Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

'อิสราเอล' กดดัน 'เลขาฯ ยูเอ็น' ลาออก ถาม "คุณอาศัยอยู่ในโลกใด?" หลัง 'กุแตเรซ' บอก มีการละเมิด กม.มนุษยชน ชัดเจนในกาซา

(25 ต.ค. 66) นายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ว่า การโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดยกลุ่มฮามาส ไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ

“ชาวปาเลสไตน์อยู่ภายใต้การยึดครองที่ทำให้พวกเขาหายใจไม่ออกมานานถึง 56 ปี พวกเขาได้เห็นดินแดนของตนถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่องจากการตั้งถิ่นฐาน และถูกรบกวนจากความรุนแรง เศรษฐกิจของพวกเขาหยุดชะงัก ผู้คนต้องพลัดถิ่น และบ้านเรือนของพวกเขาต้องพังยับเยิน ความหวังของพวกเขาที่จะหาทางแก้ไขปัญหาทางการเมืองต่อชะตากรรมที่พวกเขาเผชิญก็สลายหายไปแล้วเช่นกัน” กุแตเรซกล่าว

อย่างไรก็ดี กุแตเรซย้ำว่า ความคับข้องใจของชาวปาเลสไตน์ไม่อาจนำมาเป็นเหตุผลสำหรับการโจมตีที่น่าตกใจของฮามาสได้ และการโจมตีที่น่าตกใจเหล่านั้นก็ไม่สามารถเป็นเหตุผลให้มีการลงโทษแบบเหมารวมต่อชาวปาเลสไตน์ได้ด้วยเช่นกัน

เลขาธิการยูเอ็นกล่าวด้วยว่า มีการละเมิดกฎหมายด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา การคุ้มครองพลเรือนเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการสู้รบใด ๆ

“แต่การปกป้องพลเรือนไม่ได้หมายความถึงการใช้พวกเขาเป็นโล่มนุษย์ ไม่ได้หมายถึงการสั่งให้ผู้คนมากกว่าหนึ่งล้านคนอพยพไปทางใต้ ซึ่งไม่มีที่พักพิง ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำ ไม่มียารักษาโรค และไม่มีเชื้อเพลิง แล้วจึงทิ้งระเบิดใส่ทางตอนใต้ต่อไป” กุแตเรซกล่าว

กุแตเรซกล่าวว่า เขารู้สึกกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมอย่างชัดเจนที่เราได้เห็นในฉนวนกาซา พร้อมกับย้ำให้ชัดเจนว่า ไม่มีฝ่ายใดในการขัดแย้งด้วยอาวุธที่อยู่เหนือกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้เอ่ยชื่ออิสราเอลหรือฮามาสแต่อย่างใด

คำกล่าวกุแตเรซได้รับการตอบโต้กลับอย่างดุเดือดจากนายกิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำยูเอ็น ที่เรียกร้องให้นายกุแตเรซลาออก หลังคำกล่าวที่ว่า การโจมตีของฮามาสไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ

เออร์ดานกล่าวว่า ไม่มีเหตุผลหรือประเด็นใด ๆ ในการที่จะพูดคุยกับพวกที่แสดงความเข้าใจต่อการกระทำอันเลวร้ายที่สุดต่อพลเมืองอิสราเอล ซึ่งไม่ต่างไปจากที่องค์กรก่อการร้ายได้ประกาศไป

เออร์ดานยังโพสต์ข้อความบน X ว่า “ผมขอเรียกร้องให้กุแตเรซลาออกทันที”

ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลตั้งคำถามกับกุแตเรซว่า “คุณอาศัยอยู่ในโลกใด?”

ลิออร์ ฮายัต โฆษกรัฐบาลอิสราเอลให้สัมภาษณ์ในรายการ The World Tonight ทางสถานีวิทยุ BBC Radio 4 ว่า เนื้อหาคำกล่าวของกุแตเรซเป็นเพียงคำพูดไร้สาระหนึ่งนาทีเกี่ยวกับความโหดร้ายของกลุ่มผู้ก่อการร้ายฮามาส และให้เหตุผลสำหรับการก่อการร้าย

“แทนที่จะยืนเคียงข้างเหยื่อ เขากลับกล่วโทษเหยื่อสำหรับความโหดร้ายที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แทนที่จะยืนขึ้นพร้อมข้อความว่ามันต้องไม่เกิดขึ้นอีก เขากลับพูดกับผู้ก่อการร้ายว่า คุณได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้น เรายอมรับการก่อการร้ายอันโหดร้ายของคุณ เพราะอิสราเอลเป็นฝ่ายที่ต้องถูกตำหนิ” ฮายัตกล่าว

รองสุรเชษฐ์ร่วมกับเอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย ให้การต้อนรับและกล่าวเปิดการประชุมหารือระดับภูมิภาคเพื่อต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศเด็กที่จังหวัดภูเก็ต

