Saturday, 14 June 2025
TheStatesTimes

Apple ออกโรงเตือน อย่าเอา iPhone เปียกน้ำไปแช่ในถังข้าวสารเด็ดขาด ลั่น!! หากเมล็ดข้าวหลุดเข้าไปจะสร้างความเสียหายภายในตัวเครื่องได้

Apple ออกโรงเตือน หาก iPhone เปียกน้ำ ห้ามนำไปแช่ในถังข้าวสารเด็ดขาด หรือแม้แต่ใช้ 'ไดร์เป่าผม' ก็ไม่ช่วยอะไร

(22 ก.พ.67) บริษัท Apple (แอปเปิ้ล) ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของสหรัฐ ได้เผยแพร่คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ผ่านเว็บไซต์เมื่อไม่นานนี้ ระบุว่า วิธีแก้ปัญหาหลังมือถือ iPhone (ไอโฟน) ตกน้ำ ด้วยการนำไปใส่ในถังหรือถุงบรรจุข้าวสาร อาจเป็นสาเหตุให้ 'เศษชิ้นส่วนขนาดเล็ก' จากเมล็ดข้าว หลุดเข้าไปสร้างความเสียหายภายในตัวเครื่องได้ ทางบริษัทจึงเผยคำแนะนำเพื่อช่วยผู้ใช้งานหันมาแก้ปัญหาที่ถูกวิธีมากขึ้น

แทนที่จะนำมือถือไปแช่ถังข้าวสาร Apple แนะนำว่า เพียงใช้นิ้วเคาะเบา ๆ เพื่อให้ของเหลวไหลออกมา โดยคว่ำส่วนที่เป็นขั้วต่อสายโทรศัพท์ลง แล้วปล่อยให้เครื่องแห้งเองก็เพียงพอแล้ว

นอกจากข้อแนะนำดังกล่าวแล้ว Apple ยังแนะนำให้ผู้ใช้งานหลีกเลี่ยงการทำให้มือถือให้แห้ง ด้วยการเป่าด้วยลมร้อน หรือ การอัดอากาศ ซึ่งหมายถึง ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องนำความร้อนและไดร์เป่าผม

ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีรายนี้ ยังเตือนอีกด้วยว่า ไม่ควรนำสิ่งแปลกปลอมใด ๆ เช่น ไม้พันสำลี หรือ กระดาษชำระ สอดเข้าไปภายในโทรศัพท์มือถือ

ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่ผู้ใช้ iPhone ควรทำคือ การวางมือถือในที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ก่อนนำไปชาร์จไฟอีกครั้งก็เพียงพอให้มือถือกลับมา ก็ใช้งานได้แล้ว
 

'บิ๊กเต่า' มั่นใจในหลักฐาน ยันไม่มีการกลั่นแกล้งคดี 'บิ๊กโจ๊ก-มินนี่' มั่นใจ!! หาก ป.ป.ช.ไต่สวนคดีเอง จะต้องชี้มูลความผิดแน่นอน

(22 ก.พ. 67) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พาดพิงมาถึงคณะสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าวว่าไม่มีสิทธิ์ในการสืบสวนสอบสวนคดี เนื่องจาก มีมูลค่ามากกว่า 200-300 ล้านบาท ต้องโอนคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เป็นผู้สอบสวน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้แจงว่า คดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่เพียงแค่คดีเดียว 1 คดี มีเงินหมุนเวียนในบัญชีเพียง 75 ล้านบาท แต่ที่ตนพูดว่ามีมูลค่ารวมมากกว่า 200-300 ล้านบาท เป็นการนำทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ต่าง ๆ มารวมกัน ยังอยู่ในอำนาจการสืบสวนสอบสวนของตำรวจได้

"ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกดดัน ป.ป.ช.ให้ส่งสำนวนดังกล่าวกลับมาให้ตำรวจ แต่มองว่าคดีดังกล่าวตำรวจมีการสืบสวนสอบสวนในสำนวนที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว จึงอยากให้นำคดีดังกล่าวกลับมาเพื่อความรวดเร็วในการทำคดี และไม่ต้องการให้เกิดการตอบโต้ไปมาระหว่างสองฝ่ายจนทำให้ประชาชนมองว่าตำรวจทะเลาะกันเอง" รอง ผบช.ก.กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ปฏิเสธว่า ไม่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงมาถึงนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เรามีพยานหลักฐานที่ชัดเจน เนื่องจากในระหว่างการเข้าจับกุม คณะชุดสืบสวนสอบสวนกว่า 200 นาย ซึ่งขณะนี้ถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้องร้องดำเนินคดี ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในคดีดังกล่าวอย่างละเอียด ตั้งแต่วันเข้าจับกุมวันแรก ซึ่งหลักฐานที่ตรวจยึดได้มีการจดข้อมูลไว้ชัดเจนว่ามีการใช้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวอย่างไร ได้รับมาจากใครบ้าง และมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

พล.ต.ต.จรูญเกียติ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าหากคดีดังกล่าว ป.ป.ช.ไม่ส่งสำนวนกลับมาแต่จะเป็นผู้ไต่สวนเองก็เชื่อว่าจะต้องชี้มูลความผิดแน่นอน และจะมีการสืบสวนสอบสวนที่เข้มข้นและเจาะลึกกว่าตำรวจ ส่วนข้อหาในมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อคณะทำงานชุดสืบสวนสอบสวนในคดีนี้แล้ว ขณะนี้ได้มีการส่งสำนวนการสืบสวนสอบสวนไปให้ ป.ป.ช.และหากมีการส่งสำนวนกลับมา คณะชุดสืบสวนสอบสวนก็พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวพร้อมกับข้อหาฟอกเงินไปในคราวเดียวกัน

