Wednesday, 26 June 2024
TheStatesTimes

กระทรวงเกษตรไทย-ญี่ปุ่น ตกลงขยายความร่วมมือมิติใหม่เชื่อม 4,200 องค์กร บนแพลตฟอร์ม FKII เพิ่มโอกาสการค้าการลงทุน 2 ประเทศ

'อลงกรณ์' เผยเน้นการร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตการแปรรูปสู่เกษตรมูลค่าสูงรวมทั้งอาหารแห่งอนาคตและระบบโลจิสติกส์ความเย็นสินค้าเกษตร

รายงานจากสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำกรุงโตเกียววันนี้ (6 ก.ค.) แจ้งว่านายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ วิวิธเกยูรวงศ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำกรุงโตเกียว นายโชติ พึงเจริญพงศ์ คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ นายสกนธ์ วนาเศรษฐี ที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำกรุงโตเกียว และคณะพบหารือกับนายคูนิอากิ คาวามูระ (Mr. Kuniaki Kawamura) ประธานสภาความร่วมมือภาคอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา และภาครัฐ (The Council of Industry-Academia-Government Collaboration) ซึ่งมีแพลตฟอร์มเพื่อการวิจัยและพัฒนาในการเป็นแหล่งองค์ความรู้ การบูรณาการและนวัตกรรม (Filed for Knowledge, Integration & Innovation หรือ FKII) FKII อยู่ภายใต้กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น (MAFF) โดยมีนายโอคูมะ ราเคชิ (Mr. Okuma Rakeshi) เป็นผู้อำนวยการ FKII และทีมงานร่วมประชุมที่กระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมงญี่ปุ่นในกรุงโตเกียว

นายอลงกรณ์ พลบุตร กล่าวว่าการเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นนโยบายของ ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีต้องการให้ขยายความร่วมมือทางด้านการเกษตรกับประเทศญี่ปุ่นในมิติต่างๆภายหลังจากนายเก็นจิโร คาเนโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น พร้อมคณะเข้าพบหารือกับดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาในวาระครบรอบ 135 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ 

โดยเฉพาะญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญอันดับ 2 ของไทย มีสัดส่วนการส่งออกไปญี่ปุ่นประมาณร้อยละ 11.35 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปตลาดโลกเป็นการสนองตอบต่อนโยบายเพิ่มความมั่นคงทางอาหารของญี่ปุ่นซึ่งผลิตอาหารได้ 37% ของความต้องการในประเทศ ดังนั้นความร่วมมือระหว่าง 2 กระทรวงและภาคีภาคส่วนต่างๆจะช่วยเติมเต็มนโยบายของกันและกัน 

พร้อมกันนั้นนายอลงกรณ์ ได้แสดงความชื่นชม FKII ที่สามารถสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ในหลากหลายด้าน อาทิ เกษตรอัจฉริยะ อาหารสุขภาพ เกษตรกรรมยั่งยืน ฯลฯ โดยเฉพาะงานด้านเกษตรกรรมยั่งยืน (Sustainable agriculture) ที่ FKII มีแพลตฟอร์มเพื่อการวิจัยและพัฒนาถึง 72 กลุ่ม สอดคล้องกับแนวนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นแหล่งอาหารของโลก 

‘ป้าปาน สมสง่า’ สร้างประวัติศาสตร์กีฬาไทย หลังซิวทองแรกในศึกกรีฑาสูงอายุชิงแชมป์โลก

‘สมสง่า บุญนอก’ คว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์ให้กับทัพนักกีฬาไทยมาครองได้สำเร็จ จากกระโดดไกลรุ่นอายุ 65 ปีหญิง หลังทำสถิติได้ 3.90 เมตร ในศึกกรีฑาสูงอายุชิงแชมป์โลก 2022 ที่ประเทศฟินแลนด์

ถึงแม้จะเป็นนักกีฬาคนเดียวของคณะนักกีฬาไทยที่กระเป๋ายังมาไม่ถึงเมืองแทมเปเร เมืองที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกรีฑาสูงอายุชิงแชมป์โลกในประเทศฟินแลนด์และต้องลงแข่งขันด้วยชุดที่ยืมเพื่อน และรองเท้าใหม่เอี่ยมเพิ่งซื้อ 

แต่ทว่า สมสง่า บุญนอก อดีตข้าราชการครูโรงเรียนสีบุญในเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ก็สามารถทำให้ธงชาติไทยโบกไสว และเพลงชาติไทยกระหึ่มที่สนามแทมเปเรสเตเดี่ยม เมื่อเธอคว้าเหรียญทองเหรียญแรกให้กับทีมกรีฑาสูงอายุไทย

