Saturday, 14 June 2025
TheStatesTimes

ตำรวจสอบสวนกลาง CIB โดยกองบังคับการตำรวจน้ำ เปิดยุทธการ 'ฟ้าสางที่ฝั่งโขง' 957 กม. 85 คดี จับคนร้าย 104 ราย ยาบ้า 913,723 เม็ด

ตำรวจสอบสวนกลาง CIB โดยกองบังคับการตำรวจน้ำ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก, พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ, พ.ต.อ.อดิศักดิ์ มีศิลป์ ผกก.10 บก.รน., พ.ต.อ.ศษณวรรศ รัตนเสวตรวงศ์ ผกก.11 บก.รน., พ.ต.อ.อนรรฆ ประสงค์สุข ผกก. 12 บก.รน. ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ภูมินทร์ ทุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน., พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.รน., พ.ต.อ.ราม รสหอม รอง ผบก.รน., พ.ต.อ.อดิศักดิ์ มีศิลปั ผกก.10 บก.รน., พ.ต.อ.ศษณวรรฐ รัตนเศวตรวงศ์ ผกก.11 บก.รน., พ.ต.อ.อนรรฆ ประสงค์สุข ผกก.12 บก.รน. 

ด้วยการแพร่ระบาดของยาเสพติดในประเทศ ส่งผลกระทบทำให้เกิดเหตุอาชญากรรมต่างๆ ในประเทศเป็นอย่างมาก กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลางเล็งเห็นปัญหาที่เกิดจากยาเสพติดมากมาย ทั้งในครอบครัวและเยาวชนอันเกิดจากยาเสพติด การลักลอบขนสินค้าหนีภาษี, การหลบหนีเข้าเมือง ในด้านของยาเสพติดหรือการกระทำความผิดต่างๆ คนร้ายมักจะใช้ช่องทางจากประเทศเพื่อนบ้านนำเข้าสู่ประเทศไทย และอาจนำส่งประเทศที่สาม 

พล.ต.ต. พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ธรากร เลิศพรเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ พันตำรวจเอก ราม รสหอม รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ พันตำรวจเอก อดิศักดิ์ มีศิลป์ ผู้กำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.ต.พงษ์พิพัฒน์ บูรณะบัญญัติ สว.ส.รน.3กก.10 บก.รน.(ตำรวจน้ำมุกดาหาร) ร่วมแถลงผลการปฏิบัติงาน ณ ห้องประชุมกองกำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำ ตามแผนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กองกำกับการ 10-12 กองบังคับการตำรวจน้ำ 

ตั้งแต่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ตามแนวแม่น้ำโขง รวมระยะทางประมาณ 957 กิโลเมตร ภายใต้ชื่อ "ยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง" ตั้งแต่วันที่ 13-20 กุมภาพันธ์ 2567 ประมาณ 1 สัปดาห์ เป้าหมายทางบก 76 เป้าหมาย ทางน้ำ 23 เป้าหมาย สามารถจับกุม ยาเสพติด จำนวน 43 ราย จำนวน 913,723 เม็ด อาวุธปืน จำนวน 6 ราย ต่างด้าว 30 ราย จับตามหมายจับ 22 ราย และจับกุมตามความผิดอื่น 3 ราย รวมผู้ต้องหา 104 ราย

พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ กล่าวว่า ภูมิประเทศพื้นที่ตามลำน้ำโขงในเขตรับผิดชอบล้วนเอื้อต่อการลักลอบกระทำสิ่งของผิดกฎหมายโดยเฉพาะการลักลอบนำเข้ายาเสพติด เพราะมีเกาะแก่งดินดอนตามลำน้ำโขงให้พักคอยมากมาย ทำให้มีปัญหาการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากนักค้ายาทั้งในและนอกพื้นที่ ในการลักลอบนำเข้าแต่ละครั้งมักจะเพิ่มมากขึ้นตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นยาบ้า ยาไอซ์ และกัญชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติ การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นภารกิจสำคัญ ที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดไว้ เพื่อลดระดับความรุนแรงให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยการบูรณาการหน่วยงานความมั่นคงทั้ง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานข้างเคียงที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการระดมกวาดล้างยาเสพติด รวมถึงอาชญากรรม ตามแผน “ยุทธการฟ้าสางที่ฝังโขง” เพราะปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนมายาวนาน

สตม.รวบนักลงทุนชาวจีนตามหมายจับเลี่ยงภาษีมูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์  รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.กต.10 ปฏิบัติราชการ บก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.รัฐไกร ประยูรศร รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 และ พ.ต.ท.วิรชา สนั่นศิลป์ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
สตม.รวบนักลงทุนชาวจีนตามหมายจับเลี่ยงภาษีมูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท

ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.2 บก.ปอศ. จับกุม Mr.Wang (นามสมมุติ) อายุ 53 ปี  สัญชาติจีน ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 60/2567 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเคลื่อนย้ายของออกไปจากเขตปลอดอากรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ภายในบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี   

