Sunday, 15 June 2025
TheStatesTimes

ถาม? เมื่อพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันชัด ตอบ!! จะถามหาความรับผิดชอบจากคนที่เลือกเข้ามาได้ไหม?

คนไทยถ้าไม่แกล้งหูหนวกตาบอดกันจริง ๆ จะต้องทราบดีว่า สส. จำนวนไม่น้อยที่สังกัดพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง มีพฤติกรรมที่คิดล้มล้างสถาบันมานานหลายปี โดยใช้วิธีล้างสมองเด็ก ส่งเสริม ช่วยเหลือ สนับสนุนให้เด็กออกหน้าแสดงแทน เช่น เผารูป ขีดเขียนกำแพงวัดพระแก้ว กระทั่งการขับรถป่วนขบวนเสด็จฯ 

พรรคการเมืองที่ล้มสถาบันจะเข้ามาไม่ได้ ถ้าไม่มีคนจำนวนมาก 'กาเลือก' เข้ามา 

ช่างไม่แฟร์กับคนที่รักสถาบันเลย รู้ทั้งรู้แต่กลับต้องยอมให้กลุ่มคนที่เป็นอันตรายต่อสถาบัน มาสูบกินเงินเดือนจากภาษีอันเหนื่อยยากของประชาชน 

ว่าแต่คนที่เลือกพรรคที่มีพฤติกรรมล้มสถาบันเข้ามา ถึงวันนี้คุณคิดว่า 'ตน' เป็นคนที่เข้าข่ายสายพันธุ์ใดมากที่สุด? 

1. มีนิสัยย้อนแย้งเหมือนพรรคการเมืองที่เขาเลือก ที่มักจะพูดอย่างแต่ทำอีกอย่าง หาความชัดเจนในตัวตนไม่เจอ และไม่คิดจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในสิ่งที่ตนเองทำ สายลมแสงแดดไปวัน ๆ ไม่สนผิดชอบชั่วดี 

2. คิดน้อย ไม่คิดหน้า คิดหลัง ไม่ดูการกระทำของคนให้ลึกซึ้ง หลงเพียงรูปโฉม วาทกรรม เบื่อของเก่า เห่อของใหม่ เห็นคนส่วนใหญ่ทำอะไรก็ทำตามส่ง ๆ ไป ไม่ลงลึก ไม่มีแก่นสาร เป็นประเภทโลกสวยกลวง ๆ เป็นบุคลากรของสังคมที่ไร้คุณภาพ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ 'บ่อนทำลายสถาบัน' ก่อตัวขึ้นในสังคมไทย

3. หลงพลาดผิดไปแล้ว รู้สึกสำนึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำผิดกับแผ่นดินชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ไป ตั้งใจกลับตัว ปรับความคิดใหม่ เดินหันหลังให้ 'พรรคล้มสถาบัน' อย่างถาวร

4. ตอแหล เห็นกระแสคนรักสถาบันก็รักบ้าง เพราะกลัวถูกสังคมตั้งคำถาม แต่ส่วนลึกก็ไม่ได้รักสถาบันจริง อาจจะเกลียดสถาบันด้วยซ้ำ คนจำพวกนี้อ่านง่าย เห็นอะไรที่เป็นกระแสก็จะกระโจนเข้าหาทางนั้น เป็นคนที่จะไม่มีทางจริงใจกับฝ่ายใด และจะไม่มีทางได้ใจใครกลับมาเช่นกัน

5. แฟนคลับที่เบาปัญญา ถึงวันนี้ยังมองไม่ออก และไม่เชื่อว่าว่าพรรคการเมืองนี้คิดล้มล้างทำลายสถาบัน พวก 'บ่อนทำลายสถาบัน' จะชอบคนกลุ่มนี้มากที่สุด เพราะไม่เท่าทัน

6. พวกที่เกลียดสถาบันเหมือนกัน มีทั้งเปิดหน้าแสดงออกตรง ๆ กับพวกที่หลบซ่อนสนับสนุนอยู่เงียบ ๆ ไม่เผยตัวตนชัดเจน ซึ่งในสังคมไทยจะมีคนอย่างหลังมากกว่า

แล้วคุณคิดว่าตัวเองเข้าข่ายคนแบบใดมากที่สุด?