วันที่ 23-24 ต.ค.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศพดส.ตร. ร่วมกับ ดร.แองเจลา แมคโดนัลด์ เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย และ คุณเฮเลน ชไนเดอร์ ผู้บังคับการศูนย์ป้องกันปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศเด็กและการแสวงหาประโยชน์จากเด็กของสำนักงานตำรวจเครือรัฐออสเตรเลีย ให้การต้อนรับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่ NGOs จาก 9 ประเทศ ได้แก่ประเทศไทย ออสเตรเลีย กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม ที่เดินทางมาร่วมประชุมหารือระดับภูมิภาคเพื่อต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หรือ CSERD 2023 (Countering Child Sexual Exploitation Regional Dialogue) ณ โรงแรมทราย ลากูน่า จ.ภูเก็ต ซึ่งจะมีการประชุมระหว่างวันที่ 23-27 ต.ค.66

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร. กล่าวในที่ประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อมุ่งเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ การทำงานข้ามพรมแดน เสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคในการต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หรือการแสวงหาประโยชน์จากเด็กในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจเครือรัฐออสเตรเลีย (AFP) และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมมือและเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ มุ่งพัฒนาศักยภาพในระดับภูมิภาคเพื่อต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศเด็กให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ได้มีความร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจเครือรัฐออสเตรเลีย (AFP) ในด้านต่างๆ เป็นอย่างดียิ่งมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการ Taskforce Storm, การจัดตั้งเครือข่ายป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อประสานงานระหว่างหน่วยงาน โดยดำเนินการผ่านระบบบริหารจัดการข้อมูลคดีและข่าวกรอง (Case Management and  Intelligence  System –  CMIS) ,การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ในประเทศไทย (Thai Centre of Excellence to counter TIP)   และการสนับสนุนหลักสูตรการฝึกอบรมด้านสกุลเงินดิจิทัลและนิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล การเจรจา และการสอบสวน โดยสนับสนุนบุคคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินทางไปอบรมที่ประเทศออสเตรเลีย หรือที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้คือ การให้ความร่วมมือและสนับสนุนประเทศไทย ในการจัดประชุมเฟิร์สไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล ไดอะลอก (1st Thailand International Dialogue) เพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในภูมิภาคอาเซียน

สำหรับการแก้ปัญหาการต่อต้านการล่วงละเมิดเด็กในประเทศไทย ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาการล่วงละเมิดเด็กเป็นอย่างมาก โดยได้จัดตั้ง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์ขับเคลื่อน และควบคุมการปฏิบัติการดำเนินการแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดเด็กอย่างจริงจัง โดยเน้นการทำงาน 3 ส่วนหลัก คือ การปราบปราม, การป้องกัน และการพัฒนาบุคลากร   

ในส่วนการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีสถิติผลการจับกุม ปราบปรามการล่วงละเมิดเด็ก 9 เดือนแรก ของปี พ.ศ.2566 จำนวน 411 คดี เฉลี่ย 45 คดีต่อเดือน ในปี พ.ศ.2565 จำนวน 482 คดี เฉลี่ย 40 คดีต่อเดือน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 คดีต่อเดือน คิดเป็น 11.25 เปอร์เซนต์ โดยข้อหาที่มีผลการจับกุมสูงสุด คือ การครอบครองสื่อลามกเด็ก จำนวน 164 คดี รองลงคือ การล่วงละเมิดทางเพศ จำนวน 154 คดี และเป็นคดีค้ามนุษย์ ถึง 75 คดี คิดเป็น 18 เปอร์เซนต์ ซึ่งถือเป็นจำนวนการขยายผลไปสู่ความผิดฐานค้ามนุษย์ได้สูงที่สุดในรอบ 9 ปี และข้อมูลเบาะแสจาก Cybertipline Report 9 เดือนแรกของปี 2566 จำนวน 297,432 CT เฉลี่ย 33,048 CT ต่อเดือน ในปี พ.ศ.2565 จำนวน 523,159 CT เฉลี่ย 43,596 CT/เดือน ลดลงเฉลี่ย 10,488 CT ต่อเดือน คิดเป็น 24 เปอร์เซนต์ เป็นผลมาจากการเจ้าหน้าที่มีความชำนาญมากขึ้นและปราบปรามจริงจังเด็ดขาด  

ในส่วนการป้องกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2565  ได้จัดทำโครงการ D.A.R.E 2 C.A.R.E. ซึ่งเป็นโครงการให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาและในปี 2566  ได้มีการขยายไปสู่ผู้ปกครองและชุมชน เพื่อให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมในการป้องกันบุตรหลานถูกล่วงละเมิดอีกส่วนนึง  นอกจากนี้ยังได้ทำโครงการ Child Safe Friend Tourism Project เป็นโครงการที่อบรมบุคลากรการท่องเที่ยว และผู้ประกอบการ เพื่อช่วยกันสอดส่องดูแลเด็กและเยาวชนในสถานที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิด และในส่วนการพัฒนาบุคลากร ได้ดำเนินการจัดการฝึกอบรมด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพและความชำนาญให้กับผู้ปฏิบัติ  เช่น อบรมกระบวนการ NRM, อบรมการใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น Cellebrite ในการทำ Digital Forensic รวมทั้งการกระจายอำนาจ โดยการจัดตั้งศูนย์ TICAC ให้ครอบคลุมทั้งประเทศ 