พล.ต.ต.จรูญเกียติ กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นที่อัยการสั่งสอบเพิ่มใน 7 ประเด็น ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ทำสำนวนไม่ดีจนอัยการต้องสั่งให้สอบเพิ่มใน 7 ประเด็น เรื่องนี้ชี้แจงว่าประเด็นดังกล่าวเกิดจากความไม่มั่นใจในข้อกฎหมายว่าตำรวจสามารถสอบปากคำพลตำรวจนายดังกล่าวใน 7 ประเด็น ซึ่งเคยสอบปากคำในสำนวนแรกได้หรือไม่ จึงส่งเรื่องให้อัยการสั่งให้ตำรวจที่ทำคดีสอบเพิ่มเองเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในข้อกฎหมาย ไม่ใช่การทำสำนวนไม่รู้เรื่อง ส่วนที่มีการกล่าวว่าศาลไม่ได้ถือสำนวนเป็นหลักแต่เชื่อถือข้อมูลของ ป.ป.ช.เป็นหลัก เรื่องนี้อยากให้ไปดูกันในชั้นศาลว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ท้าให้ พล.ต.อ.ที่ดูแลคดีดังกล่าวออกมาพูด แทนที่จะส่งตนเอง ซึ่งเป็นตำรวจยศพล.ต.ต.มาพูดแทน ประเด็นนี้ขอชี้แจงว่า การที่ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะดูแลงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานในคดีดังกล่าวไม่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เพราะต้องการให้ข้อมูลออกมาในทิศทางเดียวกัน จึงได้ลงมติในที่ประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาให้ตนเองเป็นโฆษกในคดีนี้ ไม่ใช่เป็นการหลบหน้า ส่วนคณะทำงานชุดนี้ ทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เป็นคนคัดเลือกและแต่งตั้งด้วยตนเอง เพราะเห็นความสามารถและความเชี่ยวชาญทางคดี

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่?  พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าไม่ใช่ความขัดแย้งหรือกลั่นแกล้ง ทุกอย่างว่ากันไปตามพยานหลักฐาน

ขณะเดียวกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หนึ่งในผู้ที่ถูก ตำรวจยศนายพลและมินนี่ฟ้องถึง 7 คดี ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ว่าตนและตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า นายพลคนดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ของมินนี่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวนคดี นอกจากนี้ยังมีหนึ่งในผู้ต้องหาของคดีดังกล่าวติดต่อมาที่ตนเองเพื่อขอไกล่เกลี่ยคดี ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธไป พร้อมท้าให้ไปสาบานที่วัดหงษ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ สำหรับวัดนี้มีความเชื่อว่าหากสาบานกับองค์พระเจ้าใหญ่พระประธานในโบสถ์ จะทำให้คำสาบานมีความศักดิ์สิทธิ์ และผู้ที่ผิดคำสาบานจะมีอันเป็นไปตามที่ได้กล่าวคำสาบานไว้

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีความพยายามของ นายตำรวจระดับสูงนายหนึ่งได้ติดต่อกับ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เพื่อนัดทานอาหารและพูดคุยถึงเรื่องคดี แต่ได้รับการปฏิเสธ ขณะเดียวกันนายตำรวจคนเดิมยังมีความพยายามที่จะติดต่อขอเข้าพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. แต่ยังไม่ได้รับโอกาสให้เข้าพบได้เช่นกัน

นักวิจัยจุฬาฯ เจ๋ง!! ใช้เศษวุ้นมะพร้าวเหลือทิ้ง ผลิต 'เซลโลกัม' ช่วยลดการนำเข้าสารเติมแต่งต่อปีได้กว่าหมื่นล้านบาท

เมื่อวานนี้ (21 ก.พ.67) ‘เซลโลกัม’ ผลิตภัณฑ์ที่มาจากความร่วมมือระหว่างทีมนักวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับบริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด ที่ดัดแปลงเศษวุ้นมะพร้าวเหลือทิ้งนับเป็นตัน ๆ ต่อวัน ให้กลายเป็นสารเติมแต่ง ประสิทธิภาพสูง นับเป็นโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ที่จะเพิ่มมูลค่าเศษเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร เพื่อสังคม zero waste ลดการกำจัดขยะด้วยการเผา

โดยทีมนักวิจัยภายใต้การนำของ ศ.ดร.หทัยกานต์ มนัสปิยะ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีปิโตรเคมีและวัสดุ (PETROMAT) และอาจารย์ประจำวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท ไบโอเน็กซ์ จำกัด (BioNext) สตาร์ตอัพภายใต้ชายคา CU Enterprise พร้อมทีมวิจัย ได้แก่ รศ.ดร.ศรุต อำมาตย์โยธิน คุณวรุณ วารัญญานนท์ คุณปิยะวัฒน์ สาธิตวงศ์กุล และ ดร.พงษ์พัฒน์ ศุขวัฒนะกุล

ทั้งนี้ โครงการวิจัยนี้เป็น 1 ใน 12 โครงการที่ได้ผ่านการคัดเลือกให้เข้ารอบสุดท้ายโครงการปั้นดาวของสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป. อว.) เมื่อปี พ.ศ. 2563 ทำให้ได้รับทุนสนับสนุนการสร้างโรงงานนำร่อง (pilot plant) เพื่อนำเอาเศษวุ้นมะพร้าวมาผลิตเป็นสารเติมแต่งในอาหาร ยา และเครื่องสำอาง

>> Cello-gum คืออะไร

เซลโลกัม คือผลิตภัณฑ์นาโนเซลลูโลสจากเศษวุ้นมะพร้าว ที่ทำขึ้นมานี้มีความบริสุทธิ์สูง ปลอดภัย และมีตลาดรองรับ เซลโลกัมจึงเป็นตัวอย่างนวัตกรรมซึ่งมีศักยภาพมากในการพัฒนาสู่อุตสาหกรรม สามารถนำไปใช้เป็นสารเติมแต่งในอาหาร ยา และเครื่องสำอาง เพื่อควบคุมความข้นหนืดและทำให้เกิดความคงตัวในอาหารเหลว หรือ food stabilizer