'หมอธีระวัฒน์' เผย!! พบแท่งย้วยสีขาว คล้ายหนวดปลาหมึกในคนที่ฉีด mRNA ชี้!! ปรากฏการณ์นี้ไม่พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและคนที่ตายจากโควิด

(20 ก.พ.67) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก 'ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha' ระบุว่า...

คนที่ยังไม่ตายหรือตายแล้ว จากวัคซีนโควิด mRNA พบ : แท่งย้วยสีขาว (white clot) คล้ายหนวดปลาหมึก ไม่เคยพบมาก่อน

รายละเอียด ยูทูบ John Campbell white clots USA Part 1 และ 2
(Part 1 https://youtu.be/nLl69c46JK0?si=NzXljM-mE9WY0Y2Z)
(Part 2 https://youtu.be/-o20mtbsL7Q?si=VZZgMR2d34MlI5Sc)

จากรูปจะพบของเหลวที่ดูดจากช่องท้อง บริเวณใกล้ตับอ่อน คนป่วย ที่ยังมีชีวิต และรูปจากคนป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต รักษาด้วยการผ่าตัดไม่ทัน และตาย รวมทั้งรายอื่นที่เสียชีวิตไปแล้วและลากสิ่งที่อยู่ในหลอดเลือดแดง carotid ที่ไปเลี้ยงสมอง

ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและไม่ได้เจอในคนที่ตายจากโควิด หรือโรคอื่น

และยังมีรายงานก่อนหน้านี้ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางพยาธิวิทยาในเยอรมนี ที่มีชื่อเสียง ที่ทำการผ่าศพชันสูตร พบลักษณะลักษณะเดียวกัน กับในที่เห็นในสหรัฐอเมริกา

โรงเรียนเอกชนชื่อดังในโคราช ปิดถนน 10 นาทีให้เด็กเต้น สนุกบนความเดือดร้อนของชาวบ้าน รถติดยาวนานเป็นชั่วโมง

เมื่อวานนี้ (19 ก.พ. 67) บนโซเชียลฯ แชร์คลิปเหตุการณ์ที่โรงเรียนมารีย์วิทยา ถนนมุขมนตรี ตรงข้ามสถานีรถไฟนครราชสีมา ก่อนถึงห้าแยกหัวรถไฟ หรือห้าแยกนิ้งหน่อง เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อมีการปิดถนนให้นักเรียนเต้นกลางถนนยาวนานกว่า 10 นาที สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก โดยในเฟซบุ๊ก ‘กลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็ง’ โพสต์ข้อความว่า "ปิดถนนหน้าโรงเรียนเพื่อให้เด็กเต้น รถติดบานเดือดร้อนกันทั้งเมืองเลย คนจัดเอาอะไรคิดก่อน? โรงเรียนเอกชนชื่อดัง ย่านหัวรถไฟ จังหวัดโคราช (นครราชสีมา) ผู้บริหาร คณะครู หรือตำรวจในท้องที่อนุญาตได้อย่างไร สนุกบนความเดือดร้อนของชาวบ้าน รถติดยาวนานเป็นชั่วโมง ถนนก็ถนนสายหลักทั้งนั้น เจริญละท่าน ต้องมีคนออกมาขอโทษหรือรับผิดชอบ"

ด้านเพจที่ชื่อว่า ‘กูประชด’ ดูดคลิปไลฟ์สดกิจกรรมดังกล่าว พร้อมระบุว่า "ปิดถนนหน้าโรงเรียนเพื่อให้เด็กเต้น รถติดบานเลย คนจัดเอาอะไรคิดก่อน?" ปรากฏว่ามีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

