Sunday, 15 June 2025
TheStatesTimes

‘อิรฟาน’ กองหลังทีมบีจี โพสต์อวยยศแฟนสาว ‘แอนโทเนีย’ หลังคว้ามงกุฎ Miss Universe Thailand 2023 มาครอง

(21 ส.ค. 66) อิรฟาน ฟานดี้ กองหลังทีมชาติสิงคโปร์ที่ค้าเเข้งอยู่กับสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด โพสต์อวยเเสดงความยินดีเเฟนสาว หลังคว้าตำเเหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยเเลนด์ 2023

สำหรับ แอนโทเนีย เปิดตัวว่ากำลังคบกับเเนวรับเเดนลอดช่องตั้งเเต่ เดือน ก.พ. ปี 2564 เเละมักจะเข้ามาชมเเฟนหนุ่มยามที่ต้นสังกัดลงเเข่ง เเละคอยให้กำลังใจกันมาตลอด

ล่าสุด หลังตัวหญิงสาวประสบความสำเร็จเป็นตัวแทนจากประเทศไทย คว้ามงฯ 3 มิสยูนิเวิร์ส ฟานดี้ ที่กำลังอยู่ในระหว่างเดินทางไปแข่ง AFC แชมเปี้ยนลีก กับทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ก็ได้โพสต์ยินดีกับหวานใจในสตอรี่ เป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่า “เกิดมาเพื่อเป็นควีน ภูมิใจในตัวคุณ”

กองหลังวัย 26 ปีย้ายจากยังส์ ไลออนส์ ทีมในลีกสิงคโปร์ มาเล่นกับบีจีเมื่อปี 2019 ประสบความสำเร็จพาทีมคว้าเเชมป์ไทยลีก 1 สมัย เเละเเชมป์ลีก 2 อีก 1 สมัย รวมถึงรองเเชมป์ในปีล่าสุดด้วย

‘ตรีชฎา’ มั่นใจ!! ‘เศรษฐา’ เหมาะนั่งตำแหน่ง ‘นายกฯ’ วิสัยทัศน์ก้าวหน้ากว้างไกล เชื่อ!! พาคนไทยพ้นบ่วง ‘ยากจน’

(21 ส.ค. 66) นางสาวตรีชฎา ศรีชฎา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วสำหรับการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเข้าสู่การพิจารณาให้ความเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ความพร้อมมีทั้งด้านคุณสมบัติ ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รวมถึงการที่บริษัทแสนสิริเป็นแบบอย่างบริษัทที่มีธรรมาภิบาลในการประกอบกิจการธุรกิจ การเห็นความเท่าเทียมของคนในสังคม เช่น การสร้างโอกาสคนพิการได้ทำงานที่บริษัทที่ทำมาอย่างเด่นชัด การชี้แจงของ สส. พรรคเพื่อไทยกรณีอาจจะมี สส. หรือ สว. บางคนอภิปรายซักถามเรื่องการซื้อที่ดินของบริษัทแสนสิริ และความพร้อมของ สส. จากพรรคร่วมที่จับมือกันสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและโหวตเห็นชอบนายเศรษฐาโดยมีเสียง สส. เกิน 300 เสียง และเมื่อรวมกับ สว. จะเกิน 374 เสียงซึ่งถือว่าเกินกึ่งหนึ่งของ สส. และ สว. รวมกัน

นางสาวตรีชฎากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พิจารณาแล้วว่านายเศรษฐามีความเหมาะสม ดี 1 ประเภท 1 ในการจะเป็นนายกฯ คนที่ 30 จึงเชิญนายเศรษฐามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายเศรษฐาได้ออกเดินทางไปพบกับพี่น้องประชาชนในสถานที่ต่าง ๆ ที่พรรคเปิดปราศรัย นายเศรษฐาได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าและกว้างไกล การพูดจาปราศรัยที่ฟังง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน เข้ากับประชาชนได้ง่ายโดยไม่ต้องเสแสร้าง มีความเป็นกันเอง ไม่ถือเนื้อถือตัว มีจิตใจที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่พร้อมรับฟังปัญหาและข้อแนะนำต่าง ๆ มีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริงที่จะบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน

