Thursday, 29 May 2025
TheStatesTimes

‘น้องกัปตัน’ เด็กโคราชสุดเจ๋ง!! สอบเข้าเตรียมอุดมฯ อันดับ 1 ของประเทศ

(19 มี.ค.67) ที่ห้องราชสีห์ โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย อ.เมือง จ.นครราชสีมา คณะผู้บริหารโรงเรียน และครู ได้ร่วมแสดงความยินดีกับ เด็กชายธนภัทร วุฒิวรจินดา หรือ น้องกัปตัน อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3/2 โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ที่สามารถสอบเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษารุ่นที่ 87 โดยทำคะแนนได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ ในสายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับครู ผู้ปกครอง และชาวโคราชเป็นอย่างมาก

โดยมีนายสุพล เชื่อมพงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย พร้อมคณะผู้บริหารโรงเรียน และครูประจำชั้น ร่วมแสดงความยินดีกับน้องกัปตัน และแม่ของน้องกัปตัน คือนางจุฬาภรณ์ ภัคสิริธนศักดิ์ ซึ่งมาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายด้วย

สำหรับ เด็กชายธนภัทร วุฒิวรจินดา หรือ น้องกัปตัน เป็นเด็กนักเรียนห้องเรียนพิเศษทางวิทยาศาสตร์ รุ่นที่ 16 โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย โดยมีคุณครูกิติมา เจียรสุมัย เป็นหัวหน้าโครงการ ซึ่งน้องกัปตัน เป็นลูกชายคนที่ 2 ของครอบครัว มีไอคิว และอีคิวสูงตั้งแต่เรียนอยู่ระดับชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา ก่อนที่จะสอบเข้าระดับชั้นมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย และสามารถทำผลการเรียนได้เกรด 4 ทุกรายวิชา ตั้งแต่ระดับชั้น ม.1-ม.3 โดยมีครูที่ปรึกษา ม.1 คือครูทิพย์วรรณ จิรกรวทธิ์, ม.2 ครูอัจรา โทแหล่ง และ ม.3 ครูบุณฑริกา ภัทรจารุ

ซึ่งความเก่งของน้องกัปตัน สร้างผลงานกวาดรางวัลระดับประเทศมาแล้วมากมาย อาทิ ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้แทนระดับประเทศ เข้าร่วมแข่งขันวิทยาศาสตร์ ที่ประเทศอินโดนีเซีย ประจำปี 2566, ได้รับรางวัลเหรียญทอง วิชาคณิตศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โครงการประเมินและพัฒนาสู่ความเป็นเลิศทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (TEDET) ประจำปี 2566, ได้รับรางวัลชนะเลิศ การทดสอบความรู้และกระบวนการแก้ปัญหาทางเคมี CHEMISTRY ANF EVAUATION TEST ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 การแข่งขันแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ TRI-MATHETICS COMPETITION ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เป็นต้น ที่ล่าสุด น้องกัปตัน จะสอบเรียนต่อได้ที่โรงเรียนกำเนิดวิทย์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สอบผ่านรอบแรกของโครงการ IJSO และสอบเข้าค่ายคณิตศาสตร์โอลิมปิกค่าย 2 ได้สำเร็จ

ทั้งนี้ เด็กชายธนภัทร วุฒิวรจินดา หรือ น้องกัปตัน เปิดเผยว่า ก่อนสอบได้มีการเตรียมอ่านหนังสือมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้เข้มงวดนัก เป็นการจัดสรรเวลาในการอ่านหนังสืออย่างเหมาะสม และมีระเบียบวินัยสม่ำเสมอ เมื่อเครียดก็ออกไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ เพื่อผ่อนคลายตามปกติ โดยมีแม่เป็นคนคอยให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด เมื่อผลสอบออกมาได้อันดับที่ 1 ก็รู้สึกดีใจมาก เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้อันดับที่ 1 เลย หลังจากนี้ไปก็จะเลือกโรงเรียนเพื่อเรียนต่อในระดับชั้น ม.4 ซึ่งตนเองก็มีโรงเรียนที่เลือกไว้ในใจแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผย ส่วนอาชีพในฝันนั้น ตอนนี้ยังมีอยู่หลายอาชีพ ซึ่งตนเองก็ขอค้นหาตัวเองในช่วงมัธยมปลายอีกที

