Friday, 30 May 2025
TheStatesTimes

‘บิ๊กโจ๊ก’ สั่งถอนวีซ่า-ห้ามเข้าประเทศ ‘2 ชาวต่างชาติ’ หลังทำร้าย-พยายามแย่งปืน ‘ตร.ภูเก็ต’ จนได้รับบาดเจ็บ

(18 มี.ค.67) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ เมื่อคืนวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า “วันนี้หลังจากผมได้ทราบเรื่อง ‘ตำรวจจราจร สภ.ฉลอง ถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย’ จึงสั่งผู้การ ตม.6 เพิกถอนวีซ่า 2 ต่างชาติ ดำเนินคดีเฉียบขาด หลังจบคดี ให้สั่งห้ามเข้าประเทศอีก หลังพยายามชิงอาวุธปืนตำรวจ”

“จากเหตุการณ์เกิดที่บริเวณริมถนนหน้าร้านกิตติก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ฉลอง อ.เมือง จว.ภูเก็ต ผู้บาดเจ็บ ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.หมู่ (จร.) สภ.ฉลอง (บาดเจ็บบริเวณนิ้วมือและขา) ถูกนำส่ง รพ.ฉลอง เหตุดังกล่าว จนท.ตร. ได้อำนวยความสะดวกจราจรและกวดขันวินัยจราจร ได้มีรถ จยย. จำนวน 2 คัน ขับขี่โดยชายชาวต่างชาติ ขับรถผ่านในลักษณะใช้ความเร็วไม่ใช้ความระมัดระวัง ด.ต.สมศักดิ์ฯ ได้เรียกให้ชายชาวต่างชาติหยุด”

“เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ชายต่างชาติทั้งสองมีท่าทีที่จะหลบหนี ด.ต.สมศักดิ์ ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเพื่อเก็บพยานหลักฐาน จากนั้นชาวต่างชาติได้ปัดโทรศัพท์มือถือและเข้าประชิดตัวกอดรัดฟัดเหวี่ยงจน ด.ต.สมศักดิ์ ล้มลงโดยมีชายต่างชาติ MR.OSCAR ขึ้นคร่อมตัวอยู่ จนด.ต.สมศักดิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บ แล้ว MR.OSCAR ได้พยายามแย่งอาวุธปืนของ ด.ต.สมศักดิ์”

“โดย ด.ต.สมศักดิ์ ได้พยายามยามป้องกันไม่ให้ยื้อแย่งปืนไปได้ ขณะที่ยื้อแย่งกันนั้นอาวุธปืนได้ลั่นจำนวน 1 นัด ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ต่อมาได้มี จนท.ตร. ได้ขับรถมาจอดขวางและช่วยเข้าระงับเหตุ

เมื่อผมได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมสั่งการให้ดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี และยืนยันว่าจะลงไปเยี่ยมบำรุงขวัญอีกครั้งด้วยตัวเอง”

“ผมขอชื่นชมตำรวจที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ แม้ว่าคู่กรณีจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็สามารถป้องกันตัวและระงับเหตุโดยไม่หวั่นเกรงต่อชีวิต นอกจากนี้ ผมได้สั่งการให้เพิกถอนวีซ่า 2 ต่างชาติ ดำเนินคดีเฉียบขาด และหลังจบคดี ให้สั่งห้ามเข้าประเทศอีก”

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ หน่วยงานกระทรวงแรงงาน จ.เชียงใหม่ ลงพื้นที่ ส่งน้ำใจ มอบรถเข็นวีลแชร์และอุปกรณ์ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้

วันที่ 18 มีนาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อม จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ และประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงรายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ จำนวน 2 ราย ในพื้นที่ อ.เมือง และ พื้นที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ 

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้ร่วมมือกับ จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ ประกันสังคม จ.เชียงใหม่ และรายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีข่าวไทยพีบีเอส นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้พิการและผู้ยากไร้ ประกอบไปด้วย รถเข็นวีลแชร์ 2 คัน วอร์คเกอร์ช่วยเดิน 2 ชิ้น และ ไม้เท้าสามขา ช่วยพยุง 2 ชิ้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบให้กับ ผู้สูงอายุและผู้พิการ ตามที่ได้รับการประสานจาก นายเอกลักษณ์  อุ่นภักดิ์ จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่และ นางกำไร บุ้งเงิน ประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายประพันธ์ กล้วยหอม อายุ 48 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่  27 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และ นางจันทร์ ปันอ้าย อายุ 85 ปี บ้านเลขที่ 39 หมู่ 11 ตำบลทุ่งต้อม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ 50120 

