Wednesday, 22 May 2024
TheStatesTimes

'เรือสำราญ' แหล่งรายได้มหาศาล ที่เดินทางมากับเรือลำยักษ์ ไทยควรเร่งสร้างท่าเรือสำราญในจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ

ปัจจุบันการท่องเที่ยว โดยการโดยสารเรือสำราญขนาดใหญ่ เป็นที่นิยม ในหมู่นักเดินทางที่มีรายได้ค่อนข้างสูง และที่สำคัญประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งง่ายต่อการเชิญชวนให้สายการเดินเรือต่าง ๆ เข้ามาเปิดสาขาได้ โดยงานในเงื่อนไขที่หากเรามีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอย่างสมบูรณ์

ซึ่งการที่เราจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญนั้น สามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทคือ...

1. รายได้จากนักท่องเที่ยวที่ลงจากเรือสำราญมาเที่ยว (นักท่องเที่ยวที่เดิน เรือสำราญ และลงจากเรือมาเที่ยววันเดย์ทริป ตามสถานที่ต่าง ๆ) ความเหมาะสมของประเทศไทยคือประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยว ที่สามารถเข้าถึงจากเรือสำราญได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเกาะรัตนโกสินทร์ ที่สามารถเดินทางจากท่าเรือคลองเตยได้ในระยะทางไม่เกินครึ่งชั่วโมง หรือแม้กระทั่งเดินทางไป อยุธยาจากท่าเรือคลองเตยก็ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงไม่เกิน 

2.รายได้จากนักท่องเที่ยวที่เดินทาง มาใช้บริการท่าเทียบเรือสำราญ (นักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศ และเดินทางโดยเครื่องบินมาลงที่ประเทศ ไทย เพื่อที่จะลงเรือ) เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาโดยเครื่องบินแล้วส่วนใหญ่ก็จะมีการ พักค้างคืนอย่างน้อยก็ 1 ถึง 2 คืนก่อนลงเรือ ซึ่งก็จะก่อให้เกิดรายได้ในส่วนตรงนี้ และที่สำคัญการเตรียมเรือ อาหารการกินต่าง ๆ วัตถุดิบต่าง ๆ ก็ต้องโหลดจากประเทศไทย ซึ่งอันนี้ก็เป็นการกระจายรายได้ในอีกส่วนหนึ่งเหมือนกัน

โดยปกติแล้ว นักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยเรือสำราญ มีการ เดินทางลงมาเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของแต่ละพื้นที่ ในรูปแบบวันเดย์ทริป ซึ่งก็คือ เที่ยวในช่วงกลางวันและกลางคืนกลับไปนอนบนเรือสำราญ ดังนั้นการลงเรือสำราญ เพื่อที่จะมาเที่ยวนั้น จึงมีรูปแบบด้วยกัน สอง รูปแบบคือ...

- หนึ่ง ต่อเรือเล็ก จากเรือใหญ่เข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยว 
- สอง เรือใหญ่เข้าเทียบท่าแล้วนักท่องเที่ยว สามารถเดินขึ้นบกได้ อย่างสะดวกสบาย ซึ่ง ท่าเรือเหล่านี้เรียกว่า Port of call 

ซึ่งข้อแตกต่างในการลงเรือของทั้งสองประเภท นั่นก็คือ การต่อเรือเล็กจะได้รับความนิยมน้อยกว่า การขึ้นบกโดยตรง เพราะมีความยุ่งยากมากกว่า และนักท่องเที่ยวหลายๆ คน อาจจะไม่ชอบความยุ่งยากเหล่านี้ จึงทำให้การตัดสินใจลงมาเที่ยว น้อยลงเพราะบางคน แค่เพียงพักผ่อนอยู่บนเรือก็เพียงพอแล้ว

ดังนั้น จึงควรมีการสร้างท่าเรือสำราญในจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิเช่น ท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือสมุย, ท่าเรือคลองเตย, ท่าเรือภูเก็ต เป็นต้น 

การที่มีท่าเรือสำราญนั้นในท่าเรือใหญ่ ๆ จะต้องมีท่าเรือแบบ Home port ซึ่งจะใช้ในการเตรียมตัวเดินทาง พร้อมการซ่อมบำรุงเบื้องต้น ส่วนแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ควรมี Port of call หรือท่าเรือจุดแวะพักระหว่างทาง