พฤติการณ์แห่งคดี Mr.Wang ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี ได้ร่วมกันกับพวกนำสินค้าเบ็ดเตล็ด อาทิเช่น กระเป๋า ผ้าพันคอ ชุดผ้าปูที่นอน กรอบโทรศัพท์ เก้าอี้ กล่องพลาสติก โคมไฟ ไม้เซลฟี่ ข้าวโพด (ป๊อบคอร์น) ฯลฯ เข้ามาในราชอาณาจักร ตามใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 31 ฉบับ โดยสำแดงการใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำเข้าไปในเขตปลอดอากร ตามมาตรา 151 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 จำนวน 31 ฉบับ เป็นใบขนสินค้าสั่งการตรวจ "ให้เปิดตรวจ" เพื่อนำไปทำการตรวจปล่อยที่เขตปลอดอากรเอ็มที ฟรีโซน โดยวิธีการมัดลวด และพนักงานศุลกากร ที่กำกับดูแลเขตปลอดอากรได้บันทึกการตรวจรับของดังกล่าวเข้าไปเก็บในเขตปลอดอากรแล้ว แต่ในระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2562 พนักงานศุลกากรได้เข้าทำการตรวจสอบหลังการตรวจปล่อย ณ เขตปลอดอากร เอ็มที ฟรีโซน 

ในบริษัทดังกล่าว พบข้อเท็จจริงว่าสินค้าเบ็ดเตล็ดที่บริษัทฯ ได้นำเข้ามาตามใบขนสินค้าขาเข้าทั้ง 31 ฉบับนั้น ไม่ได้มีการเก็บรักษาไว้หรือคงเหลืออยู่ในเขตปลอดอากร เอ็มที ฟรีโซน และจากการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าและส่งออกของบริษัทฯ จากระบบ CUSTOMS INFORMATION SYSTEM (CIS) ไม่พบว่าบริษัทฯ ได้มีการจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าโอนย้ายชำระภาษีอากร (ประเภท P) เพื่อนำของออกจากเขตปลอดอากรเพื่อใช้หรือจำหน่ายในราชอาณาจักร และไม่มีการจัดทำใบขนสินค้าขาออก เพื่อส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร อีกทั้งไม่พบหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากรหรือหลักฐานการชำระภาษีอากรสำหรับของดังกล่าวเพื่อนำของออกจากเขตปลอดอากรในกรณีอื่นใด 

โดยได้ประเมินราคาและค่าภาษีอากร สินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 31 ฉบับ ดังกล่าวมีราคารวมทั้งสิ้น 15,337,963.62 บาท อากรขาเข้ารวม 2,701,946.79 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 1,262,793.72 บาท ซึ่งพนักงานศุลกากรได้แจ้งให้บริษัทฯ จัดส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อชี้แจงในประเด็นดังกล่าวแล้ว แต่บริษัทฯ ก็ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อพนักงานศุลกากรเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงได้ และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของบริษัทฯ เป็นความผิดฐานเคลื่อนย้ายของออกไปจากเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร ตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 เมื่อบริษัทฯ ได้รับทราบผลการตรวจสอบแล้ว มิได้แจ้งความประสงค์จะขอทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร แต่บริษัทฯ เพิกเฉย ไม่มาติดต่อขอทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร กรมศุลกากรจึงร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบริษัทฯ และ Mr.Wang รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งในฐานะนิติบุคคลและฐานะส่วนตัว 

หลังจากที่ศาลจังหวัดพัทยาได้ออกหมายจับแล้ว จากการสืบสวนของ ตม.จว.ชลบุรี ทราบว่า Mr.Wang ได้เดินทางไปที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกับ กก.2 บก.ปอศ. ไปตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบ Mr.Wang จึงได้แสดงหมายจับและทำการจับกุม  

ความ ‘สมดุล’ ตามรอย ‘ศาสตร์แห่งพระราชา’ ‘ปลูกชีวิต’ ด้วยพลังงานธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ

ในระหว่างที่สังคมโลกกำลังให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับภาวะเรือนกระจกในหลายๆ บริบทของสังคมทั้งในระดับโลก ประเทศ และชุมชน เพื่อจรรโลงโลกกลมๆ แห่งนี้ให้อยู่คู่มนุษยชาติได้นานๆ นั้น

ปรากฏการณ์ของกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ ที่ต้องการสร้างสังคมสีเขียว ปลอดมลพิษ และลดการพึ่งพิงพลังงานฟอสซิล รวมถึงลดเลิกการใช้สารเคมีต่างๆ เพื่อต้านทานกับภัยคุกคามจากภาวะเรือนกระจก ก็เริ่มก่อตัวเพิ่มมากขึ้นตามเช่นกัน

‘Somdul Agroforestry Home’ หรือ ที่ใครหลายคนคุ้นเคยกับคำว่า ‘สมดุล’ เป็นหนึ่งในหน่วยเล็กๆ ทางสังคม ที่ออกแบบสิ่งแวดล้อมแสนสมดุลของตน ไว้ในหมวดธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การผูกรัดตนเองไว้กับวิถีแห่งการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ที่ อัมพวา สมุทรสงคราม