การดำเนินการทั้งหมดนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ความสำคัญในเรื่องการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์มาโดยตลอด โดยเฉพาะการป้องกันปราบปรามการล่วงละเมิดเด็ก โดยได้บูรณาการปฏิบัติกับทุกภาคส่วนในทุกมิติ ทั้งในประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับสากล เพื่อขจัดปัญหาการล่วงละเมิดเด็ก อย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับไปสู่ Tier1 ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี

สื่อเกาหลีชม 'ลิซ่า' รวยล้นฟ้า แต่ยังนั่งเครื่องบินชั้นประหยัด แถมชอบใช้ชีวิต 'ธรรมดา-ติดดิน' แม้จะเป็นคนดังระดับโลก

แม้จะเป็นป็อปสตาร์ตัวท็อปที่โด่งดังระดับโลก แต่ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ก็ยังเลือกที่จะใช้ชีวิตธรรมดาติดดิน เหมือนคนทั่วไป เมื่อล่าสุดสื่อเกาหลีชื่นชมที่เจ้าตัวยังโดยสารเครื่องบินในชั้นประหยัดแม้ว่าจะมีเงินมหาศาลก็ตาม

ตามรายงานจากสื่อเกาหลีชื่อดัง ได้รายงานถึงเรื่องราวดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมาว่า ลิซ่า ได้เดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับกับเพื่อน ๆ และเนื่องจากเป็นการเดินทางระยะสั้น เธอจึงแต่งตัวสบาย ๆ แต่เพราะความดังและความโดดเด่นของลิซ่า จึงทำให้เธอเป็นที่สนใจจากบุคคลโดยรอบ

การเดินทางจากเวียดนามกลับไทยครั้งนี้ ลิซ่าเลือกที่จะโดยสารเครื่องบินในชั้นประหยัดร่วมกับเพื่อน ๆ และยังยืนต่อแถวรอเช็กอินเหมือนคนอื่น ๆ พร้อมกับเอร็ดอร่อยกับอาหารว่างที่ซื้อมากินระหว่างรอขึ้นเครื่องบิน

ซึ่งแม้จะรวยมีเงินมหาศาล แต่ความถ่อมตน และ ติดดินของลิซ่า ก็ได้ใจแฟน ๆ ไปไม่น้อย ซึ่งส่วนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “ลิซ่าเจ๋งสุดๆ”, “สุดยอดเลย ลิซ่า”, “ลิซ่า วิเศษที่สุด”, “แม้ว่าเธอจะโด่งดัง แต่มิตรภาพระหว่างเธอกับเพื่อนยังแน่นแฟ้น”, “ขนาดใส่ชุดธรรมดา แต่ลิซ่าก็ยังดูเด่นมาก” ฯลฯ

แม้ว่าบนเวทีคอนเสิร์ต ลิซ่าจะดูสวยสง่าและดูเข้าไม่ถึง แต่เมื่ออยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ ลิซ่า มักจะทำตัวธรรมดา และชื่นชอบที่จะออกไปลองอาหารที่ขายตามข้างทาง ชนิดที่หลงใหลอาหารไทยแบบสุด ๆ จนกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทำให้อาหารไทยฟีเวอร์ไปทั่วบ้านทั่วเมืองอีกด้วย

เชียงใหม่- เปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและให้ความรู้เรื่องการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง

จังหวัดเชียงใหม่ จัด“นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและนิทรรศการให้ความรู้เรื่องการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง” ภายใต้โครงการแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ “คนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนไทยไร้สโตรค (No STROKE for all Thais by NEW GEN) ระหว่างวันที่ 24-28 ตุลาคม 2566

วันที่ 24 ตุลาคม 2566 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและนิทรรศการให้ความรู้เรื่องการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ภายใต้โครงการแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ โดยปีนี้จัดในหัวข้อ “คนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนไทย ไร้สโตรค (No STROKE for all Thais by NEW GEN)” โดยมีนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ตัวแทนหน่วยงาน

ทั้งภาครัฐและเอกชน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน นักเรียนนักศึกษา ประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมงาน ณ ศูนย์การค้าเมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ เชียงใหม่ 

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึง กิจกรรมให้ความรู้เรื่องการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ ต่างมีความปลาบปลื้มปิติเป็นล้นพ้นที่ได้มารวมพลังแสดงความจงรักภักดี ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโดยพร้อมเพรียงกันในวันนี้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงเป็นดั่งแสงนำใจของคนไทย ทั้งชาติ และทรงเป็นแบบอย่างในการรักษาสุขภาพและการออกกำลังกายแก่ประชาชนชาวไทย เพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกัน 