ส่วนเคล็ดลับในการเรียนหนังสือให้เก่งๆ ตนเองเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องเรียนให้หนักเกินไป พยายามจัดสรรเวลาเรียนกับเวลาพักผ่อนให้เหมาะสม แล้วขอให้มีระเบียบวินัยอย่างสม่ำเสมอ ก็เพียงพอที่จะทำให้เป็นคนเก่งได้แน่นอน

ด้านนางจุฬาภรณ์ ภัคสิริธนศักดิ์ แม่ของน้องกัปตัน กล่าวว่า น้องกัปตันเป็นคนที่มีนิสัยร่าเริง อยู่บ้านก็ไม่ได้กดดันอะไรเขา ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ทางครอบครัวก็สนับสนุนให้เขาเลือกเรียนได้ตามอิสระ ชื่นชอบอะไรก็สนับสนุนเต็มที่ ตอนสอบเข้าระดับมัธยมศึกษา น้องก็เลือกเองที่จะมาเรียนในโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย จนกระทั่งเลือกเรียนชั้น ม.4 ก็เลือกเองตลอด ซึ่งน้องเป็นคนขยันอ่านหนังสือ ถ้าใกล้จะสอบอะไรแล้ว จะมีความมุ่งมั่นอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ ก่อนที่จะสอบเข้าเตรียมอุดมศึกษา ตนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้อันดับที่ 1 ของประเทศ ตอนแรกคาดว่าติดหนึ่งในร้อยก็ดีใจแล้ว ส่วนพ่อของน้องยังมั่นใจว่าจะต้องติดอันดับต้นๆ แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้อันดับในเลขตัวเดียว เมื่อทราบผลออกมาว่าได้อันดับ 1 ของประเทศ ก็ทำให้รู้สึกดีใจมาก และรีบเข้าไปสวมกอด เพื่อให้กำลังใจทันที ส่วนอนาคตของน้องกัปตัน ทางครอบครัวไม่เคยกำหนด แล้วแต่น้องจะเลือกเองเลย ครอบครัวพร้อมสนับสนุนทุกอาชีพที่ลูกอยากจะเป็น

ด้านนายสุพล เชื่อมพงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย กล่าวว่า สำหรับโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัยนั้น ถือว่าเป็นโรงเรียนมัธยมชายล้วนขนาดใหญ่พิเศษ ประจำจังหวัดนครราชสีมา โดยปีการศึกษา 2567 นี้ มีนักเรียนอยู่ทั้งหมดกว่า 4,100 คน ซึ่งทุกปีจะมีนักเรียนที่ทำผลงานสอบเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับการสอบเข้าเรียนต่อในระดับ ม.4 ก็มีผลคะแนนสอบเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยเฉพาะปีนี้ เด็กชายธนภัทร วุฒิวรจินดา หรือน้องกัปตัน นักเรียนชั้น ม.3/2 โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ที่สามารถสอบเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษารุ่นที่ 87 โดยทำคะแนนได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ ในสายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ เป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับโรงเรียน ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับครู ผู้ปกครอง และชาวโคราชเป็นอย่างมาก ตนเองในฐานะเป็นผู้บริหารโรงเรียน ก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

ทร. ชี้แจง เหตุปืนเรือหลวงทำงานผิดพลาด ตั้งกรรมการสอบสวนด่วนก่อนย้าย ผบ.เรือ ช่วยราชการกองเรือตรวจอ่าว พร้อมสั่งดูแลทหารบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด

เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันนี้ 19 มี.ค.67  ที่สโมสรสัญญาบัตรกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือเอกชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กองทัพเรือ พร้อมด้วย พลเรือตรีเฉลิมชัย สวนแก้ว ผู้บัญชาการกองเรือตรวจอ่าว และนาวาเอก ปิยะศักดิ์ นิลนิมิตร รองผู้อำนวยการศูนย์ซ่อมสร้างสรรพาวุธ ร่วมแถลงข่าว กรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวเหตุเพลิงไหม้เรือหลวงชลบุรี จากถูกอาวุธปืนหัวเรือยืงใส่ เรือหลวงคีรีรัฐ ที่เทียบเรืออยู่ด้านหน้าว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.45 น. ของวันที่ 14 มีนาคม 2567 ขณะที่เรือหลวงคีรีรัฐ กำลังจอดเทียบท่าอยู่ที่ บริเวณท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี  ว่า สาเหตุในเบื้องต้น พบว่ามาจากกระสุนปืนขนาด 76 มิลลิเมตร ของเรือหลวงชลบุรี ซึ่งเกิดการขัดข้องและติดค้างอยู่ในตัวปืนขณะทำการฝึกในทะเล เมื่อ 13 มีนาคม 2567 ซึ่ง เรือหลวงชลบุรี ได้ดำเนินการป้องกันอันตรายเบื้องต้น และแล่นเข้าจอดเทียบท่าเรือ และให้เจ้าหน้าที่ช่างปืนมาดำเนินการแก้ไขปัญหา แต่เกิดเหตุปืนลั่นขณะดำเนินการแก้ไข จนทำให้เรือหลวงคีรีรัฐ ได้รับความเสียหายบริเวณท้ายเรือเล็กน้อย แต่เรือยังคงมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการได้ตามปกติ โดยไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ดังกล่าว 

สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ 14 ราย ส่วนมากเกิดจากการสำลักควันไฟ โดยได้นำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ในทันทีที่เกิดเหตุและเฝ้าระวังอาการของผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด จนปัจจุบันผู้บาดเจ็บทุกนายอยู่ในอาการปลอดภัย สามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้ว จำนวน 10 นาย และเฝ้าระวังอีก 4 นาย ทางด้าน พลเรือตรี เฉลิมชัย สวนแก้ว ผู้บัญชาการกองเรือตรวจอ่าว เปิดเผยว่า เรือหลวงชลบุรี ออกปฏิบัติการฝึกซ้อมยิงระเบิดบริเวณหน้า อ่าว ในวันที่ 13 มีนาคม 2567 โดยขณะทำการฝึกพบว่ามีการติดขัดของปืนจำนวนสองครั้ง แต่ก็สามารถซ่อมแซมแก้ไขได้กระทั่งมีปัญหาอีก จึงนำเรือเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมเทียน เพื่อทำการแก้ไข แต่ขณะนั้นได้หันกระบอกปืนตั้งฉาก 45 องศา เพื่อความปลอดภัยต่อมา ได้มีการปรับลดระดับลง 5 องศา เพื่อทำการซ่อมบำรุง แต่เกิดการขัดขัดข้องด้วยปัญหาทางเทคนิค จึงทำให้หัวกระสุนพุ่งไปโดนเรือหลวงคีรีรัฐ ที่บริเวณด้านท้ายเรือ ทำให้เกิดความเสียหาย 4 ห้อง และมีทหารได้รับบาดเจ็บ 14 นาย ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้นใยกรณีดังกล่าว ทาง ผบ.ทร. ได้มอบหมายให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นการเร่งด่วน และรายงานผลให้ทราบภายใน 3 วัน ซึ่งได้รายงานข้อเท็จจริงไปแล้ว       ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเรือหลวงชลบุรี เป็นเรือหลวงที่มีอายุราชการมานานถึง 10 ปี จึงอาจเกิดข้อขัดข้องขึ้นได้บ้าง  แต่เมื่อมีปัญหาขึ้น ผบ.เรือ ก็จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ 

ปัจจุบันได้ลงนามคำสั่งให้ย้าย ผบ.เรือหลวงชลบุรี มาประจำการที่ กองบัญชาการกองเรือตรวจอ่าวเป็นการชั่วคราว เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และขอยืนยันว่าจะไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีกในกรณีนี้ ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญของกองทัพเรือไทย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

กระบี่-พุทธศาสนิกชนส่งเสด็จแน่นสนามบินกระบี่ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุสู่กรุงเดลี ชาวบ้านโบกธงไทย-อินเดีย 2 ข้างทาง

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ที่บริเวณภายในสนามบินนานาชาติ กระบี่ ซึ่งในวันนี้จะมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ กลับสู่ประเทศอินเดีย โดยตามกำหนดการเวลา 10.00 น. จะอัญเชิญออกจากห้องมั่นคง วัดมหาธาตุวชิรมงคล อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ มายังสนามบินนานาชาติ กระบี่

