Tuesday, 10 June 2025
TheStatesTimes

‘มะกัน’ ผวา!! คนร้ายใช้ปืนไรเฟิลบุกกราดยิงในบาร์-วอลมาร์ต ที่รัฐเมน ดับสลด 22 ศพ บาดเจ็บครึ่งร้อย ตร.เร่งล่าตัว-สั่งร้านค้าปิดให้บริการชั่วคราว

(26 ต.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเหตุกราดยิงในเมืองลูอิสตัน รัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในคืนวันพุธ ที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) ครอบคลุมสถานที่ 3 แห่งซึ่งเป็นบาร์ ร้านอาหาร และวอลมาร์ต สโตร์ โดยเจ้าหน้าที่ได้เผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัย เป็นชายคนหนึ่งพร้อมอาวุธปืนไรเฟิล

ทั้งนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 22 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากกว่า 50-60 ราย และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนประชาชนให้อยู่ในสถานที่พักอาศัย และให้ร้านค้าผู้ประกอบการหยุดให้บริการ

โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจลูอิสตันยังคงเร่งไล่ล่าผู้ก่อเหตุ พร้อมเผยภาพผู้ต้องสงสัย และยานพาหนะที่คาดว่าใช้ในการหลบหนี

สำหรับ เมืองลูอิสตัน มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 38,000 คน ใช้เวลาขับรถ 45 นาทีไปทางเหนือของพอร์ตแลนด์ รัฐเมน

'กรณ์' หวั่น!! รัฐอาจกู้เงินต่างประเทศ เตือน!! ไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมเท่าไร

(26 ต.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij' ในหัวข้อ 'รัฐบาลจะกู้เงินต่างประเทศ !!?' ระบุว่า...

เมื่อใครเข้ามาเป็นรัฐมนตรีคลัง ก็จะมีเจ้าหน้าที่การตลาดของวาณิชธนกิจจากต่างประเทศ เช่น JPMorgan Goldman Sachs หรือ UBS ขอคิวเข้าพบ

และหนึ่งบริการที่เขาจะพยายามเสนอขายคือ ‘การออกพันธบัตรดอลลาร์’ พูดให้คนไทยเข้าใจง่าย ๆ คือ *เสนอให้รัฐบาลกู้เงินต่างประเทศนั่นเอง*

ซึ่งวันนี้ผมเห็นรัฐบาลออกมาแสดงเจตจำนงจะออกพันธบัตรกู้เงินสกุลดอลลาร์ พร้อมคำอธิบายว่าเพื่อเป็นการ ‘เปิดตลาด’ และเพื่อสร้างราคาอ้างอิง (benchmark) - นั่นคือคำอธิบายที่พนักงานมาร์เก็ตติ้งธนาคารมักจะใช้ในการขายบริการนี้ ดังนั้น ผมคาดว่าครั้งนี้ก็ไม่ต่าง

แต่ก่อนที่รัฐบาลจะคล้อยตาม ผมขอให้ไตร่ตรองให้ดีครับ เพราะจังหวะเวลานี้ ต้องขอบอกว่าไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมเลยที่ไทยเราจะออกไปกู้เงินต่างประเทศในลักษณะแบบนี้

หากเป็นสองปีก่อน หรือแม้แต่ปีที่แล้ว ในช่วงก่อนที่ดอกเบี้ยจะขึ้น และในช่วงที่สภาพคล่องมีล้นเหลือยังพอว่า…

แต่วันนี้หากรัฐบาลไทยออกพันธบัตรกู้เงินสกุลดอลลาร์ น่าจะต้องมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยรัฐบาลอเมริกาอยู่ประมาณ 1% คือเท่ากับเราต้องจ่ายดอกเบี้ย 6% ขึ้นไป พร้อมกับการรับความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (เทียบกับการกู้เงินบาทโดยรัฐบาลในอัตราดอกเบี้ย 3.3% - แพงกว่ากันประมาณ 2 เท่า)

ช่วงนี้ตลาดพันธบัตรผันผวนสูง และต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลไทยไม่ได้กู้เงินต่างประเทศแบบนี้มาตั้งแต่ยุควิกฤตต้มยำกุ้ง!

ดังนั้นเรื่องนี้เป็นประเด็นละเอียดอ่อน เราต้องออกไปเปิดตัวในจังหวะที่ดี ทั้งในแง่สภาวะตลาดและในแง่ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของเรา

ยิ่งถ้ามีการโยงว่า ‘รัฐบาลไทยออกพันธบัตรกู้เงินต่างประเทศครั้งแรกในรอบ 25 ปี เพื่อนำไปแจกเงินโครงการประชานิยม’ อันนี้ไม่ดีแน่นอน!