โดย Home port เปิดให้บริการ ใกล้กับสนามบิน อย่างเช่นท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือคลองเตย, ท่าเรือภูเก็ต เป็นต้น ส่วน Port of call จะเปิดให้บริการ ในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างเช่น เกาะสมุย, เกาะพงัน, พัทยา, หัวหิน, สงขลา เป็นต้น 

ซึ่งการที่มีท่าสำหรับจอดเรือสำราญนั้น สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเพราะว่า เรือสำราญในปัจจุบันแต่ละลำสามารถบรรทุกนักท่องเที่ยวได้ จำนวนหลายพันคนต่อเที่ยว ยกตัวอย่างเช่นเรือ Ovation of the Sea ของบริษัท Royal Caribbean หนึ่งลำสามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 4,500 คน ซึ่งหากเรือลำนี้เทียบท่ารับนักท่องเที่ยวขึ้นเรือ (Home port) แหลมฉบัง หรือ คลองเตย อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ย่อมจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย 18,000 คนต่อเดือน หรือ 216,000 คนต่อปี และถ้าหากมีเรือแบบนี้ 20 ลำต่อเดือน ซึ่งถ้ากระจายไปยังท่าเรือต่าง ๆ แล้วไม่ถือเยอะ แต่เราจะได้นักท่องเที่ยวจากอุตสาหกรรมนี้ไม่น้อยกว่า 4 ล้านคนต่อปี 

ที่สำคัญกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูง เพราะฉะนั้น เมื่อมีการแวะพัก เที่ยวตามจุดแวะพักต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น คลองเตย เกาะสมุย, เกาะพะงัน, เกาะเต่า, เกาะช้าง, เกาะพีพี,  พัทยา, หัวหิน, จันทบุรี, ปัตตานี, สงขลา, นครศรีธรรมราช ย่อมจะสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในพื้นที่เป็นจำนวนมหาศาล 

หวังว่าบทความนี้ จะชี้ให้เห็นถึงโอกาสใหม่ ๆ สำหรับคนที่ได้อ่านนะครับ และสักวันหนึ่ง ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางของสายการเดินเรือสำราญ ที่ทุกบริษัทแวะเข้ามาท่องเที่ยว หรือใช้เป็นศูนย์กลางในการโหลดนักท่องเที่ยวลงเรือ เพื่อที่จะเดินทางไปยังท่าเรือในแต่ละประเทศต่าง ๆ ต่อไป

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงข่าวการจับกุมแก๊งซามูไรชิงทรัพย์นักศึกษาในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่

วันที่ 30 เมษายน 2567 เวลา 11.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมแก๊งซามูไรชิงทรัพย์นักศึกษาในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล  ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าวพร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนะรัชต์  ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ ภ.5 , รอง ผบก.สส.ภ.5 , รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ และ ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าว กรณีเหตุผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ ย่านถนนคันคลองชลประทาน ถนนสุเทพหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชุมชนวัดอุโมงค์ ต่อเนื่อง ถนนในหมู่บ้านแกรนด์วิว รวม 5 เคส ผู้เสียหาย 5 คน ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 

ลำดับเหตุการณ์
วันที่ 27 เม.ย.67 
(1) เวลา 04.45 น. ปากซอยวัดอุโมงค์-ปากซอย 5 วัดป่าแดง (ถ.หลัง มช.) ผู้เสียหาย นายยศวัจน์  อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน ผู้เสียหายหลบหนี ไม่ได้เงิน
(2) เวลา 04.47 น. ถ.คันคลอง แนวรั้ว มช. ผู้เสียหาย นายธนวัฒน์  อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน ผู้เสียหายหลบหนี ไม่ได้เงิน
(3) เวลา 04.51 น. ปากซอยวัดอุโมงค์  (ถ.หลัง มช.) ผู้เสียหาย นายรัฐพล อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน ผู้เสียหายหลบหนี ไม่ได้เงิน
(4) เวลา 04.56 น. ถนนในซอย ก่อนถึงวัดอุโมงค์ 50 ม. ผู้เสียหาย นายพิมพ์นารา อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงินได้เงินสด ประมาณ 50 บาท
(5) เวลา 05.17 น. ถ.ในหมู่บ้านแกรนด์วิว ผู้เสียหาย นายศตวรรษ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน แต่ไม่ได้เงินจากผู้เสียหาย

ผู้ต้องหา
1. เขาวชนชายอายุ 16 ปี อยู่ตามบัตร ม.5 ต.เวียง อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่ หอพัก ม.7 ต.สุเทพ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ 
2. เยาวชนชาย อายุ 15 ปีเศษ ที่อยู่ หมู่ 4 ต.ขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่