คือ “แผ่นดินไทย ไร้สโตรค” การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นการรวมพลังของ องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน เครือข่ายโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่และประชาชน มีหัวข้อกิจกรรม ประกอบด้วย 3 กิจกรรม ได้แก่  กิจกรรมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ , กิจกรรมให้ความรู้โรคหลอดเลือดสมอง , กิจกรรมออกกำลังกาย เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ซึ่งในปีนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศระดับเขตสุขภาพ ที่จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้ดีที่สุด 

และกิจกรรมให้ประชาชนมีส่วนร่วมออกกำลังกายรักษาสุขภาพมากที่สุด และรางวัลสนับสนุนจากภาครัฐอีกหลายรางวัล โดยปีนี้จัดในหัวข้อ “คนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนไทยไร้สโตรค (No STROKE for all Thais by NEW GEN)” ซึ่งคนรุ่นใหม่ (NEW GEN) เป็นกลุ่มคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีพลังกาย พลังใจ ความมุ่งมั่น ซึ่งหากมีการปลูกฝัง สร้างความตระหนักให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง สร้างความตระหนักถึงแนวทางปฏิบัติหากคนในครอบครัว หรือในชุมชน เกิดอาการโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน ต้องดำเนินการอย่างไรให้ทันท่วงที ซึ่งคนรุ่นใหม่นับได้ว่าเป็นพลังสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนไทยไร้สโตรคในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

ทางด้าน นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึง สถิติผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองของประเทศไทย ในปี 2566 พบว่ามีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองทั่วประเทศจำนวน 917,236 ราย พบเสียชีวิต จำนวน 42,989 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตาย ร้อยละ 4.7  สำหรับสถิติผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

จังหวัดเชียงใหม่ ปีงบประมาณ 2564 - 2566 พบว่ามีอัตราตายของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ร้อยละ 6.41, 6.55 และ 7.74 ตามลำดับ 
โรคหลอดเลือดสมองเป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่สำคัญของประเทศไทย เนื่องจากเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตและก่อให้เกิดความพิการเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ซึ่งนอกจากความพิการทางกายแล้ว ยังมีผลทำให้ความจำเสื่อมในภายหลังอีกด้วย ซึ่งจะพบโรคนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าประชาชนขาดความรู้ด้านการป้องกันหรือรักษาอย่างถูกวิธี 

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดกิจกรรม นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีที่ทรงเป็นดั่งแสงนำใจและทรงเป็นแบบอย่างในการรักษาสุขภาพและการออกกำลังกายแก่ประชาชนชาวไทย และนิทรรศการให้ความรู้โรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ได้แก่ เวทีเสวนา การตอบปัญหาสุขภาพ การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันโรคฯ เผยแพร่แผ่นพับ/โปสเตอร์เกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการเกิดโรค การป้องกันและการบริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันโรคฯ การประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฯ บริการวัดความดันโลหิต และสอนการจับชีพจร จึงขอเชิญชวนประชาชนลงนามเทิดพระเกียรติในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Lime Survey) และประเมินความรู้ในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและความพึงพอใจ

ในการชมนิทรรศการ ระหว่างวันที่ 24 - 28 ตุลาคม 2566 ในโรงพยาบาลสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ทุกแห่ง และศูนย์การค้าเมญ่า ซึ่งได้รับความร่วมมือ จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์โรคสมองภาคเหนือ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ศูนย์การค้าเมญ่า ไลฟ์สไตล์  ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ เชียงใหม่ ตลอดจนภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน 

ทั้งนี้ กิจกรรม “Walk Run Bike Fighting Stroke ครั้งที่ 9” จะมีการจัดกิจกรรมใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566 พร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ กำหนดจัดกิจกรรมวิ่ง MINI MARATHON ระยะทาง 10 กิโลเมตร และกิจกรรมเดิน - วิ่ง FUN RUN ระยะทาง 5 กิโลเมตร ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จังหวัดเชียงใหม่ และขอเชิญชวนให้นักวิ่งทุกคนสมัครแอปพลิเคชั่น WIND Training 
เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลไว้ป้องกันการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ดังกล่าวต่อไป อีกทั้งถ้ากรอกข้อมูลให้ครบถ้วนยังสามารถรับผลประโยชน์จากประกันภัยในกิจกรรมวิ่งในวันที่ 29 ตุลาคม 2566 นี้ด้วย 

นอกจากนี้ยังมีรางวัลสนับสนุนจากภาครัฐอีกหลายรางวัล ดังนี้ 
1. โล่รางวัลเกียรติยศ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ด้านการสะสมแคลอรี และจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ผ่านแอปพลิเคชัน “ก้าวท้าใจ” ให้แก่เขตสุขภาพที่ได้คะแนนสูงสุด 
2. โล่รางวัลเกียรติยศ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาด้านการสะสมแคลอรี และจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ผ่านแอปพลิเคชัน “CALORIES CREDIT CHALLENGE (CCC)” ระดับจังหวัด จำนวน 22 รางวัล 
3. โล่รางวัลเกียรติยศ ระดับจังหวัด จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ด้านการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติได้คะแนนสูงสุด 
4. โล่รางวัลเกียรติยศระดับจังหวัด จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการด้านการจัดกิจกรรม คนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนไทยไร้สโตรค โล่รางวัลเกียรติยศระดับจังหวัด จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ด้านการจัดกิจกรรมคนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนไทยไร้สโตรค

นภาพร/เชียงใหม่

'ไตรศุลี' แจง!! ถ่ายวิดีโอ ภท. ยืนตรงทำความเคารพก่อนหนัง 'สัปเหร่อ' ฉาย ชี้!! เป็นกิจกรรมหนุนหนังคนไทยและถ่ายคลิปก่อนฉายหนัง ไม่ละเมิด!!