- "คณะครูโรงเรียนเอาสมองส่วนไหนคิด จัดกิจกรรมที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคมและบุคคลที่ใช้ถนน ถนนหลวงไม่มีสิทธิ์ปิดกั้นขนาดนี้ ถ้ามีกิจกรรมก็อาจจะสัก 1 ช่องจราจรพอได้ เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดือดร้อนอย่างมาก"

- "ไม่ขอพื้นที่ในโรงเรียนวะ"

- "ระวังตะวันไปบีบแตรนะคะ" (หมายถึง น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ผู้ต้องหาคดีคุกคามขบวนเสด็จฯ)

- "สภาพ...รถไม่ติดยาวถึงตลาด 100 ปี เลยเหรอเนี่ย"

- "เสรีภาพแต่คนอื่นเดือดร้อน"

- "อยากโชว์ว่ามีกิจกรรมดีๆ แต่ลืมคำนึงว่าคนอื่นจะเดือดร้อนไหม"

- "รอคำอธิบายจากคณะผู้บริหารโรงเรียนและผู้ที่อำนวยความสะดวก (ตำรวจเมืองนครราชสีมา)​"

- "การเต้นอะดี แต่ไม่ควรจัดที่ถนน เพราะเวลาเลิกเรียนหรือตอนเช้า เส้น ท.2 กับมารีย์คือรถติดมากๆ พื้นที่ใน รร.ก็มี จัดใน รร.ก็ได้ ถ้าคนอื่นอยากเข้าไปดู ก็เปิดให้เข้าไปดู"

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเต้นดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ชื่อว่า ซาวเด้อ โคราช มิวสิก เฟสต์ 2024 โคราชเมืองดนตรี ซาวเด้อ เอ็กซ์ เค-แบทเทิล รวมพลังชาวคัฟเวอร์ร่วมกิจกรรมแรนดอมแดนซ์ เพื่อประชาสัมพันธ์เทศกาลดนตรีซาวเด้อ โดยกำหนดจัดกิจกรรมวันที่ 19 ก.พ. เวลา 17.00-17.20 น. หน้าโรงเรียนมารีย์วิทยา โดยงานดังกล่าวจัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา และภาคส่วนต่างๆ เช่น สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เทศบาลนครนครราชสีมา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา วิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา โรงเรียนสุรนารีวิทยา บริษัท พาวเวอร์ มูฟ จำกัด และกลุ่ม เค แบทเทิล ไทยแลนด์

ภายหลังเฟซบุ๊กเพจ ‘Sounder Korat Music Fest’ โพสต์ข้อความระบุว่า "การทำประชาสัมพันธ์งาน Random Dance เป็นการตัดสินใจของทีมผู้จัด ไม่เกี่ยวข้องกับทางโรงเรียน หรือหน่วยงานใดๆ ด้วยเจตนาที่อยากสร้างสีสันให้กับเมือง ทางทีมผู้จัดคิดไม่รอบคอบ ต้องกราบขออภัยอย่างสูงในความไม่สะดวก มา ณ ที่นี้ ด้วยครับ ทางทีมผู้จัดขอน้อมรับทุกความคิดเห็น และจะปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ขอขอบพระคุณทุกคำเสนอแนะ ครับผม" แต่ก็มีชาวจังหวัดนครราชสีมาตำหนิพฤติกรรมดังกล่าวอยู่ดี

'อดีตทูตนริศโรจน์' เห็นใจ!! เจ้าบ่าวเจอญาติพี่น้องเจ้าสาวกั้น 13 ประตู ย้ำ!! พิธีแต่งงานควรหยอกเล่นแค่พองาม ช่วยคงประเพณีให้ดูขลัง

(20 ก.พ.67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ถึงประเด็นเจ้าบ่าวถอดใจไม่แต่งงาน หลังเจอญาติพี่น้องเจ้าสาวกั้น 13 ประตู ว่า...

