Saturday, 18 May 2024
TheStatesTimes

‘เวียดนาม’ ระอุ!! อากาศร้อน ทำปลานับแสนตัวตายคาอ่าง แถมชาวบ้านในพื้นที่ ต้องเผชิญปัญหาจากกลิ่นเน่าเหม็น

(2 พ.ค.67) เอเอฟพี รายงานว่า ปลาหลายแสนตัวลอยตายเกลื่อนในอ่างเก็บน้ำจังหวัดด่งนาย ทางตะวันออกเฉียงใต้ ของประเทศเวียดนาม หลังสภาพอากาศร้อนจัดต่อเนื่อง เช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สื่อท้องถิ่นระบุว่า พื้นที่ตอนกลางและตอนใต้ของเวียดนามเผชิญหน้ากับการทำลายล้างของคลื่นความร้อนรุนแรง ปลาทั้งหมดในอ่างเก็บน้ำซ้องไมยตายเพราะขาดน้ำ และชาวบ้านในอำเภอจั๋งโบมกำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากกลิ่นเน่าเหม็นของปลาตาย

จากภาพถ่ายเผยให้เห็นปลาตายลอยแพเกือบเต็มอ่างเก็บน้ำซ้องไมยซึ่งมีพื้นที่ราว 1,875 ไร่ และบางส่วนแห้งขอดมีซากปลาตายติดกรัง เนื่องจากไม่มีฝนตกเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว และปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่ำเกินไปสำหรับสิ่งมีชีวิตที่จะอยู่รอดได้

ทั้งนี้ อุณหภูมิในจังหวัดด่งนาย เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา พุ่งสูงถึง 40 องศาเซลเซียสและทำลายสถิติอุณหภูมิสูงสุดที่บันทึกไว้ในรอบ 26 ปี ตั้งแต่ปี 2541

ศรชล. / ศคท.จว.สป.ร่วมกิจกรรมจิตอาสา เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อ 1 พ.ค. 67 น.อ.ทิฆัมพร สมนึก รอง.ผอ.ศรชล.จว.สป. จัด จนท.ศรชล / ศคท.จว.สป.
เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล วันฉัตรมงคล ณ.ริมคลองสำโรง ข้างเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 

โดย นาย ศุภมิตร ชิณศรีผู้ว่าราชการจังหวัด มอบหมายให้  นายวัฒนา เจริญจิต  นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นประธานในพิธี  

ตำรวจช่วยบรรเทาภัยแล้ง “รรท. ผบ.ตร.” สั่งการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน “ผบช.ตชด.” ให้ ตชด.ทั่วประเทศ ส่งรถบรรทุกน้ำ คลายทุกข์ คลายร้อนให้ประชาชน พร้อมลงพื้นที่ร้อยเอ็ดตรวจเยี่ยม ตชด.23 ช่วยชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ( ผบช.ตชด. )  เดินทางตรวจเยี่ยมกำลังพล ชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน 23 ( กก.ตชด.23 )  ที่นำรถบรรทุกน้ำสะอาด ออกแจกจ่ายบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้กับพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ชุมชนวัดบ้านป่ายาง และหมู่บ้านข้างเคียง  เทศบาลตำบลขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด  

พล.ต.ท.ยงเกียรติ ฯ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ) สั่งการให้ ตชด.ระดมสรรพกำลังเข้าบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยเผชิญอากาศร้อนจัด ส่งผลให้หลายจังหวัด ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อน และเผชิญกับสถานการณ์ภัยแล้ง ตนจึงได้สั่งการให้ ผกก.ตชด.ทุกหน่วยทั่วประเทศ จัดกำลังพล และรถบรรทุกน้ำ ออกให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ประสบภัยแล้ง แจกจ่ายน้ำแก่ประชาชน อย่างทันท่วงที และเหมาะสมเพียงพอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในเบื้องต้น ให้มีน้ำใช้อุปโภค บริโภค  และให้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและส่วนราชการในพื้นที่ เข้าให้การช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไป การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