(25 ต.ค. 66) จากกรณีที่ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย ได้ถ่ายคลิปวิดีโอ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งยกทัพไปดูภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อในโรงหนัง กำลังยืนตรงทำความเคารพก่อนที่จะเริ่มฉาย โดยระบุว่า “ภูมิใจไทย ยกพรรคมาดู สัปเหร่อ หนังอีสานบ้านเฮาค่ะ”

ซึ่งภายหลังจากที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป โลกออนไลน์ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยเฉพาะเรื่องการถ่ายคลิปในโรงหนังว่าสามารถทำได้หรือไม่ ด้วยห่วงจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่นั้น

ล่าสุด น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวแล้วว่า

“แจ้งเพื่อเป็นข้อมูลนะคะ การชมภาพยนตร์รอบนี้เป็นรอบพิเศษของพรรรคภูมิใจไทย เป็นกิจกรรมสนับสนุนภาพยนตร์ของคนไทยของทางพรรคค่ะ และการถ่ายคลิปเกิดขึ้นในช่วงก่อนฉายหนัง ไม่ได้มีการถ่ายช่วงที่มีการฉายภาพยนตร์ อันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้สร้างภาพยนตร์แต่อย่างใด และกิจกรรมครั้งนี้ก็มีผู้สร้าง ผู้กำกับ และนักแสดงของหนังเรื่องนี้มาร่วมด้วยค่ะ ขออภัยหากคลิปทำให้ท่านไม่สบายใจนะคะ ทางพรรคภูมิใจไทยตระหนักและให้ความสำคัญสูงสุดต่อการเคารพสิทธิ์ในผลงานสร้างสรรค์และกฎหมายค่ะ”

กระบี่-ทกจ.กระบี่ร่วมกับอบจ.กระบี่ เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพ กีฬานักเรียน ครั้งที่ 43 "กระบี่เกมส์" ต้นปี 67

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมมรกต ชั้น2 สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี นายสัจจพร จันทร์ศรีนวล ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ประธานการประชุม พร้อมด้วยนายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ นายโกมาต แป้นเกิด วัฒนธรรมจังหวัดกระบี่ และคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ฝ่ายพิธีการไฟพระฤกษ์ ร่วมประชุมการดำเนินการเกี่ยวกับพิธีไฟพระฤกษ์ในการแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 ประจำปี 2567 “กระบี่เกมส์” เพื่อหารือเตรียมความพร้อมการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาฯ โดยรับทราบและพิจารณาในวาระการประชุม พิธีการรับไฟพระฤกษ์ พิธีเฉลิมฉลองไฟพระฤกษ์ และพิธีการรับเสด็จผู้แทนพระองค์ในพิธีเปิดการแข่งขัน (จุดไฟพระฤกษ์) (วันที่ 22 มกราคม 2567) และร่วมหารือการกำหนดแนวทางในการจัดจ้างเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับพิธีการไฟพระฤกษ์ในโครงการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 ประจำปี 2567 ต่อไป

ปลัดกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน ประเทศกัมพูชา พร้อมคณะมาศึกษาดูงานโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙

เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐น. ที่ผ่านมา นายวัชระ เติมวรรธนภัทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทรงคนอง นายอุตมะ ปภาภูธนะนันต์ ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์ครุฑ โดยธนาคารทหารไทยธนชาต ได้ต้อนรับ คุณวิคเตอร์ โจน่า ปลัดกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน ประเทศกัมพูชา พร้อมคณะ (Mr. VICTOR JONA Under Secretary of State Ministry of Mines and Energy) ที่มาศึกษาดูงานโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสักการะลานพระบรมรูปทรงงาน ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ณ สวนสุขภาพลัดโพธิ์ บริเวณใต้สะพานภูมิพล 1 สะพานภูมิพล 2 ตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง  จังหวัดสมุทรปราการ ในเวลา ๑๑.๐๐ น.