ของกลาง
1. รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ สีแดง ทะเบียน 2กต – 2806 เชียงใหม่
2. อาวุธมีดยาว(ดาบซามูไร) จำนวน 2 เล่ม
3. เสื้อผ้าของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ

ข้อกล่าวหา
1. ร่วมกันพยายามชิงทรัพย์เวลากลางคืน โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร (ผู้เสียหายที่ 1, 2, 3, และ 5)
2. ร่วมกันชิงทรัพย์เวลากลางคืน โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร (ผู้เสียหายที่ 4)

พฤติการณ์
กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย จำนวน 5 ราย แจ้งว่า มีคนร้ายขับขี่รถจยย. ใช้อาวุธมีดมาข่มขู่เพื่อขอเงิน  โดยมีลำดับเหตุการณ์ดังต่อไปนี้  

เมื่อวันที่ 27 เม.ย.67 เวลาประมาณ 04.40 น. ขณะที่ผู้เสียหายคนที่ 1 กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ อยู่ที่บริเวณ ถ.สุเทพ (ด้านหลัง มช.) ต.สุเทพ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ มุ่งหน้าไปทางประตูวิศวะ ได้มีผู้ต้องหา จำนวน 2 คน ขับขี่รถจยย. เข้ามาหาในลักษณะประกบด้านข้าง พร้อมพูดบอกให้ผู้เสียหายส่งเงินสดมาให้จำนวน 100 บาท พร้อมแสดงอาวุธมีดให้ผู้เสียหายดู ผู้เสียหายเกิดความตกใจจึงได้เร่งความเร็วแล้วขับหลบหนีไป  ส่วนผู้ต้องหาไม่ได้ติดตามไปแต่อย่างใด  ต่อจากนั้นผู้ต้องหาได้กลับรถ แล้วขับรถไปหาผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งกำลังขับขี่รถจยย.ในบริเวณใกล้เคียงกัน โดยมุ่งหน้าไปทางสี่แยกต้นพยอม พร้อมพูดจาและแสดงอาวุธมีดให้ผู้เสียหายดูเพื่อข่มขู่เอาเงินจากผู้เสียหายที่ 2  แต่ผู้เสียหายเกิดความตกใจจึงได้เร่งความเร็วแล้วขับหลบหนีไป ซึ่งผู้ต้องหาก็ไม่ได้ขับติดตามไปแต่อย่างใด  ผู้ต้องหาจึงได้ขับรถกลับมายัง ถ.สุเทพ มุ่งหน้าไปทางประตูวิศวะอีกครั้ง  และ เจอผู้เสียหายที่ 3 ขับรถ จยย.อยู่จึงเข้าประกบอีกครั้ง ผู้เสียหายเกิดความตกใจจึงได้เร่งความเร็วแล้วขับหลบหนีไป โดยหลบหนีไปทางประตูเชียงใหม่ ต่อจากนั้นผู้ต้องหาได้ขับขี่หลบหนีเข้าไปในย่านชุมชนวัดอุโมงค์ และ ไปเจอกับผู้เสียหายที่ 4 จึงเข้าประกบอีกครั้ง  โดยครั้งนี้ผู้เสียหายได้มอบเงินเหรียญให้ผู้ต้องหาไป ประมาณ 50 บาท จากนั้นผู้ต้องหาได้ขับขี่ไปทิศทางย่านหมู่บ้านแกรนด์วิว และได้เข้าประกบกับผู้ต้องหาที่ 5 ซึ่งผู้เสียหายแจ้งว่าไม่มีเงิน  ผู้ต้องหาจึงได้ขับขี่หลบหนีไป ซึ่งภายหลังผู้เสียหายทั้ง 5 ราย ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

จากการสืบสวน ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด การข่าวจากกลุ่มแก๊งค์วัยรุ่นในพื้นที่ ข้อมูลจากสื่อออนไลน์ต่างๆ  จนกระทั่งสามารถสืบทราบว่าผู้ต้องหา เป็นเยาวชน  

ต่อมาเมื่อวันที่ 29 เม.ย.67 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวมาซักถามปากคำที่ สภ.ภูพิงค์ฯ  ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การยอมรับว่า ได้เป็นคนที่ขับขี่รถจยย. ไปข่มขู่ขอเงินจากบุคคลทั่วไปตามวันเวลาสถานที่เกิดเหตุจริง โดยใช้อาวุธมีดตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้จริง โดยรับว่าสารภาพที่ทำไปเพราะความคึกคะนอง