'พิมพ์ภัทรา' เอาจริง!! ออก 8 มาตรการปราบสินค้าออนไลน์ไร้มาตรฐาน ลั่น!! ต้องกวาดล้างให้หมดไปจากท้องตลาดภายใน 6 เดือน

(26 ต.ค. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังจากการลงพื้นที่ดูแลประชาชน มักจะได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนเรื่องการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ไม่มีมาตรฐานอยู่เป็นระยะ ตนจึงสั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เข้มงวดในการตรวจควบคุมการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ต้องกวาดล้างให้หมดไปจากท้องตลาดภายใน 6 เดือน 

ทั้งนี้ ภายใต้ภารกิจ 'Quick Win' ได้ออก 8 มาตรการเร่งด่วน เพื่อกำกับดูแล ควบคุม และส่งเสริมให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ถูกหลอกจากการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ ได้แก่...

1) มาตรการ 3 ร. (เร่งตรวจ เร่งกำกับ เร่งปราบ)  
2) มาตรการจับจริง-ปรับจริง 
3) มาตรการเชื่อมโยงข้อมูล 
4) มาตรการให้ความรู้  
5) มาตรการขยายผลอย่างยั่งยืน 
6) มาตรการสร้างความตระหนัก 
7) มาตรการใกล้ชิดประชาชน 
8) มาตรการเพิ่มอาวุธ 

โดยคาดว่าทั้ง 8 มาตรการจะสามารถกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพที่จำหน่ายทางแพลตฟอร์มออนไลน์ให้หมดไปจากท้องตลาด

ด้าน นายวันชัย พนมชัย รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สมอ. ได้ลงพื้นที่ตรวจควบคุมการจำหน่ายสินค้าในท้องตลาด และทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพให้หมดไปภายใน 6 เดือน รวมทั้ง ได้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ได้แก่...

1) มาตรการ 3 ร. (เร่งตรวจ เร่งกำกับ เร่งปราบ) โดยเพิ่มความถี่ในการตรวจสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ และนำข้อมูลที่ได้มาขยายผล เพื่อให้รู้ถึงพิกัดโกดังเก็บสินค้า พิกัดการโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ และให้ทราบถึงแหล่งที่มาทั้งโรงงานที่ผลิตและช่องทางการนำเข้าของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำความผิดอย่างสูงสุด  

2) มาตรการจับจริง-ปรับจริง หากพบสินค้าไม่แสดงเครื่องหมาย มอก. สมอ. จะออกหนังสือแจ้งผู้ประกอบการให้มาให้ข้อมูลร้านค้า และรายละเอียดของสินค้า หากพบว่ามีความผิดจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

3) มาตรการเชื่อมโยงข้อมูล โดยการชี้แจงให้ทุกแพลตฟอร์มทราบมาตรการในการดำเนินคดีกับสินค้าที่มีการโฆษณาโดยไม่แสดงเครื่องหมาย มอก. และให้ทุกแพลตฟอร์มจัดทำระบบที่บังคับให้ผู้จำหน่ายสินค้าควบคุมต้องแสดง QR Code ข้อมูลใบอนุญาต และภาพในการโฆษณาต้องแสดงเครื่องหมาย มอก. ด้วย 

4) มาตรการให้ความรู้  สมอ. จะเชิญร้านค้าออนไลน์ และแพลตฟอร์ม หารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการป้องกันการโฆษณา การจำหน่าย และการลักลอบขายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และให้ทราบถึงการกระทำความผิดฐานเป็นผู้ให้พื้นที่ในการโฆษณาและเป็นผู้มีส่วนได้ผลประโยชน์จากการขายสินค้าดังกล่าว 

5) มาตรการขยายผลอย่างยั่งยืน โดย สมอ. จะขยายผลให้ทราบถึงแหล่งที่มาของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเพื่อให้ควบคุมได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด และจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ประกอบการ หรือผู้เกี่ยวข้อง ที่แจ้งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับแหล่งที่มาของสินค้า 

6) มาตรการสร้างความตระหนัก โดยขอความร่วมมือแพลตฟอร์มให้แสดงอินโฟกราฟิกแจ้งเตือนผู้บริโภคให้รู้วิธีการสังเกตสินค้าที่มีมาตรฐานทุกครั้งที่มีการค้นหา Keyword (คีย์เวิร์ด) เช่น คำว่า 'ปลั๊กพ่วง' / 'พาวเวอร์แบงค์' หรือ 'หลอดไฟ' ฯลฯ 

7) มาตรการใกล้ชิดประชาชน สมอ. จะทำคอนเทนต์ออนไลน์ให้ความรู้แก่ประชาชนในการเลือกซื้อสินค้าที่มีมาตรฐาน 

8) มาตรการเพิ่มอาวุธ มีการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจศึกษาข้อกฎหมาย ข้อจำกัด และแนวทางการแก้ปัญหาในการลงโทษร้านค้าออนไลน์ที่กระทำความผิด รวมทั้งผู้มีส่วนได้ผลประโยชน์จากการขายสินค้าด้วย 

ทั้งนี้ เป็นการดำเนินงานภายใต้ภารกิจ 'Quick Win' เพื่อกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพให้หมดไปภายใน 6 เดือน นายวันชัยฯ กล่าว

'ยูโอบี' ชวนท่องโลกศิลปะครั้งที่ 14 ในรูปแบบ 'Exhibition Trail' พร้อมสัมผัส 5 ไฮไลต์พิเศษ!! ตั้งแต่วันนี้-29 ตุลาคม 2566