บรรยากาศทั่วไป มีประชาชนนุ่งขาวห่มขาว นั่งรอบริเวณหน้าประตูทางเข้าหมายเลข 7 ภายในอาคารสนามบิน โบกสะบัดธงชาติไทยและธงชาติสาธารณรัฐอินเดีย ขณะที่เส้นทางระหว่างวัดมหาธาตุวชิรมงคลสู่สนามบิน มีชาวบ้านยืนรอขบวนอัญเชิญพร้อมดอกไม้ธูปเทียน บางคนถึงกับน้ำตาใหลด้วยความปิตียินดีที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้มีโอกาสกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ

กระทั่งเวลาราว 10.30 น. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม, นายนาเคศ สิงห์ (H.E. Mr. Nagesh Singh) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย, นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่, นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ , นางชณิสา หาญภักดีปฏิมา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ ,ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รองเลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 และบุคคลต่างๆ เดินทางมาถึง

ทั้งนี้ เมื่อพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ มาถึงยังสนามบิน ผู้แทนสาธารณรัฐอินเดียจะอัญเชิญเข้าสู่ห้องรับรอง พระเทพวชิรากร รองเจ้าคณะภาค 17  เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวชิรมงคล ประธานสงฆ์, ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และบุคคลต่างๆ ร่วมถวายพวงมาลัยดอกไม้สดสักการะ พร้อมทหารกองเกียรติยศจากนั้นได้อัญเชิญสู่เครื่องบินกองทัพอากาศ C130 ของอินเดีย  ไปยังกรุงเดลี สาธารณรัฐอินเดียต่อไป...

กระบี่///ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

ลำปาง-นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนและตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการบริเวณริมแม่น้ำวัง (สะพานดำ)

วันที่ 19 มีนาคม 2567 เวลา 14.00 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ  ลงพื้นที่จังหวัดลำปางเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการบริเวณริมแม่น้ำวัง (สะพานดำ)โดยมีนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง(นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) นายธนาธร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง เขต 2​ นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยนายชนาธิป เสมแย้ม นายพัชระ สิมะเสถียร รองผู้ว่าฯลำปาง พล.ต.พรชัย นพรัตน์ ผบ.มทบ.32 น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายก อบจ.ลำปาง นายธนารัฐ สายเทพ นอภ.เมืองลำปาง หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวลำปางร่วมให้การต้อนรับกว่า 1,000 คน โดยนายกรัฐมนตรี ได้เดินทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง  

นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังบรรยายสรุปทิศทางการพัฒนาจังหวัดลำปาง จากนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง รับฟังข้อเสนอเรื่องการพัฒนาจังหวัดลำปาง ซึ่งเกินศักยภาพของจังหวัด โดยรับฟังสภาพปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ จากนั้นนายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง , นางสาวตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายก อบจ.ลำปาง รายงานข้อมูลโครงการ 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมอาคารป้องกันตลิ่งพัง เลียบแม่น้ำวัง เชื่อมระหว่างตำบลปงแสนทอง - ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง 2.โครงการปรับปรุงถนนสายทางดอนไชย-กิ่วฝิ่น ทางหลวงท้องถิ่น สายทาง ลป.ถ.1-0040 บ้านดอนไชย-ป่าเหมี้ยง อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง เขตติดก่อบ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่ และรับฟังรายงานข้อมูลโครงการปรับปรุงและขยายความยาวทางวิ่งท่าอากาศยานลำปาง โดย นายพิษณุ พิจิตร รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานลำปาง ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปข้อมูล นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการบริเวณริมแม่น้ำวัง

นายเศรษฐา กล่าวว่า การเดินทางมาตรวจราชการและเยี่ยมชาวลำปางในวันนี้ จะได้รับทราบโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมอาคารป้องกันตลิ่งพัง เลียบแม่น้ำวัง เพื่อปรับภูมิทัศน์ตามความเหมาะสม หลังจากรับฟังแล้วขออนุญาตสั่งการลงไป โครงการฯที่เสนอมาในครั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการ ข้อคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ได้พิจารณาสั่งการลงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเป็นหลักและใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ขยะมูลฝอย ให้ลำปางเป็นเมืองน่าอยู่ และพร้อมยกระดับจากเมืองรองเป็นเมืองหลักเพราะเรามีครบหมดแล้วขนบธรรมเนียม ประเพณีอาหารอร่อย ขอฝากพี่น้องชาวลำปางทุกคนด้วย