สมสง่า ครูเกษียณอายุวัย 68 ปี ได้เหรียญทองจากการแข่งขันกระโดดไกลหญิงรุ่น 65 ปี โดยกระโดยได้ไกล 3.90 เมตร ดีกว่านักกีฬาจากเนเธอร์แลนด์ แอนจา อัคเคอร์มาน สมิธ ที่กระโดดได้ 3.83 เมตร ถึง 7 เซ็นติเมตร และเหรียญทองแดงตกเป็นของนักกีฬาจากประเทศสวีเดน อุลลา คาร์เนแบ็ค ด้วยสถิติ 3.61 เมตร

สมสง่าเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่ได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันกรีฑาสูงอายุชิงแชมป์โลก เป็นคนที่ทำให้กองเชียร์ชาวไทยปลื้มปริ่มน้ำตาคลอ กับการที่ได้เห็นธงชาติไทยพริ้วไสว และเสียงกระหึ่มของเพลงชาติไทย

ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการกีฬาไทย ยิ่งไปกว่านั้นสถิติที่เธอทำได้จากการแข่งขันในครั้งนี้ดีกว่าสถิติของเอเซียที่นักกีฬาจากประเทศญี่ปุ่นนากามูระ โนริโกะทำไว้ที่ 3.78 เมตร เมื่อปี พศ.2547 ที่ประเทศไทย และดีกว่าสถิติแห่งประเทศไทยที่เธอทำไว้เองที่ระยะ 3.82 เมตร เมื่อปี 2563 ที่สุพรรณบุรี

สมสง่าเป็นนักกีฬาไทยคนที่สองจากจำนวน 4 คน ที่ได้รับเหรียญรางวัลในการแข่งขันกรีฑาสูงอายุชิงแชมป์โลกซึ่งมีนักกีฬาจากมากกว่า 100 ประเทศจากทั่วโลกมาร่วมการแข่งขันในครั้งนี้

'เชียงราย' ทหาร ตรวจคนเข้าเมือง จับรายวันลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายชายแดนแม่สาย

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมาหมวดทหารม้าลาดตระเวนที่ 2 ร้อยทหารม้าที่ 3 บก.ควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 โดยการนำของ พันเอก สุทธิ์เขต์ ศรีนิลทิน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 ได้จัดกำลังพล 1 ชุดปฏิบัติการภารกิจลาดตระเวณ

เฝ้าตรวจตราในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณท่าข้ามที่จอดรถตลาดสายลมจอย (ท่าข้ามว้า-มังกี้) หมู่1 บ้านแม่สาย ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ตรวจพบร่องรอยการข้ามแม่น้ำสายมาจากฝั่งประเทศเมียนมาข้ามมายังฝั่ง

ประเทศไทยและมีร่องรอยการขึ้นมาหลบหนีภายในตึกเช่าทางเจ้าหน้าที่จึงทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายเข้าทำการตรวจสอบภายในบ้านเช่าผลการปฏิบัติงานของทางเจ้าหน้าที่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่พบบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิด

กฎหมายจำนวน 58 คน เป็นบุคคลสัญชาติจีนจำนวน 1 คน บุคคลสัญชาติไทยจำนวน 1 คน และบุคคลสัญชาติเมียนมาจำนวน 56 คน เป็นชาย 28 คน เป็นหญิงจำนวน 20 คน พร้อมผู้ติดตามจำนวน 8 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 4 คน

TOPIC 19 : นักล่าอาณานิคมฉวยโอกาส? จุดกระแสเครื่องบินเมียนมาโฉบเข้าน่านฟ้าไทย ก่อสงครามกับ ‘จีน - รัสเซีย - เกาหลีเหนือ’

นักล่าอาณานิคมฉวยโอกาส? จุดกระแสเครื่องบินเมียนมาโฉบเข้าน่านฟ้าไทย ก่อสงครามกับ ‘จีน - รัสเซีย - เกาหลีเหนือ’

Click on Clear Original
โดย ปริม THE STATES TIMES (กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา)

States TOON EP.67

เหงา!!