ทั้งนี้ สิ่งที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักธุรกิจด้านธุรกิจสถานบริการอาบอบนวดและอดีตนักการเมืองที่ปัจจุบันผันมาทำธุรกิจโรงแรม สิ่งที่นายชูวิทย์นำมาเปิดเผยกับสาธารณะเป็นการกล่าวหาที่ปราศจากมลทินให้กับนายเศรษฐา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายชูวิทย์อ้างว่ารู้ข้อมูลมานานแต่กลับใช้ช่วงจังหวะในการมาพูดในวันโหวตนายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้งโดยเจตนาชัดเจนและถูกมองว่า เอาอารมณ์มาเหนือทุกสิ่งเพื่อต้องการสกัดนายเศรษฐา ซึ่งเนื้อหาที่นายชูวิทย์เอามาล้วนแต่เป็นการกล่าวหาที่ปราศจากการถูกพิสูจน์จากกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“สิ่งที่นายเศรษฐาทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคตจึงล้วนแต่เป็นที่ประจักษ์ว่า มีคุณสมบัติของคนที่มีความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลที่ไม่เคยถูกบุคคลใดหรือหน่วยงานใดดำเนินคดีใด ๆ ให้ด่างพร้อย เป็นคนดีเป็นที่ประจักษ์ทุกวงการ สิ่งที่นายชูวิทย์ควรจะทำมากที่สุดในเวลานี้ คือ แฉเรื่องที่ดินของลูกที่เป็นประเด็นที่ประชาชนก็เคลือบแคลงสงสัยว่ามีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีจริงหรือไม่เพราะเป็นเรื่องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของครอบครัวนายชูวิทย์เอง ควรแฉตัวเองให้ประชาชนและสังคมรับทราบด้วย จะเป็นการดีต่อสังคมและประเทศชาติ” รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

นางสาวตรีชฎากล่าวทิ้งท้ายว่า มั่นใจว่า สส. และ สว. ล้วนเห็นว่าประเทศไทยต้องไปต่อและพร้อมในการโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และมั่นใจว่าภายใต้รัฐบาลที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ โดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่จะถูกสร้างขึ้น วิกฤตเศรษฐกิจ จะได้รับการพลิกฟื้น ขจัดความยากจน คนไทยจะต้องหายจน ภาระหนี้สินในครัวเรือน การไม่มีงาน จะถูกแก้ไขโดยไม่ชักช้า ถึงเวลาหันหน้าเข้าหากัน ปรองดองสมานฉันท์ หน้าใหม่ของการเมืองประเทศไทย

‘อดีตผู้ช่วยปธน.’ เตือน!! ‘เซเลนสกี’ เป็นตัวอันตรายสำหรับยูเครน ศักยภาพความเป็นผู้นำที่ไม่เพียงพอ อาจก่อหายนะระดับประเทศได้

(21 ส.ค. 66) ศักยภาพความเป็นผู้นำที่ไม่เพียงพอของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ก่อหายนะระดับประเทศแก่ยูเครน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรควรหาทางลงโทษเขา จากความเห็นของโอเล็ก โซสกิน ผู้ซึ่งเป็นผู้ช่วยของประธานาธิบดียูเครนมาแล้ว 2 คน

เขากล่าวในวิดีโอที่โพสต์ลงบนช่องยูทูบของตนเองเมื่อวันเสาร์ (19 ส.ค.) ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศถูกทำลายท่ามกลางความขัดแย้งกับรัสเซีย "กองกำลังยูเครนไม่สามารถฝ่าทะลวงแนวหน้าใดๆ ได้เลย ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม" พร้อมบอกว่าประชาชนไม่ควรเชื่อคำพูดของบรรดานายพลปลดเกษียณทั้งหลายที่ออกมากล่าวอ้างว่ากองทัพเคียฟกำลังรุกคืบ