‘สมดุล’ ประกอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว ที่แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ อยู่ติดริมแม่น้ำแม่กลอง มีบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย เป็นเหมือนสวนที่เปิดรับให้ทุกคนได้มาพักผ่อน แถมยังพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้ทุกคนได้เรียนรู้ พร้อมๆ ไปกับ คาเฟ่, อาหาร และเครื่องดื่ม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ต่อยอดขึ้นมาจากแนวคิด ‘อยู่อย่างเกื้อกูลธรรมชาติ’

เป้าหมายของ ‘สมดุล’ ที่แม้นจะฟังดูเหมือนลมๆ ลอยๆ แต่ ‘อติคุณ ทองแตง’ ผู้ร่วมก่อตั้งสวนสมดุล ก็บอกเสมอว่า “ความสุขอย่างยั่งยืน” คือนิยามที่ ‘สมดุล’ อยากส่งต่อเป็นแรงบันดาลใจไปสู่สังคมวงกว้าง

ย้อนกลับไปสักเล็กน้อย ‘อติคุณ’ เล่าว่า สวนสมดุลแห่งนี้ เกิดมาจากแรงบันดาลใจในปรัชญาของพ่อเลี่ยม บุตรจันทา ปราชญ์ชาวบ้านแห่งบ้านสวนออนซอน จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่มีส่วนสำคัญในถ่ายทอดปรัชญาแห่งความสมดุลในสวนนี้ เป็นมรดกให้เขาให้นำไปสานต่อ 

โดยสาระสำคัญของปรัชญาดังกล่าว สะท้อนไปสู่ ‘การปลูกชีวิต’ โดยเฉพาะชีวิตแห่งพืชพันธุ์ให้สามารถเกื้อกูลพึ่งพิงอาศัยซึ่งกันและกัน ด้วยองค์ประกอบ ดิน, น้ำ, ลม และ แสงแดดที่เหมาะสม จนเกิดความสมบูรณ์ตามรูปแบบของธรรมชาติ  

มาถึงตรงนี้ รู้สึกได้ว่า ปรัชญา ดังกล่าวที่สะท้อนมาสู่จุดเริ่มต้นของ ‘สมดุล’ ช่างดูคุ้นเคย...

ใช่แล้ว!! เพราะนี่คือปรัชญาเพื่อพัฒนาไปสู่ความยั่งยืนตามแนวทาง ‘ศาสตร์พระราชา’

‘สมดุล’ ไม่ใช่สังคมสีเขียวที่ไร้แก่นสาร หรือแค่วาดลานแลนด์สเคปเขียวๆ ให้คนรู้สึกถึงคอนเซปต์แบบเขียวๆ ให้รู้สึกว่าอินเทรนด์ แต่ ‘สมดุล’ ถูกปัดหมุดด้วยความคิดของผู้ร่วมก่อตั้ง ที่สอดรับกับรอยต่อแห่ง ‘ศาสตร์พระราชา’ ซึ่งมิได้ปฏิเสธเทคโนโลยี เพียงแต่ไม่ยอมรับการครอบงำจากเทคโนโลยี  

นัย นี้น่าสนใจ!! เพราะ ‘สมดุล’ รู้จักการควบคุมและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับเป้าประสงค์ของการเป็นเกษตรสมดุล โดยผสานองค์ความรู้จากปรัชญาของการเกษตรไทย กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วยการทำให้เกิดสมดุลของดิน, น้ำ และสิ่งแวดล้อม นั่นคือ นำเอาศาสตร์แห่งดิน, ศาสตร์แห่งน้ำ และ การเคลื่อนคล้อยของลม แสงแดด และอุณหภูมิที่เหมาะสม มาสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นแนวทางใหม่ คล้ายเป็นนวัตกรรม...หากแต่เป็นนวัตกรรมจากรากเหง้าเกษตรไทย ที่อุดมด้วยองค์ความรู้อันหลากหลายอยู่แล้ว

นอกจากนี้ สวนสมดุล ยังปฏิเสธสารเคมีทุกชนิด โดยผืนดินทุกตารางนิ้ว จะถูกปรับปรุงคุณภาพให้ปลอดภัยทั้งสารพิษ สารเคมี อย่างน้ำที่ใช้ในสวน ก็จะผ่านการกรองด้วยระบบกรองตามมาตรฐานคุณภาพที่สวนฯ กำหนดขึ้น ทำให้ ต้นไม้ พันธุ์พืช และผักทุกชนิด จึงปลอดภัยจากมวลสารที่อาจเป็นพิษภัยต่อมนุษย์ สัตว์ และพืช...ทุกสิ่งล้วน ‘ออแกนิค’ (Organic)

ในแง่ของพลังงาน สวนสมดุลแห่งนี้ ได้สมดุลด้านพลังงานผ่าน ‘พลังงานสะอาด’ (Green Energy) ด้วยการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ มาเป็นพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ที่ใช้ในทุกพื้นที่ของสวน