'ยูโอบี' เปิดประสบการณ์ใหม่ ชวนคนรักงานศิลป์ท่องโลกศิลปะในรูปแบบ Exhibition Trail สร้างประสบการณ์ร่วม เชื่อมโยงแนวคิด สร้างสรรค์แรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้ผู้ชมระหว่างชมนิทรรศการ

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ชวนคนรักงานศิลป์ร่วมชมนิทรรศการจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 14 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันนี้ – 29 ตุลาคม 2566 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม 2566 - 5 มกราคม 2567 ณ อาคารยูโอบี พลาซา กรุงเทพ เพื่อนำเสนอผลงานที่ได้รับรางวัลจากการประกวดจิตรกรรมยูโอบีประจำปีนี้ ให้ผู้สนใจได้เข้าชม และเสริมสร้างแรงบันดาลใจจากผลงานศิลปะที่ถูกสร้างสรรค์โดยศิลปินทั้งรุ่นใหม่และรุ่นอาชีพ พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ จัดกิจกรรม on-ground workshop ชวนท่องโลกศิลปะในรูปแบบ Exhibition Trail สร้างประสบการณ์ร่วม เชื่อมโยงแนวคิดสร้างสรรค์ระหว่างชมนิทรรศการ พิเศษเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น

พบ 5 ไฮไลต์ ความพิเศษของนิทรรศการจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 14 ที่เอามาฝากกัน

1. ผลงานชนะเลิศประเภทศิลปินใหม่หรือสมัครเล่น ประจำปี 2566 ผลงานศิลปะของรุ่นเล็กที่ความสามารถไม่เล็ก ผลงาน Joy ของนายสันติภาพ เพ็งสวย สัมผัสได้ถึงความสุขของเด็กนักเรียนที่ได้รับการเติมเต็มจากศิลปะ แม้อุปกรณ์การเรียนการสอนในโรงเรียนอาจจะไม่สมบูรณ์แบบ

2. ผลงานชนะเลิศประเภทศิลปินอาชีพ ปีนี้ นางสาวปรัชญา เจริญสุข เจ้าของผลงาน ปากน้ำชุมพร โดดเด่นในเรื่องการใช้เทคนิคสื่อผสมบนผ้าใบ (ไมโครพลาสติก) เพื่อสื่อสารถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ได้อย่างกระทบความรู้สึกที่สุด ผลงานนี้คว้าเงินรางวัล 750,000 บาท และยังมีโอกาสต่อเนื่องในการประกวดระดับภูมิภาค ณ ประเทศสิงคโปร์ เพื่อชิงรางวัลชนะเลิศ UOB Southeast Asian Painting of the Year พร้อมเงินรางวัลอีก 13,000 เหรียญสิงคโปร์ และโอกาสในการเป็นศิลปินในพำนัก ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

3. ผลงานศิลปะของผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย รวมอีก 12 ผลงาน ที่ล้วนแล้วแต่มีพลังดึงดูดความสนใจในแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป บางผลงานสวยแทบลืมหายใจ บางผลงานมีเทคนิคที่ไม่รู้ว่าเอาความคิดสร้างสรรค์นี้มาจากที่ไหน ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะเก็บภาพความทรงจำ แชร์ความประทับใจไว้บนโซเชียลมีเดีย

4. ผู้นำชมของหอศิลปกรุงเทพฯ รู้หรือไม่ ที่หอศิลปกรุงเทพฯ ก็มีผู้นำชมนิทรรศการ เพื่อให้ผู้ชมได้รับข้อมูลและเข้าถึงสิ่งที่ศิลปินต้องการสื่อได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น ทางหอศิลปกรุงเทพฯ ได้จัดให้มีผู้นำชมให้ข้อมูลแก่ผู้ชมระหว่างวันเสาร์และอาทิตย์ โดยมีทั้งผู้นำชมที่เป็นเจ้าหน้าที่ของหอศิลปกรุงเทพฯ เอง และอาสาสมัคร(Volunteer Docent) หลากหลายวัยที่ต่างหลงใหลในศิลปะและต้องการช่วยให้ผู้ที่ชื่นชอบศิลปะสามารถเข้าถึงศิลปะได้มากขึ้น ช่วยขยายฐานผู้ชมที่รักในงานศิลปะให้กว้างยิ่งขึ้น