โซสกิน กล่าวต่อว่า เซเลนสกี ยืนยันว่ายูเครนจะเอาชนะรัสเซีย และเขาลังเลที่จะยอมรับว่าสถานการณ์ที่แท้จริงคือสัญญาณบ่งชี้ว่าประธานาธิบดีรายนี้ ไม่มีความสามารถเพียงพอทั้งในฐานะผู้บริหารจัดการและในฐานะบุคคลหนึ่งๆ

"เซเลนสกี เป็นอันตรายสำหรับประเทศ เขาเป็นอันตรายสำหรับประชาชน" โซสกินกล่าวเตือน โดยเขาเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยของประธานาธิบดีลีโอนิด คราฟชุค ในปี 1992 ถึง 1993 และผู้ช่วยของประธานาธิบดีลีโอนิด คุชมา ระหว่างปี 1998 ถึง 2000

"ควรทำอะไรบางอย่างกับเซเลนสกี ผมขอเรียกร้องสำหรับสิ่งนี้อีกครั้ง รวมตัวกัน ใครบางคนจำเป็นต้องริเริ่ม จำเป็นต้องวางเงื่อนไขบางประการแก่ประธานาธิบดี" โซสกินยืนยัน อ้างถึงบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยูเครน

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว เซเลนสกีอ้างว่าคณะทำงานของเขา "กำลังเตรียมการสิ่งต่างๆ ที่ทรงพลังสำหรับยูเครน" ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตระวันตก โดยบอกว่ายูเครนได้ก้าวย่างอีกขั้นในการมุ่งหน้าสู่วงจรของบรรดารัฐที่เข้มแข็งที่สุดในโลก

ปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ที่ได้รับคาดหวังไว้อย่างสูงของยูเครนได้เริ่มขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยเคียฟใช้อาวุธยุทโธปกรณ์อย่างดีที่สุดที่ตะวันตกจัดหาให้ เช่นเดียวกับกำลังพลที่ได้รับการฝึกฝนจากตะวันตก ในความพยายามตัดขาดสะพานเชื่อมต่อทางบกของรัสเซีย ระหว่างภูมิภาคดอนบาสกับแหลมไครเมีย

จากคำกล่าวอ้างของรัสเซีย ยูเครนสูญเสียกำลังพลไปมากกว่า 43,000 นาย และอาวุธยุทโธปกรณ์เกือบ 5,000 ชิ้น ระหว่างปฏิบัติการดังกล่าว แต่ล้มเหลวบรรลุเป้าหมายของการรุกคืบใดๆ จนถึงตอนนี้ยูเครนรายงานว่าสามารถยึดหมู่บ้านมาได้หลายแห่ง แต่ดูเหมือนยังคงอยู่ห่างจากแนวป้องกันหลักของยูเครนพอสมควร

ในช่วงกลางสัปดาห์ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์อ้างรายงานข่าวกรองชั้นความลับของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของยูเครนจะประสบความล้มเหลวไปไม่ถึงเมืองมาลิโตโพล ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และสะพานทางบกที่เชื่อมรัสเซียกับแหลมไครเมีย จะไม่สามารถถูกตัดขาดได้ในปีนี้

'จีน' ส่ง 'เกาเฟิน-12 04' ดาวเทียมสำรวจโลกดวงใหม่สู่วงโคจร ลุยภารกิจ 'สำรวจที่ดิน-วางแผนผังเมือง-รับมือภัยพิบัติ'

(21 ส.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนได้ส่งดาวเทียมสำรวจโลกดวงใหม่ขึ้นสู่อวกาศจากศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

รายงานระบุว่า จรวดขนส่งลองมาร์ช-4ซี (Long March-4C) ซึ่งบรรทุกดาวเทียมเกาเฟิน-12 04 (Gaofen-12 04) ทะยานออกจากศูนย์ฯ ตอน 01.45 น. ตามเวลาปักกิ่ง และเข้าสู่วงโคจรที่กำหนดสำเร็จ

ดาวเทียมดวงนี้จะถูกใช้งานหลายด้าน อาทิ การสำรวจที่ดิน การวางผังเมือง การออกแบบโครงข่ายถนน การประเมินผลผลิตทางการเกษตร และการบรรเทาภัยพิบัติ