จากข้อมูลช่วงย้อนไปราว 5 ปีก่อน อติคุณ เล่าว่า “เราเริ่มต้นด้วยการติดตั้งแผง Transparent PV Solar Cell จำนวน 208 แผงแบบ on-Grid บนหลังคาที่จอดรถหน้าสวน มีขนาดกำลังติดตั้ง 60.14 kw สามารถผลิตพลังงานสะอาดได้ปีละ 88,454 Kwh หรือ 88,454 หน่วยนั่นเอง ด้วยสมการนี้เราจะสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ปีละ 391,090.50 บาท หรือตกเดือนละ 32,590.87 บาท จึงเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงในทางหนึ่ง ขณะเดียวกันยังสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซหลักและตัวการสำคัญที่ส่งผลต่อสภาวะโลกร้อนลงได้ปีละ 68.90 ตัน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ที่มีอายุกว่า 10 ปี จำนวน 1,034 ต้นต่อปี หรือเทียบเท่ากับพื้นที่ป่าสีเขียวขนาด 184 ไร่ และเทียบเท่ากับการลดการเผาถ่านหินจำนวน 30,771.90 กิโลกรัมต่อปี หรือเท่ากับการขับรถเป็นระยะทาง 244,696 กิโลเมตรต่อปี”

อติคุณ เผยอีกว่า ผลพวงจากพลังงานสะอาดที่ผลิตจากแสงอาทิตย์นี้ ได้ถูกนำไปใช้ในร้านกาแฟ ‘Agro  forestry Café’ ไม่ว่าจะในส่วนของระบบแสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์ประกอบการปรุงอาหารทุกชนิด เป็นการการันตีว่า ทุกเมนูกาแฟ หรือ อาหาร รวมทั้งเครื่องดื่ม น้ำดื่มต่างๆ ที่ลูกค้าได้เข้ามาใช้บริการ 

เรียกได้ว่าทุกโสตสัมผัสในบรรยากาศแห่ง สวนสมดุล ผู้คนจะมั่นใจ และสบายใจได้ว่า สิ่งแวดล้อมที่ปรากฏรายล้อมรอบพวกเขา นอกจากจะกอปรไปด้วยวัตถุดิบที่เป็นออแกนิคแล้ว ยังปราศจากมลพิษ อย่างสิ้นเชิงอีกด้วย

“เราอยากให้สวนแห่งนี้ เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยต้นทุนด้านการเกษตร เพื่อพัฒนาเกษตรกรไทย ให้มีความเข้มแข็ง มั่นคงในอาชีพ เกษตรกรไทยไม่ควรต้องอ่อนด้วย ต้อยต่ำ อีกต่อไป” นี่คืออีกหนึ่งฝันของ อติคุณ ที่ไม่ใช่แค่เนรมิต ‘สมดุล’ ขึ้นมาเป็นเพียงแค่ที่พักผ่อนหย่อนใจ

ในขณะที่สภาวะเรือนกระจกกำลังคุกคามโลกของเราอยู่ แค่ธุรกิจที่มองเห็นและหยิบจับวัฏจักรแห่ง Green มาไหลเวียนแค่ธุรกิจเดียว ยังสร้างผลลัพธ์ในการเซฟโลกของเราได้มากขนาดนี้ แล้ว ‘คุณ’ จะไม่ลองเริ่มหันมาสร้าง ‘สมดุล’ ให้กับโลกกันบ้างหน่อยหรือ?

‘สวนสมดุล’ Somdul Agroforestry Home
ตั้งอยู่ในตำบลบางพรม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม
ไม่ไกลจากตลาดน้ำอัมพวา จากวัดบางพลับ มาอีกประมาณ 500 เมตร
เปิด วันจันทร์-อังคาร 09.00-17.00 น. วันพุธ-อาทิตย์ 09.00-18.00 น. (ปิดวันพฤหัสบดี)
สอบถาม โทร. 098-362-9894 หรือ facebook.com/somdulhome 

24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 วันคล้ายวันพระราชสมภพ ‘ในหลวงรัชกาลที่ 2’ พระมหากษัตริย์ผู้สร้าง ‘ยุคทองของวรรณคดี’

‘พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย’ มีพระนามเดิมว่า ‘ฉิม’ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กับ สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ และเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 2 ของสยามในสมัยราชวงศ์จักรีและทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 46 ตามประวัติศาสตร์ไทย ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ต่อมาทรงได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เมื่อมีพระชนมายุได้ 16 พรรษา

ต่อมาพระองค์ได้อภิเษกสมรสกับ เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด พระธิดาสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งภายหลังเจ้าฟ้าหญิงบุญรอดได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ดำรงตำแหน่งพระอัครมเหสี หลังการขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยทั้ง 2 พระองค์มีพระราชโอรสร่วมกัน 3 พระองค์ พระองค์ใหญ่ซึ่งปรากฏพระนามภายหลังว่าเจ้าฟ้าราชกุมาร สิ้นพระชนม์เสียตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ รองลงมา คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์น้อย คือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ขณะที่พระองค์มีพระชนมายุ 40 พรรษา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงโปรดให้ตั้งพระราชพิธีอุปราชาภิเษก สถาปนาพระเกียรติยศขึ้นเป็น ‘กรมพระราชวังบวรสถานมงคล’ แต่ให้คงเสด็จประทับอยู่ที่พระราชวังเดิม มิให้ขึ้นไปประทับ ณ พระราชวังบวรฯ ด้วยสมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ได้กราบทูลไว้แต่เมื่อประชวรหนักว่าขอให้ลูกเธอได้อาศัยในพระราชวังบวรฯ ต่อไป ทั้งทรงพระราชดำริเห็นว่า พระองค์ก็ทรงพระชรามากอยู่แล้ว ไม่ช้านานเท่าใดพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยก็จะได้เสวยราชสมบัติ การย้ายวัง ควรไว้ย้ายเมื่อเสด็จเข้ามาประทับในพระบรมมหาราชวังทีเดียว