‘รัสเซีย’ เตรียมโชว์ ‘รถถังตะวันตก’ ที่ยึดจาก ‘ยูเครน’ ในงานเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะ 9 พฤษภาคมนี้

วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียภูมิใจนำเสนอคอลเลกชันพิเศษ ‘รถถังอเมริกัน’ และ ‘รถถังอังกฤษ’ ที่ยึดได้ในสนามรบที่ยูเครน เตรียมพร้อมจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ในงานเฉลิมฉลองแห่งชัยชนะ (Victory Day) ปีนี้ 

โดยรถถังและยานเกราะเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นยุทโธปกรณ์ที่พันธมิตรชาติตะวันตกส่งไปสนับสนุนกองทัพยูเครน แต่เมื่อรัสเซียยึดพื้นที่ในยูเครนได้ จึงนำยานรบเหล่านี้กลับมาด้วย และตอนนี้นำมาจอดเรียงรายยาวเหยียดกลางกรุงมอสโก พร้อมป้ายข้อความว่า "ชัยชนะของพวกเรามันแน่นอนอยู่แล้ว" 

งานแสดงนี้เป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการฉลองวันแห่งชัยชนะที่ตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันที่กองทัพสหภาพโซเวียตประกาศชัยเหนือกองทัพนาซีเยอรมันในปี 1945 ถือเป็นปีที่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 

ซึ่งในวันนี้รัฐบาลรัสเซียกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ ที่จะมีงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการจัดพิธีเดินสวนสนาม และแสดงยุทโธปกรณ์ด้านการทหารหน้าจัตุรัสแดงกลางกรุงมอสโกเพื่อเป็นการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพแดงและรำลึกถึงเหล่าทหารผ่านศึก

แต่ในปีนี้พิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะมีการจัดแสดง ‘รถถังชาติตะวันตก’ ที่ยึดได้ในยูเครนเป็นไฮไลต์ ที่ประกอบด้วย รถถัง American Bradley รถหุ้มเกราะ British Saxon, รถถังสวีเดน CV90, รถถังฝรั่งเศส AMX-10RC และอื่น ๆ ซึ่งปูตินวางแผนที่จะนำรถถงเหล่านี้มาติดธงประจำชาติ แห่ในขบวนพาเหรดด้วย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการฉลองชัยชนะของรัสเซียในสงครามยูเครน

ในช่วงไม่กี่ปี หลังเกิดสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ผู้นำรัสเซียให้ความสำคัญกับงานฉลองวันแห่งชัยชนะ 9 พฤษภาคม นี้เป็นพิเศษ และมักเปรียบเทียบสงครามยูเครนว่า คล้ายคลึงกับช่วงเวลาที่โซเวียตต้องต่อสู้กับกองทัพนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 และปูตินยังเคยได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานวันแห่งชัยชนะว่า รัสเซียพร้อมต่อสู้กับ ‘ชนชั้นสูงของโลกตะวันตก’ และอารยธรรมโลกเดินทางมาถึงจุดชี้ขาดแล้ว 

แต่ในทางกลับกัน ฝ่ายรัสเซียก็สูญเสียรถถังของตนเป็นจำนวนมากจากการสู้รบในยูเครนเช่นกัน คาดการณ์ว่ามีรถถังของรัสเซียได้รับความเสียหาย หรือ ถูกทำลายไปมากถึง 3,000 คันในช่วง 2 ปี ตั้งแต่เกิดสงครามยูเครน อันเป็นเหตุให้รัฐบาลรัสเซียต้องอัดฉีดงบประมาณด้านการทหารเพิ่มขึ้น เพื่อเสริมกำลังยุทโธปกรณ์ และ รถถัง ในการสู้รบที่ด่านหน้า จนเศรษฐกิจรัสเซียเข้าสู่ภาวะสงคราม

แต่ทั้งนี้ส่วนที่เสียไปแล้วก็คือเสียไป ปูตินต้องการให้ชาวรัสเซียโฟกัสในส่วนที่ได้ อย่างน้อยก็ในวันฉลองวันแห่งชัยชนะนี้ ที่รัสเซียสามารถยึดรถถัง ยานเกราะของชาติตะวันตกกลับมาได้มากมาย และอีกหลายพื้นที่ในยูเครนที่ตอนนี้ถูกยึดครองโดยกองทัพรัสเซีย อีกทั้งยังเป็นการฝากคำท้าทายจากปูตินว่าชาติตะวันตกชาติใดต้องการมาเติมคอลเลกชันรถถังให้ปูตินมาจัดแสดงอีกในปีหน้าก็มาได้เลย 

