Friday, 25 April 2025
TheStatesTimes

'เกษตรฯ' มั่นใจไทยส่งออกยางปี 2565 เพิ่มขึ้นตั้งเป้าทะลุ 4 ล้านตัน หลังโควิด19 คลี่คลายยกเว้นตลาดรัสเซียทรุดเพราะพิษสงคราม

'อลงกรณ์' ฟันธงยางไทยยึดแชมป์ส่งออกจีนเด็ดขาดครองมาร์เก็ตแชร์กว่า 40% เหมือนผลไม้ไทย แนะ 'กยท.' เพิ่มการวิจัยและขยายโครงการสวนยางยั่งยืนและโครงการคาร์บอนเครดิตสร้างเสถียรภาพยางไทยในตลาดโลกภายใต้ '5ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย'

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางและรักษาเสถียรภาพราคายางเปิดเผยวันนี้ (3มิ.ย.) ภายหลังทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางและรักษาเสถียรภาพราคายางครั้งที่3/2565 ว่า จากรายงานสถานการณ์การผลิต การค้า และการแข่งขันของตลาดยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางทั่วโลกตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบันของฑูตเกษตรไทยในภูมิภาคต่างๆและรายงานของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ประเมินได้ว่าการส่งออกยางในปี 2565 เพิ่มขึ้น และจะทะลุ 4 ล้านตันหลังโควิด19 คลี่คลาย อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยทั้งบวกและลบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเสถียรภาพราคายางและการส่งออกจากวิกฤติโควิด19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาน้ำมันและปุ๋ย โดยเฉพาะตลาดรัสเซียมูลค่าการส่งออกสินค้ายางจากไทยไปรัสเซีย (ม.ค.-เม.ย. 2565) ลดลง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

“สำหรับตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทยนั้นสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นจากการแพร่ระบาดโควิดในจีนที่เริ่มคลี่คลายมีการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและการขยายตัวทางเศรษฐกิจตลอดจนการปลดล็อคการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา มั่นใจว่ายางไทยจะสามารถยึดแชมป์ส่งออกไปจีนได้อย่างเด็ดขาดเพราะขณะนี้สามารถครองมาร์เก็ตแชร์การนำเข้าของจีนกว่า 40% เหมือนผลไม้ไทยและทิ้งห่างอันดับ 2 ซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์สะท้อนถึงศักยภาพของชาวสวนยาง สถาบันยาง สหกรณ์ชาวสวนยาง ผู้ประกอบการและการยางแห่งประเทศไทย”

นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานความร่วมมือในคณะกรรมการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนและการส่งเสริมและสนับสนุนการทำสวนยางยั่งยืนและโครงการคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ของการยางแห่งประเทศไทย ในปีงบประมาณ 2565 โดยจะนำสวนยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย จำนวน 20,000 ไร่ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ใช้เป็นพื้นที่ต้นแบบ และในปี 2565 จะขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย และในปี 2566-2567 ดำเนินการขอรับรองคาร์บอนเครดิต เพื่อขายในตลาด Carbon Market ต่อไป ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้จากสวนยางของเกษตรกรควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย BCG Model ของกระทรวงเกษตรฯ.และรัฐบาล ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล (Green Econony) ตามเป้าหมายCarbon Neutrality และZero Carbon

ที่ประชุมได้เสนอแนะให้กยท.ขยายโครงการสวนยางยั่งยืนและโครงการคาร์บอนเครดิตเพิ่มจากแผนงานเดิมโดยขยายความร่วมมือกับทุกภาคีภาคส่วนเพื่อเร่งสร้างเสถียรภาพตลาดยางไทยทั้งในและต่างประเทศเป็นการตอบโจทย์อนาคตเรื่องมาตรการ CBAM และ ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) ของอียูเป็นต้น เพราะประเทศไทยส่งออกยางพาราเป็นอันดับ 1 ของโลก ส่งออกยางรถยนต์อันดับ3-4 ส่งออกถุงมือยางอันดับ 2 ของโลก จึงต้องบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทานและอุปสงค์ เช่น ขณะนี้จีนมีนโยบายลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์บางช่วงโรงงานในจีนจะลดการผลิตเพื่อรักษาระดับการปล่อยคาร์บอน และสหภาพยุโรปให้ความสำคัญกับมาตรฐาน FSC ซึ่งจีนมีการผลิตล้อยางส่งยุโรป จึงต้องให้ความสำคัญกับมาตรการเหล่านี้ นอกจากนี้ประเทศไทยยังต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่องจึงเสนอแนะให้การยางแห่งประเทศไทยร่วมมือกับสถาบันยานยนต์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อเพิ่มการวิจัยและพัฒนายางและผลิตภัณฑ์ยางโดยสามารถขอทุนวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการการวิจัยการเกษตร องค์การมหาชน (สวก.) และหน่วยสนับสนุนการวิจัยของรัฐอื่นๆตลอดจนการประสานความร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์ AIC ซึ่งมีอยู่ใน 77 จังหวัด เพื่อการยกระดับและพัฒนาคุณภาพยางของไทย โดยใช้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 และยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์และประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน

ทั้งนี้ที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ ตลาดยางพารา ในแต่ละภูมิภาคทั่วโลก โดยทูตเกษตร จากสหภาพยุโรป (สำนักงานบรัสเซลส์) อิตาลี (สำนักงานกรุงโรม) สหรัฐอเมริกาและอเมริกาใต้ (สำนักงานกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.และลอสแองเจลิส) ออสเตรเลีย รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น อาเซียน (สำนักงานกรุงจาการ์ต้า) 

สำหรับสถานการณ์ตลาดยางพาราและการนำเข้าส่งออกในประเทศจีนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่ปลายปี 2564 และเริ่มคลี่คลายในขณะนี้เริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มดีขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ ขณะนี้สถานการณ์โควิดในประเทศจีน เริ่มคลี่คลาย จำนวนผู้ติดเชื้อลดต่ำลงมาก เศรษฐกิจจีนเติบโต ผลักดันให้ผู้ประกอบการกลับมาฟื้นฟูการผลิต มีการขยายโรงงาน มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรม รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น สถานการณ์การขนส่งทางเรือดีขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาค่าขนส่งผ่านทางเรือมีราคาสูง ระยะเวลาในการขนส่งทางเรือไม่แน่นอน ทำให้การขนส่งล่าช้ากว่าที่กำหนด

ตามสถิติในเดือน มี.ค.2565 จีนนำเข้ายางพาราจากประเทศไทยมากเป็นอันดับ 1 จำนวน 276,948  ตัน คิดเป็น 40% รองลงมาได้แก่ เวียดนาม จำนวน 90,876 ตัน คิดเป็น 13% มาเลเซีย จำนวน 71,363 ตัน คิดเป็น 10% และอื่นๆ 256,549  ตัน คิดเป็น 37% ซึ่งพบว่าปริมาณผลผลิตจากแอฟริกาใต้ เวียดนาม ลาว เมียนมา กัมพูชา เริ่มมีมากขึ้น และมีราคาที่ถูกกว่าไทย ทำให้ผู้นำเข้าเริ่มที่จะหันไปนำเข้าจากประเทศคู่แข่งมากขึ้น

สถานการณ์เศรษฐกิจ ตลาดยางพารา โดยสรุปจากทูตเกษตรประจำสหภาพยุโรป กรุงโรม  กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ออสเตรเลีย กรุงโตเกียว ลอสแอนเจลิส กรุงจาการ์ต้าและจีน พบว่าปริมาณการนำเข้ายางพาราของประเทศต่างๆ และมูลค่าการส่งออกยางพาราของไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น  

สำหรับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ต่อการส่งออกยางพาราของไทยส่งผลต่อการขนส่งสินค้าทางเรือ  มีการปรับเส้นทางเดินเรือในบางเส้นทางและมีการปรับขึ้นค่าระวางเรือ รวมถึงทำให้ราคาสินค้าหลายรายการได้รับผลกระทบจากต้นทุนการขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันด้วย

ส่วนรายงานสถานการณ์ยางพาราของประเทศไทย เดือนพฤษภาคม และคาดการณ์ราคายางพารา เดือนมิถุนายน 2565 โดยฝ่ายเศรษฐกิจยาง การยางแห่งประเทศไทย ได้รายงานคาดการณ์ปริมาณผลผลิตยางพารา ปี 2565 มีปริมาณ 4.907 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.48% คาดการณ์ปริมาณการส่งออกยางพารา ปี 2565 มีปริมาณ 4.218 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.03% ซึ่งปริมาณการส่งออกยางธรรมชาติไปยังต่างประเทศของไทย ปี 2564 (ม.ค.-เม.ย. 2464) มีปริมาณการส่งออกไปยังประเทศจีน มากที่สุด คิดเป็น 55% รองลงมาได้แก่ มาเลเซีย 10% สหรัฐอเมริกา 5% ญี่ปุ่น 6% และเกาหลีใต้ 3% และอื่นๆ 21% และในปี 2564 มีปริมาณการส่งออกไปยังประเทศจีน 54% รองลงมาได้แก่ มาเลเซีย 10% สหรัฐอเมริกา 6% ญี่ปุ่น 5% และเกาหลีใต้ 3% และในปี 2565 (ม.ค.-เม.ย. 2565) มีปริมาณการส่งออกไปยังประเทศจีน มากที่สุด คิดเป็น 51% รองลงมาได้แก่ มาเลเซีย 9% สหรัฐอเมริกา 6% ญี่ปุ่น 6% และเกาหลีใต้ 4% และในปี 2564 มีปริมาณการส่งออกไปยังประเทศจีน 54% รองลงมาได้แก่ มาเลเซีย 10% สหรัฐอเมริกา 6% ญี่ปุ่น 5% และเกาหลีใต้ 3% และอื่นๆ 24% สำหรับมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางของไทย ปี 2564 ในเดือน เม.ย. มีมูลค่า 30,087 ล้านบาท ปี 2565 ในเดือน เม.ย. มีมูลค่า 29,812 ล้านบาท  ลดลง 0.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

'พี่ศรี' ขอโทษ หากโพสต์ไม่เหมาะสม ยัน!! จะทำหน้าที่ตรวจสอบต่อไป

(3 มิ.ย.65) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก 'ศรีสุวรรณ จรรยา' ระบุว่า...