ถึงปี พ.ศ. 2352 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เสด็จสวรรคต กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงมีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า…

พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร์ ตรีภูวเนตรวรนายก ดิลกรัตนราชชาติ อาชาวศรัย สมุทัยดโรมนต์ หริสกลจักรวาฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ หรหรินทราธาดาธิบดี ศรีสุวิบูลยคุณ อกนิฐฤทธิราเมศวรมหันต์ บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชไชย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมินทรปรมาธิเบศร์ โลกเชฐวิสุทธิ์ รัตนมกุฎประเทศคตา มหาพุทธางกูรบรมบพิตร

โดยรัชสมัยของพระองค์ทรงสงบสุข ปราศจากความขัดแย้ง รัชสมัยของพระองค์เป็น ‘ยุคทองของวรรณคดี’ เนื่องจากพระองค์ทรงอุปถัมภ์กวีหลายคนในราชสำนัก และพระองค์เองก็มีชื่อเสียงในฐานะกวีและศิลปิน กวีที่โดดเด่นที่สุดในราชสำนักคือสุนทรภู่

แฉ ‘บิ๊กโจ๊ก’ เส้นเงินเว็บพนัน ‘มินนี่’ ฟอกเงินผ่านวิธี ‘สังฆทานเวียน’

เปิดปมหลักฐานที่โยงมาถึงตัว 'บิ๊กโจ๊ก' พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. นั่นก็คือ 'เส้นเงิน' หรือเส้นทางการเงิน จากเว็บพนันออนไลน์ เข้ามาถึงตัวบิ๊กโจ๊กจำนวนมหาศาล ประมาณ 300 ล้านบาท ผ่านบัญชีม้า ซึ่งมือขวาของบิ๊กโจ๊ก คือ พ.ต.อ.คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นคนถือ

ซึ่ง พ.ต.อ.คริษฐ์ ตอนนี้ ก็โดนจับข้อหารับเงินเว็บพนันออนไลน์แล้วถึง 2 คดี ล้วนแต่เป็นเครือข่าย 'มินนี่' อายุน้อยร้อยเว็บ

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน สาวเส้นทางการเงินย้อนไปหลายปี เริ่มตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา เมื่อเงินมาถึงบัญชีม้าในมือของ พ.ต.อ.คริษฐ์ ก็มีการเบิกมาให้บิ๊กโจ๊กใช้ทำคดี ใช้รักษาพยาบาล และอื่น ๆ

โดยมีเทคนิค 'สังฆทานเวียน' กล่าวคือ พ.ต.อ.คริษฐ์ ถอนเงินสดมาให้บิ๊กโจ๊ก บิ๊กโจ๊กเอาไปให้เมีย แล้วเมียเอามาให้ พ.ต.อ.คริษฐ์อีกที เพื่อสร้างเส้นทางการเงินว่า เมียบิ๊กโจ๊ก ให้เงินส่วนตัว สนับสนุนสามีในการทำคดี

ซึ่งบิ๊กโจ๊กก็เคยอ้างถึงเรื่องนี้ว่า เมียตัวเองเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยเป็นพันล้าน มีธุรกิจเดินรถที่ภาคใต้ ก็เอาเงินส่วนตัวมาช่วยชาติ

แต่ทางพนักงานสอบสวนไม่เชื่อคำกล่าวอ้างดังกล่าว ก็ได้ตรวจสอบประเด็นนี้แล้ว พบว่าธุรกิจเดินรถของเมียบิ๊กโจ๊กที่อ้างถึงนั้น ไม่ได้มีผลประกอบการที่ดีแต่อย่างใด ดูจากการจ่ายภาษี และแสดงงบดุลบริษัท

จุดสลบของบิ๊กโจ๊ก ก็คือ การที่ พ.ต.อ.คริษฐ์ ทำบัญชีรายรับรายจ่ายเงินสกปรกไว้อย่างละเอียดยิบ ไม่มีตกหล่นแม้แต่รายการเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครกล้ายักยอกไปใช้เอง

การยึดคอมพิวเตอร์ของ พ.ต.อ.คริษฐ์ ไปตรวจ แล้วเจอรายการบัญชีเหล่านี้ จึงเป็นหลักฐานที่แน่นหนามาก

'โตโน่' ทำได้!! 'หนึ่งคนว่าย หลายคนให้' ส่งมอบศูนย์หัวใจสองฝั่งโขงสำเร็จ

เมื่อวานนี้ (21 ก.พ. 67) ณ โรงพยาบาลนครพนม ได้จัดงานส่งมอบศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง ONE MAN AND THE RIVER ห้องปฏิบัติการสวนหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลนครพนม ตามรายการบริจาคว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขง ONE MAN AND THE RIVER ‘หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ โดยมีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ บุคลากรทางการแพทย์ร่วมงาน