‘อรรถกร’ เผย 'บิ๊กป้อม' กำชับลุยงาน ‘รมช.เกษตร’ ให้เต็มที่สมที่ไว้วางใจ พร้อมอวยผลงาน ‘ธรรมนัส’ 7 เดือนชิ้นโบแดงทำกดดัน แต่พร้อมลุย

(2 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อ เวลา 08.20 น. เป็นไปอย่างคึกคัก หลังรัฐมนตรีใหม่ได้ทยอยเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อตรวจคัดกรองเชื้อโควิด (RT PCR) ที่ห้องเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่วันที่ 3 พ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีใหม่เข้าถวายสัตย์ฯ ในเวลา 17.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน อาทิ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว. สาธารณสุข, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โดยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ว่า ขณะนี้เป็นการเตรียมตัวทำงาน และดีใจที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร และตั้งแต่วันที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ส่งชื่อ และทราบว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี ก็ได้มีการคิดล่วงหน้าและเตรียมความพร้อม ว่าเมื่อเรามีโอกาสได้เข้ามาทำงานในฐานะรัฐมนตรีช่วย ก็จะทำให้ดีที่สุด

อย่างไรก็ตามเมื่อได้มอบหมายให้รับผิดชอบมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งถือเป็นกระทรวงใหญ่ เป็นกระทรวงที่ดูแลเกษตรกรที่มีจำนวนมากในประเทศไทย ยอมรับว่าก็อาจจะรู้สึกกดดันบ้าง อีกทั้งตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ทำงานไว้ผลงานระดับชิ้นโบแดง แม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณบ้าง แต่ดัชนีชี้วัดต่าง ๆ ก็เป็นเชิงบวกอย่างที่ทุกคนเห็นอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า การที่พรรคพลังประชารัฐ ได้ดูกระทรวงเกษตรทั้งหมด จะส่งผลอย่างไร? นายอรรถกร กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรตนไม่ทราบ แต่เบื้องต้นเท่าที่ได้คุยกับ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกันอยู่แล้ว ตนเองตั้งใจที่จะทำงานเพื่อแบ่งเบาภารกิจของท่าน และพร้อมสนับสนุนในทุก ๆ เรื่องที่จะสามารถแบ่งเบาได้ และในฐานะคนรุ่นใหม่ ก็จะทำตามนโยบาย รมว.เกษตร ที่ได้วางนโยบายไว้ คือการใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ และใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าไปทำงาน ดังนั้นการสื่อสารถือเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะเกษตรกรที่สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อโลกเปลี่ยนไป หากเราใช้รูปแบบเดิม ๆ ผลลัพธ์อาจจะเป็นแบบเดิมหรือน้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ เนื่องจากทุกอย่างเปลี่ยนไป โดยเฉพาะภูมิอากาศซึ่งส่งกระทบกับผลผลิต จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งกระทรวงเกษตรก็มีหลายหน่วยงาน และนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถจะเข้าไปช่วยตรงนี้ได้"

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้ามาทำงานตรงนี้ พล.อ.ประวิตรได้ฝากฝังอะไรหรือไม่? นายอรรถกร กล่าวว่า "ท่านบอกว่าอย่าให้เสียชื่อ ท่านมอบความไว้วางใจแล้ว ท่านให้โอกาสแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ครับ"

นายอรรถกร กล่าวว่า หลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรีขณะนี้ยังไม่ได้รับมอบหมายงาน แต่ที่ตนตั้งใจไว้คือ ต้องการแบ่งเบาภารกิจของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ได้มากที่สุด 