เช่น ในผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าวต้องเติม food stabilizer เพื่อรักษาความเป็นคอลลอยด์ ไม่ให้น้ำนมเกิดการแยกชั้น และช่วยเพิ่มเนื้อให้มีลักษณะเหมือนมีเนื้อข้าวอยู่ในผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกับน้ำผลไม้ ที่มักใช้สารเติมแต่งจากเซลลูโลสเป็นสารเพิ่มเนื้อ” ศ.ดร.หทัยกานต์อธิบาย

ศ.ดร.หทัยกานต์ เล่าว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีองค์ความรู้ในการนำเอาแบคทีเรียเซลลูโลส มาเข้าสู่กระบวนการทางเคมี โดยใช้โบโอเทคโนโลยีและผลิตเป็นสารเติมแต่ง ที่ผ่านมาทีมวิจัยมักใช้แบคทีเรียเซลลูโลสมาขึ้นรูปเป็นเมมเบรน เป็นฟิล์มถนอมอาหาร หรือฉลากต่าง ๆ

“บริษัท อำพลฟู้ดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ส่งออกวุ้นมะพร้าวในระดับโลก ทราบข่าวเกี่ยวกับงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ออกไป ก็เกิดแนวคิดและความร่วมมือที่จะใช้องค์ความรู้แบคทีเรียเซลลูโลส ในการทำสารเติมแต่งเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศษวุ้นมะพร้าวที่มีมูลค่าสูงได้

เพราะเศษวุ้นมะพร้าวที่เหลือจากการผลิตของบริษัทมีเป็นตัน ๆ ทุกวัน ปกติแล้วจะถูกกำจัดโดยการเผาทิ้ง ซึ่งหากนำมาทำเป็นสารเติมแต่งได้ ก็จะช่วยลดการนำเข้าสารเติมแต่งต่าง ๆ ที่ประเทศไทยต้องนำเข้าปีละกว่าหมื่นล้านบาท”

>> เซลโลกัม โดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาด

ศ.ดร.หทัยกานต์ อธิบายว่า วุ้นมะพร้าว หรือ Nata de Coco เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีลักษณะโครงสร้างทางวิทยาศาสตร์เป็นแบคทีเรียเซลลูโลส (bacterial cellulose, BC) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นหลายประการ เช่น มีคุณสมบัติเชิงกลที่ดี รูพรุนมาก ดูดซับน้ำได้มาก ขึ้นรูปได้ง่าย ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ และไม่มีความเป็นพิษ

“เมื่อนำวุ้นมะพร้าวมาใช้เป็นวัสดุผสมหรือสารเติมแต่ง จึงช่วยให้สามารถเพิ่มคุณสมบัติอื่น ๆ เช่น ทำให้อะตอมหรือโมเลกุลของสารอื่น ๆ สามารถยึดเกาะได้ดี และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย แบคทีเรียที่ใช้ในการผลิตวุ้นมะพร้าวมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า อะซิโตแบคเตอร์ ไซลินัม (acetobacter xylinum) ซึ่งสามารถเลี้ยงในห้องแล็บได้ โดยเลี้ยงด้วยน้ำตาล และ carbon source

ที่เรียกว่า วุ้นมะพร้าว เพราะใช้น้ำมะพร้าวเป็นอาหารสำหรับแบคทีเรีย เมื่อแบคทีเรียได้รับอาหาร ก็จะขับถ่ายออกมาเป็นไฟเบอร์ ซึ่งไฟเบอร์ตัวนี้แหละที่เป็นเซลลูโลสอย่างดี และเมื่อเทียบกับสารเติมแต่งที่เราต้องนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว เซลโลกัมมีความบริสุทธิ์กว่า มีประสิทธิภาพดีกว่า ประหยัดกว่าเพราะใช้ในปริมาณที่น้อยกว่า และมาจากธรรมชาติ (bio resource)”

นอกจากวุ้นมะพร้าวแล้ว ศ.ดร.หทัยกานต์กล่าวว่า เศษวัสดุทางการเกษตรอื่น ๆ ก็นำมาใช้ทำเซลโลกัมได้เช่นกัน แม้จะให้เซลลูโลสในปริมาณที่น้อยกว่า

“วุ้นมะพร้าวให้เซลลูโลสมากกว่าเมื่อเทียบกับเซลลูโลสที่สกัดจากไม้หรือพืชอื่น ๆ เช่น ชานอ้อย หรือมันสำปะหลัง ซึ่งจะได้เซลลูโลสแค่ประมาณ 30% เท่านั้น แต่ก็สามารถเอาชานอ้อย ข้าวโพด สับปะรด มาเข้ากระบวนการผลิตเป็นเซลโลกัมได้เหมือนกัน เพียงแต่อาจจะต้องมีการพลิกแพลงหรือเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย”

>> เส้นทางในอนาคตของ Cello-gum

นอกจากได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายโครงการปั้นดาวของสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป. อว.) ปี พ.ศ. 2563 โครงการวิจัยเซลโลกัมยังได้รับรางวัลชนะเลิศจากโครงการ Angel Fund ประจำปี พ.ศ. 2566 ด้วย

จากความสำเร็จของ Pilot Plant ทีมวิจัยเห็นโอกาสที่จะขยายกำลังการผลิตในเชิงพาณิชย์ จึงได้ก่อตั้ง บริษัท ไบโอเน็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ spin-off มาจากวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีปิโตรเคมีและวัสดุ (PETROMAT) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการบ่มเพาะของ CU Enterprise เพื่อทดลองพัฒนางานวิจัย และเสนอโครงการตามบริษัทใหญ่ ๆ ต่อไป