ซึ่งทั้งสองราย เป็นกลุ่มเปราะบาง มีฐานะยากจน และประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมขวัญและกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป ทำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันจัดหาอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นลำดับแรก

รมว.พิพัฒน์ สั่งขยายผล! ล้างรถด่วนเชียงราย เตรียมร่วมกับปั้มจ้างงานเพิ่มทั่วประเทศ พร้อมห่วงใยแรงงานเอาท์ดอร์ กำชับเครือข่ายแรงงานพบชาวบ้าน รณรงค์หยุดเผาป่าป้องกันมลพิษฝุ่นควัน จ.เชียงราย

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.67) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่เยี่ยมพบปะให้กำลังใจแรงงานที่ได้รับการฝึกอาชีพตามโครงการคืนคนดีสู่สังคม ศูนย์ฝึกอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ และให้บริการล้างทำความสะอาดรถยนต์แก่ประชาชนที่มารับบริการ ณ
ศูนย์ฝึกอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ เมตตา...พระไพศาลประชาทร วิ. วัดห้วยปลากั้ง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยมี นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน20 เชียงราย กับวัดห้วยปลากั้ง ที่ได้ฝึกอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังที่พ้นโทษ ได้นำความรู้จากการฝึก มาต่อยอดในการประกอบอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในวันนี้ผมพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงานลงพื้นที่เชียงรายมาเยี่ยมพบปะกับแรงงานที่ได้รับการฝึกอาชีพตามโครงการคืนคนดีสู่สังคม ที่ศูนย์ฝึกอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ เมตตา...พระไพศาลประชาทร วิ. ซึ่งที่นี่ให้บริการล้างทำความสะอาดรถยนต์แก่ประชาชนที่มารับบริการคันละ 50 บาท ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานกับวัดห้วยปลากั้ง ที่จะเปิดโอกาสให้แรงงานชั้นดีที่พ้นโทษได้มีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ สามารถประกอบอาชีพหลังจากออกมาสู่สังคม โดยการล้างรถ ฝุ่น โคลน

ซึ่งในส่วนนี้ผมจะนำโมเดลดังกล่าวไปต่อยอดขยายผล พร้อมหารือสถานีบริการน้ำมันเอกชนทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มการจ้างงาน สร้างอาชีพ พร้อมสร้างคุณค่าคืนคนดีสู่สังคมต่อไป

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่เชียงรายในครั้งนี้ ผมยังพบว่าปัจจุบันเชียงรายยังพบปัญหาฝุ่นควันในปริมาณที่สูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่สำคัญมีความห่วงใยต่อแรงงานที่ทำงานอยู่ในพื้นที่โดยเฉพาะแรงงานที่ต้องทำงานอยู่ในกลางแจ้ง ผมจึงได้กำชับให้แรงงานจังหวัด ร่วมมือกับอาสาสมัครแรงงาน (อสร.) จังหวัดเชียงราย 124 คน พบปะกับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อรณรงค์ให้ชาวบ้านช่วยกันหยุดเผาป่า ป้องกันฝุ่นควันลดปัญหามลพิษทางอากาศ อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ เพื่อร่วมสร้างทัศนียภาพให้กลับมาสวยงามเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

'รมว.ปุ้ย' เยือนถิ่นล้านนา 'เชียงราย-พะเยา-แพร่-น่าน' ลุยยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างรายได้เพิ่ม

'รมว.พิมพ์ภัทรา' แอ่วเมืองเหนือ เยือนถิ่นล้านนา 'เชียงราย-พะเยา-แพร่-น่าน' ลุยพัฒนา และยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน พร้อมสนับสนุนเงินทุน เทคโนโลยี ความรู้ ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก และสร้างแบรนด์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ กระจายรายได้สู่ชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมเตรียมนำข้อเสนอของภาคเอกชนเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 