ขอเขียนอีกที เรื่องเจ้าบ่าวเจอญาติพี่น้องเจ้าสาวกั้น 13 ประตู สุดท้ายเจ้าบ่าวถอดใจไม่แต่ง นั้นผมย้ำอีกทีว่าผมเห็นใจเจ้าบ่าวครับ 

ไปร่วมพิธีแต่งงานแบบนี้มาหลายครั้ง อะไรที่มากเกินไปมันไม่น่ารักเลย จริง ๆ แล้วตามประเพณีไทยจริง ๆ เขามีแค่ประตู เงิน ทอง นาค 3 ประตูเท่านั้น 

ตอนหลังเจอเล่นกันมากมายเหมือนหวังเอาเงิน และถ้าฝ่ายเจ้าบ่าวไม่ได้เตรียมเงินไปพอ ก็จะเกิดการอึดอัดเสียหน้า

ครั้งหนึ่งเคยไปงานแต่งงานแบบนี้ที่ต่างจังหวัด เจ้าสาวเป็นคนไทย เจ้าบ่าวเป็นฝรั่ง เจ้าบ่าวมีพ่อแม่และญาติจากต่างประเทศมาร่วมงานด้วยมีกั้นประตูขันหมากเยอะแบบนี้

แต่ละด่านก็เล่นมากไปจนรู้สึกน่าเบื่อและเริ่มน่ารำคาญ!!

แต่อะไรก็ไม่น่าเกลียดเท่ากับ ตลกแบบเลยเถิด เช่น คนกั้นประตูจะให้เจ้าบ่าวพูดคำสองแง่สองง่าม ลามกจกเปรต หรือ ให้พูดภาษาไทยยาก ๆ หรือพูดชื่อผลไม้พวก ฟักแฟง ซึ่งเจ้าบ่าวก็พูดไม่ได้ ขบวนก็เลยชะงักไม่ไปไหนซักที  

ญาติเจ้าบ่าวก็งงว่าทำไมถึงมีคำหยาบคายของฝรั่งว่า ฟัก ๆ ๆ ตะโกนกันลั่น ๆ  

คือ คนไทยสนุกกันเอง หัวเราะกันเอง แต่บรรยากาศเริ่มไม่ตลก ผมมองเห็นสีหน้าญาติเจ้าบ่าวรู้เลยว่าพวกเขาไม่อินไปด้วย

พวกเขาเริ่มไม่ยิ้ม 

บางทีก็มีการขโมยรองเท้าเจ้าบ่าวเอาไป ถ้าอยากได้คืนต้องเสียค่าไถ่!!!! 

อันนี้ยิ่งไม่เห็นด้วยเลย เหมือนกับส่งเสริมการลักเล็กขโมยน้อย หรือการแลกหรือติดสินบน ถึงจะผ่านไปได้ ยิ่งลูกเด็กเล็กแดงได้เห็นโตไปอาจนึกว่าสิ่งเหล่านี้ถูกต้อง

ขอเขียนอีกที เพราะพิธีแต่งงานอย่าเล่นเลยเถิดมากเกินไป ควรเล่นแต่พองาม ขำ ๆ หยอก ๆ ควรรักษาประเพณีให้ดูขลังไว้ก่อน และอย่าทำอะไรให้ต่างชาติดูถูกเอาได้

‘โจอี้ ภูวศิษฐ์’ ยินดี!! ให้แฟนคลับหน้าเวทีถ่ายรูป ‘ฟรี’ ย้ำ!! ไม่ต้องแนบเงิน เพราะทุกคนเสียค่าบัตรค่าโต๊ะมาดูแล้ว

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘Joey Pws’ ของ โจอี้ ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ นักร้องหนุ่มชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ถึงแฟนคลับหน้าเวที โดยเจ้าตัวยินดีให้ถ่ายรูปได้ฟรีโดยไม่ต้องให้เงิน