“เราอยากจะทำเป็นโมเดลเหมือนกันคือแทนที่แต่ละโรงงานหรือบริษัทต้องทิ้งหรือกำจัดของเสียทางการเกษตร เราอาจจะนำกลับมาเข้ากระบวนการเพื่อผลิตเป็นพรอดักต์อย่างเซลโลกัม หรืออื่น ๆ ก็จะก่อให้เกิด circular economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน และเป็น zero waste ด้วย” ศ.ดร.หทัยกานต์ กล่าว

ศ.ดร.หทัยกานต์กล่าวถึงปัจจัยสู่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือกำลังเสริม ได้แก่ ผู้ร่วมงานหรือทีมวิจัยที่ดี การส่งเสริมจากพาร์ตเนอร์หรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราทำงานด้วย เพื่อให้เกิด eco system ที่ดี ให้ธุรกิจอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน และก็ต้องไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค

ปัจจุบัน เซลโลกัม อยู่ในช่วงของการหาผู้ร่วมทุน และความช่วยเหลือในด้านวิศวกรรม ทั้งเรื่องของการออกแบบเครื่องจักรและโรงงานเพื่อพัฒนากำลังการผลิตในรูปแบบของอุตสาหกรรมเต็มตัวในอนาคต พร้อม ๆ กับการทำงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยนอกเหนือจากเซลโลกัมแล้ว ทีมวิจัยภายใต้การนำของ ศ.ดร.หทัยกานต์ยังมีแผนที่จะพัฒนาแบคทีเรียเซลลูโลสเพื่อใช้เป็น binder ในอุตสาหกรรมการตอกยาเม็ด สารเติมแต่งในอาหารเสริม และ hydrogel ในเครื่องสำอางด้วย

สตม.รวบนักท่องเที่ยวไต้หวัน “OVERSTAY” (32 วัน) หนีหมายจับคดีคอลเซ็นเตอร์ มากบดานเมืองพัทยา

ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จับกุม MR.LIU (นามสมมติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม พื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุ

ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลจากอาสาสมัคร (volunteer) ว่าพบคนต่างด้าวมีพฤติการณ์น่าสงสัยซึ่งอาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึกเบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ MR.LIU (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (Overstay) และมักจะลักลอบกบดานใน พื้นที่ กรุงเทพฯ และ จว.ชลบุรี จึงได้ตรวจสอบข้อมูลไปยัง สำนักเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (ไต้หวัน) รับแจ้งว่า MR.LIU เป็นบุคคลตามหมายจับของทางการไต้หวัน ในความผิด ฉ้อโกง โดยมีพฤติการณ์เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกสืบสวนติดตามจับกุม จากการสืบสวนทราบว่า MR.LIU จะมาท่องเที่ยวในย่านถนนคนเดินวอล์คกิ้งสตรีท (WAILKING STREET) ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกันไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบ MR.LIU จึงได้ทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว 

'พีระพันธุ์' หารือ 'ผู้ว่าฯ ยูนนาน' ยกระดับ 'ความสัมพันธ์-ร่วมมือ' ไปอีกขั้น เตรียมต่อยอด 'เศรษฐกิจ-พลังงานสะอาด-อุตสาหกรรมสีเขียว'

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ. 67) ณ ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายหวัง หยู่โป (H.E. Mr. Wang Yubo) รองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิวนิสต์จีนประจำมณฑลยูนนาน ผู้ว่าการมณฑลยูนนาน และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำรัฐบาลมณฑลยูนนาน เข้าเยี่ยมคารวะ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีฯ ยินดีที่ได้พบผู้ว่าการมณฑลฯ อีกครั้ง ขอบคุณมณฑลยูนนานในความร่วมมือระหว่างกันที่ดีมาตลอด ซึ่งตั้งแต่จีนกลับมาเปิดประเทศในปี 2566 ได้มีคณะผู้แทนระดับสูงของไทยเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และศึกษาดูงานที่มณฑลยูนนานอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่า หากทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกันในทุกด้าน ทั้งในเชิงภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน จะสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทวีความสัมพันธ์ระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้นต่อไป 

ด้านผู้ว่าการมณฑลฯ ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสเยือนไทย การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากไทย แสดงให้เห็นว่าไทยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างจีน-ไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างเคารพและไว้วางใจร่วมกัน เอื้อประโยชน์แก่กันในทางเศรษฐกิจ เข้าใจซึ่งกันและกันในทางวัฒนธรรม ดังนั้น จีนและไทยจึงเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน ที่ได้หยั่งรากลึกลงในหัวใจของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการเยือนไทยของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อปี 2565 ที่ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีความหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ สอดคล้องกับที่ได้ประกาศแถลงร่วมว่าด้วยการดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันไทย-จีน เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ร่วมกัน

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือต่าง ๆ ที่สำคัญ ดังนี้

ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เห็นพ้องส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันผ่านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจีนพร้อมให้การสนับสนุนไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน โดยจีนจะส่งเสริมแถบเส้นทาง R3A ไทย - ลาว - จีน ต่อเนื่อง ถือเป็นเส้นทางสำคัญในการนำเข้า - ส่งออกสินค้าระหว่างไทยและจีน ซึ่งผู้ว่าการมณฑลฯ ชื่นชมว่า หลังจากการเปิดแถบเส้นทาง R3A แล้ว ได้ประหยัดเวลาขนส่งสินค้าและลดต้นทุนทางธุรกิจได้มาก โดยเมื่อปี 2566 มีจำนวนการนำเข้าสินค้ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไทยพร้อมพัฒนา เส้นทางสายไหม (One Belt One Road) ให้ต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันส่งเสริมด้านการใช้พลังงานสะอาดในเส้นทางด้วย