โดยมีหมวดตรีไพศาล เติมวรรธนภัทร์ ได้ทำการต้อนรับ พร้อมเล่าเรื่องราวโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ท่านทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวไทย ทรงห่วงใยในด้านการใช้ชีวิตที่มั่นคงอย่างยั่งยืน ซึ่งสามารถกล่าวสั้นๆ ได้ว่า "อาจจะไม่ใช่กาแฟที่อร่อยที่สุดในโลกแต่เป็นกาแฟที่ดีที่สุดในโลกเพราะเป็นกาแฟที่มีหัวใจความรักของพระองค์ท่านที่มีต่อปวงชนชาวไทย" ณ ร้านกาแฟลูกกำนัน ตำบลทรงคนอง 

และในเวลา ๑๓.๐๐ น. นายอุตมะ ปภาภูธนะนันต์ ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์ครุฑฯ ได้พาเยี่ยมชมศึกษาดูงาน สถานที่ที่ได้บอกเล่าเรื่องราว ความเป็นมาของตราพระครุฑพ่าห์ เทพพาหนะของพระนารายณ์ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจแห่งพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของชาติและเป็นองค์อวตารของพระนารายณ์ตามแนวคิดสมมุติเทพ หรือที่เรียกว่า ตราแผ่นดินของไทย 

ทั้งนี้สิ่งที่ปรากฏ อันแสดงถึงความภาคภูมิใจของ ชาวไทยทุกคน คือไม่ว่า คุณวิคเตอร์ โจน่า จะเยี่ยมชมลานพระบรมรูปทรงงาน ณ สวนสุขภาพคลองลัดโพธิ์ และร้านกาแฟลูกกำนัน ต.ทรงคนอง หรือแม้แต่ พิพิธภัณฑ์ครุฑฯ โดยธนาคารทหารไทยธนชาต คุณวิคเตอร์ โจน่า ได้แสดงออกถึงความเคารพอย่างนอบน้อม ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ กษัตริย์แห่งแผ่นดินไทย อย่างซาบซึ้ง แสดงให้เห็นถึงความรักและความเคารพที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย ที่ไม่ใช่เพียงแต่คนไทย ที่รักและเคารพท่าน แต่ยังหมายถึง ผู้คนทั่วทุกมุมโลกไปจนถึงระดับนานาชาติ 

ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีงามระหว่าง ๒ ประเทศไทยและกัมพูชา ที่มีร่วมกันมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งนี้นับเป็นความสัมพันธ์ไมตรีต่อเนื่องจาก งานพิธีบวงสรวงสมโภช สมเด็จมหาราชทรงครุฑ ภปร. วาระครบรอบ ๔๑ ปี ณ วัดทุ่งสีกัน(พุทธสยาม) เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๖ ที่ผ่านมามีตัวแทนจากประเทศ กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา ที่ได้เข้าร่วมพิธีอันเป็นมงคลยิ่ง

‘กรมราง’ ตรวจงาน ‘รถไฟฟ้าสายสีชมพู’ ช่วงแคราย-มีนบุรี คืบหน้าแล้วกว่า 98.37% คาด!! พร้อมให้บริการ 18 ธ.ค.นี้

(25 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางราง ลงพื้นที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี ร่วมกับ รฟม. บริษัทที่ปรึกษาโครงการ (PCPK) และบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้ให้บริการเดินรถ เพื่อติดตามความพร้อมก่อนเปิดให้บริการประชาชนในเดือนธันวาคม 66

รถไฟฟ้าสายสีชมพู หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘น้องนมเย็น’ เป็นรถไฟฟ้าโมโนเรลสายที่สองของไทย ถัดจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีแนวเส้นทางเริ่มจากศูนย์ราชการนนทบุรี วิ่งผ่านถนนสำคัญหลายเส้น ได้แก่ ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนติวานนท์ ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา และถนนสีหบุรานุกิจ จนถึงมีนบุรี รวมระยะทาง 34.50 กิโลเมตร 30 สถานี

มีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น ได้แก่ สายสีเชียว สายสีแดง สายสีม่วง ปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้วกว่า 98.37%

การลงพื้นที่ครั้งนี้ เริ่มต้นจากสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (PK16) ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับสถานีวัดพระศรีมหาธาตุของรถไฟฟ้าสายสีเขียว จุดเด่นของสถานีนี้ คือ ชานชาลาและทางวิ่งจะถูกแยกเป็น 2 ฝั่ง และมีสะพานรถยนต์ข้ามแยกวงเวียนบางเขนคั่นอยู่ตรงกลาง

โดยจะมี Skywalk ให้ผู้ใช้บริการสามารถเดินทะลุจากชานชาลาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูไปที่บริเวณขายตั๋วของรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้เลย โดยไม่ต้องแตะบัตรเข้า-ออกอีกครั้ง ทำให้เดินทางสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
.
ต่อมาได้ร่วมทดสอบการเดินรถ จากสถานีวัดพระศรีมหาธาตุไปยังสถานีหลักสี่ (PK14) สถานีนี้มี Skywalk เชื่อมต่อไปที่สถานีหลักสี่ของรถไฟชานเมืองสายสีแดง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และศูนย์การค้าไอทีสแควร์ ซึ่งอยู่คนละฝั่งของถนนวิภาวดีรังสิตได้