ส่วนสาเหตุที่ได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีได้อย่างไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทางพรรคพลังประชารัฐก็เสนอรายชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรีหลายคนเพื่อให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจ? นายอรรถกร กล่าวว่า "เท่าที่ทราบตามข่าว พล.อ.ประวิตร และพรรคพลังประชารัฐ ส่งรายชื่อไป 3-4 รายชื่อ หลังจากนั้นก็ขึ้นกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งกรุณาเลือกตนเข้ามาทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรี เพื่อมาทำงานร่วมกับร.อ.ธรรมนัส และเชื่อว่าตัวเอง และ ร.อ.ธรรมนัส จะทำงานร่วมกันได้อย่างดี เพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป โดยเป้าหมายส่วนตัว จะผลักดันนโยบายต่าง ๆ ที่ท่านนายกรัฐมนตรี และ ร.อ.ธรรมนัส ได้มอบไว้ให้และจะทำให้บรรลุในทุกข้อ"

ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่นายกรัฐมนตรีเลือกเข้ามาเพราะมีภาพคนรุ่นใหม่เป็นองค์ประกอบร่วมด้วยใช่หรือไม่? นายอรรถกร กล่าวว่า "ตนตอบแทนนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ในเมื่อมีโอกาสมาทำงานตรงนี้ สะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่มีโอกาสเข้ามาทำงาน และทราบมาว่า ครม.ชุดนี้ มีคนรุ่นใหม่หลายคนเข้ามา ก็เชื่อว่าจะร่วมมือกันทำงานมิติใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น"

เมื่อถามว่าแต่งตั้งนายอรรถกรแล้ว ยังมีแรงกระเพื่อมในพรรคพลังประชารัฐอยู่หรือไม่? นายอรรถกร กล่าวว่า "ต้องขอบคุณพี่น้องเพื่อนในพรรคพลังประชารัฐ หลังจากมีข่าวตนได้รับการโปรดเกล้าฯ ก็มีคนเข้ามาแสดงความยินดี และตนจะตั้งใจทำงานในฐานะที่เป็นตัวแทนของพรรค และคนฉะเชิงเทราที่มีโอกาสเข้ามาทำงานฝ่ายบริหาร และให้สมกับที่นายกรัฐมนตรีให้ความไว้วางใจ"

ผู้ถือหุ้น WHA Group ไฟเขียว จ่ายปันผลเพิ่ม 0.1170 บาทต่อหุ้น หลังผลประกอบการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2566

(2 พ.ค.67) ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริษัท, นางสาว จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ร่วมด้วยคณะกรรมการ และผู้บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ได้จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM)  

โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเพิ่มเติมอีกในอัตราหุ้นละ 0.1170 บาท คิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 1,750 ล้านบาท โดยขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ส่งผลให้งวดปี 2566 มีการจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 0.1839 บาทต่อหุ้น ซึ่งสอดรับกับการเติบโตของผลการดำเนินงานงวดปี 2566 ที่สร้างออลไทม์ไฮสูงสุดเป็นประวัติการณ์

แฉปมร้าวลึก!! PDF กับ KTLA ที่อาจถึงขั้น 'จุดแตกหัก' เมื่อกะเหรี่ยงยังมอง PDF เป็นคนพม่า และร่วมมือกันเพราะ 'เงิน'

ไม่นานมานี้มีข่าวมาเข้าหูเอย่ากลางดึก จนทำให้เอย่านอนไม่หลับถึงขั้นต้องลุกขึ้นมาจับปากกาเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนได้รู้กัน

เรื่องนี้เป็นเรื่องของ 'พันโท ซอ ซา โลน' ผู้บังคับการกองกำลังคอมมานโดพิเศษ ของกองทัพกอทูเล หรือที่หลายคนรู้จักในนาม KTLA โดยกองพลนี้ขึ้นตรงกับ 'นายพลเนอดา เมียะ' ผู้เปิดศึกในเมืองเมียวดีนั่นเอง

เรื่องราวมีอยู่ว่า 'พันโท ซอ ซา โลน' ผู้นี้ถูกกล่าวหาว่าเขาเป็นคนยักยอกเงินในการจัดหาอาวุธและเสบียงสำหรับที่ใช้ในกองพล