อนึ่ง การส่งดาวเทียมดวงนี้นับเป็นภารกิจที่ 484 ของจรวดขนส่งตระกูลลองมาร์ช

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.66 จีนได้ส่งดาวเทียมสำรวจโลกเกาเฟิน-12 03 (Gaofen-12 03) ขึ้นสู่อวกาศโดยจรวดขนส่งลองมาร์ช-4ซี (Long March-4C) เมื่อเวลา 23.46 น. ตามเวลาปักกิ่ง และเข้าสู่วงโคจรที่กำหนดสำเร็จไปแล้ว

'บ.สุรา ฉะเชิงเทรา' แจง!! ไม่เกี่ยวธุรกิจคราฟต์เบียร์ที่ 'ปดิพัทธ์' โพสต์เชียร์ แค่รับจ้างผลิตตามข้อตกลง ไม่ใช่กลุ่มทุนร่วมทำธุรกิจ

สืบเนื่องจากที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ชื่อ THAI SPIRIT INDUSTRY CO.,LTD. หรือ บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด ซึ่งชื่อบริษัทแห่งนี้ปรากฏอยู่ข้างกระป๋องเบียร์ ที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จ.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งได้เผยแพร่ภาพคราฟต์เบียร์ยี่ห้อลงในโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก และ TikTok

โดยข้อความภาษาอังกฤษข้างกระป๋องเบียร์ระบุว่า...

Produce By (ผลิตโดย-สำนักข่าวอิศรา) Thai Spirit Industry 71/25 Moo 5 Thakham Bangpakong Chachoengsao Thailand 24130

Distributed By (กระจายสินค้า-สำนักข่าวอิศรา) Phitsanulok Brewing co,Ltd. 441 /58 Baromtrilokanart 2 Rd. Nai-mueang Phitsanulok Thailand 65000

จากกรณีดังกล่าว ล่าสุด บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด ได้ส่งเอกสารชี้แจงข้อมูลอีกด้านมายังสำนักข่าวอิศรา มีรายละเอียดดังนี้...

จากกรณีที่มีสื่อมวลชนหลายสํานักได้นําเสนอข่าวเกี่ยวกับ บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จํากัด เรื่องการรับผลิตเครื่องดื่มคราฟต์เบียร์ให้กับบริษัท พิษณุโลกบรูอึ้ง จํากัด ในชื่อ ‘เครื่องดื่มคราฟพิดโลก’ นั้น บนกระบวนการผลิตที่ถูกต้องตามกฎหมายทุก ขั้นตอน ทั้งนี้มีข้อมูลที่เผยแพร่ไป และหรือเกิดการจากคอมเมนต์ของบุคคลต่าง ๆ ในพื้นที่โซเชียลมีเดียและสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่พาดพิงถึง บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จํากัด อย่างผิดพลาด คลาดเคลื่อน และไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง

บริษัทฯ จึงเรียนมาเพื่อ ขอชี้แจงในข้อมูลที่ถูกต้องต่อไปนี้

บริษัทไทย สพิริท อินดัสทรี จํากัด ไม่ใช่กลุ่มทุนของบริษัท พิษณุโลกบรูอิ้ง จํากัด หรือ 'เครื่องดื่มคราฟพิดโลก' และไม่มี ความเกี่ยวข้องในการขายและการทําการตลาดของเครื่องดื่มคราฟพิดโลกนี้ ตลอดจนมิได้เป็นผู้ถือหุ้นหรือร่วมบริหารจัดการกับ บริษัท พิษณุโลกบรูอิ้ง จํากัด แต่อย่างใด บริษัทฯ เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตตามข้อตกลงการจ้างและรับจ้างเท่านั้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ ดําเนินธุรกิจการรับจ้างผลิตให้กับผู้ประกอบการทั่วไปที่สนใจผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในรูปแบบของ OEM เพื่อผู้ประกอบการผู้ว่าจ้างนั้นจะได้นําไปจัดจําหน่ายทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออกจําหน่ายต่างประเทศด้วยตนเองต่อไป