‘เมียนมา’ ระอุ!! เดือนเมษาสภาพอากาศ ‘ร้อนสุดขั้ว’ หลังอุณหภูมิแตะ 48 องศา ทุบสถิติในรอบ 56 ปี

(30 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาของเมียนมา รายงานว่า เมือง 7 แห่งของเมียนมาเผชิญสภาพอากาศเดือนเมษายนที่ร้อนที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เมื่อวันอาทิตย์ (28 เม.ย.) ที่ผ่านมา

โดย เมืองเชาะ ในภูมิภาคมะกเวทางตอนกลาง มีอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 48.2 องศาเซลเซียส เมื่อวันอาทิตย์ (28 เม.ย.) นับเป็นอุณหภูมิเดือนเมษายนที่สูงสุดในรอบ 56 ปี ตั้งแต่เริ่มมีการบันทึก ขณะที่เมืองญองอู สะกาย ตะดาอู ตองวิงยี มัณฑะเลย์ และซวงตู เผชิญกับวันที่ร้อนที่สุดในเดือนเมษายนในวันอาทิตย์เช่นกัน

ทั้งนี้ หลายภูมิภาคของเมียนมามีรายงานอุณหภูมิสูงมากกว่า 40 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่ โดยอู ลา ตุน ผู้อำนวยการสำนักฯ ได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าอุณหภูมิวันที่ 28-29 เม.ย. มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ทางตอนกลางของเมียนมาและบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ

อนึ่ง ปกติแล้วเดือนเมษายน-พฤษภาคมจะเป็นเดือนที่อากาศร้อนที่สุดในเมียนมา เนื่องจากอุณหภูมิจะพุ่งสูงขึ้นก่อนเข้าสู่ฤดูมรสุม

5 พฤษภาคม วันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ หรือพระนามลำลองว่าพระองค์ติ๊ด ทรงประสูติเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 ทรงเป็นพระธิดาองค์เล็กในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี มีพระเชษฐภคินี 1 พระองค์ คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2527 ได้มีการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ณ พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ตามโบราณราชประเพณี โดยพระองค์ทรงเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งทรงเป็นพระภาคิไนยในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อครั้งประสูติ พระองค์มีฐานันดรศักดิ์เป็น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระโอรสพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ให้ดำรงฐานันดรศักดิ์เป็น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า ทุกพระองค์

ต่อมาในรัชสมัย รัชกาลที่ 10 วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนาม พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เป็น ‘พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ’ พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ใบมะตูม ทรงเจิมแล้วพระราชทานพระสุพรรณบัฏ เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายใน ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า และเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1

พระองค์ทรงเข้ารับการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนจิตรลดา เมื่อปี พ.ศ. 2530 จากนั้นประทับ ณ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา และทรงเข้าศึกษาที่สถาบันศิลปะวอชิงตัน (The Art Institute of Washington) จนสำเร็จการศึกษา ต่อมาทรงย้ายไปศึกษาต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ในสถาบันศิลปะแคลิฟอร์เนีย (The Art Institute of California) ด้วยสนพระทัยด้านกราฟิกดีไซน์และแอนิเมชั่น และประทับอยู่ลำพังพระองค์ในอพาร์ตเมนต์ใกล้สถาบันดังกล่าว

ต่อมาในปี 2552 ได้ทรงโอนย้ายหน่วยกิตทั้งหมด เพื่อมาทรงศึกษาต่อในสาขาหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งใช้เวลาเพียง 4 เทอม ประมาณ 1 ปีครึ่งเท่านั้นก็สามารถสำเร็จการศึกษาด้านการออกแบบนิเทศศิลป์ตามที่ตั้งพระทัยไว้

ทรงสำเร็จการศึกษาในปี 2553 และทรงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในปี 2554 จาก ‘สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี’ ณ อาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หอประชุมกองทัพเรือ

เมื่อสำเร็จการศึกษา พระองค์ทรงนำความรู้มาออกแบบผลิตภัณฑ์ในโครงการสวนจิตรลดา โดยทรงเลือกทำการรีแบรนดิ้งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของแบรนด์จิตรลดา เพื่อให้ดูร่วมสมัย และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ทรงลงมือปรับโลโก้ใหม่ให้ดูทันสมัยแต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทย และคงความเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติของจิตรลดาไว้อย่างเหนียวแน่น