นายนฤพนธ์ ยุทธเกษมสันต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม กล่าวว่า ปัจจุบันมีการเปิดประเทศจะมีผู้เดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนมเพิ่มขึ้น จากทั้งภาคเศรษฐกิจ ภาคการท่องเที่ยว และภาคการแพทย์และสุขภาพ ในด้านสาธารณสุข จังหวัดนครพนมได้ดำเนินการรองรับผู้สูงอายุ มีประชากรสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเดินทางเข้ามารับบริการทางการแพทย์และสุขภาพในจังหวัดนครพนม ปี 2563 เราให้บริการผู้ป่วยนอก 320,210 ครั้ง ผู้ป่วยใน 27,992 ครั้ง คาดว่าการเปิดประเทศจะมีประชากรต่างชาติ เดินทางเข้ามารักษาจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันยังเป็นปัญหาหลักในพื้นที่ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ดังนั้น การก่อตั้งศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง โรงพยาบาลนครพนม จะช่วยให้ผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันในจังหวัดนครพนม และพื้นที่ข้างเคียงได้อย่างรวดเร็วตามมาตรฐานการรักษา เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและทุพพลภาพ โดยในส่วนของโรงพยาบาลนครพนมนั้นได้ดำเนินการยื่นเรื่องไปที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในเดือนเมษายน และระหว่างที่เรากำลังพัฒนาบุคลากรด้านนี้ให้มากขึ้น เราได้ทีมศูนย์หัวใจเพื่อแผ่นดินจากโรงพยาบาลสกลนครมาช่วยก่อน

น.ส.เอด้า จิรไพศาลกุล กรรมการผู้จัดการเทใจดอทคอม กล่าวว่า เทใจดอทคอมเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ระดมทุนและจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วนให้ครบถ้วนตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเริ่มจากการสำรวจความต้องการใช้งาน ความพร้อมของเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ จากนั้นจึงเปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆ เข้ามานำเสนอต่อคณะกรรมการกลาง โดยกระบวนการดังกล่าวทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน hand social enterprise ช่วยออกแบบกระบวนการเพื่อให้การคัดเลือกโปร่งใสที่สุด และการทำศูนย์หัวใจสองฝั่งโขงยังได้ความอนุเคราะห์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจจากที่ต่าง ๆ เช่น ผศ.นพ.วรการ พรหมพันธุ์ หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ผศ.นพ.ไชยสิทธิ์ วงศ์วิภาพร หัวหน้าสาขาวิชาโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นพ.เขตต์ ศรีประทักษ์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานอายุรศาสตร์หัวใจโรงพยาบาลทรวงอก นพ.ธนพัฒน์ เลิศวิทยากำจร นายแพทย์ชำนาญการ อายุรกรรม (หัวใจ) ผศ.พ.ญ.รัตนา คำวิลัยศักดิ์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ นายภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ที่ได้ร่วมกันคัดเลือกเพื่อให้ได้เครื่องที่ดีและเหมาะสมกับโรงพยาบาลที่จะเป็นศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง

ด้านนายโตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ กล่าวว่า พวกเราทั้งพี่น้องชาวไทยและพี่น้องชาว สปป.ลาวได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน โดยมูลค่าสิ่งของที่เราจัดซื้อไปทั้งหมดคิดเป็น 92,500,000 บาท วันนี้ถือเป็นวันที่ดีมาก ๆ อีกวันที่เรามาร่วมกันเป็นสักขีพยานในการปิดโครงการ เพื่อส่งมอบ ‘ศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง’ (Cath Lab) ที่ใช้เวลากว่า 6 เดือนในการจัดตั้งศูนย์หัวใจแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่การทำห้องสวนหัวใจใหม่ที่มีระบบความปลอดภัยจากอันตรายจากรังสีต่าง ๆ รวมถึงการทำระบบไฟฟ้าสำรองที่สามารถตรวจรักษาผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง แม้ระบบไฟฟ้าจะดับทั้งเมืองนครพนม

นอกจากนี้ยังมีการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์อื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับใช้ในห้องตรวจรักษาแบบครบครัน ได้แก่ เครื่องสวนหัวใจระนาบเดี่ยว, เครื่องอัลตราซาวนด์หัวใจ, เครื่องอัลตราซาวนด์ชนิดดูเส้นเลือดหัวใจ, เครื่องตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด, เครื่องปั๊มหัวใจไฟฟ้า, เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ พร้อมระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้เพื่อให้วิเคราะห์การตรวจรักษาได้อย่างแม่นยำ ปัจจุบันเราทราบว่าทั้งสองโรงพยาบาลได้ใช้เครื่องมือแพทย์ที่ได้รับบริจาคจากโครงการหนึ่งคนว่าย หลายคนให้ อย่างคุ้มค่า เช่น โรงพยาบาลนครพนมมีการใช้งานเครื่องต่าง ๆ ทุกวัน ขณะที่โรงพยาบาลแขวงคำม่วนได้ใช้ตรวจรักษาคนลาวไปแล้วกว่า 12,000 คน

"รู้สึกดีใจที่พวกเราได้มีส่วนร่วมทำให้พี่น้องชาวไทยและชาว สปป.ลาว ที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงโรงพยาบาลแห่งนี้ได้เข้าถึงการตรวจรักษาที่ทันสมัย เพื่อให้ทุกท่านได้มีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสุดท้ายนี้ ผมขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านที่มีส่วนในการทำให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงตามเจตนาที่ได้ตั้งใจไว้"