(18 มี.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2567 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) ระหว่างวันที่ 17-19 มีนาคม 2567 ซึ่งก่อนที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมกิจกรรมของผู้ประกอบการชุมชนภาคเหนือในพื้นที่จังหวัดแพร่ 

โดยในจุดแรกได้ไปเยี่ยมชมการดำเนินกิจการของชุมชนหมู่บ้านตีเหล็กบ้านร่องฟอง ตั้งอยู่ที่ศูนย์การแสดงสินค้า และผลิตภัณฑ์ชุมชน หมู่ 5 ตำบลร่องฟอง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ดำเนินกิจการอุตสาหกรรมตีเหล็ก และอุตสาหกรรมผ้ามัดย้อม มีจำนวนสมาชิก/พนักงาน ตีเหล็กประมาณ 800 ครัวเรือน ทำผ้าประมาณ 700 ครัวเรือน โดยมียอดขายปีล่าสุด ตีเหล็กประมาณ 20-30 ล้านบาท และผ้าประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการเกษตร ได้แก่ มีด เคียว จอบ เสียมพร้า ฯลฯ และผลิตภัณฑ์ชุดเสื้อผ้ามัดย้อม กางเกงขาก๊วยเสื้อผ้าแฟชั่น และเสื้อกันหนาว 

ทั้งนี้ หมู่บ้านตีเหล็กบ้านร่องฟอง ได้ขอรับการสนับสนุนแหล่งเงินทุน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ผลักดันการแก้ปัญหาผังเมืองจังหวัดเพื่อให้สามารถขยายกิจการโรงงานได้ โดยในปี 2567 กระทรวงอุตสาหกรรม จะเข้าไปส่งเสริม สนับสนุน ได้แก่ 

1) การสนับสนุนเงินทุน โดย ธพว. และกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ตามแนวประชารัฐ เช่น โครงการสินเชื่อ BCG Loan, สินเชื่อ SME 3D, สินเชื่อ SME Refinance, สินเชื่อ SME Speed Up, สินเชื่อ Micro SME และสินเชื่อลดโลกร้อน (Decarbonize Loan) 

2) การพัฒนาผลิตภัณฑ์  เพื่อเพิ่มมูลค่า โดย กสอ. ให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์เดิมสู่ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ใหม่ ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ของใช้บนโต๊ะอาหาร ชุดมีดทำครัว มีดเดินป่า ของใช้ของตกแต่งบ้าน เป็นต้น 

3) การผลักดันการแก้ไขปัญหาผังเมือง สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด และกลุ่มผู้ประกอบการ ได้ยื่นข้อเสนอการแก้ไขผังเมืองจังหวัด แก่คณะกรรมการผังเมืองจังหวัดเรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างกระบวนการของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง และกระทรวงอุตสาหกรรมในการแก้ไขปัญหาผังเมืองเชิงนโยบายในภาพรวมต่อไป 

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลร่องกาศ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ เพื่อเยี่ยมชมกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการยกระดับผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จังหวัดแพร่ เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน หรือ โครงการ 'แพร่-กระจาย' ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งมีกิจกรรมฝึกอบรมการทำตลาดออนไลน์ เช่น การสร้าง Story telling และเทคนิคการถ่ายภาพอย่างมืออาชีพ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฝากของที่ระลึกจากชิ้นส่วนไม้สักที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย 

หลังจากนั้น ได้เดินทางไปยังห้างหุ้นส่วนจำกัด แพร่สักทองเฟอร์นิเจอร์ (ไทยแลนด์) ตั้งอยู่ที่ตำบลร่องกาศ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ซึ่งประกอบกิจการเครื่องเรือนตกแต่งภายในอาคาร
จากไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้สักและผลิตภัณฑ์จากไม้สัก โดยผู้ประกอบการได้ขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงอุตสาหกรรมในด้านเงินทุน เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับการลงทุนเครื่องจักร เพื่อยกระดับผลิตภาพการผลิต การติดตั้งระบบ Solar Rooftop เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และ การสนับสนุนการปรับปรุงเครื่องจักรและกระบวนการผลิต 