5. Exhibition Trail เคยร่วมเทรลในหอศิลป์หรือยัง? ถ้ายังไม่เคย ห้ามพลาดกิจกรรมเทรลสุดชิค ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้เทรลรอบนิทรรศการศิลปะ และเป็นภัณฑารักษ์จัดแกลเลอรีพิเศษเฉพาะตัว ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ระหว่างวันที่ 12-29 ตุลาคม 2566 ผู้ชมนิทรรศการจะได้รับ Trail Kit ในรูปแบบแผ่นพับ สำหรับทำเทรลในนิทรรศการจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 14 ซึ่งในแผ่นพับจะมี Self Gallery และสติกเกอร์ภาพผลงานที่จัดแสดงอยู่ภายในงานทั้งสิ้น 20 ชิ้น ให้ผู้ชมสามารถเลือกจัดผลงานลงบนห้องความรู้สึก 4 ห้อง ได้แก่ Room of Self, Room of Love, Room of Fear และ Room of Dream ได้ตามต้องการ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมในการตีความนิทรรศการ กระตุ้นการเรียนรู้ ได้รับประสบการณ์ใหม่ที่มากกว่าการเข้าชมนิทรรศการทั่วไป ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้และความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นต่อนิทรรศการ เกิดแรงบันดาลใจ อีกทั้งยังได้แง่คิดใหม่ที่นำไปต่อยอดได้ในอนาคต

ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ในการชมนิทรรศการจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 14 กับกิจกรรม Exhibition Trail ได้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ วันละ 3 รอบ ในเวลา 13.00 น. 14.00 น. และ 15.00 น. 

ระหว่างวันที่ 12 - 29 ตุลาคม 2566 ณ โถง ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ถึง 5 มกราคม 2566 ณ อาคารยูโอบี พลาซา กรุงเทพ ถนนสุขุมวิท)

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางอีเมล [email protected] หรือติดตามข่าวสารได้ทาง www.facebook.com/uob.th และ www.uob.co.th/uobandart

'ประดิษฐ์-ส.จักรยานไทย' เนรมิต 'เหมืองทองคำอัครา' สู่พิกัดท่องเที่ยวเชิงกีฬา ขึ้นแท่นสนามแข่งเสือภูเขาระดับนานาชาติ พ่วงศูนย์ฝึกนักปั่นทีมชาติไทย

(26 ต.ค. 66) ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีต รมช.คมนาคม, อดีต รมช.คลัง และ สส.พิจิตร 4 สมัย เนรมิต ‘เหมืองทองอัครา’ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เป็นสนามแข่งขันจักรยานเสือภูเขามาตรฐานระดับนานาชาติ สามารถใช้เป็นศูนย์เก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬาทีมชาติไทย และเป็นศูนย์ฝึกซ้อมนานาชาติยิ่งใหญ่ระดับโลกครบวงจรทั้งครอสคันทรี่, ดาวน์ฮิล และอิลิเนเตอร์ ซึ่งจะมีการบรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่นครลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา โดยจะประเดิมใช้จัดการแข่งขันจักรยานเสือภูเขา ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ สนามที่ 5 ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 28-30 มิ.ย.67 เป็นรายการแรก

‘เสธ.หมึก’ พลเอกเดชา เหมกระศรี ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับจังหวัดพิจิตร และองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เดินหน้าในการส่งเสริมให้จังหวัดพิจิตร เป็นเมืองศูนย์กลางกีฬาจักรยานเต็มตัว มีสนามแข่งขันมาตรฐานครบวงจรทั้งในประเภทถนน บีเอ็มเอ็กซ์ และเสือภูเขา หลังจากความร่วมมือแรกในการดำเนินการสร้างเส้นทางจักรยานรอบบึงสีไฟ ในโครงการพระราชดำริอุทยานระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงสีไฟ ที่จะประเดิมเปิดสนามอย่างเป็นทางการในการแข่งขันจักรยานประเภทเสือภูเขาทางเรียบ และประเภทถนน ไทยแลนด์ โอเพ่น ชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สนามที่ 1 ระหว่างวันที่ 2-3 ธันวาคม 2566

พลเอกเดชา กล่าวว่า สำหรับประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ ทาง อบจ.พิจิตร อยู่ระหว่างดำเนินการจัดสร้างสนามแข่งขันบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิง ให้ได้มาตรฐานของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) ในพื้นที่บึงสีไฟ โดยทางสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ได้ส่งทีมงานไปสำรวจพื้นที่มาเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับวางแปลนการก่อสร้างโดย มร.ฮาวีย์ เครป ผู้เชี่ยวชาญด้านบีเอ็มเอ็กซ์ของยูซีไอ และผู้ฝึกสอนบีเอ็มเอ็กซ์ทีมชาติไทย ขณะที่ประเภทเสือภูเขา ล่าสุด นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิจิตร 4 สมัย ในฐานะประธานที่ปรึกษาพิเศษ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร มีโครงการจัดสร้างสนามแข่งขันจักรยานเสือภูเขามาตรฐานระดับนานาชาติที่สามารถใช้เป็นศูนย์เก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬาทีมชาติไทย และเป็นศูนย์ฝึกซ้อมนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก โดยใช้พื้นที่ฟื้นฟูภายในเหมืองทองอัครา อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร

นายกสองล้อไทย กล่าวอีกว่า การดำเนินการดังกล่าว ฝ่ายเทคนิคของสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วยทีมงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เดินทางเข้าไปสำรวจพื้นที่ภายในเหมืองทองอัครา พบว่าพื้นที่ฟื้นฟูซึ่งไม่ได้ใช้งานเหมืองแล้ว มีความเหมาะสมเป็นอย่างมาก ซึ่งก็สอดคล้องกับความต้องการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร ที่มีแนวคิดจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการกีฬา เนื่องจากมีทัศนียภาพสวยงาม มีบ่อน้ำรูปหัวใจที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้เป็นแหล่งน้ำทางการเกษตรสำหรับชุมชนเกษตรกรในพื้นที่อำเภอทับคล้อ

พลเอกเดชา กล่าวต่อไปว่า จากการสำรวจพื้นที่เบื้องต้น ได้รับรายงานจากฝ่ายเทคนิคว่าสภาพภูมิประเทศมีความเหมาะสมที่จะดำเนินการจัดสร้างสนามแข่งขันครอสคันทรี่ในระดับนานาชาติ ตามมาตรฐานของยูซีไอ ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีพื้นที่ภูเขาที่มีความสูงเพียงพอในการจัดสร้างสนามแข่งขันดาวน์ฮิลที่มีความท้าทายทั้งในเรื่องระยะทางและเทคนิค ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ที่มีความพร้อมในการดำเนินการทั้งครอสคันทรี่และดาวน์ฮิลหาได้ยากมาก นอกจากนี้ก็จะทำสนามแข่งขันเสือภูเขาอิลิมิเนเตอร์ เพื่อรองรับสำหรับการบรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่นครลอสแองเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา

“ในเรื่องการดำเนินการจัดสร้าง ท่านประดิษฐ์ยืนยันว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร ทั้งในเรื่องการจัดหาเครื่องจักรที่จำเป็น ตลอดจนกำลังคนในการดำเนินการ เช่นเดียวกันกับความร่วมมือจากบริษัท อัครา รีซอสเซส ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองแร่ทองคำที่มีความประสงค์จะฟื้นฟูพื้นที่การทำเหมืองเมื่อแล้วเสร็จ ให้เกิดคุณประโยชน์ต่อพื้นที่ในทุก ๆ ด้าน เท่าที่จะสามารถดำเนินการได้ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ก็เป็นหนึ่งในนโยบายของการฟื้นฟูพื้นที่” พลเอกเดชา กล่าว

ทั้งนี้ พลเอกเดชา กล่าวเสริมว่า ในขั้นตอนถัดไป สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ จะส่งทีมงานฝ่ายเทคนิคจักรยานเสือภูเขา เข้าพื้นที่ดังกล่าวเพื่อสำรวจพื้นที่อย่างละเอียด จากนั้นก็จะวางแผนการดำเนินการจัดสร้างสนามแข่งขันทั้งครอสคันทรี่, ดาวน์ฮิล และอิลิมิเนเตอร์ เพื่อให้แล้วเสร็จทันการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานประจำปี 2567 ที่จังหวัดพิจิตร จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันสนามที่ 5 ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายน 2567 ต่อไป

น่ารัก น่าภูมิใจ!! ‘วีระศักดิ์’ ชมหนัง ‘สัปเหร่อ’ เล่าเรื่องราวธรรมดาๆ ผ่านมุมมองที่เรียบง่าย แต่แฝงแง่คิด-คติธรรมเพียบ!!

(26 ต.ค. 66) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึง หนัง ‘สัปเหร่อ’ พร้อมชื่นชมในแง่มุมการนำเสนอเรื่องราวของทีมผู้สร้าง โดยระบุว่า…

“พาครอบครัวไปดูหนัง ‘สัปเหร่อ’ มาแล้ว
คนเต็มโรง มีเสียงคิกคักขบขันกันตลอดเรื่อง

ในฐานะลูกอีสาน คุณพ่อเป็นชาวอุบล คุณแม่จากศรีสะเกษ ผมแอบอมยิ้มกับความเรียบง่ายสไตล์ผู้บ่าวไทบ้านของทีมผู้สร้าง ที่หยิบจับความเป็นไปอย่างปกติของชาวบ้านในย่านนี้ออกมาเผยผ่านประสบการณ์อาชีพสัปเหร่อ ที่ย่อมมีในทุกคุ้มวัด ทุกตำบล แต่ถูกมองข้ามมานาน

มุกกลัวผี มุกเพื่อนฝูงแซวกัน มุกผู้เฒ่าผู้แก่ที่ให้ความเมตตา แต่ก็มีสถานะสำคัญที่ชุมชนยกย่องให้บทบาท มีมุก LGBTQ มุกเด็กแว้นท้องถิ่น มุกเจ้าหน้าที่ในงานบริการในชนบท

แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงคติธรรม ระหว่างแดนของผีกับคน คนปล่อยวางได้กับคนที่ยึดติด คนที่เห็นค่าของผู้อื่นและเห็นค่าในตนเอง

หนังสร้างด้วยฉากง่ายๆ แต่ให้อะไรเกินกว่าที่คิด ไม่ประดิษฐ์ ไม่ประดับมากไป ใช้ภาษาอีสานตลอดเรื่อง แต่มีซับไทย และซับอังกฤษวิ่งใต้ภาพตลอด

น่ารัก และน่าภูมิใจครับ”