นอกจากนี้ รถไฟฟ้าสายสีชมพูยังมีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) โดยมี Skywalk แห่งแรกในไทย ที่มีทางเดินเลื่อนอัตโนมัติ (Walkalator) ความยาว 340 เมตร ในอนาคตสถานีนี้จะมีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลช่วงแคราย - ลำสาลีได้อีกด้วย

สำหรับสถานีแจ้งวัฒนะ 14 (PK 11) - สถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ (PK 13) ที่เริ่มการก่อสร้างทางขึ้น - ลงได้ล่าช้า ปัจจุบันก่อสร้างเสาตอม่อและโครงสร้างเหล็กแล้ว อยู่ระหว่างก่อสร้างหลังคา ราวกันตก ติดตั้งและทดสอบการใช้งานบันไดเลื่อนและลิฟต์

ในส่วนของการเชื่อมต่อ สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ จะมี Skywalk เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ปฏิบัติงานในบริเวณศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติกว่าแสนราย รวมถึงทยอยคืนพื้นผิวจราจรตลอดแนวเส้นทาง เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางได้สะดวกปลอดภัย

ซึ่ง รฟม. ได้เร่งรัดผู้รับจ้างในการเปิดให้บริการเร็วขึ้นจากเดิม เดือนมิถุนายน 2567 เบื้องต้นผู้รับจ้างคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ในวันที่ 18 ธันวาคม 2566 โดยให้บริการในช่วง 06.00 - 24.00 น. อย่างไรก็ตาม รฟม. จะต้องตรวจสอบงานและความปลอดภัยให้เป็นไปตามสัญญาก่อนเปิดให้บริการต่อไป

'แรมโบ้' กระเด็น!! 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ผงาด สส. ประกาศิตจากบุรุษนิรนาม พิกัดชั้น 14

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่หนังสือลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ 'แรมโบ้อีสาน' น่าสังเกตว่าหนังสือลาออกที่ยื่นต่อ กกต.ดังกล่าว ลงวันที่ 3 ต.ค. แต่เพิ่งนำมาเผยแพร่ ที่น่าสนใจไปกว่านั้นพลันที่ข่าวแรมโบ้กระจายในช่วงสาย ๆ เย็นวันเดียวกัน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ สส.บัญชีรายชื่อลำดับ 2 ของพรรค รทสช. ก็โชว์หนังสือลาออกจาก สส.

อันว่า 'แรมโบ้' นั้นเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 15 ของพรรครทสช. ในการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 66 พรรครทสช.ได้สส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ 13 คน ต่อมานายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคลาออกจากปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 1 ทำให้ลำดับ 14 คือ นายอนุชา บูรพชัยศร ได้ขยับเป็น สส. แทน 

ดังนั้นคิวต่อไป...หากนายสุพัฒนพงษ์ หรือ สส.ปาร์ตี้ลิสต์คนใดคนหนึ่งลาออกก็จะถึงคิวของ 'แรมโบ้'

แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีการลาออก...

ถามว่าทำไมจึงไม่ลาออกเพื่อเปิดทางให้แรมโบ้?

สืบค้นเบื้องหลังเบื้องลึกแล้วพบว่า...มีประกาศิตจากบุรุษนิรนามที่สถิตย์อยู่ ณ ชั้น 14 ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งว่า...คนชื่อ 'เสกสกล' หรือ 'แรมโบ้' ต้องไม่ได้เข้าสภาฯ ในสมัยนี้...ไม่มีใครอธิบายเหตุผลได้ชัด ๆ ว่าทำไม...

ทว่าสืบสาวแล้วได้คำตอบประมาณว่า อาจเป็นเพราะแรมโบ้เคยปฏิบัติการปะฉะดะกับระบอบทักษิณ และบดขยี้คนแดนไกลในช่วงก่อนและระหว่างศึกเลือกตั้งอย่างเข้มข้น...นั่นเอง

กระแสข่าวยังเล่าลือว่า นอกเหนือจากคนชื่อ 'แรมโบ้' แล้ว บัญชีรายชื่อลำดับที่ 18 อย่าง 'อ้น ทิพานัน ศิริชนะ' ก็เป็นอีกหนึ่งคน ที่คนแดนไกลดังกล่าวขีดเส้นใต้ชื่อเอาไว้เช่นเดียวกัน...

อันที่จริงเรื่องนี้รับทราบกันมานานแล้ว บางคนยังเถียงคอเป็นเอ็นว่าเป็นไปไม่ได้...แต่ทุกอย่างก็แจ่มแจ้งแดงแจ๋ดังกล่าวแล้ว เมื่อ 'แรมโบ้' ลาออก หมดโอกาสเป็น สส.ปุ๊บ นายสุพัฒนพงษ์ก็ลาออกทันทีปั๊บ และเปิดทางโล่งให้ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือ 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ผู้สมัครลำดับที่ 16 ขยับเป็น สส. แทนแรมโบ้ และได้ไปรายงานตัวกล่าวปฏิญาณตนทำหน้าที่ สส. เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค.66

ทั้งหลายทั้งปวง...ก็ต้องยอมรับว่า 'รังสีอำมหิต' ของบุรุษชั้น 14 ที่ว่า...ยังแผ่ซ่านมีอิทธิฤทธ์ในแวดงวงการเมืองมากกว่าที่นึก...พิลึกกว่าที่คิด...งานนี้เอาเข้าจริง พรรครทสช. ก็คงกระอักเลือดอยู่เหมือนกันที่ยอมจำนน...เฮ่ออ..!!