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ไปเยี่ยมชมการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ 'การยกระดับผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จังหวัดแพร่ เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน' ณ ที่ทำการชมรมสตรีอำเภอร้องกวาง ตำบลทุ่งศรี จังหวัดแพร่ ในหลักสูตรการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฝากของที่ระลึกตามแนวทาง BCG ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก ขี้เลื่อยไม้สัก, เศษเหลือใช้วัสดุทางการเกษตร และถ่ายทอดองค์ความรู้ตามแนวคิด BCG มีผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 200 คน 

และในจุดสุดท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางไปตรวจราชการวิสาหกิจชุมชนสุรา สักทองแพร่ ซึ่งประกอบกิจการสุรากลั่นชุมชน มีผลิตภัณฑ์สุรากลั่นชุมชน สาโท ไวน์ ณ ห้องประชุมใหญ่ สุราสักทองแพร่ โดยได้ขอรับการสนับสนุนด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีศักยภาพ ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกจากน้ำเสีย และของเสียจากกระบวนการผลิต เช่น กากส่าเหล้า มูลของสุกร ตามความเหมาะสมกับวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งปัญหาข้อจำกัดเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ พร้อมขอรับการสนับสนุนการสร้างแบรนด์และโฆษณาในพื้นที่ 

“ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประกอบการ จะเป็นเรื่องของเงินทุน การขอรับการสนับสนุนการติดตั้งระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ และการสนับสนุนปรับปรุงเครื่องจักรและกระบวนการผลิต ซึ่งกระทรวงฯ พร้อมสนับสนุนเต็มที่ โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. และกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ มีสินเชื่อสนับสนุนเงินทุน เช่น สินเชื่อ BCG โปรแกรมสินเชื่อสำหรับ SME และสินเชื่อลดโลกร้อน (Decarbonize Loan) 

“ขณะเดียวกันกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือ กรอ. ได้เสนอแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดชนิด หรือ ประเภทของโรงงาน เพื่อแก้ไขชนิดหรือประเภทของโรงงานให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคา ไม่เข้าข่ายการเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานต่อไป ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไขคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปี พ.ศ. 2567 พร้อมทั้งเตรียมผลักดันให้มีการแปลงเครื่องจักรเป็นทุนจาก Solar Roof top ได้อีกด้วย 

ส่วนข้อเรียกร้องของผลิตภัณฑ์สุรากลั่นชุมชน ได้มอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ให้คำแนะนำในการขอการรับรอง มผช. และกำหนดมาตรฐานรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมทั้งให้ กรอ.สนับสนุนการปรับปรุงกระบวนการผลิตผ่านโครงการ 'เร่งรัดการจดทะเบียนเครื่องจักรของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม' เพื่อเชิญชวนให้จดทะเบียนเครื่องจักรและให้คำแนะนำการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรให้กับสถานประกอบการ และส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก โดย กสอ. มีแผนการดำเนินโครงการยกระดับธุรกิจ SME ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG และส่งเสริมการสร้างแบรนด์ (Branding) และอัตลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity) เพื่อสร้างตัวตนของแบรนด์ตอบสนองเป้าหมายทางธุรกิจ” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว 

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2567 ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) ในวันพรุ่งนี้ (19 มี.ค.67) ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมมีโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จังหวัดแพร่ ที่ขอรับการผลักดันจากกระทรวงฯ ในโครงการก่อสร้างศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้และออกแบบเฟอร์นิเจอร์ไม้สักแห่งประเทศไทย ในวงเงินงบประมาณ 270 ล้านบาท ในพื้นที่ตำบลร่องกาศ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ โดยใช้ระยะเวลาดำเนินโครงการในปี 2568 - 2571

‘Loud budgeting’ เทรนด์ใช้ชีวิตมาแรงของคนรุ่นใหม่ ลดการเข้าสังคม หันมาอวดการ ‘ประหยัดเงิน’ อย่างมีสไตล์