บริษัทฯ มิได้ดําเนินธุรกิจแค่การเลือกคู่ค้ารายใหญ่เท่านั้น บริษัทฯ ให้บริการรับผลิตกับผู้ประกอบการรายย่อยในประเทศ ไทยที่สนใจผลิตเพื่อจัดจําหน่าย แต่ยังขาดความพร้อมในด้านการผลิตบนระบบการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการผลิตเพื่อ ความปลอดภัยต่อผู้บริโภคระดับสากล จึงเป็นที่มาของการว่าจ้างให้บริษัทฯ ดําเนินการผลิตให้ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ผลิต คราฟต์เบียร์ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยมาแล้วมากกว่า 56 ตราสินค้าและมีไม่น้อยกว่า 150 รสชาติ

จากประสบการณ์กว่า 20 ปี บริษัทฯ ดําเนินธุรกิจบนนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย ช่วยเหลือชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง เน้นการใช้วัตถุดิบหลักส่วนใหญ่จากประเทศไทยและกําลังจัดเตรียมโครงการ 'สหกรณ์ชุมชน' เพื่อเดินหน้าช่วยเหลืออย่างเต็ม ความสามารถ นอกจากการรับจ้างผลิตแล้ว บริษัทฯ ยังสนับสนุนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรูปแบบ R&D ให้ความเข้าใจในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อผู้ประกอบการที่สนใจอย่างถูกต้องต่อเนื่องเสมอมา อีกทั้งบริษัทฯ ยังดําเนินธุรกิจบนความรับผิดชอบต่อสังคมมาโดยตลอด อาทิเช่น การติดตั้งแผงโซลาเซลล์เพื่อใช้ในโรงงานซึ่งเป็น พลังงานที่สะอาด รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และมีการติดตั้งระบบบําบัดน้ําเสียเพื่อกําจัดและทําลายสิ่งปนเปื้อนในน้ํา เสียให้หมดไป และไม่ทําให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมถึงดูแลส่งเสริมและทํากิจกรรมของวัด ชุมชน และโรงเรียนรอบ ๆ โรงงานอย่างต่อเนื่อง

จึงเรียนมาเพื่อชี้แจงในข้อมูลที่ถูกต้อง และขอความร่วมมือท่านสื่อมวลชน ได้เผยแพร่แถลงการณ์ฉบับนี้ เพื่อแก้ไขข่าวที่ ไม่ถูกต้องและคลาดเคลื่อน อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับข้อมูลข่าวสารบนข้อเท็จจริงที่ถูกต้องผ่านสื่อคุณภาพของท่าน

กรมทรัพย์สินฯ ขึ้นทะเบียน GI ‘ปลาทูแม่กลอง’  เป็นสินค้า GI ลำดับที่ 4 ของสมุทรสงคราม

กรมทรัพย์สินฯ เดินหน้าประกาศขึ้นทะเบียน GI ต่อเนื่อง ล่าสุดดัน ปลาทูแม่กลอง สินค้ายอดนิยมสมุทรสงครามที่ชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศขนเงินข้าชุมชนกว่า 12 ล้านบาท

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มีการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ภูมิศาสตร์ หรือ GI เพื่อยกระดับสินค้าในท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มมูลค่าสินค้า สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน พร้อมกับการส่งเสริมการควบคุมคุณภาพสินค้าเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

ล่าสุดได้ประกาศขึ้นทะเบียน ปลาทูแม่กลอง เป็นสินค้า GI ลำดับที่ 4 ของจังหวัดสมุทรสงคราม ต่อจากส้มโอขาวใหญ่สมุทรสงคราม สิ้นจี่ค่อมสมุทรสงคราม และพริกบางช้าง

ทั้งนี้ ‘ปลาทูแม่กลอง’ เป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนาน มีแหล่งอาศัยในบริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนใน มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ และที่ราบชายฝั่งทะเลบริเวณปากน้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งทะเล ลักษณะดินเกิดจากการทับถมของตะกอนแม่น้ำและตะกอนน้ำทะเล ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธาตุอาหาร ทำให้ปลาทูแม่กลองมีลำตัวกว้าง แบน สั้น ผิวหนังขาวเงินมันวาว มีแถบสีน้ำเงินแกมเขียวหรือแถบสีเหลือง ครีบหางสีเหลืองทอง มีเอกลักษณ์โดดเด่นทั้งด้านรสชาติและรูปร่าง