‘โจอี้’ ระบุข้อความว่า "ฝากแฟนๆ นะครับ ถ้าจะถ่ายรูปหน้าเวทีกับผมถ้าไม่ได้เล่นกีตาร์หรือพิณ ให้เปิดกล้องไว้แล้วยื่นมาได้เลยครับ ไม่ต้องให้เงินแลกถ่ายรูปเลยนะครับ ผมเต็มใจถ่ายให้ทุกคนแบบไม่รับตังค์ แค่ทุกคนเสียค่าบัตรค่าโต๊ะมาดูผม ผมก็ดีใจและเป็นเกียรติมากๆ แล้วครับ รักทุกคนนะครับ"

อย่างไรก็ตาม มีแฟนคลับแห่คอมเมนต์ชื่นชมศิลปินกันเป็นจำนวนมาก เช่น ศิลปินน่ารักที่สุด, นี่แหละที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนคลับ รักและจะเป็นแฟนคลับตลอดไปครับ, ศิลปินที่ไม่คิดว่าเป็นศิลปินต้องแบบนี้ครับ, น่ารักกับแฟนเพลงที่สุด, คือน่ารักแท้ อยากไปดูคอนเสิร์ตโจอี้ เป็นต้น

ความปรารถนาดีและกำลังใจดีๆ จาก ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ถึงเยาวชนไทย

ความปรารถนาดีและกำลังใจดีๆ จาก ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ถึงเยาวชนไทย

ภาพจำที่ชัดเจน ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ผู้ใหญ่ใจดีที่มอบสิ่งดีๆ ให้แก่สังคมไทย ล่าสุดได้สนับสนุนการศึกษาเด็กไทยทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อโครงการ ‘Aerosoft Give Scholarships มอบทุน 100 ล้าน สานฝันให้เด็กไทย’ พร้อมทั้งฝากความปรารถนาดี ความหวังดี และส่งกำลังใจถึงลูกหลาน เยาวชนไทย ไว้ว่า…

“คุณตาโกมลคนนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับหลาน ๆ ทุกคนที่ได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้ และขอให้ทุกคนอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด พวกเหล้ายาของไม่ดีอย่าลองอย่างเด็ดขาด รวมถึงการพนัน ซึ่งตอนนี้การพนันออนไลน์มีเยอะมากและเข้าถึงได้ง่าย ขอฝากไว้ว่าอย่าได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะถ้าหากหลงเข้าไปในบ่วงการพนันแล้วจะทำให้ชีวิตมีแต่ความเดือดร้อน ขอให้มุ่งพัฒนาตัวเองและตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ด้วยความมานะอดทน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสร้างโอกาสในชีวิตและมีรายได้ที่สูงขึ้น สามารถเลี้ยงดูตอบแทนพ่อแม่และมีชีวิตที่ดีในอนาคต”

'พลังงาน' จ่อหารือสรรพสามิต หวังใช้กลไกภาษีช่วยอุ้มราคาดีเซล หลังกองทุนน้ำมันรับภาระอ่วม ยืนราคา 30 บาทได้แค่สิ้น มี.ค.นี้

(20 ก.พ. 67) แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า กระทรวงฯ เตรียมทบทวนมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ในส่วนของน้ำมันดีเซลที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ตรึงราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2567 โดยหนึ่งในแนวทางสำคัญก็คือ การหารือกับกรมสรรพสามิต เพื่อใช้กลไกของภาษีสรรพสามิตในการช่วยสนับสนุน เนื่องจากปัจจุบันบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้อุดหนุนราคาดีเซลเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5.30 บาทต่อลิตร จากเดิมที่เคยอุดหนุนในอัตราไม่ถึง 5 บาท

ทั้งนี้ เชื่อว่าจากการอุดหนุนดังกล่าว กองทุนน้ำมันฯน่าจะบริหารจัดการตรึงราคาน้ำมันดีเซลได้จนสิ้นสุดระยะเวลาตามมาตรการดังกล่าว เนื่องจากกองทุนฯ ยังมีเงินกู้เหลืออยู่ที่สามารถเบิกจากสถาบันการเงินได้อีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท จากปี 2565-2566 ที่รัฐบาลให้กรอบวงเงินกู้ได้ไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท โดยทำเรื่องกู้รวมไปแล้ว 1.05 แสนล้านบาท เพื่อการบริหารดูแลราคาดีเซล