แต่เรื่องที่น่าตกใจกว่าเรื่องคอร์รัปชันคือ พันโทผู้นี้เป็นผู้สังหารนักรบฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยหรือ PDF (กองกำลังพิทักษ์ประชาชน) ไปกว่า 20 ราย และยังไม่พอ เขาและลูกน้องในสังกัดของเขายังร่วมกันข่มขืนภรรยาของทหารฝ่าย PDF ที่เขาสังหารอีกด้วย

นอกจากนี้ก็มีทหารหญิงฝั่ง PDF หลายรายที่ถูกพันโทผู้นี้ย่ำยีความบริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าพันโทรายนี้ติดสุราอย่างหนักและมีพฤติกรรมชอบใช้อาวุธข่มขู่ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นประจำ และเขาตกเป็นผู้สงสัยในการเสียชีวิตของ 'เย หยิ่น' นายทหารคนสนิทของเขา

เหตุการณ์ทั้งหมดรับรู้กันเป็นวงกว้างในกองทัพของ PDF และ KTLA แต่นายพลเนอดา กลับเลือกจะนิ่งเฉยไม่ดำเนินการใด ๆ กับพันโท ซอ ซา โลน ผู้นี้

บางคนว่าเพราะนายพลเนอดามีความสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว แต่บ้างก็ว่าพันโทผู้นี้คือมือขวาฝีมือดีของกองทัพ KTLA ซึ่งถ้าหากขาดนายพันคนนี้ไป อาจจะทำให้กองทัพ KTLA ปราชัยก็เป็นได้

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้กองกำลังผสมของ PDF และ KTLA อ่อนกำลังลงมีทหาร PDF ถอนตัวจาก KTLA ไปอยู่กับกลุ่มต่อต้านอื่น

อีกทั้งยิ่งมีข่าวไม่นานมานี้เรื่องดีลลับสงบศึกเมียวดีระหว่างนายพลชิตตู่และนายพลเนอดา ยิ่งทำให้ฝั่ง PDF ผิดหวัง เพราะมีข่าวว่ากองทัพเมียนมามีการจ่ายเงินจำนวนหลายล้านบาทแลกกับการให้ KTLA ถอนกำลังพร้อมชี้เป้าจุดหลบซ่อนของกองกำลัง PDF จนเกิดปฏิบัติการบอมบ์ที่ภูเขา แล็ตคัดต่องก์ จนฝั่ง PDF สูญเสียเป็นอันมาก

จากเหตุการณ์นี้เป็นไปได้ว่า กองกำลังผสม PDF กับ KTLA อาจจะถึงคราวแตกหักในไม่ช้า 

PDF ต้องไม่ลืมว่ากะเหรี่ยงก็ยังมอง PDF เป็นคนพม่าอยู่ดี ถ้าไม่ใช่เพราะเงินอัดฉีดมหาศาลที่มาจากฝั่ง PDF ก็ไม่มีทางที่นายพลเนอดาจะมาสนใจกลุ่ม PDF แน่นอน เพราะจากพฤติกรรมการแสดงออกที่ไม่ดำเนินการใด ๆ กับ พันโท ซอ ซา โลน ก็เป็นสิ่งที่แสดงออกให้เห็นละว่า กะเหรี่ยงไม่ได้อยากญาติดีกับชาติพันธุ์เมียนมา

สาวเซ็ง!! ถูกเขียนรถ ‘ปิดทางออก’ หลังไปเที่ยวงานขึ้นถ้ำรับร่อ ถาม? “มีสิทธิ์อะไรทำแบบนี้” ทั้งที่จอดในจุดจอด-มีคนโบกรถให้

(2 พ.ค. 67) ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ ‘Pitrapon Phonphet’ ได้โพสต์ภาพและวิดีโอพร้อมข้อความระบุว่า…

"ไปเที่ยวงานประจำปี ขึ้นถ้ำรับร่อ เจอเหตุการณ์แบบนี้ คุณมีสิทธิอะไรหรือใช้สิทธิอะไรในการกระทำเช่นนี้ เหตุเกิดเวลา 19:55 น. วันที่ 01/05/67 แล้วแบบนี้ใครจะรับผิดชอบคะ เสียความรู้สึกสุด ๆ มาเห็นรอยเขียนที่บ้านตอนลงจากรถแล้ว ให้โอกาสทักมาคุยก่อนนะคะ ก่อนที่เรื่องจะยาวไปมากกว่านี้