พูดถึงพรรครทสช. ก็ต้องพูดต่ออีกหน่อย...ไม่เพียงแรมโบ้ที่ลาออกไป บุญยอด สุขถิ่นไทย ที่เดินตามหลัง จุติ ไกรฤกษ์ เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคก็ตัดสินใจลาออกแล้วเช่นกัน แต่ก็เป็นการลาออกด้วยท่าทีที่สร้างสรรค์ เป็นมิตร

แต่ในวันเดียวกับที่มีข่าวแรมโบ้ลาออก ข่าวเชิงบวกของ รทสช. ก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน นั่นคือการย่างสามขุมมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคของ 'บิ๊กเนม' อย่างถาวร เสนเนียม อดีตประธานไทยภักดี ในช่วงเลือกเดือน พ.ค.2566

การเข้ามาร่วมสังฆกรรม พรรครทสช.ของถาวร เสนเนียม น่าจะเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า พรรครทสช.จะเดินหน้าต่อไป อย่างน้อยศึกเลือกตั้งสมัยหน้า...ซึ่งยังพอมีช่องว่างให้พรรคระดับกลางอย่างรทสช., พปชร.และ ปชป.แย่งชิงเก้าอี้สส.กันได้จำนวนหนึ่ง...ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย ของครูใหญ่ 'เนวิน' ที่มี 71 เสียงในวันนี้ สมัยหน้าไม่น่าที่จะเบ่งกล้ามขยายพื้นที่ได้อีก...

ส่วนพรรคเพื่อไทย...วันที่ 27 ต.ค.นี้จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ 'อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร' เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และ 'บอย' สรวงศ์ เทียนทอง เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ อาจจะเป็นโมเมนต์ที่ดีอยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้เพื่อไทยยังอยู่ในขาลง...เดิมพันจะเป็นขาขึ้นได้หรือไม่อยู่ที่ผลงานรัฐบาลเป็นหลัก...แค่ลอกคราบพรรคยังไม่พอ...

ส่วนพรรคก้าวไกล...'เล็ก เลียบด่วน' ขอรอดูการจัดการปัญหาการคุกคามทางเพศของ สส.ในพรรคก่อน แล้วค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์นะครับ 555

'เศรษฐา' เตรียมถก 'คลัง' หาช่องช่วยแรงงานไทย หลังกู้เงินไปทำงานอิสราเอล จนไม่กล้ากลับมา

(25 ต.ค. 66) ที่โรงละครอักษรา คิงพาวเวอร์ ถนนรางน้ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปล่อยตัวประกัน 50 คน จากเหตุการณ์ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ในจำนวนนี้มีคนไทยด้วยหรือไม่ ว่ายังไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ แต่เห็นนายปานปรีย์ บอกว่าจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้ ซึ่งท่านเองก็พยายามอย่างเต็มที่

เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงของเราสามารถเจาะข้อมูลเชิงลึกได้มากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า "ได้มาก ยืนยันว่าด้านความมั่นคงเราไม่มีจุดบอด ทางฝ่ายความมั่นคง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ทำงานอย่างเต็มที่ และมีรายงานมาโดยตลอด"

เมื่อถามต่อว่า จำเป็นต้องตั้งรองนายกฯ มาดูแลด้านความมั่นคงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ไม่จำเป็นเพราะมีสายตรงถึงตนเองตลอด"

ถามว่า หลังจากที่นายกฯขอความร่วมมือให้แรงงานไทยเดินทางกลับ มีตัวเลขเพิ่มเติมเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า "ดีขึ้น มีแนวทางที่ดีขึ้น เราเองก็พยายาม และเที่ยงวันนี้จะมีการพูดคุยกับ รมช.การคลัง ทั้ง 2 ท่าน และทีมงานกระทรวงการคลังว่าจะมีมาตรการไหนพอช่วยเหลือเขาได้หรือเปล่า เพราะเราเองก็ดูในเชิงลึกเหมือนกันว่าแรงงานไทยหลายคนที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศและอิสราเอลก็ต้องมีการกู้เงินมา ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่บางท่านยังตัดสินใจไม่กลับ และยอมเสี่ยงชีวิต เพราะเป็นเรื่องของเงินกู้ เราก็ต้องกลับมาดูว่าจะช่วยเหลือตรงไหนได้บ้างอย่างไร ยืนยันว่าเราพยายามอย่างเต็มที่ ทั้งกดดันว่าอย่าให้นายจ้างเอาเงินมาล่อทั้งทำในส่วนที่เราทำได้เอง ทำทั้ง 2 ส่วนทำทุกทาง"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top