“เชื่อว่ากองทุนน้ำมันฯ จะบริหารจัดการเงินจนสามารถตรึงราคาน้ำมันในประเทศให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรได้ตนถึง 31 มี.ค. 67 แน่นอน แต่หลังจากนั้นคงต้องทบทวนรายละเอียดกันใหม่ หากต้องการต่ออายุมาตรการออกไปอีก” แหล่งข่าว กล่าว

สำหรับปัจจัยสำคัญมาจากราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ต้องจ่ายเฉพาะดีเซลวันละประมาณ 375 ล้านบาทหรือเฉลี่ยเดือนละ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยเมื่อหักลบกับรายได้จากกลุ่มเบนซินและชดเชยก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) อีกราว 1,700 ล้านบาทต่อเดือนทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลออกวันละประมาณ 320 ล้านบาทหรือเดือนละประมาณ 10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี หากระดับราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกยังคงมีทิศทางผันผวนในระดับเฉลี่ย 105-110 เหรียญต่อบาร์เรลคาดว่าฐานะกองทุนน้ำมันฯ จะติดลบประมาณ 100,000 ล้านบาทภายในเม.ย.นี้

“ราคาน้ำมันที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนสูงเดี๋ยวขึ้น ลง จากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์เป็นหลัก ทั้งจากการสู้รบในทะเลแดง และในช่วง 1-2 วัน รัสเซีย-ยูเครนมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นภายหลังนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงชั่วคราว ประกอบกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางก็ทวีความตึงเครียดขึ้นเช่นกัน” แหล่งข่าว กล่าว

อย่างไรก็ตามปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 11 ก.พ. 2567 มีฐานะสุทธิ -87,828 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชี LPG ติดลบ 46,584 ล้านบาท บัญชีน้ำมัน ติดลบ 41,244 ล้านบาท

“หากดูจากวงเงินที่เหลือกองทุนน้ำมันฯอาจจะบริหารจัดการตรึงราคาดีเซลยืดได้ถึง เม.ย. เท่านั้น หลังจากจากนั้น พ.ค.ทุกอย่างจะเกิดปัญหากระทรวงพลังงานเองก็กำลังเร่งหาแนวทางที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดยจะต้องสรุปออกมาให้ชัดเจนในช่วง มี.ค. และต้นเม.ย. โดยเร่งด่วน เพราะสถานการณ์ขณะนี้ของกองทุนฯ ต่างจากอดีตที่เป็นวิกฤตราคาน้ำมัน แต่ปัจจุบันเป็นวิกฤตสภาพคล่องกองทุนน้ำมันแล้ว ซึ่งการกู้เพิ่มนั้นแม้แต่สถาบันการเงินรัฐก็คงไม่สามารถดำเนินการให้ได้หากไม่มีแหล่งรายได้ไปการันตี” แหล่งข่าว กล่าว

ไทยขาดดุลจีนมหาศาล ไม่ใช่เรื่องใหม่!! ต้องแก้ด้วย ‘ยกระดับ-ปรับคุณภาพสินค้า’

(20 ก.พ. 67) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กต่อกรณีไทยขาดดุลการค้าจีน 1.3 ล้านล้านบาท ไทยขาดดุลจีนมาโดยตลอดมากกว่า 2 ทศวรรษ และมีมูลค่าขาดดุลที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยระบุว่า…

“ข้อมูลไทยขาดดุลจีนมหาศาล ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มันคือ Wake-Up Call !! #ไฟลนก้น ไทยต้องยกระดับสินค้า/ปรับคุณภาพ #ไม่ง่ายแต่ต้องทำ”

ทั้งนี้ สินค้าส่งออกไทยไปจีน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัตถุดิบ /กึ่งวัตถุดิบ /สินค้าเกษตร ผลไม้ ฯลฯ ล้วนมีมูลค่าเพิ่มต่ำ (เราส่งออกสินค้าขั้นสุดท้าย Final Product /Consumer Product ไปจีนน้อยมาก)