#ของของคุณคุณก็รักก็หวง เราก็เช่นกัน #จอดในที่ ที่เค้าให้จอด มีคนโบกรถเรียบร้อย รถข้าง ๆ ก็มีคนอยู่ที่รถ"

‘บีโอไอ’ เผยยอดลงทุนไตรมาสแรก ปี 67 แตะ 2.28 แสน ลบ. 5 อุตฯ มาแรง!! ‘อิเล็กทรอนิกส์-ยานยนต์-เคมี-ดิจิทัล-การเกษตร’

(2 พ.ค. 67) บีโอไอ เผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรก ปี 2567 เติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อน ทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยมีคำขอรับการส่งเสริม 724 โครงการ เงินลงทุน 228,207 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 นำโดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) สิงคโปร์ขึ้นครองอันดับหนึ่ง ตามด้วยจีน และฮ่องกง สะท้อนศักยภาพของประเทศไทย พร้อมเดินหน้าเข้าสู่ปีทองแห่งการลงทุน 

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในไทยยังมีแนวโน้มที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสแรก การส่งเสริมการลงทุนเพิ่มสูงขึ้นในทุกขั้นตอน ทั้งการขอรับการส่งเสริม การอนุมัติให้การส่งเสริม การออกบัตรส่งเสริม และเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน 

โดยในส่วนของตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในไตรมาสแรก ปี 2567 มีจำนวน 724 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 94 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม 228,207 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลไทยเดินหน้าบุกดึงการลงทุนจากกลุ่มบริษัทชั้นนำทั่วโลก การแก้ไขปัญหาการค้าและการลงทุนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมทั้งการประกาศมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านต่าง ๆ ของบีโอไอ 

นอกจากนี้ ยังได้รับแรงผลักดันจากกระแสการย้ายฐานการผลิต เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อีกทั้งมีการลงทุนจำนวนมากในอุตสาหกรรมใหม่หรือเทคโนโลยีใหม่ตามเทรนด์โลก เช่น กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มพลังงานหมุนเวียน และกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการขยายตัวของ AI และการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลขององค์กรต่าง ๆ เป็นต้น

กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 77,194 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน 21,328 ล้านบาท ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 17,672 ล้านบาท ดิจิทัล 17,498 ล้านบาท เกษตรและแปรรูปอาหาร 13,278 ล้านบาท ตามลำดับ 

ทั้งนี้ สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเงินลงทุนสูงสุด ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกิจการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board: PCB) กิจการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำ (Wafer Fabrication) ชนิดซิลิคอนคาร์ไบด์สำหรับ Power Electronics และกิจการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ 

สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 460 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 130 มูลค่าเงินลงทุนรวม 169,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 โดยประเทศ/เขตเศรษฐกิจที่มีมูลค่าการขอรับการส่งเสริมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ 42,539 ล้านบาท จีน 34,671 ล้านบาท ฮ่องกง 26,573 ล้านบาท ไต้หวัน 19,960 ล้านบาท และออสเตรเลีย 17,248 ล้านบาท ตามลำดับ 

ทั้งนี้ มูลค่าการลงทุนของสิงคโปร์ที่สูงขึ้นเกิดจากการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทสิงคโปร์ที่มีบริษัทแม่เป็นสัญชาติจีนในกิจการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ในแง่พื้นที่ เงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง มีมูลค่า 97,651 ล้านบาท จาก 300 โครงการ รองลงมาได้แก่ ภาคตะวันออก 95,112 ล้านบาท ภาคเหนือ 17,665 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7,849 ล้านบาท ภาคใต้ 7,045 ล้านบาท และภาคตะวันตก 2,885 ล้านบาท ตามลำดับ  