ด้านการใช้พลังงานสะอาด เห็นพ้องที่จะผลักดันการใช้พลังงานสะอาด พลังงานสีเขียว ผ่านการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีของหน่วยงานที่ภาครัฐเกี่ยวข้องด้านพลังงาน โดยรองนายกรัฐมนตรีเห็นศักยภาพของมณฑลยูนนาน ที่มีการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) จำนวนมาก ซึ่งผู้ว่าการมณฑลฯ เห็นพ้องที่จะนำศักยภาพด้านการใช้พลังงานน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ของมณฑลยูนนานมาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกัน

ด้านความร่วมมือทางวิชาการ ทั้งสองพร้อมต่อยอดจากความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาของไทยและมณฑลยูนนาน โดยผู้ว่าการมณฑลฯ ยินดีกับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและทางวิชาการ ซึ่งปัจจุบันมีนักศึกษาชาวไทยจำนวนกว่า 1,000 คน ศึกษาอยู่ ณ มณฑลยูนนาน

ด้านการท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ทั้งสองฝ่ายยินดีกับการลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ ไปเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม 2567 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนทั้งสองฝ่าย มีการไปมาหาสู่กันเพิ่มขึ้น โดยรองนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากมณฑลยูนนานและให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ขณะที่ผู้ว่าการมณฑลฯ เชื่อมั่นว่า จะเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ขยายโอกาสและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงลั่น!! ยังไม่โดนแจ้งข้อหาใด ๆ ยันบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องเว็บพนัน

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ. 67) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล​ รอง ผบ.ตร. แถลงข่าวชี้แจงกรณี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ในฐานะคณะกรรมการสืบสวนและรองหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีเครือข่ายเว็บพนันมินนี่ เตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผบ.ตร. กับพวกรวม 5 นาย ในความผิด ม.157 และ ม.149 ว่า เรื่องนี้เริ่มต้นจากการค้นบ้านตน มีการไปปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาลโดยไม่ได้บอกศาลว่าเป็นบ้านตน และมีการออกหมายจับลูกน้องตน 8 คน ก็ใช้ชื่อว่านาย ระบุว่าประกอบอาชีพรับจ้าง ซึ่งเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล มองว่าก็เพื่อทำให้เสียชื่อเสียง

ซึ่งหลังแจ้งข้อกล่าวหาลูกน้องตน วันดีคืนดีก็มีข่าวว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาตน และมีชื่อตนโผล่ในสำนวน เพื่อทำให้ตนเสียชื่อเสียง และมีการปล่อยข่าวว่าจะเรียกตนมาสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งที่สำนวนเมื่อส่งไปที่พนักงานอัยการแล้วพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนเพิ่มเติม หรือแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแล้ว เว้นแต่อัยการจะสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมเท่านั้น แต่เอกสารที่อัยการทำถึงพนักงานสอบสวนคือเอกสารที่ถามว่าทั้ง 8 คนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหานั้นผิดตรงไหน ไม่ใช่ให้คุณไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า กรณีมีการแถลงถึงสำนวนใน ป.ป.ช. จนมีข่าวว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาตน ทั้งที่สำนวนดังกล่าวชงไปให้ ป.ป.ช.แล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วทำไมวันนี้คึกคักอยากจะเอาสำนวนกลับมา แล้วมีการแถลงว่า ป.ป.ช.ต้องส่งให้ตำรวจ ซึ่งเป็นการแถลงข่าวกดดันป.ป.ช. ทั้งที่ระบบของ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นระบบสอบสวนมีความน่าเชื่อถือ และรอบคอบกว่าระบบกล่าวหาของตำรวจเสียอีก จึงมีคำถามว่าทำไมตำรวจจึงอยากเอาสำนวนคดีดังกล่าวกลับมา และอยากถามว่าคุณเป็นใคร ยศอะไร ทำไมมาแถลงกดดัน ป.ป.ช. หรือไม่เชื่อมั่นระบบไต่สวนของ ป.ป.ช. ดังนั้นตำรวจยศใหญ่ๆ ควรออกมาพูดบ้าง อย่าทำตัวเป็นอีแอบ อย่าให้ลูกน้องแค่ยศเล็กๆ ออกมาพูด เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายแบบนี้

ทั้งนี้การส่งเรื่องไป ป.ป.ช. เมื่อส่งไปแล้ว ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีมูลเพียงพอหรือไม่ หากมีมูลก็จะต้องมีการแสวงหาข้อเท็จจริง จึงจะมีการไต่สวน ถึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาได้ และต่อให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วกฎหมาย ป.ป.ช.ก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ดังนั้นการส่งเรื่องกล่าวหาตนนั้นเป็นแค่การตั้งข้อสังเกตเท่านั้น และยังไม่รู้ว่า ป.ป.ช.จะรับหรือไม่รับเลย วันนี้สรุปยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ กับผมทั้งสิ้น ผมยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ 100%

อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่า จะไม่มีการดำเนินการทางคดีกับสื่อมวลชนที่เสนอข่าวว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาตนแล้ว แต่ขอให้ลบข่าวออก อย่าไปเป็นเครื่องมือของคนไม่ดี ที่พูดไปเรื่อยเปื่อย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนขุดหลุมล่อไว้ ตอนนี้เริ่มตกไปครึ่งตัวแล้ว โดยตนปล่อยให้ทำมาตลอด แต่ท่านรู้หรือเปล่าวว่าสำนวนที่ท่านทำนั้นท่านมีอำนาจหรือเปล่า อย่างกรณีบอกว่ามีเงินหมุนเวียน 300 ล้านนั้น ทั้งที่คดีฟอกเงินมูลฐาน 300 ล้านบาทขึ้นไปเป็นอำนาจ ดีเอสไอ เป็นคดีพิเศษ ดังนั้นท่านไม่มีอำนาจสอบสวน มันจะติดคุกทั้งหมด ดังนั้นจึงตั้งข้อสังเกตว่ามีอำนาจสอบสวนหรือไม่ กระบวนการสอบสวนชอบหรือไม่

และยังยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ไม่มีเส้นเงินจากเว็บพนันโอนเข้าบัญชีตน และไม่มีเส้นเงินจากบัญชีตนโอนเข้าเว็บพนัน ส่วนที่ลูกน้องตนใช้บัญชีม้านั้นก็ต้องเอาผิดลูกน้องตน แต่ไม่ใช่ว่าลูกน้องตนผิดแล้วตนจะผิดไปด้วย เพราะเขาทำอะไรบ้างตนจะรู้ไหม หากเขาผิดชัดเจนก็ต้องว่าไปไม่ใช่จะลากมาพันกับตน เพื่อให้ตนเสียชื่อเสียง และยืนยันว่าไม่มีเงินจากเว็บพนันโอนเข้าบัญชีญาติตนด้วย

ซึ่งวันนี้สื่อมวลชนรู้อยู่ว่าตำรวจกลุ่มไหนรับเงินเว็บพนันอยู่ รับกันเป็น 100 ล้าน ตำรวจทั้ง ตร.รู้หมด แต่ว่าวันนี้จะมาบอกว่าผมเกี่ยวกับเว็บพนัน รับเงินเว็บพนัน ก็ต้องถามว่าผมไม่ได้คุมกองบัญชาการไซเบอร์ ผมไม่ได้คุมเว็บพนัน ผมไม่มีอำนาจหน้าที่คุมเว็บพนัน แล้วใครจะมาจ่ายผม และอยากฝากถึงตำรวจทุกนายว่า เรามาแข่งกันทำงานดีกว่าอย่ามาแข่งกันอิจฉาริษยา เพราะรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจไม่มีทางตามกันทัน แต่ยศ ตำแหน่งเป็นเรื่องบุญวาสนา เพราะฉะนั้นท่านอย่าไปอิจฉาเลย ตนยังไม่อิจฉาน้อง ๆ เลย

ทั้งนี้ปัจจุบันปัญหาเว็บพนันแล้วทำไมไม่ปราบให้หมด หน่วยปราบเว็บพนันไปทำอะไรอยู่ หรือปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ทำไมไม่ทำมานั่งขัดขาขัดแข้งกันอยู่ได้ ดังนั้นฝากเตือนน้อง ๆ ถ้ารู้ตัวว่าเดินผิดก็ให้รีบกลับตัวกลับใจ รีบถอนตัว เพราะเป็นการทำโดยไม่มีอำนาจสอบสวน ส่วนกรณีตั้งข้อสังเกตว่าตนต้องการให้ ป.ป.ช.ไต่สวนเพราะสนิทสนมกับกรรมการ ป.ป.ช.รายหนึ่งนั้น บอกว่า ยืนยันตนไม่ได้สนิทสนมกับกรรมการป.ป.ช. ไม่มีเบอร์ ไม่เคยโทรหา และตนยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องคดี แต่เป็นการดิสเครดิตตนล้วนๆ เพราะคดีไม่มีอะไร เพราะตนไม่ได้รับเงินเว็บพนัน อย่างไรก็ตามสังคมติดตามเรื่องนี้ วันนี้ตำรวจเราอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ก็ควรทำให้ประชาชนเชื่อมั่น ตำรวจต้องทำงานอย่างมืออาชีพ

‘ทยา-ณัฏฐพล’ โพสต์ ติดแบล็กลิสต์ ‘คดี กปปส.’ มาเกือบ 10 ปี ใช้ชีวิตเข้า-ออกประเทศไร้อภิสิทธิ์ เพราะเคารพกระบวนการยุติธรรม

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.67) ทยา ทีปสุวรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ภรรยาของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เผยภาพสามี ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะกำลังทำเรื่องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. พร้อมข้อความว่า

“ติด Black List คดีกปปส.มาเกือบ 10 ปี ต้องขอศาลเดินทางเข้า-ออกประเทศ ไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ เพราะเราเคารพในกระบวนการยุติธรรม!!”

ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเดินหน้าปราบปรามจับกุมต่างด้าวที่กระทำผิดในไทย ล่าสุดจับกุม 4 คดี

วันนี้ (22 ก.พ.67) เวลา 11.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.กต.10 ปฏิบัติราชการ บก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.รัฐไกร ประยูรศร รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 และ พ.ต.ท.วิรชา สนั่นศิลป์ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

1. สตม.รวบนักลงทุนชาวจีนตามหมายจับเลี่ยงภาษีมูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท : ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.2 บก.ปอศ. จับกุม Mr.Wang (นามสมมุติ) อายุ 53 ปี สัญชาติจีน ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 60/2567 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเคลื่อนย้ายของออกไปจากเขตปลอดอากรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ภายในบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี  