ติดตามการ์ตูนอัปเดตได้ทุกสัปดาห์ใน…


👍 ติดตามการ์ตูนสนุกๆ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/tag/statestoon

 

 

 

การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๕ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ 

วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๕ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ โดยมี พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการทหารบก เข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น ๒ อาคาร ๑ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  

การประชุมฯ ในครั้งนี้ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลที่สำคัญของกองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนี้ 

กองบัญชาการกองทัพไทย ที่ประชุมได้ร่วมกันวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงในภูมิภาค และหารือแนวทางดำเนินความร่วมมือด้านความมั่นคงกับมิตรประเทศ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้ประสานสอดคล้องในทุกระดับ ยึดมั่นการเคารพในหลักการอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน สนับสนุนให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามในการเจรจาแก้ไขสถานการณ์โดยสันติวิธี และสอดคล้องกับกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ ยึดมั่นในความเป็นแกนกลางของอาเซียน ดำเนินการสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงร่วมกัน มุ่งเน้นส่งเสริมความร่วมมือและขยายความสัมพันธ์อย่างสมดุล อีกทั้งดำรงความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพมิตรประเทศในทุกสถานการณ์ เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหา 

กองทัพบก ได้นำเสนอแนวทางการจัดการฝึกภาคสนามของนักศึกษาวิชาทหาร ประจำปี ๒๕๖๕ ซึ่งกำหนดจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทดแทนการฝึกภาคสนามให้กับนักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ ๓ (ชาย, หญิง) ระหว่างวันที่ ๘-๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ โดยสามารถลงทะเบียนเลือกวันที่สะดวกได้ทางเว็บไซต์ของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน www.tdc.mi.th ในส่วนของนักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ ๔ และ ๕ ทุกนาย กำหนดให้เข้ารับการฝึกภาคสนาม ณ ค่ายฝึกนักศึกษาวิชาทหาร เขาชนไก่ อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

และสามารถตรวจสอบวันที่ที่จะเข้ารับการฝึกฯ (ผลัดฝึก) ได้ทางเว็บไซต์ของศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร www.ruksadindan.com ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ นอกจากนี้ กองทัพบก ยังได้รายงานผลการเดินทางเยือนกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างเป็นทางการของ ผู้บัญชาการทหารบก และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ประจำปี ๒๕๖๕ เพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านความมั่นคงทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับประเทศอาเซียน 

กองทัพเรือ ได้รายงานผลการปฏิบัติของกองทัพเรือ ทั้ง ๖ ด้าน ได้แก่ การพิทักษ์รักษา ปกป้อง เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงของรัฐ การพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคงและการช่วยเหลือประชาชน การเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารกับต่างประเทศ และการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ ในการสร้างกองทัพไทยที่เข้มแข็ง ทันสมัย และเป็นที่เชื่อมั่น ศรัทธา ของประชาชน 

เชื่อมต่อแล้ว!! ‘สะพานขึง’ ข้ามแม่น้ำแม่กลอง แลนด์มาร์กใหม่แห่งราชบุรี 'สร้างงาน-ดึงดูดนทท.'

ไม่นานมานี้ เฟซบุ๊กเพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' ได้โพสต์ความคืบหน้าอีกโครงการใหญ่ของไทย ด้วยการพาไปทำความรู้จักกับ สะพานรถไฟขึง หลบระเบิด ข้ามแม่น้ำแม่กลอง บนโครงการทางคู่สายใต้ Landmark แห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี ระบุว่า...

วันนี้ขอมาเล่ารายละเอียด อีกหนึ่ง Highlights ของโครงการรถไฟทางคู่ ที่กำลังก่อสร้างกันอยู่ นั่นก็คือ 'สะพานรถไฟขึง' แห่งแรกของไทย ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อข้ามแม่น้ำแม่กลอง 

โดยสะพานแห่งนี้ เป็นรูปแบบสะพานคอนกรีตขึง (Extradose Bridge) เพื่อแก้ปัญหาทางกายภาพ อย่างการหลบระเบิดที่นอนอยู่ก้นแม่น้ำแม่กลอง กลางเมืองราชบุรี ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 

***คลิปอธิบายที่มาที่ไปและข้อจำกัดต่างๆ ของโครงการจาก นายช่างมีน หนึ่งในหัวหน้าวิศวกรคุมงาน ของการรถไฟ ได้จากลิ้งค์นี้ >> https://youtu.be/4o0uV8EqhTc

***โพสต์พาชมสะพานขึงนี้ เมื่อปีที่แล้ว >> https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1291848297920313/?d=n

ทีนี้ลองมาทำความรู้จัก สะพานรถไฟขึง แห่งแรกของไทยนี้ให้ลึกยิ่งขึ้น

สะพานรถไฟขึงนี้ อยู่ในโครงการรถไฟทางคู่สายใต้ สัญญาที่ 1 ช่วง นครปฐม-หนองปลาไหล 

โดยตัวสะพานได้ก่อสร้างคู่ขนานกับ 'สะพานจุฬาลงกรณ์' ซึ่งเป็นสะพานเดิม ที่เป็นรูปแบบสะพานเหล็กโครงถัก 