นอกจากนี้ การขอรับการส่งเสริมตามมาตรการยกระดับอุตสาหกรรมไปสู่ Smart และ Sustainable Industry ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจมากขึ้นเป็นลำดับ ในไตรมาสแรก ปี 2567 มีคำขอรับการส่งเสริมจำนวน 105 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 และมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 5,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทดแทน รองลงมาคือ ด้านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในสายการผลิต 

สำหรับการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน ไตรมาสแรก ปี 2567 มีจำนวน 785 โครงการ เงินลงทุนรวม 254,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 โดยประโยชน์ของโครงการเหล่านี้ คาดว่าจะทำให้มูลค่าส่งออกของประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 6 แสนล้านบาท/ปี มีการใช้วัตถุดิบในประเทศประมาณ 2.4 แสนล้านบาท/ปี คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ของมูลค่าวัตถุดิบทั้งหมด และเกิดการจ้างงานคนไทยประมาณ 50,000 ตำแหน่ง สำหรับการออกบัตรส่งเสริม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใกล้เคียงการลงทุนจริงมากที่สุดเพิ่มขึ้นมากเช่นเดียวกัน โดยมีจำนวน 647 โครงการ เงินลงทุนรวม 256,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 107

“จังหวะเวลานี้มีความสำคัญ และเป็นโอกาสทองของประเทศไทยในการดึงการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ ๆ เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เราเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค ด้วยความโดดเด่นในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความเสถียรของไฟฟ้าและความพร้อมด้านพลังงานสะอาด ซัปพลายเชนที่แข็งแกร่ง คุณภาพของบุคลากร สภาพแวดล้อมที่ดี ปัจจัยที่เอื้อสำหรับการเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยของผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ รวมทั้งมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ในไตรมาสแรกนี้ มีการลงทุนสำคัญเกิดขึ้นในไทยหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำ ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ รวมทั้งโครงการผลิตเอนไซม์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโครงการไบโอรีไฟเนอรี่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความพร้อมของไทยสำหรับการสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และทำให้เห็นว่าประเทศไทยสามารถตอบโจทย์การลงทุนในทิศทางใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับเทรนด์โลกได้เป็นอย่างดี” นายนฤตม์ กล่าว

งามนะ!! สาวใหญ่ วัย 60 ปี คว้า ‘มิสยูนิเวิร์สบัวโนสไอเรส’ เตรียมเดินหน้าชิงมงระดับชาติ หากชนะมุ่งสู่เวทีมิสยูนิเวิร์ส

(2 พ.ค. 67) เลฮานดรา มาริซา โรดริเกรซ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าตำแหน่งชนะเลิศการประกวดนางงาม ‘มิสยูนิเวิร์สบัวโนสไอเรส’ แม้จะมีอายุ 60 ปีแล้วก็ตาม ได้เป็นตัวแทนรัฐแห่งนี้เข้าชิงมงกุฎมิสยูนิเวอร์สระดับประเทศต่อไป

โดยทนายความและผู้สื่อข่าวรายนี้ทำลายธรรมเนียมปฏิบัติและหว่านเสน่ห์ครองหัวใจผู้คนชาวอาร์เจนตินา เอาชนะคู่แข่งขันสาวสวยคนอื่น ๆ ที่มีอายุอ่อนว่าเธอราว 30 ถึง 40 ปี คว้าตำแหน่งชนะเลิศมิสยูนิเวิร์สบัวโนสไอเรส ประจำปีนี้ไปครอง

สำหรับชัยชนะของโรดริเกรซ ถือเป็นตัวแทนของหมุดหมายประวัติศาสตร์ในการท้าทายธรรมเนียมปฏิบัติที่ยึดถือมาช้านานและถือเป็นการกำหนดคำนิยมใหม่ในมาตรฐานของสังคมในด้านความสวยงาม