พร้อมกันนี้ พระองค์ได้ทรงออกแบบแพคเกจจิ้งสินค้าของจิตรลดาใหม่ มากกว่า 20 ไลน์ เพื่อสร้างความสดใหม่และน่าสนใจให้กับแบรนด์ ตลอดจนออกแบบลายเสื้อฝีพระหัตถ์ ‘ทุ่งภูเขาทอง’ เพื่อสมทบทุนบูรณะอุโบสถวัดภูเขาทอง และออกแบบลายเสื้อและถุงผ้า ‘ช้างนพสุบรรณ’ เพื่อนำทุนไปบูรณะวัดวัง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เสียหายจากอุทกภัย เมื่อปี พ.ศ. 2554

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงประกอบพระกรณียกิจเกี่ยวกับศิลปะ, พระพุทธศาสนา และโครงการเกษตรตัวอย่างในพระดำริที่จังหวัดสุรินทร์ น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้ในโครงการเกษตรส่วนพระองค์

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงสนพระทัยด้านกราฟิกดีไซน์และแอนิเมชั่นเป็นทุนเดิม รวมถึงโปรดการออกแบบโบรชัวร์และโปสเตอร์ ผลงานศิลปนิพนธ์หลังสำเร็จการศึกษานิเทศศิลป์คือ ‘โครงการปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ทางการเกษตรโครงการสวนจิตรลดา’ ที่ปรับเปลี่ยนและออกแบบบรรจุภัณฑ์ของสินค้าโครงการจิตรลดา ภายใต้แนวคิด ‘ชีวิตที่กลมกลืน (Living Harmony)’

ผลงานของพระองค์ถูกจัดในนิทรรศการมีเดียอาตส์เอ็กซีบีเชิน (Media Arts Exhibition : MAX 2011) ร่วมกับผลงานของบัณฑิตท่านอื่น ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรจิตรกรรมและศิลปกรรมในปีนั้น ซึ่งผลงานของพระองค์ได้รับคำชื่นชมจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ สุรพงษ์ เลิศสิทธิชัย ว่าทำได้ดีและมีลักษณะเฉพาะ

นักวิทย์ค้นพบ 'วัสดุที่มีรูพรุน' กักเก็บก๊าซคาร์บอนฯ จากอากาศได้ คาดหวังให้เป็นทางออกของปัญหาโลกร้อนในอนาคต

นักวิทยาศาสตร์ต่างยกย่องการค้นพบ ‘วัสดุที่มีรูพรุน’ ซึ่งสามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศได้ หวังให้เป็นทางออกปัญหาโลกร้อน

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Synthetic พบว่าทีมนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเเฮเรียต-วัตต์ ในเอดินเบอระ ของสก็อตแลนด์ ได้สร้างโมเลกุลที่มีลักษณะกลวงเป็นรูพรุน เปรียบเสมือนกรงที่สามารถใช้กักเก็บก๊าซเรือนกระจก เช่น 'คาร์บอนไดออกไซด์' และ 'ซัลเฟอร์เฮกซาฟลูออไรด์' ได้

โดย 'ซัลเฟอร์เฮกซาฟลูออไรด์' นับเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สลายตัวได้ยากมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสามารถอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลกได้เป็นเวลาหลายพันปี

ดร.มาร์ค ลิตเติ้ล หนึ่งในผู้ร่วมวิจัยระบุว่า นี่เป็นการค้นพบที่น่าตื่นเต้น พวกเขาต้องการวัสดุที่มีรูพรุนชนิดใหม่ ๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่ท้าทายที่สุดของโลกอย่างวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ดร.ลิตเติ้ลยังบอกด้วยว่า การดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศโดยตรงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแม้ในอนาคตเราอาจจะหยุดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ แต่ก๊าซเรือนกระจกที่อยู่ในชั้นบรรยากาศของเราจนถึงตอนนี้ก็ยังคงสร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงอยู่ดี

และแม้การปลูกต้นไม้เป็นวิธีดูดซับคาร์บอนที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ใช้เวลานานมากกว่าจะเห็นผล จึงจำเป็นต้องมีการแทรกแซงของมนุษย์ในการสร้างวัสดุบางอย่างขึ้นมาเพื่อดักจับก๊าซเรือนกระจกจากสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพเร็วขึ้น และการค้นพบครั้งนี้ก็นำไปสู่การค้นพบหนทางใหม่ ๆ ของการแก้ปัญหาโลกร้อนในอนาคต