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์

AIS ผุดแคมเปญ ‘ทิ้ง E-Waste รับ AIS Points’ ชวนลูกค้าทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี

AIS ชูภารกิจ Zero e-waste to landfill ชวนลูกค้าทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี ดีต่อโลก ดีต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมผุดแคมเปญ ทิ้ง E-Waste กับ AIS รับทันที AIS Points

(26 ต.ค. 66) AIS เดินหน้าเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางด้านการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หรือ Hub of e-waste อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ ‘ทิ้ง E-Waste รับ AIS Points’ ชวนลูกค้านำขยะอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก อุปกรณ์เสริมมือถือ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก มาทิ้งกับ AIS ที่ศูนย์บริการ AIS Shop ที่ร่วมรายการ ผ่านแอปพลิเคชัน E-Waste+ แพลตฟอร์มการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์บน Blockchain ที่จะทำให้เรารู้สถานะการทิ้งตั้งแต่ต้นจนเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธีโดยปราศจากการฝังกลบหรือ Zero e-waste to landfill รับทันที AIS Points สูงสุดถึง 5 คะแนน

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “เพื่อเป็นการตอกย้ำความพร้อมในการเป็น Hub of e-waste มุ่งสร้าง Ecosystem ในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่การสร้างองค์ความรู้ให้ตระหนักถึงปัญหา สร้างการมีส่วนร่วมไปจนถึงการสร้างกระบวนการจัดเก็บและรีไซเคิลแบบ Zero e-waste to landfill ตามมาตรฐานสากล โดยการทำงานครั้งนี้เราได้ต่อยอดเทคโนโลยี Blockchain กับแอปพลิเคชัน E-Waste+ ในแคมเปญทิ้ง E-Waste รับ AIS Points เปลี่ยนทุกการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นคะแนน AIS Points ซึ่งนอกเหนือจากการสร้างการมีส่วนร่วมให้คนไทยและลูกค้าตระหนักถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมแล้ว การนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้จะช่วยทำให้ขยะ E-waste ทุกชิ้น สามารถตรวจสอบสถานะได้ทั้งกระบวนการ รวมถึงยังคำนวณขยะที่ได้ออกมาเป็น Carbon Scores เพื่อให้ทราบว่าเราช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปเป็นปริมาณเท่าไหร่จากการร่วมทิ้ง E-Waste ในครั้งนี้” 

สำหรับลูกค้า AIS สามารถร่วมแคมเปญ ‘ทิ้ง E-Waste รับ AIS Points’ ได้ง่าย ๆ เพียงนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ โทรศัพท์มือถือเก่า แท็บเล็ตเสีย คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก อุปกรณ์เสริมมือถือ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กที่ไม่ใช้แล้ว มาทิ้งกับ AIS ที่ศูนย์บริการ AIS Shop ที่ร่วมรายการ โดยสามารถทิ้งผ่านแอปพลิเคชัน E-Waste + ก็รับทันที AIS Points สามารถดูรายละเอียดที่ https://sustainability.ais.co.th/th/update/e-waste/686/aisewaste-aispoints  

‘นักบิด MotoGP’ ควงตะหลิวจับกระทะ แข่งทำ ‘ผัดไทย’ ชู ‘สตรีตฟู้ด’ ซอฟต์พาวเวอร์ไทย สู่แฟน MotoGP ทั่วโลก

เมื่อวานนี้ (25 ต.ค. 66) ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ นักบิดโมโตจีพีชื่อดังจากยามาฮ่า และ ก๊องส์ ธัชกร บัวศรี นักแข่งดาวรุ่งชาวไทยจากทีมฮอนด้า ครองเจ้าสมรภูมิกระทะเดือด คว้าถ้วย ‘ผัดไทยจีพี’ ไปครอง ในกิจกรรม Pre-Event สุดน่ารักที่จัดต้อนรับนักบิดและเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทำวิดีโอโปรโมตประเทศไทยของทีมดอร์น่า สปอร์ต ที่ปักหลักถ่ายทำ สถานที่สวยงามรอบเกาะรัตนโกสินทร์และแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพ ตื่นตาแฟนโมโตจีพีทั่วโลก ในการนำเหล่าเทพนักบิดชื่อดังระดับโลก ‘กวาร์ตาราโร-มอร์บิเดลลี่-เมียร์’ ปะทะ 3 นักบิดไทย ‘ก้อง-ก๊องส์-ไอเดีย’ แข่งขันทำสุดยอดเมนูสตรีตฟู้ดแสนอร่อยที่สร้างชื่อและภาพจำให้กับประเทศไทยตลอดกาล สูตรเด็ดจากเชฟ ‘กระติ๊บ’ ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล ดีกรีนางเอกดัง เตรียมถ่ายทอดภาพความสวยงามและเรื่องราวต่าง ๆ ในช่วงการแข่งขัน 27-29 ต.ค.นี้ สู่แฟนมอเตอร์สปอร์ตกว่า 207 ประเทศ 800 ล้านคนทั่วโลก