หลังจากคว้าชัยชนะอย่างสุดช็อกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โรดริเกรซ เผยว่า เธอมีความรู้เป็นอย่างยิ่งที่ถูกเลือกเป็นตัวแทนแห่งยุคสมัยใหม่ของการประกวดนางงาม "ฉันตื่นเต้นที่ได้เป็นตัวแทนของกระบวนทัศน์ในการประกวดนางงาม เพราะว่าเรากำลังอ้าแขนรับขั้นใหม่ ที่ผู้หญิงไม่ใช่แค่สวยงามในด้านรูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่านิยมต่าง ๆ ฉันเป็นครั้งแรกของยุคนี้ที่ได้เป็นคนเริ่มมัน"

เวลานี้ โรดริเกรซ ตั้งตาคอยและกำลังวางแผนสำหรับการเข้าชิงชัยในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส อาร์เจนตินา ต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ถ้าเธอประสบความสำเร็จ เธอจะได้เป็นตัวแทนของประเทศเข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สระดับโลก ครั้งที่ 73 ที่เม็กซิโก ซิตี ในช่วงปลายปี

อย่างไรก็ตาม โรดริดเกรซ ไม่ใช่ผู้หญิงอายุเยอะเพียงคนเดียวที่เข้ามาเขย่าธรรมเนียมปฏิบัติของการประกวดนางงามในประเทศของเธอเอง โดยก่อนหน้านี้ ไฮดี ครูซ คุณแม่ลูก 2 วัย 43 ปี โค้ชด้านสุขภาพและผู้เชี่ยวชาญด้านฟิตเนส กำลังแข่งขันเพื่อเป็นตัวแทนของสาธารณรัฐโดมินิกัน เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2024

เรื่องราวนี้มีขึ้นหลังจากกองประกวดได้บังคับใช้กฎเกณฑ์ใหม่เป็นครั้งแรก หนึ่งในนั้นคือการยกเลิกจำกัดอายุผู้เข้าประกวด และตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ผู้หญิงทุกคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมชิงชัย โดยไม่สนว่าจะมีอายุเท่าใดก็ตาม หลังจากที่ผ่าน ๆ มา จนถึงปี 2023 ผู้เข้าประกวดจำเป็นต้องมีอายุระหว่าง 18 ปีถึง 28 ปี

‘รมว.ปุ้ย’ ยัน!! ไม่เคยกดดัน ‘จุลพงษ์’ จนเป็นเหตุให้ลาออก 'อธิบดีกรมโรงงานฯ' แต่กดดันให้ทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ที่เกิดปัญหาซ้ำ ไม่เว้นแต่ละวัน

เมื่อวานนี้ (1 พ.ค.67) จากกรณีข่าวการลาออกของ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ซึ่งได้แจ้งในระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นประธาน ซึ่งมีวาระพิจารณาใน 2 เรื่องสำคัญ คือ กรณีเพลิงไหม้สารเคมีของกลาง ของ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด จ.ระยอง และกรณีการลักลอบขนย้ายกากแร่ตะกอนแคดเมียมจาก จ.ตาก ไปยัง จ.สมุทรสาคร จนถูกกระจายไปยัง จ.ชลบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ โดยก่อนจบการประชุม ปรากฏว่า นายจุลพงษ์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ต่อไปคงจะไม่ได้มาแล้ว เนื่องจากได้ยื่นหนังสือลาออกต่อนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว โดยการลาออกครั้งนี้ เป็นการยื่นหนังสือลาออกก่อนเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ 

กรณีสื่อมวลชน ระบุว่า การลาออกดังกล่าว ส่วนหนึ่งเนื่องจากนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ไม่พอใจต่อการทำงาน กดดัน และต้องการย้าย นายจุลพงษ์ โดยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้านั้น นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ตนไม่เคยกดดันให้นายจุลพงษ์ ลาออก แต่กดดันให้ทุกคนทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เพราะปัญหามีมาทุกวัน วน ๆ ซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้สักที

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเวลาเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ตนก็จะให้กำลังใจคนทำงาน และจะถามความคืบหน้าไปยังไลน์กลุ่มผู้บริหารโดยตลอด อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ตนก็ยังไม่ได้รับรายงานการลาออกของนายจุลพงษ์ จากปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมแต่อย่างใด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top