'ทบ.' โต้!! 'สส.ก้าวไกล' ปม 'พลทหารคมทัช' ผูกคอดับ เพราะเครียดตัดหญ้า ชี้!! มูลเหตุชั้นต้นมาจากปัญหาส่วนตัวกับแฟน หลังสอบถามญาติ-เพื่อน

(20 มี.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ภาพผู้ช่วยของตนเองผูกคอเสียชีวิตในค่ายทหารแห่งหนึ่ง พร้อมแชตข้อความระบายความในใจ ว่า เครียด ต้องไปตัดหญ้า กวาดบ้านผู้บังคับบัญชา ตอนดึกเพื่อนนั่งดูดกัญชา นอนแทบไม่ได้

ล่าสุดจากการตรวจสอบเบื้องต้นของกองทัพบก (ทบ.) พบว่า ผู้เสียชีวิต คือ พลทหารคมทัช พันฤทธิ์ ตำแหน่ง พลลูกมือ สังกัดกองร้อยบริการที่ 3 กองพันบริการ กองบริการ กรมการทหารช่าง ช่วยราชการ (พันบร.กบร.กช. ชรก.) ปฏิบัติงานที่โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์โยธินวิทยา (รร.ทบอ.โยธินวิทยา) ได้เสียชีวิตในวันที่ 19 มี.ค.67 ซึ่งจากการสอบถามญาติและเพื่อนพลทหารคมทัช ในชั้นต้นทราบว่า “สาเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ เกิดจากปัญหาส่วนตัวกับแฟน”

ต่อมาเวลา 22.41 น. คืนวันที่ 19 มี.ค.67 ทางกองทัพบก ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงว่า ได้รับแจ้งกรณี ทหารกองประจำการกระทำอัตวินิบาตกรรม (ผูกคอเสียชีวิต) โดยเป็นทหารในสังกัดของ กองพันบริการกองบริการ กรมการทหารช่าง ช่วยราชการปฏิบัติงานที่ โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์โยธินวิทยา 

โดยหลังจากเกิดเหตุหน่วยแจ้งไปทาง สภ.เมืองราชบุรี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์นิติเวชร่วมในการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และชันสูตรพลิกศพ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า พลทหารคมทัช พันฤทธิ์ เสียชีวิตด้วยการผูกคอตายในห้องน้ำของโรงเรียน

ในวันเดียวกันผู้บังคับหน่วยต้นสังกัดได้เดินทางไปพบครอบครัวเพื่อแจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวและแสดงความเสียใจ ตลอดจนแจ้งสิทธิและสวัสดิการที่ผู้เสียชีวิตจะได้รับ และทางหน่วยต้นสังกัดจะช่วยดูแลอำนวยความสะดวกในด้านการจัดงานศพกับครอบครัว ทั้งนี้ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธิษะณา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘ธิษะณา ชุณหะวัณ - แก้วตา - Tisana Choonhavan’ ระบุว่า “อดีตผู้ช่วยแก้วได้ไปเกณฑ์ทหาร (จับได้ใบแดง) เมื่อวานนี้ตอนตีสามได้ข่าวมาจากผู้ช่วย สส.ที่สนิทกันอีกคนว่าน้องผูกคอตายในห้องน้ำในค่ายทหาร ก่อนอดีตผู้ช่วยแก้วจะเสียชีวิตในค่ายทหาร (ผูกคอตาย) ได้ส่งข้อความแบบนี้มาถึงชีวิตในค่ายทหาร”

“ขอเรียกร้องให้ค่าย 1.) แสดงความจริงใจและโปร่งใสโดยการเปิดเผยผลชันสูตรศพต่อสาธารณชน 2.) นโยบายทางจิตเวชให้กำลังพลไหม? 3.) ขอเรียกร้องความกล้าหาญจากผู้บังคับบัญชาที่จะกล้าเปิดเผยความจริง เหตุจูงใจหรือสิ่งที่กำลังพลต้องประสบพบเจอในค่าย 4.) การแสดงความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาต่อสิ่งที่เกิดขึ้น”

“ขอความเป็นธรรมให้เค้าด้วยค่ะ ขอให้ทุกคนช่วยกันส่งเสียงให้สภาผู้แทนราษฎรผ่านกฎหมาย #ยกเลิกเกณฑ์ทหาร #ค่ายทหารหรือคุก #คมทัชพันฤทธิ์”