ในขณะที่ ไทยนำเข้าสินค้าทุน /เครื่องมือ/เครื่องจักรจากจีน จึงขาดดุลจีนมูลค่ามหาศาลมาโดยตลอด

ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา จีนเป็นแหล่งนำเข้าหลักของสินค้าไทยมาโดยตลอด โดยตัวเลขล่าสุด ปี 2566 จีนเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ของไทย สัดส่วนสูงถึง 24.4% ทิ้งห่างแหล่งนำเข้าอันดับ 2 ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก (10.8%)

สำหรับในปี 2566 ไทยและจีนมีมูลค่าการค้าร่วมกัน 3,608,662 ล้านบาท  ไทยส่งออกไปจีน 1,174,558 ล้านบาท และไทยนำเข้าจากจีน 2,434,104 ล้านบาท ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1,259,546 ล้านบาท หรือเกือบ 1.3 ล้านล้านบาท

ดังนั้น สินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตสินค้าภายในประเทศไทยต้องปรับตัวอย่างหนัก เพื่อความอยู่รอด และจำเป็นยกระดับอัพเกรดสินค้า ปรับคุณภาพ และพัฒนาสินค้านวัตกรรม เพื่อให้สินค้าไทยอยู่ในระดับกลาง/ระดับบนในสายตาของผู้บริโภค ผู้ผลิตไทยควรเน้นภาพลักษณ์ของสินค้าไทยที่มีคุณภาพดีกว่า ในการแข่งขันกับสินค้าจีน  

อย่างไรก็ตาม ประเทศคู่ค้าจีน ส่วนใหญ่ก็ขาดดุลจีนถ้วนหน้า อย่างเช่น  เวียดนาม ก็ขาดดุลจีนมหาศาล (แถมเวียดนามขาดดุลจีนมากกว่าที่ไทยขาดดุลจีนเป็นเท่าตัว)

สิ้น ‘ฮิโรทาเกะ ยาโนะ’ ผู้ก่อตั้ง ‘Daiso’ ต้นแบบร้านขายสินค้าราคา 100 เยน

เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.67) บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า บริษัท ไดโซะ อินดัสทรีส์ (Daiso Industries Co.) ผู้ค้าปลีกสินค้าราคาย่อมเยาในญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ว่า ฮิโรทาเกะ ยาโนะ (Hirotake Yano) มหาเศรษฐีหมื่นล้าน ผู้ก่อตั้งร้าน ‘ไดโซะ’ (Daiso) ต้นแบบร้านขายสินค้าราคา 100 เยน เสียชีวิตแล้วในวัย 80 ปี เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67 ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว 

แถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า สมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดได้จัดงานศพของเขาเป็นการส่วนตัว และบริษัทจะจัดพิธีรำลึกถึงเขาในการประชุมของบริษัทในอนาคตอันใกล้นี้ 

ทั้งนี้ ยาโนะ เป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกรูปแบบธุรกิจร้านขายสินค้าที่ขายทุกอย่างในราคา 100 เยน ซึ่งในช่วงเวลาที่เขาเสียชีวิต เขามีความมั่งคั่งสุทธิประมาณ 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 68,530 ล้านบาท) อิงตามรายงานของ Bloomberg Billionaires Index 

หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชูโอในกรุงโตเกียวในปี 1967 ฮิโรทาเกะ ยาโนะ ได้ทำงานหลายอย่าง รวมถึงทำงานในกิจการประมงของพ่อตาจนกระทั่งกิจการล้มละลาย ก่อนที่เขาจะเริ่มขับรถบรรทุกเร่ขายสินค้าในปี 1972 ซึ่งนั่นทำให้เขามีความคิดที่จะขายสินค้าทุกชิ้นในราคา 100 เยน เพื่อประหยัดเวลาจากการที่ไม่ต้องติดป้ายราคา 