แต่สะพานใหม่นี้ จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบสะพานขึง เนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่ ซึ่งมีระเบิดที่จมอยู่กลางแม่น้ำแม่กลอง ใกล้กับพื้นที่ก่อสร้างสะพานใหม่ 

ส่วนระเบิดนี้เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งฝ่ายสัมพันธมิตร ต้องการตัดเส้นทางการเดินทาง ของกองทัพญี่ปุ่น เพื่อใช้เส้นทางรถไฟเป็นเส้นทางหลักในการเดินทาง

ซึ่งในช่วงสงคราม มีการทิ้งระเบิดในบริเวณสะพานจุฬาลงกรณ์ และสถานีรถไฟราชบุรี (ติดกัน) ไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง และในปัจจุบัน มีระเบิดที่จมอยู่ในดินใต้แม่น้ำแม่กลอง ที่สำรวจเจอ 'ขนาดใหญ่' อย่างน้อย 3 ลูก ซึ่งมีความเสี่ยงในการเก็บกู้ 

ดังนั้น ทางแก้ปัญหา ก็จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนจากการก่อสร้างในพื้นที่แม่น้ำให้มากที่สุด จึงต้องเปลี่ยนเป็น 'สะพานคอนกรีตขึง' (Extradose Bridge) นั่นเอง

สำหรับโครงการนี้ ทางการรถไฟฯ ได้ทำพิธีเชื่อมต่อสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแม่กลอง สะพานรถไฟแบบขึงแห่งแรกของไทยไปเมื่อ 24 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา

โดยมี นายจเร รุ่งฐานีย รองผู้ว่าการกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน การรถไฟแห่งประเทศไทย และนายอุดม เพชรคุต รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานในพิธีเชื่อมต่อสะพานรถไฟช่วงสุดท้ายข้ามแม่น้ำแม่กลอง สะพานรถไฟแบบขึงแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางสายใต้ ช่วงนครปฐม–หัวหิน โดยมีพลตรีวิกร เลิศวัชรา รองเจ้ากรมการทหารช่าง และนายดนุช ยนตรรักษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ.เอส. แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด พร้อมด้วยหน่วยงานจังหวัดราชบุรีเข้าร่วมพิธี 

นายจเร เปิดเผยว่า การสร้างสะพานรถไฟแบบขึงข้ามแม่น้ำแม่กลอง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม – หนองปลาไหล โดยได้มีการสร้างสะพานรถไฟคู่ขนานกับสะพานรถไฟเดิมหรือสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ เพื่อรองรับการให้บริการรถไฟทางคู่สายใต้ พร้อมกับมีการออกแบบด้วยเทคนิคทางวิศวกรรมพิเศษให้โครงสร้างสะพานรถไฟใช้คานขึง ที่มีตอม่ออยู่บนฝั่งแม่น้ำทั้ง 2 ฝั่ง แทนรูปแบบเดิมที่มีตอม่อกลางแม่น้ำ 

เนื่องจากก่อนที่จะมีการก่อสร้างสะพานรถไฟดังกล่าว การรถไฟฯ ได้ทำการสำรวจพื้นที่แล้วพบวัตถุระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ขนาด 1,000 ปอนด์ จำนวน 7 ลูก จมอยู่ในแม่น้ำแม่กลองบริเวณใต้สะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ ตรงกับแนวเขตการก่อสร้างสะพานรถไฟ หากจะก่อสร้างสะพานในรูปแบบเดิม จำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตราย

ดังนั้นจึงต้องให้ผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการฯ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างสะพานรถไฟใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากวัตถุระเบิด จึงเป็นที่มาของรูปแบบการสร้างสะพานรถไฟแบบขึง (Extradosed Bridge) หรือ เรียกสั้นๆ ว่า 'สะพานขึง' ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอพระราชทานชื่อสะพาน 

อมธ. ประกาศใช้เพลงประจำมหาวิทยาลัย แทนเพลง ‘ยูงทอง’ ในทุกกิจกรรมของตนเอง

องค์การ นศ.ธรรมศาสตร์ เปิดผลประชามติ ประกาศใช้ “เพลงประจำมหาวิทยาลัยทำนองมอญดูดาว” แทนเพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง ในทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นโดย อมธ.