(18 มี.ค.67) กลายเป็นอีกเทรนด์ที่น่าจับตาสำหรับ Loud budgeting ซึ่งเกิดจากผู้ใช้ TikTok ที่มีชื่อว่า 'Lukas Battle: ได้ออกมาแชร์เทรนด์ Loud Budgeting ที่เป็นกระแสถึงยอดคนดู 1.4 ล้านครั้ง ซึ่งเขาพูดถึงวิธีการใช้เงินแบบคนรวยที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ยึดติดแบรนด์

Loud budgeting เทคนิคในการประหยัดเงินที่เราต้องลดการเข้าสังคม เช่น การไปกินข้าวเย็นกับเพื่อนหรือไปร่วมงานแต่งงาน โดย Lukas Battle ได้บอกว่า Loud budgeting เป็นเทรนด์การอวดความประหยัดให้คนรู้ว่าเราไม่ใช่ไม่มีเงิน แต่เราแค่ ‘ไม่อยากใช้เงิน’

ก่อนหน้านี้จะมีกระแส Quiet luxury หรือการประดับประดาหรือแต่งตัวแพง ๆ แบบเรียบง่ายที่โด่งดังในโลกออนไลน์ Lukas Battle มองว่า Loud budgeting นั้นเท่และเข้าใจได้ดีกว่า เขาเล่าว่า เขาเล่ามันในโลกออนไลน์ขำ ๆ ในตอนแรก แต่เมื่อพอเป็นกระแส เขาจึงเริ่มมั่นใจมากขึ้นในการเปิดเผยเรื่องสถานะการเงินออกมา ซึ่งมันดูดีพอ ๆ กับการอวดของรวย ๆ เช่นกัน

แม้จะมีความรู้ทางการเงินต่ำที่สุดกว่าเจนอื่น ๆ แต่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้ทำให้เจน Z และเจน Y สรรหาข้อมูลทางการเงินมากที่สุด ประมาณ 52% ของ เจน Z และ 48% ของเจน Y มีแรงจูงใจที่จะเพิ่มความรู้ทางการเงินของตน ตามรายงานจากสถาบัน TIAA

Erica Sandberg ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินของ CardRates บริษัทให้ความรู้เกี่ยวกับบัตรเครดิต กล่าวว่าถ้าเราลองทำตามเทรนด์นี้จะช่วยให้เราลดความเครียดเรื่องเงินมากขึ้นและจะช่วยให้เราใช้เงินได้อย่างคุ้มค่าทุกบาท

‘รมว.พีระพันธุ์’ ชื่นชมการแสดง ‘ปราการเวลา The Theatre’ สร้างความตระหนักรู้ ‘ความเสียสละ-รักชาติ’ ของบรรพบุรุษไทย

(18 มี.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga’ ระบุว่า…

“เมื่อวาน (16 มี.ค. 67) ผมมีโอกาสไปชมการแสดง ‘ปราการเวลา The Theatre’ ที่จัดโดย อบจ. สมุทรปราการ ที่มีคุณนันทิดา แก้วบัวสาย เป็นนายกฯ ร่วมกับกองทัพเรือ นำแสดงโดยคุณนพพล โกมารชุน ศิลปินแห่งชาติ กับคุณแพนเค้ก เขมนิจ ร่วมกับนักแสดงทุกรุ่นวัยจำนวนมาก

“ผมรู้สึกดีใจและยินดีเป็นอย่างมากที่มีโอกาสไปชมการแสดงครั้งนี้เพราะทำให้เราได้ย้อนนึกไปถึงอดีตที่ทำให้เรามีปัจจุบันในวันนี้ว่าชาติไทยของเราต้องฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคและวิกฤติการณ์มาเพียงใดถึงมาเป็นไทยที่เป็นปึกแผ่น ประชาชนอยู่ดีกินดีในทุกวันนี้

“การแสดงนี้ ไม่เพียงน่าตื่นตาตื่นใจ สวยงามตระการตา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำให้เราได้เห็นถึงความรักชาติ ความเสียสละ และความสามัคคี ของบรรพบุรุษทั้งพลเรือนและทหาร ได้ตระหนักรู้ซาบซึ้งในพระปรีชาสามารถและพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ในยุคที่ทั่วทั้งภูมิภาคกำลังเผชิญหน้ากับการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกที่มีแสนยานุภาพทางอาวุธและวิทยาการเหนือกว่า ทำให้เราสูญเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงตามที่ฝรั่งเศสเรียกร้องรวมถึงเงินค่าปรับสูงจนต้องนำเงินถุงแดง (เงินพระคลังข้างที่) ออกมาใช้

“พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แม้จะทรงโทมนัสยิ่งแต่ทรงไม่ท้อถอย ทรงทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักษาเอกราชของสยามเอาไว้ นำไปสู่การปฏิรูปประเทศในทุกด้าน จนสยามสามารถดำรงความเป็นไทยมาได้ลงจนถึงทุกวันนี้โดยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของพวกฝรั่งชาติตะวันตกนักล่าอาณานิคม
เหล่านี้ทำให้เราต้องคิดให้มากขึ้นว่าปัจจุบันและอนาคตเราคนไทยจะต้องรักชาติ รักสถาบัน ต้องสามัคคี และเอาประโยชน์ชาตินำหน้าเพื่อคงความเป็นชาติไทยของเราให้คงอยู่ตลอดไป 

“ผมอยากให้มีกิจกรรมหรือการแสดงแบบนี้ให้คนรุ่นหลังเด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ถึงอดีตและความเป็นมาของชาติให้มากขึ้น และขอชมเชยผู้จัดงานและนักแสดงทุกคน ขอให้กำลังใจและขอบคุณที่ร่วมกันทำกิจกรรมรักชาติแบบนี้ครับ

'บุ้ง ทะลุวัง' ร่ายยาว!! จดหมายจากเรือนจำ ถึง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ยาหอม!! ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมง่ายมาก แต่สุดท้ายตลบตะแลง

(18 มี.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ทะลุวัง’ ได้โพสต์ข้อความจากจดหมายของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง แกนนำกลุ่มทะลุวัง ที่ส่งจากเรือนจำ โดยระบุถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย มีใจความว่า

“ด้วยวิธีการที่คุณเลือกจะกลับบ้านคือการเอาเสียงของประชาชนไปแลก ทำให้คุณเป็นได้แค่นักการเมืองน้ำเลวคนหนึ่ง จดหมายฉบับนี้อยากพูดถึงคุณทักษิณและพรรคการเมืองที่แสนกลับกลอกของเขาสักหน่อย ถึงจะอดอาหารเอาชีวิตและร่างกายแลกเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมถูกปฏิรูปอยู่ แต่ตอนนี้บุ้งก็ได้ข่าวของคุณทักษิณอยู่บ้างจากการที่เพื่อน ๆ เล่าให้ฟัง

“ในสายตาบุ้ง คุณทักษิณเป็นคนที่น่ารังเกียจเหลือเกิน ไม่ว่าจะเคยมีคุณงามความดีอะไร ตอนนี้เกียรติยศและศักดิ์ศรีของคุณไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตปรสิต ส่วนคุณอุ๊งอิ๊งก็น่าเสียดายเหลือเกิน คุณไม่จำเป็นต้องทำตามที่พ่อสั่งทุกอย่างก็ได้นะคะ แต่อนิจจาลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเป็นยังไงลูกก็เป็นอย่างนั้น

“ครั้งหนึ่งตอนที่ทะลุวังประกาศว่าจะไปเยือนเพื่อไทย คุณทักษิณเคยพูดว่า “อย่าทะลุวังเลยมาทะลุทำเนียบเถอะ” และให้การต้อนรับบุ้งเป็นอย่างดี อีกทั้งยังให้บุ้งและเพื่อน ๆ นั่งคุยกับคนของเพื่อไทยเพื่อฟังคำขอของบุ้ง ถึงแม้จะมัดมือชกไล่สื่อออกจากห้อง ทั้ง ๆ ที่บุ้งต้องการให้เป็นการคุยแบบเปิดก็ตาม