โดยเนื้อปลาทูที่นึ่งแล้วจะมีความละเอียดนุ่ม เนื้อแน่น หอม และมันมาก เมื่อนำมาบรรจุลงในเข่งจะมีลักษณะหน้างอ คอหัก ด้วยลักษณะเช่นนี้ จึงทำให้ปลาทูแม่กลองเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายจนมีคำกล่าวที่ว่า ‘ปลาทูแม่กลองของแท้ จะต้องหน้างอ คอหัก’ บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากปลาทูบริเวณอื่นไปโดยปริยาย และหลายหน่วยงานได้นำเอกลักษณ์นี้มาใช้ในการจัดกิจกรรมงานประจำปี ‘เทศกาลกินปลาทูที่แม่กลอง’ ซึ่งจัดมาอย่างยาวนานถึง 24 ปี นับเป็นงานเทศกาลที่มีชื่อเสียง และได้รับการประชาสัมพันธ์จากภาคส่วนต่างๆ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนไปกว่า 12 ล้านบาท 

‘เอ ศุภชัย’ นั่งเก้าอี้ผู้บริหารบริษัท ‘A Entertainment’ มุ่งปั้นนักแสดงหน้าใหม่ - ผลิตงานบันเทิงครบวงจร

(21 ส.ค. 66) เป็นทั้งนักปั้นดารามือทอง เป็นทั้งผู้จัดละคร และล่าสุด ‘เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร’ ก็เปิดตัวอีกครั้งในฐานะซีอีโอ เจ้าของบริษัท เอ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (A Entertainment) ซึ่งตั้งใจจะผลิตงานด้านบันเทิงอย่างครบวงจร โดยเริ่มต้นจากการปั้นนักแสดงวัยรุ่นหน้าใหม่ ออกสื่อโซเชียล

โดย เอ ศุภชัย เปิดเผยว่า “ตอนนี้พี่เอ ได้ปั้นเด็ก ๆ 7 คน คือ อู๋ กิตติภณ ทิพยทยารัตน์ ซึ่งมีผลงานละครเรื่องกลเกมรัก ทางช่อง 3 แล้วก็มี องศา ธีธัช คุ้มเมือง, อเล็กซ์ อเล็กซานเดอร์ โบว์แมน สองคนนี้ร้องเพลงเก่ง ต่อด้วย มอส กฤติเดช ภูภัทรธราวุฒิ, ดล นภดล ทิพวัฒน์, ทาฆิ อ่องลออ และ เลโอ เลโอนาร์โด ซุนโด ซึ่งแต่ละคนทั้งเป็นนักแสดงและร้องเพลงได้ดี พี่เอส่งทุกคนไปเรียนเพิ่มเติมให้มีความสามารถหลากหลายด้าน ครบเครื่องทุกอย่าง แล้วตอนนี้ก็ได้ชิมลางให้ร้องโคฟเวอร์เพลง เพื่อเตรียมออกช่องยูทูบ ติ๊กต็อก ไอจี เฟซบุ๊ก อะไรต่าง ๆ ให้โซเชียลนำทาง เพื่อให้เป็นที่รู้จัก ตอนนี้พี่เอตั้งใจลุยงานเต็มที่ เดินทางตลอด ไปคุยกับช่องทีวี SBS ที่เกาหลี ไปดูคอนเสิร์ตเกาหลีที่ญี่ปุ่น อาจจะเป็นโปรโมเตอร์ติดต่อคอนเสิร์ตมาจัดที่เมืองไทย ก็จะคิดและมองการขยายงานในมุมธุรกิจที่หลากหลายขึ้น”