วันที่ (6 ก.ค. 65) องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กว่า ... อมธ. ประกาศใช้ “เพลงประจำมหาวิทยาลัยทำนองมอญดูดาว” แทนเพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง ในทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นโดย อมธ.

เพื่อให้นักศึกษาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการจัดกิจกรรม โดยเฉพาะในการเลือกเพลงประจำมหาวิทยาลัย อันเป็นการแสดงออกที่สำคัญถึงอัตลักษณ์ การก่อกำเนิด และการเชิดชูประวัติศาสตร์การต่อสู้ของมหาวิทยาลัย

อมธ. จึงได้จัดทำแบบสำรวจประชามติของประชาคมธรรมศาสตร์ โดยเพลงที่เข้ารับการคัดเลือกมีจำนวนทั้งหมด 3 เพลง คือ เพลงประจำมหาวิทยาลัยทำนองมอญดูดาว, มาร์ช มธก. และ เพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง โดยจากผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 5,168 คน ได้เลือกเพลงประจำมหาวิทยาลัยทำนองมอญดูดาว กว่า 51.9%

ตามรอยพระราชา ถอดพระอัจฉริยภาพ 'จอมปราชญ์แห่งพลังงาน'

สนุกสนานแบบนี้ทุกคนจึงติดใจ! ชวนพ่อแม่ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ผู้บริหารองค์กรทุกคน #ตามรอยพระราชา 

ชมคลิป
.

.

ครั้งต่อไป #19 ถอดพระอัจฉริยภาพ 'จอมปราชญ์แห่งการพัฒนาพลังงาน'
โครงการโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร เพชรบุรี

ในหลวง ร.9 รับสั่งว่าน้ำมันแพง ตั้งแต่ปี 2501 หรือ 64 ปีก่อน!
* ไบโอดีเซล พลังงานสะอาด ทางเลือกวิกฤติน้ำมันแพง
* ลงพื้นที่ปฏิบัติจริง และเข้าเวิร์กช็อปถอดบทเรียน
ผ่านบอร์ดเกม 2 วัน 1 คืน พลิกชีวิต สู่การตื่นรู้

ตั้งแต่วันที่ 23-24 ก.ค. 65
☎️ 099-397-5333

'สกาย ครูซ' โรงแรมลอยฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ไอเดียสุดล้ำ!! สัมผัสได้เร็วสุดไม่เกินอีก 20 ปี

แนวคิดสุดล้ำ ‘สกาย ครูซ’ กับจุดขายการใช้พลังงานนิวเคลียร์แทนเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในปัจจุบัน จุผู้โดยสารได้จำนวนมาก แถมยังลอยได้ไกล ไปได้นาน แบบไม่ต้องกลับมาแตะพื้น

หลาย ๆ แนวคิดทางด้านวิทยาศาสตร์ที่อาจจะดูเพ้อฝันเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่พอมาถึงปัจจุบันก็สามารถกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงได้อย่างน่าทึ่ง ฉะนั้น แนวคิดที่อาจจะดูเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบันนี้ ก็อาจจะเกิดขึ้นจริงได้ในอนาคตเช่นกัน

ดังเช่นแนวคิดสุดล้ำของ ฮาเชม อัล-ไกลี (Hashem Al-Ghaili) นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากเยเมน ผู้ที่มีผลงานในการอธิบายปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ มากมาย ที่ล่าสุดได้นำเสนอไอเดีย "สกาย ครูซ" (Sky Cruise) โรงแรมลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่มีจุดเด่นคือการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการขับเคลื่อน

สำหรับสกาย ครูซ จะควบคุมการบินอัตโนมัติโดยระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ โดยมีมอเตอร์ยักษ์ไม่ต่ำกว่า 20 ตัว เป็นตัวขับเคลื่อนโรงแรมลอยฟ้า ซึ่งมอเตอร์แต่ละตัวนั้นจะใช้พลังงานไฟฟ้าจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ด้วยระบบนิวเคลียร์ฟิวชัน (Nuclear Fusion) หรือกระบวนการที่รับพลังงานซึ่งเกิดจากการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี มาใช้เป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งทำให้สกาย ครูซ (Sky Cruise) สามารถลอยตัวกลางอากาศได้เป็นระยะเวลานาน (ว่ากันว่าสามารถลอยตัวได้นานนับปี โดยไม่ต้องบินลงมาแตะพื้นดิน) และรวมไปถึงตัวเครื่องยนต์นั้นจะไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ภายนอก จึงนับว่าเป็นการใช้พลังงานสะอาด ไม่ก่อมลพิษที่จะส่งผลกระทบต่อโลกใบนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top