดต่อกับตนว่าสามารถหาใบจองเหรียญไอ้ไข่ยอดทรัพย์ 64 วัดเจดีย์ มาให้ตนหาคนมาจอดได้ หลอกเอาเงินจองที่ตนรับมาจากลูกค้าหลบหนีไปกว่า 500,000 บาท และอ้างว่าประกอบกับหลังเกิดเรื่อง ตนก็ขาดการติดต่อกับผู้เสียหายไป จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้เสียหายคิดว่าคนเป็นตัวการในการก่อเหตุในครั้งนี้ จึงไปร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับตน จนมาถูกจับกุมตัวในที่สุด 

จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ผ่านมา พบว่า นายจตุพล มีประวัติเคยถูกดำเนินคดี จำนวน 6 คดี ประกอบด้วย
1) ปี 2555 เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1,มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (นอกเหนือจากแอลเอสดี หรือเมตแอมเฟตามีน)” ท้องที่ สภ.สิชล
2) ปี 2559 เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาไม่มาแสดงตนเพื่อรับหมายเรียกที่อำเภอ เมื่ออายุย่างเข้า 21 ปี” ท้องที่ สภ.สิชล
3) ปี 2562 เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น” ท้องที่ สภ.สำโรงใต้
4) ปี 2562 เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น” ท้องที่ สภ.สำโรงเหนือ
5) ปี 2563 เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น” ท้องที่ สภ.สำโรงเหนือ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว นายจตุพล หรือเคน ว่องไว ผู้ต้องหาตามหมายจับ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปลายบาง ภ.จว.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

'อลงกรณ์' ชี้ 'นายกฯ.เศรษฐา' พลาดดีลไมโครซอฟท์ แพ้มาเลเซีย-อินโดนีเซียราบคาบทำประเทศเสียโอกาสครั้งใหญ่

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีและสส. 6 สมัย โพสต์บทวิจารณ์ความล้มเหลวของนายกรัฐมนตรีกรณีพลาดดีลไมโครซอฟท์ในเฟซบุ๊กวันนี้(4พ.ค.) เรื่อง บทพิสูจน์ความล้มเหลว “นายกฯ.เศรษฐา” กรณีไมโครซอฟท์(Microsoft) “แพ้มาเลฯ.-อินโดฯ.ราบคาบ ทำประเทศเสียโอกาสครั้งใหญ่” โดยมีเนื้อหาดังนี้

“..,ผมติดตามข่าว" สัตยา นาเดลลา" ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์ (Microsoft)บริษัทยักษ์ใหญ่ไอทีของโลกมาเยือนอินโดนีเซีย ไทยและมาเลเซียระหว่างวันที่ 30 เมษายน-2 พฤษภาคม 2567อย่างใจจดใจจ่อ

ทั้งนี้เพราะนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ทำใหัเกิดความหวังจากการให้สัมภาษณ์หลังพบเจรจากับประธานและซีอีโอบริษัทไมโครซอฟท์ที่นิวยอร์กและซานฟรานซิสโก้ในเดือนกันยายนและพฤศจิกายนปีที่แล้วถึงขั้นทำบันทึกความร่วมมือ(MOU)ว่า ดีลสำเร็จจะมีการลงทุนเป็นแสนล้านจากไมโครซอฟท์

ผมคาดหวังว่า "สัตยา นาเดลลา" ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์จะประกาศแผนงานโครงการและตัวเลขการลงทุนด้านดิจิตอลเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์(AI-Artificial Intelligence)ในประเทศไทยเป็นแสนล้านตามเป้าหมายดิจิตอลฮับภายใต้วิสัยทัศน์”Ignite Thailand”ของนายกรัฐมนตรีที่ให้ข่าวก่อนหน้านี้ เมื่อถึงวันที่ 1 พ.ค 2567 ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์มาเยือนไทยกลับไม่มีการประกาศตัวเลขการลงทุนในไทยที่ชัดเจนแม้แต่สลึงเดียว มีเพียงคำแถลงว่าจะตั้งดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในไทยและจะสนับสนุนการพัฒนาคนไอที 100,000 คน

ทั้งที่ก่อนมาไทย1วันคือวันที่ 30 เมษายน 2567 ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์เดินทางเยือนอินโดนีเซียและประกาศตัวเลขการลงทุน 1.7 พันล้านดอลลาร์(กว่า 6 หมื่นล้านบาท)ในอินโดนีเซียพร้อมแผนงานโครงการอย่างละเอียดชัดเจน

ยิ่งกว่านั้นในวันที่ 2 พ.ค. 2567 ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์ไปเยือนมาเลเซียได้ประกาศตัวเลขการลงทุนในมาเลเซีย 2.2 พันล้านดอลลาร์(กว่า8หมื่นล้านบาท)เพื่อสนับสนุนความเป็นฮับดิจิตอลของมาเลเซีย แสนล้านของไทยหายไปไหนครับ ?

ส่วนกรณีไมโครซอฟท์จะตั้งดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในไทยเป็นความชัดเจนเท่าที่จับต้องได้
แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าไมโครซอฟท์มีดาต้า เซนเตอร์กว่า 300 แห่งทั้งระดับประเทศและระดับภูมิภาคใน34 ประเทศทั่วโลก

เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาคนไอทีที่ไมโครซอฟท์จะช่วยไทย 1 แสนคน นั้นน้อยกว่าที่จะช่วยมาเลเซีย 2 แสนคนและอินโดนีเซีย 8 แสนกว่าคน 

การเปิดดีลและปิดดีลที่มีเวลาทำงานยาวนานกว่า7เดือนตั้งแต่ปลายกันยายน 2566 ถึง 1 พฤษภาคม 2567 ของนายกรัฐมนตรีในการดึงไมโครซอฟท์มาลงทุนในไทยล้มเหลวไม่เป็นท่าและพ่ายแพ้ต่อมาเลเซีย-อินโดนีเซียแบบราบคาบ

ผมหวังว่า ความล้มเหลวในการทำงานกรณีไมโครซอฟท์จะเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปรับปรุงการทำงานแบบผู้บริหารประเทศไม่ใช่แบบเซลล์แมนโฉบไปโฉบมาจนจับต้องอะไรไม่ได้

ท่านต้องตระหนักว่า ท่านทำให้ประเทศเสียโอกาสครั้งใหญ่ในห้วงเวลาที่ประเทศต้องการรายได้และเงินลงทุนเพราะทุกบาททุกดอลลาร์คืองานและปากท้องของประชาชนคนไทย ผมยังกังวลว่า ขณะที่ท่านไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆในการดึงเงินลงทุนเข้าประเทศและไม่สามารถหาเงินเข้าประเทศจนส่งออกติดลบ10%ขาดดุลการค้าหลายแสนล้านทำให้เศรษฐกิจตกต่ำฝืดเคืองไปทุกหย่อมหญ้า แทนที่นายกรัฐมนตรีจะรีบปรับปรุงการทำงานเร่งทำมาหากินสร้างเงินให้ประเทศ ท่านกลับคิดแต่จะกู้เงินก่อหนี้ให้ประเทศอีกกว่า1 ล้านล้านบาทในปีนี้และปีหน้า แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร และประเทศจะเป็นอย่างไร จะให้ประชาชนและประเทศชาติติดหล่มจมปลักอยู่กับหนี้สินโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top