“พี่เอขอฝากบริษัท A Entertainment เป็นบริษัทที่พี่เอตั้งใจทำจริง ๆ ให้เป็นบริษัทบันเทิงที่ครบวงจร กับเวลา 30 กว่าปีที่พี่เอสะสมประสบการณ์ในวงการบันเทิง พี่เอตั้งใจว่าเอ็นเตอร์เทนคืออาชีพหลักของพี่เอที่ผสมผสานกับธุรกิจ เพราะฉะนั้นพี่เอขอฝากช่อง A Entertainment ของพี่เอด้วยนะคะ และท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณ ทางผู้บริหารบริษัทโคริเน็ตเวิร์ค (KORI Network) คุณชาแด คิม และเทอุง พัค (CEO) แหนม รณเดช วงศาโรจน์ (ที่ปรึกษาด้าน Entertainment content ของ KORI Network) ที่สนับสนุนสถานที่ถ่ายทำในครั้งนี้ และจะเป็นพาร์ทเนอร์ในการทำคอนเทนท์ต่าง ๆ ในช่อง A Entertainment ต่อไปในอนาคตด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” พี่เอ ศุภชัย กล่าวในที่สุด

‘รองอ๋อง’ ชี้ สส. ต้องทำงานรับใช้ประชาชน เพราะประชาชนทุกคนคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง

‘รองอ๋อง’ ชี้ สส. ต้องทำงานรับใช้ประชาชน เพราะประชาชนทุกคนคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง

ไม่นานมานี้ 'หมออ๋อง' ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ได้โพสต์ข้อความจากการร่วมเวทีกิจกรรมเสริมสร้างความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย สำนักประชาสัมพันธ์รัฐสภาร่วมกับคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2566 ห้องประชุมสัมมนา อาคารรัฐสภา ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

ผมเป็นสัตวแพทย์ คุณเป็นครู เราเรียนจบก็ได้ใบประกอบวิชาชีพ

แต่การจะเป็น สส.ได้ ต้องไปขอคะแนนเสียง เพราะฉะนั้นอาชีพนี้จึงศักดิ์สิทธิ์มาก แต่ความศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ได้ทำให้ผมกับคุณต่างกัน

ผมทำหน้าที่ของผม พวกคุณเป็นคนมอบอาณัติให้ผมเพราะฉะนั้นคุณเป็นเจ้าของอำนาจ

ประชาชนต้องเชื่อเรื่องนี้ให้ได้ ไม่ใช่เลือกตั้งเสร็จผมเป็นเจ้านายพวกคุณ พวกคุณจ้างผมทำงาน เพราะฉะนั้นผมต้องรับใช้พวกคุณ นี่คือสิ่งที่ต้องสร้างให้เกิดขึ้น โตไปเป็นครูขอให้สอนเด็ก ๆ ว่าพวกคุณคือ ‘เจ้าของประเทศ’

'มายด์ ณภศศิ' โพสต์ภาพสวมชุดครุย พร้อมแจ้งข่าวดีเรียนจบ ‘ปริญญาเอก’ แล้ว

(21 ส.ค. 66) ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับนักแสดงและนางแบบสาว ‘มายด์ ณภศศิ’ หลังจากที่เจ้าตัวสำเร็จการศึกษาปริญญาเอก สาขาการจัดการ จากมหาวิทยาลัย Lyceum of the Philippines University ประเทศฟิลิปปินส์

โดยล่าสุด สาวมายด์ ณภศศิ ก็มีการโพสต์รูปในชุดครุยสีเหลือง-ดำประจำมหาวิทยาลัย พร้อมภาพบรรยากาศในวันบินตรงไปรับปริญญาถึงฟิลิปปินส์ และเล่าวินาทีแห่งความตื้นตันใจผ่านทางอินสตาแกรมระบุว่า…

"Finally, I graduated I am so honored and happy to announce that I’ve completed my doctoral degree in Management from Lyceum of the Philippines University. It took many late nights, sweat and almost tears. This could not happen without the support of my close friends, family and classmates and professors. I am forever grateful for having all of your support and encouragement หมวยจบแล้วค่าาาา!"