“คนของพรรคเพื่อไทยรับปากกับบุ้งว่า การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมนั้นง่ายมากและจะเป็นสิ่งแรกที่พรรคเพื่อไทยทำ บุ้งดีใจมากนะคะและเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะทำตามคำพูด เพราะคนที่ได้รับปากเป็นผู้ใหญ่แล้ว และคนเราจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้ก็เพราะรักษาคำพูดของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วโลกของผู้ใหญ่ก็ทำให้บุ้งผิดหวัง เมื่อพรรคเพื่อไทยตอ…ตลบตะแลง กลับกลอกปลิ้นปล้อน อย่างหน้าไม่อาย บุ้งและเพื่อน ๆ ผิดหวังเสียใจ และหมดสิ้นซึ่งศรัทธาในตัวพรรคการเมือง แต่ถึงกระนั้นความหวังที่จะทวงคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงและคนตากใบยังไม่หายไปหรอกค่ะ บุ้ง ตะวัน และแฟรงค์ จึงเอาชีวิตเข้าแลก เมื่อความหวังไม่มี เรา 3 คน จึงเลือกสร้างมันขึ้นมาเอง โดยกลั่นจากชีวิตเลือดเนื้อและอุดมการณ์ของพวกเรา

“ที่เล่าเพราะอยากให้คนข้างนอกเข้าใจ ว่าที่เราทำไม่ใช่เพราะพวกเราบุ่มบ่าม ก้าวร้าว ทำอะไรไม่คิด แต่เพราะนักการเมืองทำให้เราผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเราไม่เลือกที่จะนอนอยู่บ้านเฉย ๆ แต่เราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม

“แน่นอนว่ามันไม่ง่ายหรอกค่ะ ทุกวินาทีที่ผ่านไปในตอนนี้เวลาของพวกเรานับถอยหลังลงทุกที แต่พวกเราแลกได้เพราะเลือกแล้วที่จะทำ

“ขอให้คนข้างนอกที่ไม่หยุดสู้ สู้ต่อไป สักวันชัยชนะต้องเป็นของประชาชน

“บุ้งยังคงยืนยันที่จะอดอาหารจนกว่าข้อเรียกร้องจะสำเร็จ อยากให้ทุกคนเข้าใจบุ้งด้วยนะคะ”

หลักสูตรสืบสวนคดีอาญา ท๊อปจี สานตำนานสร้างนักสืบ ต่อสู้อาชญากรรมยุคใหม่

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.  เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ดูแลงานสืบสวน, และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้เกียรติเดินทางเป็นประธานพิธีเปิดหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา ขั้นพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ สืบสวน TOP G หลักสูตรสืบสวนที่มีความเข้มข้น และเฉพาะทาง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยมี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น./ผู้อำนวยการฝึกอบรม, พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น./รองผู้อำนวยการฝึกอบรม, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ผู้อำนวยการฝึกอบรม, พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง โฆษก ตร., คณะครูพี่เลี้ยง และผู้เข้ารับการฝึกอบรม 30 คน ณ ห้องประชุมอัจฉริยะ ชั้น 4 อาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล

ย้อนไปเมื่อปี 2540 พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในขณะนั้น ได้มีแนวคิดสร้าง “ปฐมบทของชีวิตนักสืบ” เมืองหลวง โดยมอบหมาย พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี อดีตรอง ผบช.สตม. ตำนานนักสืบระดับอาจารย์ โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปรมาจารย์นักสืบ เป็นหนึ่งในครูฝึก บ่มเพาะตำนาน 30 นักสืบ ซึ่งต่อมาในปัจจุบัน 30 นักสืบดังกล่าว ได้กลายมาเป็น นักสืบมือฉกาจคลี่คลายคดีสำคัญหลายคดี อย่าง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล
​ต่อมาในปัจจุบัน ตามวิสัยทัศน์ของ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คือ การมุ่งเน้นการสร้างองค์กรตำรวจให้เป็น “องค์กรปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมายในระดับมาตรฐานสากลที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” และค่านิยมหลัก “พิทักษ์ราษฎร์ ปราบภัย รับใช้ประชาชน” เป็นการเน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องการพัฒนาบุคลากรให้เท่าทันกับรูปแบบอาชญากรรมใหม่ๆ  

โดยเฉพาะการสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงและการรวบรวมพยานหลักฐานของการกระทำความผิด  เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นศรัทธาในองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทว่าในปัจจุบัน ข้าราชการตำรวจฝ่ายสืบสวนระดับปฏิบัติการมีจำนวนไม่เพียงพอต่ออาชญากรรมที่เพิ่มมากขึ้น และมีรูปแบบการกระทำความผิดที่ซับซ้อนและทวีความรุนแรง ทำให้ต้องฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ด้านเทคโนโลยีการสืบสวน ที่ทันสมัยให้เท่าทันกับสังคมยุค 5G  ตลอดจนการปลูกฝังคุณธรรม อุดมการณ์ จิตวิญญาณ และการอุทิศตนของข้าราชการตำรวจฝ่ายสืบสวนให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ
​จึงได้มอบหมาย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จัดทัพ นำโดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล คัดสรรค์ข้าราชการตำรวจระดับรองสารวัตรหรือเทียบเท่า ชั้นยศ ร้อยตำรวจโท-ร้อยตำรวจเอก สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการ จำนวน 30 คน เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมเป็นยอดนักสืบ เป็นเวลา 20 สัปดาห์ ณ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้โครงการฝึกอบรมหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา ขั้นพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (TOPG)

ส่องราคาน้ำมันเฉลี่ยในประเทศอาเซียน (11 มี.ค. 67)

รายงานราคาน้ำมันเฉลี่ยในอาเซียน เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 67 โดยราคาขายน้ำมันแต่ละประเทศ มีปัจจัยทางด้านราคา ดังนี้

1.แต่ละประเทศมีมาตรการภาษี และระบบการเก็บเงินเข้ากองทุนหรืออุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน

2.ในหลายประเทศเพื่อนบ้านยังมีการอุดหนุนราคากันอยู่

3.ประเทศไทยสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้การอุดหนุนราคาโดยกองทุนน้ำมันฯ จึงทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเบนซิน

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน (อัตรากลาง) ณ วันที่ 8 มี.ค. 67 และประเทศไทย อ้างอิงราคาจาก ปตท. และ บางจาก และเป็นราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95E10 ซึ่งมีสัดส่วนการใช้มากที่สุด

ทั้งนี้สามารถดูราคาย้อนหลังได้ที่ EPPO - Energy Data Visualization หรือคลิกที่ https://public.tableau.com/app/profile/epposite/viz/EPPO_Inter_OilPrice/SUMMARYOILPRICING 

เชียงใหม่-นายกฯ ใส่เสื้อลายผ้าขาวม้า เดินเซ็นทรัลเชียงใหม่ ชมงาน 'ฮักไทย เสน่ห์วิถีไทยสไตล์ใหม่ฯ' วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.67) คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปฎิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เข้าเยี่ยมศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส) โดยมี คุณบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร กลุ่มเซ็นทรัล , คุณอัจฉรา วิสุทธิวงศ์รัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดและสื่อองค์กร กลุ่มเซ็นทรัล, คุณพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส) และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ

โดยได้เยี่ยมชม โครงการ 'ฮักไทย เสน่ห์วิถีไทยสไตล์ใหม่ Thainess Station สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน' จากกลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ นำร่องจำหน่ายผ้าขาวม้าจากชุมชน ต่อยอด และยกระดับสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ด้วยการรับซื้อสินค้าไทยจากชุมชน นำมาจัดแสดงและจำหน่าย อาทิ ผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า เครื่องจักสานจากกระจูด และผ้าคราม โดยเบื้องต้นได้มีการรับซื้อผ้าขาวม้าจาก 6 ชุมชนทั่วประเทศ ผลักดันและยกระดับสินค้าท้องถิ่นไทยสู่ตลาดโลก 

พบปะชมผลงานน้องนักศึกษา #𝗣𝗿𝗼𝗷𝗲𝗰𝘁𝗶𝗻𝗧𝗵𝗮𝗶𝗔𝗿𝘁𝗖𝗠𝗨𝟮𝟬𝟮𝟰 ศิวิ-𝗟𝗜𝗚𝗛𝗧 งานการแสดงผลงานศิลปนิพนธ์ ของ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 แขนงการจัดการศิลปะและวัฒนธรรม สาขาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมยังแวะช้อปโซน Lanna Souvenir อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top