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยดังกล่าวยังคงต้องได้รับการพัฒนาเพื่อให้ได้วิธีการดักจับก๊าซเรือนกระจกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พวกเขามีแผนจะใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยจำลองสถานการณ์เพื่อสร้างการรวมตัวของโมเลกุลให้เป็นวัสดุรูพรุนชนิดใหม่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นด้วย

7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 'ศาล รธน.' วินิจฉัย ‘ยิ่งลักษณ์’ พ้นเก้าอี้นายกฯ หลังมีส่วนเกี่ยวข้องปมย้าย ‘ถวิล เปลี่ยนศรี’

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ได้พ้นจากเก้าอี้รักษาการนายกฯ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ขัดรัฐธรรมนูญ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นเก้าอี้รักษาการนายกฯ พร้อมกับ 9 รัฐมนตรี ที่ร่วมลงมติเห็นชอบให้ย้ายนาย ถวิล เปลี่ยนศรี  

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกวุฒิสภาในขณะนั้น ได้ร้องขอให้ศาลพิจารณาว่า สถานภาพความเป็นรัฐมนตรีของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 182 (7) ประกอบมาตรา 268 หรือไม่ จากกรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาแล้วเห็นว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโยกย้าย นายถวิล พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเร่งรีบอย่างผิดสังเกต ซึ่งไม่เป็นไปตามการปฏิบัติราชการปกติ ถือเป็นการกระทำที่รวบรัด ปราศจากเหตุผลอันสมควรที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการที่ย้าย นายถวิล เลขาธิการ สมช. ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ คือความประสงค์ให้ตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ว่างลง เพื่อโอนย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. แทน อันจะทำให้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่างลง เพื่อย้าย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ในขณะนั้น ซึ่งกำลังจะเกษียณอายุราชการ และเป็นเครือญาติของนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน

ดังนั้น การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้สถานะการเป็นนายกรัฐมนตรี เข้าไปก้าวก่าย แทรกแซง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อประโยชน์ของตัวเอง มีผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง รวมถึงรัฐมนตรีในขณะนั้นจำนวน 9 คนที่ร่วมมีมติดังกล่าวก็ให้พ้นตำแหน่ง ถือว่ามีส่วนร่วมในการก้าวก่ายแทรกแซงการโยกย้ายข้าราชการด้วย

หลังจากนั้นอีก 15 วันต่อมา (วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557) ทหารในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะ จึงได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจการปกครอง

สมาคมตำรวจประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดตัวแอปพลิเคชัน “สมาคมตำรวจ” ชูให้เป็นสื่อกลาง และที่พึ่งของข้าราชการตำรวจไทย