แปลใจความได้ว่า "ในที่สุด มายด์ก็เรียนจบแล้ว รู้สึกเป็นเกียรติและมีความสุขมากที่จะประกาศว่า จบปริญญาเอกการจัดการ จาก Lyceum of the Philippines University มันกินเวลานานหลายคืน หยาดเหงื่อและน้ำตาแทบไหล ซึ่งสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนสนิท ครอบครัว เพื่อนร่วมชั้นเรียน และคณะอาจารย์ท่าน มายด์รู้สึกขอบคุณเสมอสำหรับการสนับสนุนและกำลังใจจากทุกคน"

โดยมีทั้งคนในวงการบันเทิงและแฟน ๆ ต่างเข้ามาแสดงความยินดีนับร้อยข้อความ ก็รอลุ้นกันว่างานนี้จะได้เห็นไฮโซหนุ่ม ‘สงกรานต์ เตชะณรงค์’ จะมาร่วมฉลองที่ดอกเตอร์มายด์เรียนจบด้วยรึเปล่า

‘ออมสิน’ ปล่อยสินเชื่อหนุนผู้ประกอบการอีวี วงเงินรายละ 50 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ 3.745% ต่อปี

(21 ส.ค. 66) นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารออมสิน ให้ความสำคัญในการสนับสนุนยุทธศาสตร์การใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศมุ่งสู่เป้าหมายความยั่งยืน โดยล่าสุด ธนาคารออมสินได้ออกสินเชื่อ ‘GSB EV Supply Chain’ ภายใต้การบันทึกความร่วมมือกับ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ในการส่งเสริมและสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า Electric Vehicle (EV) และผู้ประกอบการ Supply Chain ของอุตสาหกรรม EV ซึ่งเป็นการผลิตยานยนต์ใช้พลังงานทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สร้างมลพิษทางอากาศ โดยคาดหวังให้ความร่วมมือดังกล่าวเป็นฟันเฟืองสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่ภาครัฐให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเป็นการผลักดันประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และเคลื่อนที่สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emission ได้ตามแผนและนโยบายของประเทศ

สินเชื่อ ‘GSB EV Supply Chain’ สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Supply Chain ได้แก่ ผู้ผลิต/ผู้ประกอบยานยนต์ไฟฟ้า (OEM) ผู้ผลิตชิ้นส่วนและส่วนประกอบยานยนต์ไฟฟ้า โดยตั้งเป้าหมายสนับสนุนให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อหมุนเวียนทำธุรกิจ หรือลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และ Re-Finance ภายใต้ ‘โครงการสินเชื่อธุรกิจ GSB EV Supply Chain’ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเก็จ ‘สินเชื่อ Green Loan’ ซึ่งเป็นสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจเศรษฐกิจสีเขียว วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 3.745 % ต่อปี (MOR/MLR-3 % ต่อปี) ระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 2 ปี และสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการวงเงินมากกว่า 50 ล้านบาท สามารถใช้วงเงินสินเชื่อ ‘โครงการ GSB For BCG Economy’ ได้ ซึ่งไม่จำกัดวงเงินกู้

อนึ่ง ที่ผ่านมา ธนาคารออมสินได้ออกสินเชื่อเพื่อรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคตามกระแสอนุรักษ์พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ สินเชื่อ GSB Green Home Loan สำหรับผู้บริโภครายย่อยที่มีความต้องการซื้อบ้านประหยัดพลังงาน สินเชื่อ GSB Go Green ตอบสนองผู้ที่ต้องการใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดภาระค่าไฟ หรือติดตั้งแผงโซล่าร์ หรือซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และสินเชื่อ GSB for BCG Economy สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG รวมถึง สินเชื่อ GSB Green Biz สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

ด้าน นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้แก่สมาชิกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้า โดยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ ตลอดจนเข้าถึงความรู้ในการจัดการทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs และ Start up เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ให้เติบโต อย่างมั่นคง

“ทั้งนี้ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ตามที่ภาครัฐได้ประกาศนโยบายสนับสนุนให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าร้อยละ 30 จากการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในประเทศภายในปี 2573 และตั้งเป้าในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภูมิภาคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย เดินไปข้างหน้าคือ การระดมเงินทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท กลไกทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนได้อย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต” นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top