'รัฐบาลญี่ปุ่น' ดีเดย์!! เพิ่มทุนการศึกษาให้นักเรียนต่างชาติ ดึงดูดบุตรธิดาแรงงานที่ตั้งใจจะอยู่ในญี่ปุ่นอย่างถาวร

เมื่อวันที่ (18​ มี.ค.67)​ รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนที่จะขยายทุน​การศึกษา​ของนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างชาติตั้งแต่เดือนเมษายน เพื่อให้โอกาสทางการศึกษาแก่บุตรธิดาของแรงงานต่างชาติในประเทศ​ ที่ตั้งใจจะอยู่ในญี่ปุ่นอย่างถาวร​

กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้ร่วมผู้รับทุนเป้าหมายที่พำนักอยู่ในประเทศกับผู้ปกครอง โดยมีเงื่อนไขว่าต้องสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมปลายในญี่ปุ่น และตั้งใจที่จะทำงานและพักอาศัยในญี่ปุ่น หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแล้ว

ทุนการศึกษาที่จัดสรรโดย Japan Student Services Organization ปัจจุบันมีให้เฉพาะพลเมืองญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่มีวีซ่าในฐานะผู้อยู่อาศัยถาวรพิเศษ ผู้อยู่อาศัยถาวร หรือผู้อยู่อาศัยระยะยาวที่ตั้งใจจะอยู่ในญี่ปุ่นอย่างถาวร

กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีคาดว่านักเรียนประมาณ 500 ถึง 1,000 คนจะมีสิทธิได้รับทุนการศึกษาใหม่ ซึ่งมาในรูปแบบของเงินช่วยเหลือหรือเงินกู้

สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาลขยายการสนับสนุนด้านวิชาการสำหรับเด็กต่างชาติ ในขณะที่ประเทศมองหาแรงงานต่างชาติท่ามกลางจำนวนประชากรที่ลดลง

กลุ่มภาคประชาสังคม รวมถึงเครือข่าย Solidarity Network with Migrants Japan ขององค์กรพัฒนาเอกชน ยังได้เรียกร้องให้มีการขยายทุน​ โดยเห็นว่าลูกๆ ของแรงงานต่างชาติมักจะประสบปัญหาทางการเงิน

โทรุ ทาคาฮาชิ สมาชิกแกนนำของกลุ่มกล่าวว่า เขายินดีกับแผนการของรัฐบาลที่จะขยายทุนการศึกษา แต่การกำหนดให้นักเรียนต้องสำเร็จการศึกษา 12 ปีในญี่ปุ่น มีแนวโน้มว่าจะเป็นเงื่อนไขที่เข้มงวดเกินไป เนื่องจากหมายความว่าเด็กๆ จะต้องอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก่อนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จึงจะมีสิทธิ

“เราจะให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดว่ารัฐบาลจะเคลื่อนไหวเพื่อผ่อนคลายกฎเกณฑ์ดังกล่าวหรือไม่” ทาคาฮาชิ กล่าว

ตามข้อมูลของกระทรวงแรงงาน​ จำนวนแรงงานต่างชาติในญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือนตุลาคมปีที่แล้วพุ่งสูงถึง 2 ล้านคนเป็นครั้งแรก ทำลายสถิติแรงงานต่างชาติ 2,048,675 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 จากปีก่อนหน้า

สอดคล้องกับข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นที่เปิดเผยการเพิ่มขึ้นของแรงงานต่างชาติ ผู้ที่เข้าประเทศญี่ปุ่นด้วย ‘วีซ่าติดตามครอบครัว’ มีจำนวน 244,890 คน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน พ.ศ.2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 จากปีก่อนหน้า

เชียงใหม่-ป.ป.ช. และคณะกรรมการจากองค์กรที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เชียงใหม่ ติดตามตรวจสอบ สังเกตการณ์ การรับนักเรียน