วันนี้ (30 เมษายน 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ แถลงการจัดทำแอปพลิเคชัน “สมาคมตำรวจ” โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) , พล.ต.ท. ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ8) โรงพยาบาลตำรวจ , น.ส.สุปรียา พิพัฒน์มโนมัย กรรมการอิสระ ธนาคารออมสิน , นายวีระชัย อมรถกลสุเวช รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนายโกวิท ธัญญรัตตกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทรดสยาม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมแถลง ณ ห้องประชุมสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แอปพลิเคชัน “สมาคม ตำรวจ” มีความมุ่งมั่นตั้งใจให้เป็นสื่อกลาง ที่พึ่ง การสร้างแบบอย่างของความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของข้าราชการตำรวจไทยทั่วประเทศ โดยมีช่องทางที่หลากหลายเพื่อรองรับการทำงานในการให้ความช่วยเหลือแก่ข้าราชการตำรวจและประชาชน เช่น สมาคมตำรวจช่วยรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ จากตำรวจและประชาชน โดยสามารถเข้าไปส่งข้อความขอความช่วยเหลือได้ทันทีทางแอปพลิเคชันดังกล่าว , ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพ , สินเชื่อจากสถาบันการเงิน , สินค้าราคาถูกสำหรับสมาชิกสมาคมเท่านั้น และในอนาคตจะมีช่องทางอื่นที่จะเป็นประโยชน์ต่อข้าราชการตำรวจ เช่น ข่าวสารของสมาคมฯ กฎหมายน่ารู้ การรับสมัครสอบและสมัครงาน เพื่อให้ตำรวจแต่ละภาคส่วนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นของตำรวจแต่ละภาคส่วนได้รวดเร็ว ทำให้ตำรวจได้รับความเป็นธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ สร้างรายได้เพิ่มให้กับครอบครัว และตำรวจจะได้เข้าถึงปัญหาของประชาชนได้มากขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของประชาชนที่ไม่ได้รับความสะดวกในการแจ้งความ ปัญหา หรือเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ประชาชนจะมีช่องทางให้เข้าถึงตำรวจได้ง่ายขึ้น ประชาชนจะได้รับข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับตำรวจ และข้อกฎหมายที่ประชาชนทั่วไปควรทราบ ฯลฯ 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า การทำงานของตำรวจจำเป็นต้องมีเครื่องมือสื่อสารที่เข้าถึงข้าราชการตำรวจ และเป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างตำรวจและพี่น้องประชาชน ซึ่งแอปพลิเคชัน “สมาคมตำรวจ” จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางซึ่งจะมีฟีเจอร์ที่สามารถให้ข้าราชการตำรวจบอกกล่าวถึงผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ และปัญหาที่ต้องการให้แก้ไขโดยเร็ว รวมถึงตำรวจและประชาชนจะได้สื่อสารซึ่งกันและกันได้มากขึ้น นอกจากนี้ ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการมาโดยตลอด ขณะนี้สมาคมตำรวจก็จะมีสถาบันการเงินคือธนาคารออมสิน เข้ามามีส่วนช่วยเหลือที่จะคลายทุกข์ให้ข้าราชการตำรวจในเรื่องแก้ปัญหาหนี้สินได้อีกทางหนึ่ง โดยตลอดที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาให้กับข้าราชการตำรวจทุกนาย ทุกระดับชั้น ให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถมุ่งเน้นการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง มั่นใจว่าโครงการนี้จะสนองตอบนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมจะช่วยเหลือและสนับสนุน อย่างเต็มกำลังความสามารถ

ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน “สมาคมตำรวจ” ได้รับการสนับสนุนการจัดทำจากบริษัท เทรดสยาม อินเตอร์เนชั่นแนล และได้รับการสนับสนุนสินเชื่อให้ข้าราชการตำรวจโดยมีดอกเบี้ยในอัตราพิเศษจากธนาคารออมสิน ตลอดจนได้การสนับสนุนให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพของตำรวจจากโรงพยาบาลตำรวจอีกด้วย ยืนยันว่า ขณะนี้แอปพลิเคชัย “สมาคมตำรวจ” มีความสมบูรณ์และพร้อมที่จะให้บริการแก่สมาชิก ข้าราชการตำรวจและประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับวัตถุประสงค์ที่ทางนายกสมาคมตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีความตั้งใจไว้ โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “สมาคมตำรวจ” ได้แล้วทั้งในระบบ Android และ iOS

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน “สร้างชีวิต” มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนในส่วนภูมิภาค ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี

วันนี้ (วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา  ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ร่วมในพิธี มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี อาทิ เครื่องเล่นสนามชุดปีนป่ายหนอนน้อย ตู้เหล็กเก็บเอกสารบานเลื่อน ชั้นวางของอเนกประสงค์ ชั้นวางของ ชั้นวางหนังสือ ชั้นวางรองเท้านักเรียน ตะแกรงคัดขยะ 3 ช่อง ชุดนักเรียน กางเกงวอร์ม และกระเป๋านักเรียน เป็นต้น พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร  ปลากระป๋อง น้ำมันพืช เส้นหมี่ขาว และขนมจันอับ รวมมูลค่า 208,076 บาท (สองแสนแปดพันเจ็ดสิบหกบาทถ้วน) นอกจากนี้ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการมูลนิธิฯ  ได้สนับสนุนลูกฟุตบอลจำนวน 30 ใบ พร้อมด้วย ลูกอม จำนวน 1 ลัง  โดยมี นางสาวจิรนันท์ สาระเดช รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนวัดนาร่อง พร้อมด้วย ผู้แทนเด็กและเยาวชน เป็นผู้รับมอบ ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ

พลเรือตรี ดนัย ปานแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ พร้อมด้วยกำลังพล เข้าร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และถวายเป็นพระกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน 2567 

โดยมี พล.ร.อ.ชาติชาย ทองสะอาด ผบ.กร.เป็นประธานในพิธี ณ อาคารพุทธสถานเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 เม.ย.67 เวลา 17.00 น. 
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top