พฤติการณ์แห่งคดี Mr.Wang ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้ร่วมกันกับพวกนำสินค้าเบ็ดเตล็ด อาทิเช่น กระเป๋า ผ้าพันคอ ชุดผ้าปูที่นอน กรอบโทรศัพท์ เก้าอี้ กล่องพลาสติก โคมไฟ ไม้เซลฟี่ ข้าวโพด (ป๊อบคอร์น) ฯลฯ เข้ามาในราชอาณาจักร ตามใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 31 ฉบับ โดยสำแดงการใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำเข้าไปในเขตปลอดอากร ตามมาตรา 151 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 จำนวน 31 ฉบับ เป็นใบขนสินค้าสั่งการตรวจ "ให้เปิดตรวจ" เพื่อนำไปทำการตรวจปล่อยที่เขตปลอดอากรเอ็มที ฟรีโซน โดยวิธีการมัดลวด และพนักงานศุลกากรที่กำกับดูแลเขตปลอดอากรได้บันทึกการตรวจรับของดังกล่าวเข้าไปเก็บในเขตปลอดอากรแล้ว แต่ในระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2562 พนักงานศุลกากรได้เข้าทำการตรวจสอบหลังการตรวจปล่อย ณ เขตปลอดอากร เอ็มที ฟรีโซน ในบริษัทดังกล่าว พบข้อเท็จจริงว่าสินค้าเบ็ดเตล็ดที่บริษัทฯ ได้นำเข้ามาตามใบขนสินค้าขาเข้าทั้ง 31 ฉบับนั้น ไม่ได้มีการเก็บรักษาไว้หรือคงเหลืออยู่ในเขตปลอดอากร เอ็มที ฟรีโซน และจากการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าและส่งออกของบริษัทฯ จากระบบ CUSTOMS INFORMATION SYSTEM (CIS) ไม่พบว่าบริษัทฯ ได้มีการจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าโอนย้ายชำระภาษีอากร (ประเภท P) เพื่อนำของออกจากเขตปลอดอากรเพื่อใช้หรือจำหน่ายในราชอาณาจักร และไม่มีการจัดทำใบขนสินค้าขาออก เพื่อส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร อีกทั้งไม่พบหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากรหรือหลักฐานการชำระภาษีอากรสำหรับของดังกล่าวเพื่อนำของออกจากเขตปลอดอากรในกรณีอื่นใด โดยได้ประเมินราคาและค่าภาษีอากร สินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 31 ฉบับ ดังกล่าวมีราคารวมทั้งสิ้น 15,337,963.62 บาท อากรขาเข้ารวม 2,701,946.79 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 1,262,793.72 บาท ซึ่งพนักงานศุลกากรได้แจ้งให้บริษัทฯ จัดส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อชี้แจงในประเด็นดังกล่าวแล้ว แต่บริษัทฯ ก็ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อพนักงานศุลกากรเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงได้ และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของบริษัทฯ เป็นความผิดฐานเคลื่อนย้ายของออกไปจากเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร ตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 เมื่อบริษัทฯ ได้รับทราบผลการตรวจสอบแล้ว มิได้แจ้งความประสงค์จะขอทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร แต่บริษัทฯ เพิกเฉย ไม่มาติดต่อขอทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร กรมศุลกากรจึงร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบริษัทฯ และ Mr.Wang รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งในฐานะนิติบุคคลและฐานะส่วนตัว หลังจากที่ศาลจังหวัดพัทยาได้ออกหมายจับแล้ว จากการสืบสวนของ ตม.จว.ชลบุรี ทราบว่า Mr.Wang ได้เดินทางไปที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกับ กก.2 บก.ปอศ. ไปตรวจสอบ    ผลการตรวจสอบพบ Mr.Wang จึงได้แสดงหมายจับและทำการจับกุม

2. สตม.รวบนักท่องเที่ยวไต้หวัน “OVERSTAY” (32 วัน) หนีหมายจับคดีคอลเซ็นเตอร์ มากบดานเมืองพัทยา  : ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จับกุม MR.LIU (นามสมมติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม พื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
​ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลจากอาสาสมัคร (volunteer) ว่าพบคนต่างด้าวมีพฤติการณ์น่าสงสัยซึ่งอาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึกเบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ MR.LIU (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (Overstay) และมักจะลักลอบกบดานใน พื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จ.ชลบุรี จึงได้ตรวจสอบข้อมูลไปยัง สำนักเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (ไต้หวัน) รับแจ้งว่า MR.LIU เป็นบุคคลตามหมายจับของทางการไต้หวัน ในความผิด ฉ้อโกง โดยมีพฤติการณ์เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกสืบสวนติดตามจับกุม จากการสืบสวนทราบว่า MR.LIU จะมาท่องเที่ยวในย่านถนนคนเดินวอล์คกิ้งสตรีท (WAILKING STREET) ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้ร่วมกันไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบ MR.LIU จึงได้ทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

3. สตม.รวบแม่ค้าออนไลน์ชาวเมียนมาแอบไลฟ์สดขายของหนีภาษีของกลาง 200 รายการ : ตม.จว.สมุทรสาคร จับกุม นางมิ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้, ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ด้วยประการใด ๆ ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักย่าน ถ.เจษฎาวิถี ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร  จ.สมุทรสาคร

ตม.จว.สมุทรสาคร ได้สืบสวนทราบว่า มีคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา มีพฤติการณ์ลักลอบขายสินค้าหนีภาษีทางช่องทางออนไลน์ จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึก เบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าว พักอาศัยอยู่ในบ้านพักย่าน     ถ.เจษฎาวิถี ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยได้มีการไลฟ์สดและโพสต์ขายสินค้าทางเฟซบุ๊ก ซึ่งตัวสินค้า มีความผิดทางกฎหมาย จึงขอหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาครเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบนางมิ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลาง เป็นกลุ่มสินค้าประเภทอาหารเสริม วิตามิน น้ำมันหรือสเปรย์    ฉีดเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งไม่มีฉลากภาษาไทย และเครื่องหมาย อย. ร่วม 200 รายการ และจากการตรวจสอบเอกสารของนางมิ พบใบอนุญาตทำงานระบุประเภทกรรมกร แต่มาลักลอบขายสินค้าออนไลน์ และไม่ได้ทำงานตามประเภทที่ได้รับอนุญาตไว้ตามกฎหมาย จึงได้ทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