วันที่ 19 มีนาคม 2567 โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ โดย นายพิพัฒน์ สายสอน ผู้อำนวยการโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ พร้อมด้วยรองผู้อำนวยการโรงเรียน ตัวแทนคณะครู ให้การต้อนรับ นายนิรันดร ศรีภักดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเชียงใหม่  และคณะเจ้าพนักงานป้องกันการทุจริต ลงพื้นที่ ติดตาม ตรวจสอบ สังเกตการณ์ดำเนินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2567 สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ และรายงานการดำเนินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2567 ให้คณะกรรมการได้รับทราบ  ณ ห้องสารสนเทศ อาคารวัฒนา โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ

โดยมี ดร.ปริศนา วรรณารักษ์ รองผู้อำนวยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ ปฏิบัติหน้าที่รองประธานคณะกรรมการรับนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา นางสุภาภรณ์ อินทมา สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะกรรมการรับนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ได้แก่ ผู้แทนผู้อำนวยการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นายระวี คงภาษี ผอ.รร.สันป่าตองวิทยาคม นายพิพัฒน์ สายสอน ผอ.รร.วัฒโนทัยพายัพ และนางสาวสุปราณี ปัญญานะ ผอ.รร.สันกำแพง ผู้แทนหน่วยการศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่

ได้แก่ นายสุทธิภัทร์พงศ์ สมคำ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวฤทัยรัตน์ แสนปวน องค์การบริหารส่วนตำบลดอนแก้ว นายบุญรัตน์ สว่างแจ้ง สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ และฝ่ายเลขานุการ กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา ร่วมลงพื้นที่ติดตาม สังเกตการณ์ และรายงานข้อมูลการดำเนินการของคณะกรรมการรับนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อให้สถานศึกษาในสังกัด สพม.เชียงใหม่ ได้รับการติดตาม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

และเพื่อให้ดำเนินการรับนักเรียนของสถานศึกษาเป็นไปความเรียบร้อย ตามประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติการรับนักเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2567 และประกาศแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ ปีการศึกษา 2567 รวมถึงมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ เพื่อให้โอกาสในการเข้าเรียนเป็นไปด้วยความเสมอภาค และยุติธรรม 

พัฒนชัย/เชียงใหม่

เชียงใหม่-คณะพยาบาลศาสตร์ มช. จัดกิจกรรม 'มหกรรมสุขภาพดี ประจำปี 2567'

เมื่อวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2567 คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน จัดพิธีเปิดโครงการมหกรรมสุขภาพดี ประจำปี 2567 : การเฝ้าระวังสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากการทำงานของบุคลากรคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรันธรณ์ จงรุ่งโรจน์สกุล ผู้ช่วยคณบดีในฐานะประธานคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน กล่าวรายงาน ณ ห้องศตวรรษที่ 21 อาคาร 2

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้อาจารย์และเจ้าหน้าที่ของคณะฯ ได้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพตามความเสี่ยงของลักษณะงานที่ทำ ได้แก่ สมรรถภาพการมองเห็น สมรรถภาพการได้ยิน และสมรรถภาพทางกาย เพื่อเป็นการเฝ้าระวังสุขภาพจากการทำงาน ป้องกันการเกิดโรคหรือการบาดเจ็บที่เกี่ยวเนื่องจากการทำงาน นอกจากนี้ได้จัดกิจกรรมเสวนาให้ความรู้ด้านศาสตร์การแพทย์แผนไทยประยุกต์ในการดูแลสุขภาพ ประกอบด้วย การทำลูกประคบสมุนไพรเพื่อสุขภาพ การตอกเส้น การนวดจับเส้นเพื่อผ่อนคลายอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และการทำกัวซาเพื่อสุขภาพความงาม เป็นต้น

พิจิตร-อนุทิน มท.1 ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาบึงสีไฟพิจิตรเพื่อความพร้อมเตรียมการรับเสด็จ

ชาวจังหวัดพิจิตรสุดปลาบปลื้มปิติเร่งรัดพัฒนาบึงสีไฟเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีที่จะเสด็จเปิดสนามจักรยานสราญสุขมงคลจิต ซึ่งเป็นสนามจักรยาน BMX สนามจักรยานขาไถและสนามจักรยาน Pump Track และจะทรงปั่นจักรยานในพิธีเปิด 23 มีนาคม 2567 

วันที่ 20 มีนาคม 2567 ความคืบหน้าความพร้อมเพื่อเตรียมการรับเสด็จฯ ล่าสุดเมื่อวันวานที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะลงพื้นที่ จังหวัดพิจิตร เพื่อติดตามความพร้อมการเตรียมรับเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ที่จะเสด็จฯไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 ณ สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุขบึงสีไฟจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นชื่อสนามนามพระราชทาน