ด้วยไอเดียนั้น เขาจึงก่อตั้งร้าน ไดโซะ (Daiso) ขึ้นในปี 1977 แต่กว่าจะมีกำไรก็ต้องใช้เวลาหลายปี ด้วยยอดขาย 3.6 พันล้านเยน Daiso Industries ประสบความสำเร็จจากผลกำไรจากการดำเนินงานเป็นครั้งแรก

บริษัทของเขาประสบความสำเร็จเนื่องจากเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นมาตอบโจทย์ในยุคที่ค่าแรงในญี่ปุ่นซบเซาและเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นมองหาสินค้าที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากขึ้น โมเดลธุรกิจการขายสินค้าทุกชิ้นในราคา 100 เยนจึงเป็นที่นิยมขึ้นในญี่ปุ่น และหลังจากนั้นก็ได้รับความนิยมในประเทศอื่น ๆ ด้วย

หุ้นบริษัทไดโซะซึ่งเป็นหุ้นแบบ Closely Held (ถือหุ้นโดยกลุ่มคนเฉพาะ) มีรายได้ 589,100 ล้านเยน (ประมาณ 141,530 ล้านบาท) งวด 11 เดือนของปีงบการเงิน 2022 (ถึงกุมภาพันธ์ 2023) ข้อมูลในเว็บไซต์บริษัทระบุว่า ไดโซะมีร้านค้าในประเทศญี่ปุ่น 4,360 สาขา และในต่างประเทศ 990 สาขา ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2023

‘สว.วีระศักดิ์’ ร่วมเวทีสนทนา ‘มรดกจากธรรมชาติ การสืบทอดและรักษา’ พร้อมร่วมชมภาพยนตร์ ‘มหัศจรรย์เมล็ดพันธ์ุเหนือมิติ The Magic Seeds’

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 67 นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเวทีสนทนาในหัวข้อ ‘มรดกจากธรรมชาติ การสืบทอดและรักษา’ ร่วมกับ พ่อคำเดื่อง ภาษี ปราชญ์ ชาวบ้านจากแดนอีสาน ผู้สร้างตำนานการปลูกป่าในนาข้าว, ปาน ธนพร, โอ อนุชิต, จ้ะจ๋า แดนดาว ยมาภัย ดารานักแสดง, คุณวันเพ็ญ มีศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี และคุณพวงเพชร สุพาวานิชย์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ‘มหัศจรรย์เมล็ดพันธ์ุเหนือมิติ The Magic Seeds เมล็ดพันธ์ุมหัศจรรย์เหนือมิติ สู่มหัศจรรย์ความยั่งยืน’ ภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นเพื่อถ่ายทอดความรู้และความรักในธรรมชาติของวัยรุ่นหนุ่มสาวผ่านการเรียนรู้จากกลุ่มปราชญ์ชุมชนที่ทำเกษตรธรรมชาติ รักษาความหลากหลายและการสร้างความยั่งยืนให้แก่ชีวิตและชุมชน ตลอดถึงคืนความสมบูรณ์แก่นิเวศสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่

จากนั้นร่วมกับผู้บริหารของ เพลาเพลิน เดอะเจอนีย์ บริการกิจกรรมชุมชนด้วยการฉายหนังกลางแปลง เรื่อง ‘มหัศจรรย์เมล็ดพันธ์ุเหนือมิติ’ ความยาว 120 นาที ในบริเวณ แคมปิ้งมาร์เก็ต ลานกลางหมู่ต้นจามจุรีใกล้อุทยานแห่งชาติ มรดกโลกแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

สำหรับองค์กรหรือสถาบันการศึกษา ตลอดจนชุมชนที่สนใจขอนำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉายเพื่อการเรียนรู้ สามารถติดต่อได้ผ่านกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กระทรวงวัฒนธรรม หรือติดต่อได้ที่ 092-271-2494 คุณพวงเพชร หัวหน้าโครงการภาพยนตร์

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top