4. ตม.3 ระดมเข้ม X-RAY พื้นที่เสี่ยง 25 จุด ปูพรมตรวจค้นสถานบริการ ร้านอาหาร คาราโอเกะ รวบ 4 คนไทย 7 ต่างด้าว ลอบทำงานผิดกฎหมาย : บก.ตม.3 มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันตก ภาคกลาง ภาคตะวันออก ของประเทศไทย รวม 25 จังหวัด ได้ดำเนินการสืบสวน รวบรวมข้อมูล การกระทำผิดกฎหมายของคนต่างด้าวรวมถึงคนไทย ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบกระทำผิดกฎหมาย ลักลอบทำงาน เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต รับคนต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ามนุษย์ หลบหนีเข้าเมือง อยู่เกินกำหนดอนุญาต ซึ่งคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย อาจก่ออาชญากรรมอื่น ๆ สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนได้ บก.ตม.3 จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อวางแผนระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิด
​หลังได้รับรายงาน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด บก.ตม.3 ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด  ซึ่งในห้วงเดือน มกราคม 2567 - ปัจจุบัน ได้ดำเนินการตรวจค้น ตรวจสอบ เป้าหมายในพื้นที่ทั้งหมด 25 จุดเสี่ยง มีผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น 11 ราย แบ่งเป็น คนต่างด้าวสัญชาติลาว 4 ราย สัญชาติกัมพูชา 3 ราย และคนไทย จำนวน 4 ราย

ซึ่งผู้กระทำผิดทั้ง 11 รายข้างต้น ถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหา เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน, ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยได้ประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตพ้นจากการจับกุม รวมถึงความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของคนต่างด้าวยังถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และนอกจากนี้ในส่วนของเจ้าของสถานที่ที่ให้คนต่างด้าวพักอาศัย แต่ไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 38 ก็ได้ถูกจับกุมดำเนินคดีด้วย

​บก.ตม.3 ได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และจะยังคงดำเนินมาตรการเข้มข้น ต่อเนื่องในการป้องกัน ปราบปราม สืบสวน จับกุม การกระทำผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ 

ชลบุรี-พัทยามอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร D.A.R.E.

วันที่ 22 ก.พ.67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร D.A.R.E. โรงเรียนเมืองพัทยา 3, 4, 8, 9  โดยมี พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมพิธีที่โรงเรียนเมืองพัทยา 8 (พัทธยานุกูล) เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

ด้วยเมืองพัทยาได้ให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษาทุกแห่ง รวมทั้งขจัดปัจจัยเสี่ยงที่เอื้อต่อปัญหายาเสพติดให้หมดไป สร้างคุณภาพชีวิตและทัศนคติให้กับเยาวชนที่จะเป็นอนาคต ของชาติไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จึงได้ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาและสถานีตำรวจภูธรบางละมุง ดำเนินโครงการการศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน (D.A.R.E.) ขึ้น ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งเพื่อร่วมดำเนินงานป้องกันยาเสพติดในชั้นเรียน

โดยได้รับเกียรติจากครูตำรวจ D.A.R.E ในการเป็นวิทยากรฝึกสอนเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนเมืองพัทยา 1-10 ภาคเรียนที่ 2/2566 สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง จำนวน 13 สัปดาห์ เพื่อให้เด็กนักเรียนมีทักษะ รู้จักวิธีหลบเลี่ยงปฏิเสธการใช้สารเสพติดและความรุนแรงได้ สามารถควบคุมการขยายตัว ลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในโรงเรียน และชุมชนในเขตเมืองพัทยาได้อย่างยั่งยืน 

และเป็นการร่วมกันปลูกจิตสำนึกของเด็กนักเรียนและเยาวชน ให้มีความรู้ความเข้าใจ ตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติดที่มีผลต่อร่างกาย สุขภาพอนามัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อปัญหาของสังคม  รวมทั้งเพื่อสร้างแกนนำนักเรียนในการต่อต้านยาเสพติดในสถานศึกษาสร้างความเข้มแข็ง และส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งปลูกฝังพฤติกรรมการกระทำดีให้กับนักเรียนต่อไป 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือนงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2567 ทุกช่องทาง ด้านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับดูแลความปลอดภัย พร้อมอำนวยความสะดวกการจราจรสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา และสถานที่ท่องเที่ยว

พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือวันมาฆบูชา และมีวันหยุดชดเชยรวม 3 วันนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจเดินทางไปทำบุญตามภูมิลำเนาหรือสถานที่ต่างๆ รวมทั้งข้อกฎหมายที่มีความผิดในการจำหน่ายสุราในวันสำคัญทางพุทธศาสนา จึงสั่งการให้หน่วยต่างๆ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินพี่น้องประชาชน และอำนวยคามสะดวกการจราจร รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ไปยังพี่น้องประชาชน 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการร้านค้า และพี่น้องประชาชน ให้งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทั้งชนิดขายส่งและขายปลีกทั่วราชอาณาจักร ตลอด 24 ชั่วโมง คือหลังเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 23 ก.พ.67 ไปจนถึงเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 24 ก.พ.67 ยกเว้นเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม มาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทางออนไลน์ต่างๆ ด้วย หากฝ่าฝืนมีความผิดตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยวิธีการหรือในลักษณะการขายทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2563 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จัดสายตรวจออกตรวจตราในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเน้นการตรวจตราสถานบริการ สถานบันเทิง ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง คาราโอเกะ ร้านอาหารตามสั่งริมทาง สถานีขนส่งโดยสารสาธารณะ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง วัด สวนสาธารณะ อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันปราบปรามการกระทำผิด และดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชน 

ส่วนด้านการอำนวยความสะดวกการจราจร ให้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรในจุดที่มีการจราจรหนาแน่นให้เกิดความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย จัดระเบียบการจัดรถ โดยเฉพาะในจุดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ วัดและสถานที่สำคัญทางศาสนา และจัดการจราจรในพื้นที่รอยต่อ ประสานการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด ตลอดจนให้เตรียมอุปกรณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ อุปกรณ์การเคลื่อนย้ายยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุกีดขวางในเส้นทางการจราจร 

นอกจากนี้ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการเน้นย้ำไปยังทุกหน่วยทั่วประเทศ ในการดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนทุกมิติ พร้อมขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล เป็นหูเป็นตา หากพบเห็นการกระทำผิด หรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเบาะแสและข้อมูลข่าวสารมายังโทรศัพท์ สายด่วน 191 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top