โดยการลงพื้นที่ติดตามความพร้อม การสร้างสนามจักรยาน BMX และสนามจักรยานขาไถและสนามจักรยาน Pump Track ในครั้งนี้พบว่าการก่อสร้างหรือการเตรียมความพร้อมต่างๆ ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์เกือบครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่เพียงการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ให้สวยสมบูรณ์สมพระเกียรติเท่านั้นเองก็จะสมบูรณ์ครบถ้วนทุกอย่าง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้น้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นหลักในการส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่สู่การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของประชาชน 

สำหรับการพัฒนาบึงสีไฟที่ดำเนินการ โดย พ.ต.อ. กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ นายก อบจ.พิจิตร ที่เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก นายอดิเทพ กมลเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และส่วนราชการรวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งของพิจิตรที่ประสานพลังความร่วมมือกันดำเนินการจนสามารถพัฒนาบึงสีไฟให้เป็นสวนสาธารณะและสนามจักรยานดังกล่าวนี้อีกด้วย

ในการพัฒนาบึงสีไฟที่จะทำให้สวยสดงดงามอีกหน่วยงานหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญให้เส้นทางจักรยานรอบบึงสีไฟระยะทาง 10.28 กม. คือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยในการนี้นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และผู้บริหาร ซึ่งได้ร่วมลงพื้นที่ติดตามงานการติดตั้งระบบแสงสว่างในฐานะที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) สังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างระยะทางจักรยานรอบบึงสีไฟ โดย PEA ดำเนินการปักเสาคอนกรีตอัดแรง ขนาด 8 เมตร จำนวน 609 ต้น และติดตั้ง Street Light LED 150 W จำนวน 609 ดวง ติดตั้งเสาโครงเหล็ก Solar Cell ขนาด 6 เมตร จำนวน 115 ต้น และเปลี่ยนโคม Solar Cell LED ขนาด 100 วัตต์ เป็น Street Light LED 150 W จำนวน 115 ดวง สามารถวัดค่าแสงสว่างได้ตามมาตรฐานการออกแบบการก่อสร้างทางจักรยานสำหรับประเทศไทย เพื่อให้ความสว่างแก่ประชาชนที่มาเยี่ยมชมความสวยงามของบึงสีไฟ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกาย ซึ่งบึงสีไฟเป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศและเป็นแหล่งเศรษฐกิจ แหล่งรายได้จากการทำประมงและค้าขาย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

สิทธิพจน์/พิจิตร/

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ หน่วยงานกระทรวงแรงงาน จ.ลำพูน พร้อมทั้งรายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่ มอบรถเข็นวีลแชร์และอุปกรณ์ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้ เติมกำลังใจให้ชีวิต

วันที่ 20 มีนาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จ.ลำพูน ลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ จำนวน 2 ราย ในพื้นที่ ต.บ้านกลาง และ ต.เหมืองง่า อ.เมือง จ.ลำพูน

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จ. ลำพูน นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้พิการและผู้ยากไร้ ประกอบไปด้วย รถเข็นวีลแชร์ 2 คัน วอร์คเกอร์ช่วยเดิน 2 ชิ้น และ ไม้เท้าสามขา ช่วยพยุง 2 ชิ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบให้กับ ผู้สูงอายุและผู้พิการ ตามที่ได้รับการประสานจาก  น.ส.ศิริลักษณ์ ประศาสตร์อินทาระ แรงงานจังหวัดลำพูน  น.ส.พุทธชาติ อินทร์สวา จัดหางานจังหวัดลำพูน และ นายสมเกียรติ  เจษฎารมณ์  ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดลำพูน  จำนวน 2  ราย ได้แก่ นายติ๊บ สาวะธรรม อายุ 89 อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 59 ม.10 ต.บ้านกลาง อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน และนายรัตน์ ยะอนันต์ อายุ 62 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 99 ม.5 ต.เหมืองง่า อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง มีฐานะยากจน และประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมขวัญและกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป ทำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันจัดหาอุปกรณ์และสิ่งอำนวย ความสะดวกเป็นลำดับแรก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top