ความเคลื่อนไหวกิจกรรม Pre Event ต้อนรับนักแข่ง โมโตจีพี สนามประเทศไทย รายการ ‘OR Thailand Grand Prix 2023’ ที่จัดขึ้นในวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 ที่ห้องราชพฤกษ์บอลรูม ชั้น 2 อาคารสปอร์ตคลับเฮ้าส์ ราชพฤกษ์คลับ นอร์ธปาร์ค ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นักบิดโมโตจีพีชื่อดัง ได้แก่ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ นักบิดชื่อดังจากยามาฮ่า, โจอัน เมียร์ จากฮอนด้า รวมทั้งนักบิดไทยที่ลงแข่งขันในศึกโมโตจีพี สนามประเทศไทย 3 คน ได้แก่ ก้อง สมเกียรติ จันทรา จากฮอนด้า ในรุ่น Moto2, รุ่น Moto3 ไอเดีย กฤตภัทร เขื่อนคำ จากยามาฮ่า และ ก๊องส์ ธัชกร บัวศรี จากทีมฮอนด้า พร้อมด้วยเหล่าแฟนคลับและกองทัพสื่อมวลชน ร่วมชมการถ่ายทำวิดีโอประชาสัมพันธ์ประเทศไทย โดยทีมงานดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน

ซีนสำคัญของการถ่ายทำวิดีโอโปรโมตประเทศไทย เป็นการเดินเรื่องที่ นักบิดต่างชาติได้พบกับ รถเข็นขาย ‘ผัดไทย’ จึงชักชวนกันไปฝึกหัดและแข่งขันกันทำผัดไทย สู่ซอฟต์พาวเวอร์สตรีตฟู้ดอาหารไทยที่เลื่องชื่อไปทั่วโลก ส่งผ่านวัฒนธรรมอาหารผ่านกิจกรรม Pre-Event ที่ฝ่ายจัดฯ โมโตจีพี เตรียมไว้ต้อนรับในนักแข่งในชื่อ ‘ผัดไทยจีพี’ หรือ ‘PadThai GP Contest’

บรรยากาศภายในงานเริ่มจากขบวนกลองยาว การฟ้อนรำต้อนรับ โดยมีคณะผู้บริหารจากภาครัฐ-เอกชน ที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดันให้เกิดงานโมโตจีพี สนามประเทศไทย นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นประธาน พร้อมด้วย นาย นิธี  สีแพรรองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ นายอารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายกีฬายานยนต์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, นายสุรเชษฐ คล้ายแจ้ง ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบก และตนัยศิริ ชาญวิทยารณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ร่วมให้การต้อนรับ มอบพวงมาลัย และมอบผ้ากันเปื้อนผัดไทยจีพีให้กับเหล่านักบิด

การแข่งขันได้เชฟฝีมือดี ดีกรีนางเอกชื่อดัง กระติ๊บ ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล นำสูตรเด็ด เคล็ดลับการทำผัดไทยให้อร่อย มาสอนให้เหล่านักบิดได้ลงมือทำในแบบต้นตำรับ เมนูสตรีตฟู้ดแสนอร่อยของคนไทยที่กลายเป็นจานโปรดของคนทั่วโลก ซึ่งเมื่อได้ทาน ชวนให้นึกถึงประเทศไทย โดย อ็อกซ์ฟอร์ด ดิกชันนารี บรรจุชื่อ ‘pad thai’ (ผัดไทย) ให้เป็นคำศัพท์สากล เนื่องจากเป็นเมนูที่โด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

การตัดสินการแข่งขันครั้งนี้ โดยเหล่าคณะกรรมการจากภาครัฐเอกชนและแฟนคลับโมโตจีพี ร่วมชิมและโหวตให้กับ ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ นักบิดโมโตจีพีชื่อดังจากยามาฮ่า และ ก๊องส์ ธัชกร บัวศรี นักแข่งดาวรุ่งชาวไทยจากทีมฮอนด้า ครองเจ้าสมรภูมิกระทะเดือด คว้าถ้วยผัดไทยจีพีไปครอง โพเดี้ยมอันดับ 2 ได้แก่ โจอัน เมียร์ จากฮอนด้า และ ไอเดีย กฤตภัทร เขื่อนคำ จากยามาฮ่า โพเดี้ยมอันดับ 3 ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร จากยามาฮ่า และ ก้อง สมเกียรติ จันทรา จากฮอนด้า บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ประทับใจ 

ทั้งนี้ การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ ‘โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023’ (OR Thailand Grand Prix 2023) ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีกำหนดแข่งขันระหว่าง 27- 29 ตุลาคม 2566 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์   

แฟนความเร็วซื้อบัตรชมการแข่งขันได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven  ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนบัตรแอดมิชชัน(ADMISSION) เข้าร่วมชมงานในลานกิจกรรม บูธจำหน่ายสินค้า คอนเสิร์ตและมวย ซื้อบัตรได้ที่บูธ Allticket หน้างาน วันที่ 27-29 ต.ค. เท่านั้น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram

‘เวียดนาม’ ยิ้ม!! ‘ทุเรียน’ ผงาด 9 เดือนแรก ปี 66 แหล่งรายได้ใหญ่สุดในหมู่ ‘ผัก-ผลไม้’ ส่งออก

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, ฮานอย เผยว่า สำนักข่าวท้องถิ่นของเวียดนามรายงานว่า มูลค่าการส่งออกทุเรียนของเวียดนาม ในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2023 ทะลุ 1.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 5.89 หมื่นล้านบาท) ส่งผลให้ทุเรียนกลายเป็นแหล่งรายได้เงินตราต่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุด ในอุตสาหกรรมผักและผลไม้ของเวียดนาม

สำนักงานศุลกากรเวียดนามระบุว่า ตัวเลขข้างต้นสูงกว่าตัวเลขจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 14 เท่า

รายงานระบุว่า ยอดส่งออกทุเรียนแซงหน้าขนุน, แก้วมังกร, แตงโม, กล้วย และลิ้นจี่ จนขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่ง ครองสัดส่วนร้อยละ 38.7 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของอุตสาหกรรมดังกล่าว

ปัจจุบัน ‘จีน’ ยังคงเป็นตลาดส่งออกทุเรียนที่สำคัญของเวียดนาม โดยเวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียน 422 แห่ง และโรงบรรจุหีบห่อทุเรียน 153 แห่งที่ได้รับสิทธิส่งออกทุเรียนสู่จีน

อนึ่ง มูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนาม ช่วงเดือนมกราคม-กันยายน สูงถึง 4.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.52 แสนล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 72.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

พิจิตร-ป.ป.ช. พิจิตร ลุยตรวจ เทศบาลเมืองบางมูลนากสร้างถนน ค.ส.ล. พร้อมวางท่อระบายน้ำชาวบ้านร้องเดือดร้อนเหตุสร้างไม่เสร็จสักที

วันที่ 26 ตุลาคม 2566 นาย วราพงษ์ อินต๊ะโมงค์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยกลุ่มงานป้องกันการทุจริต ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการก่อสร้างถนน ค.ส.ล. พร้อมวางท่อระบายน้ำ ค.ส.ล. ถนนประเวศน์เหนือ สายหลังบริเวณแยกซอยบ้านนายสุรินทร์ อินทร์น้อย หลังได้รับการแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่ามีการก่อสร้างล่าช้า 

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าโครงการดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลเมืองบางมูลนาก ได้รับงบประมาณก่อสร้างตามเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 820,000 บาท

วัตถุประสงค์ของการก่อสร้างเพื่อให้ประชาชนสัญจรเข้าออกได้สะดวก เนื่องจากเป็นบริเวณติดกับแหล่งชุมชน หน่วยงานทำการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) กำหนดราคากลางจำนวน 660,000 บาท 

โดยผู้ที่ชนะการเสนอราคาและเป็นคู่สัญญาได้แก่ บริษัท เบญจกาญจน์ (2015) จำกัด สัญญาจ้างเลขที่ 22/2566 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ราคาตามสัญญาจ้าง 655,789 บาท ระยะเวลาสัญญาเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม – 23 สิงหาคม 2566 รายละเอียดการก่อสร้าง เป็นการก่อสร้างถนน ค.ส.ล. ขนาดกว้าง 3.5 เมตร ยาว 117 เมตร หรือมีพื้นที่ ค.ส.ล. ไม่น้อยกว่า 393 ตารางเมตร วางท่อระบายน้ำ ค.ส.ล. ไม่น้อยกว่า 0.4 เมตร ความยาวบ่อพัก 117 เมตร 

ซึ่งปัจจุบันครบกำหนดสัญญาแล้ว แต่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ 

โดยมีความคืบหน้างานเทคอนกรีตไปแล้วระยะทางกว่า 70 เมตร ยังคงเหลืออีกประมาณ 40 เมตร และงานฝาท่อระบายน้ำต่าง ๆ ดำเนินการแล้ว ทางเทศบาลให้ข้อมูลว่าเนื่องด้วยเป็นช่วงที่ฝนตกติดต่อกันทำให้การก่อสร้างติดขัด ล่าช้าและเสร็จไม่ทันตามสัญญา 

ซึ่งทางเทศบาลฯได้แจ้งสงวนสิทธิ์ค่าปรับแก่ผู้รับจ้างในการชำระค่าปรับรายวัน วันละประมาณ 1,639 บาท ตามกำหนดในสัญญาแล้ว ทางด้านผู้รับจ้างกำลังจัดทำแผนการดำเนินงานส่งให้ทางเทศบาล ซึ่งทางเทศบาลคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จได้ในประมาณอีก 2 สัปดาห์ 

ซึ่งทางสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพิจิตร ได้กำชับให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชน และให้ระมัดระวังเรื่องฝาท่อระบายน้ำให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสัญจรไปมาของประชาชน

ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพิจิตร ได้รับเอกสารหลักฐานการก่อสร้างเพื่อใช้ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแล้ว หากพบประเด็นที่เป็นเหตุสงสัยอื่นใดจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top