ทั้งนี้ มีตัวแทนแขวงคำม่วน ดร.สมจิตร อ่ำพิลาวง รองหัวหน้าแผนกสาธารณสุขแขวงคำม่วน ท้าววันทะวี สานุวง รองหัวหน้าแผนกการต่างประเทศ ดร.นางคำหล้า ราชวง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแขวงคำม่วน พร้อมคณะ มาร่วมพิธีด้วย

โรงพยาบาลนครพนมได้รับเครื่องมือแพทย์ 11 รายการ ประกอบด้วย ศูนย์ปฏิบัติการสวนหัวใจ 1 ศูนย์ ที่โครงการได้จัดซื้ออุปกรณ์ครบครัน ประกอบด้วย เครื่องสวนหัวใจระนาบเดี่ยว, เครื่องอัลตราซาวนด์หัวใจ, เครื่องอัลตราซาวนด์ชนิดดูเส้นเลือดหัวใจ, เครื่องตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด, เครื่องปั๊มหัวใจไฟฟ้า, เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ, ระบบ IT ต่าง ๆ เพื่อให้การวิเคราะห์แม่นยำ, งบประมาณเพื่อปรับปรุงสถานให้รองรับการใช้งาน, เครื่องช่วยหายใจสำหรับเด็กชนิดความถี่สูงพร้อมชนิดควบคุมแรงดันและชนิดไม่สอดใส่ท่อ 1 เครื่อง สำหรับ PICU (ห้องไอซียูเด็ก)

เครื่องเฝ้าติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพ Monitor NIBP 1 เครื่อง สำหรับ PICU (ห้องไอซียูเด็ก), เครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมปริมาตรและแรงดันพร้อมระบบหย่าเครื่องอัตโนมัติ ขนาดกลาง จำนวน 5 เครื่อง, เครื่องควบคุมการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 20 เครื่อง เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้า 3 Motor 12 เตียง 

เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้าชนิด 4 motor ชนิดที่ชั่งน้ำหนักได้ 2 เตียง เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้าชนิด 4 motor จำนวน 3 เตียง เตียงสำหรับผู้ป่วยควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรลที่นอนโฟม (Stroke) 12 เตียง เครื่องอัลตราซาวนด์หัวใจ 1 เครื่อง เครื่องวัดความดันโลหิต 5 เครื่อง

โรงพยาบาลแขวงคำม่วนได้เครื่องมือแพทย์ 20 รายการ ดังนี้ เครื่องช่วยหายใจเด็ก ชนิด nCPAP จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องช่วยหายใจสำหรับทารกที่มีภาวะหายใจลำบาก ภาวะหยุดหายใจ หรือหลังจากถอดท่อช่วยหายใจทางหลอดลม เพื่อช่วยให้ทารกหายใจเหนื่อยน้อยลง เครื่องเฝ้าติดตามสัญญาณชีพชนิดข้างเตียงผู้ป่วย Bedside Monitor ที่สามารถติดตามภาวะการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต จำนวน 5 เครื่องเพื่อติดตั้งในห้อง ICU เครื่องกระตุกหัวใจ AED จำนวน 3 เครื่อง เพื่อติดตั้งในห้องฉุกเฉิน รถกู้ชีพ เครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติพร้อมขาตั้ง 12 เครื่อง เพื่อติดตามอาการคนไข้ในแผนกและวอร์ดผู้ป่วยในต่าง ๆ เครื่องวัดความดันชนิดสอดแขนจำนวน 3 เครื่อง เพื่อใช้แผนก OPD, ผู้ป่วยฉุกเฉิน เครื่องดึงคอ/ดึงหลัง (traction) จำนวน 1 เครื่อง

สำหรับแผนกกายภาพบำบัดที่ปัญหาด้านกระดูกคอและสันหลัง เครื่องอัลตราซาวนด์สำหรับกายภาพ จำนวน 2 เครื่อง แผนกกายภาพบำบัดเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านกล้ามเนื้อ หม้อต้มแผ่นประคบร้อน จำนวน 1 เครื่อง (แผนกกายภาพบำบัด) Infant Incubator 2 เครื่อง Radian Warmer 2 เครื่อง Surgical Light (อยู่ระหว่างการขนส่ง) Infusion Pump 5 เครื่อง Syringe Pump 5 เครื่อง ชุดกล้องส่องตรวจและผ่าตัดโพรงจมูกและทอมซิล ENT Diagnostic Set 1 ชุด เครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง 1 เครื่อง ULTRASOUND 4 มิติ แผนกสูติ 1 เครื่อง เครื่องวัดการบีบตัวของมดลูก ครรภ์แฝด 1 ชุด ชุดกล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่พร้อมเครื่องล้างกล้องส่องตรวจ 1 เชต อุปกรณ์ผ่าตัดสมอง (เครื่องเจาะและตัดกะโหลกชนิดความเร็วสูง) Autocave เครื่องนึ่งฆ่าเชื้อขนาด 280 ลิตร

'ไอลอว์' ยอมรับ 'บุ้ง-ตะวัน' อดอาหารในคุกหลายครั้งแล้ว ความพยายามไม่เป็นผล จนไม่รู้จะเคลื่อนไหวยังไงต่อ

(22 ก.พ. 67) นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ และสมาชิกโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

เรื่องบุ้ง ทะลุวัง อดอาหาร มาเกือบสามสัปดาห์แล้ว เรื่องตะวัน และแฟรงค์ ที่ก็เพิ่งเข้าโรงพยาบาลกันไป

ไม่ได้ลืมพวกเขานะครับ ก็คิดอยู่นะ ว่าจะทำอะไรได้บ้าง พอจะตั้งต้นค้นคว้า และเขียนบทความเรื่องต่าง ๆ ก็พบว่า เขียนไปหมดแล้ว เพราะการอดอาหารเกิดขึ้นหลายรอบ ก็เขียนไว้หลายเรื่องแล้ว ก็ตันเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ

การจะต่อสู้เรียกร้องจนพวกเขาได้เห็นสิ่งที่กำลังเรียกร้อง ภายในช่วงเวลาอดอาหารนี้ ยังไม่เห็นช่องทางเลย ตอนที่เรียกร้องกันเมื่อปีที่แล้วก็พยายามแล้ว แต่มันไม่ได้เกิดขึ้น

‘กฤษฎา-รมช.คลัง’ คิกออฟ ‘โครงการ บสย. Business School’ ดึง ‘บสย.- ธปท.’ ให้ความรู้นักศึกษาเพื่อก้าวสู่ SMEs รุ่นใหม่

ไม่นานมานี้ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง สนับสนุนให้หน่วยงานจากภาคการเงิน ภาคการศึกษา และภาคการพัฒนาสังคม ร่วมกันขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะทางการเงินให้กับประชาชนถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของกระทรวงการคลังที่สำคัญด้านการสร้างโอกาส และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ล่าสุด ตนพร้อมด้วยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ จัด ‘โครงการ บสย. Business School’ โดยเริ่ม Kick Off โครงการที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว บสย. และธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือร่วมกันเป็นวิทยากรให้ความรู้ในหลักสูตรทางด้านการเงิน เพื่อเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมสำหรับการก้าวไปสู่การตั้งธุรกิจ และผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ให้กับนักศึกษา โดยเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้ประชาชนทุกกลุ่มมีความรู้พื้นฐานทางด้านการเงิน สำหรับนำไปใช้กับครอบครัว และนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจได้ต่อไปในอนาคต 

26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ในหลวง ร.10 พระราชทานสิ่งของช่วยเหลืออาสาสมัครทหารพราน หลังได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิด จ.ยะลา

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่อาสาสมัครทหารพราน ธีระวัฒน์ กันทะนิต และนางสาวมายูรี เจะตือเร๊ะ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดชุดลาดตระเวนตามแผนพิทักษ์ยะลา 623 (ฉก.ยะลา) บริเวณบ้านบาเจาะ หมู่ที่ 2 ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 และเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลศูนย์ยะลา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา

การได้รับพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่อาสาสมัครทหารพราน ธีระวัฒน์ และนางสาวมายูรี อย่างหาที่สุดมิได้

‘วีวี่ มิสแกรนด์ร้อยเอ็ด’ โร่ขอโทษ ปมแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ หลังร่วมปาร์ตี้วันเกิด ‘อิงฟ้า’ สัญญาจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้

(22 ก.พ. 67) กรณีเฟซบุ๊ก ‘ว่างจัด x นางงาม’ โพสต์ภาพหญิงแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ถือพัดสีทอง ระบุข้อความว่า “ใส่สบงแล้วทรงพลัง มิสแกรนด์ร้อยเอ็ด ร่วมงานปาร์ตี้ วันเกิดอิงฟ้า วราหะ” ซึ่งภาพดังกล่าว มีบางส่วนที่หัวเราะขบขันกันการแต่งกายเป็นพระสงฆ์ แต่อีกฝ่ายก็ดรามาอยู่ไม่น้อยว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

ซึ่งต่อมามีการลบคลิปภาพต้นฉบับออก ก่อนที่ ‘วีวี่ ฐาสุปางค์ เดชะอัครอนันต์’ มิสแกรนด์ร้อยเอ็ด 2024 ได้ออกมายกมือไหว้ขอโทษ เผยผ่านอมรินทร์ ทีวี รับผิดกับการกระทำ เพราะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย สร้างความไม่พอใจให้พี่น้องชาว จ.ร้อยเอ็ด

วีวี่เผยว่าตนขออภัยไว้ ณ ที่นี้อย่างสุดซึ้ง สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว และจะให้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา เพื่อให้ตนได้ใช้ความคิด ใช้วิจารณญาณในการที่จะทำคอนเทนต์ออกมา ครั้งนี้ตนกราบขออภัย ขอให้ผู้ใหญ่ทุกท่านให้อภัยตักเตือน สั่งสอนตน การประกวดมิสแกรนด์ในครั้งนี้ มีความตั้งใจมากที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับพี่น้องชาว จ.ร้อยเอ็ด ตนสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top