เรียน ทุกท่าน

ผมได้มาทบทวนข้อความต่างๆ ที่ผมได้โพสต์ไปนั้น  หากถ้อยคำใดไม่เหมาะสม ไม่สมควร ผมต้องขอโทษ และ ขออภัยพี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน  มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

‘ครอบครัวเพื่อไทย’ ยกคณะบุก ‘สุรินทร์’ 5 มิ.ย. จับเข่าคุย ‘ชาวนา’ รับฟังปัญหา ก่อนลุยทำนโยบายเพื่อแก้ปัญหาประชาชนให้หลุดพ้นจากความยากจน

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทย กำหนดจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม ครั้งต่อไปที่จังหวัดสุรินทร์ ในวันที่ 5 มิถุนายน 2565 ซึ่งจะเป็นการลงพื้นที่ของแกนนำพรรคเพื่อไทยและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนและรับฟังปัญหาจากตัวแทนพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอินทรีย์ ผู้เลี้ยงปศุสัตว์ หม่อนไหม และกลุ่มนวัตกรรมต่างๆ เพื่อนำปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชนมาประมวลผลและประกอบใช้ในการจัดทำนโยบายของพรรค เพื่อแก้ปัญหาความยากจนและแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ตรงจุดที่สุด

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม จังหวัดสุรินทร์ครั้งนี้ จะมีขึ้นที่มหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ซึ่งจะมีการเปิดเวทีครอบครัวเพื่อไทย โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคและนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรค

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ที่มีหัวใจไม่เปลี่ยนแปลง จากพรรคไทยรักไทย สู่พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อคืนประชาธิปไตย คืนความหวัง คืนความฝัน คืนอนาคตและโอกาสให้พี่น้องประชาชนกลับมากินดีอยู่ดีอีกครั้ง เราจึงถือโอกาสในการเดินสายเพื่อพบปะสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย ในการพบปะกับพี่น้องเกษตรเพื่อรับปัญหาอุปสรรคพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชน เพื่อนำมาสู่การจัดทำนโยบายที่แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน และนำพาประเทศหลุดพ้นจากวิกฤตและหลุมดำที่เกิดจากความบกพร่องผิดพลาดของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เราจึงจะต้องไม่ใช่แค่ชนะ แต่ต้องชนะให้ขาด พรรคเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์ ด้วยการได้ ส.ส.ในสภาที่มากกว่า 250 ที่นั่ง

พระผู้มีแต่ให้!! 'พระครูแจ้' เจ้าอาวาสวัดดังบางพลี ประธานเปิดอาคารเรียนโรงเรียนวัดกาหลง หลังบูรณะซ่อมแซมใหม่ทั้งหลัง จำนวนเงินกว่า 1 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เดินทางไปยังโรงเรียนวัดกาหลง ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อเป็นประธานเปิดอาคารเรียน หลังจากที่ได้มีการบูรณะซ่อมแซมใหม่ โดยทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้เป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบและให้ความช่วยเหลือบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ เนื่องจากก่อนหน้านี้โรงเรียนวัดกาหลงได้ถูกพายุฝนพัดถล่มทำให้อาคารเรียน จำนวน 2 หลัง ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยค่าความเสียหายเป็นจำนวนเงิน กว่า 1 ล้านบาท

โดยในวันนี้ ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ่าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมด้วย ท่านพระครูวิทูรกิจจาทร (พระครูจาบ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนารมแดง นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี คณะไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 2 สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรปราการ ข้าราชการตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมในพิธีเปิดอาคารเรียนโรงเรียนวัดกาหลง โดยมีคณะผู้บริหาร คณะครูโรงเรียนวัดกาหลงร่วมให้การต้อนรับ

ทางด้าน ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 2 เดือน ที่ผ่านมา ทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้ดำเนินการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการซ่อมแซมอาคารเรียนมาโดยตลอด กระทั่ง ได้บูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่เสร็จเป็นที่เรียบร้อยและสามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้ตามปกติ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะจากการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนผู้ใจบุญที่ร่วมให้การสนับสนุนช่วยเหลือซ่อมแซมอาคารเรียนแห่งนี้ให้กลับมาเปิดทำการเรียนการสอนได้อีกครั้ง ซึ่งจากการซ่อมแซมอาคารเรียน จำนวน 2 หลัง ในครั้งนี้ ย่อมมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนที่สูงมาก

'ชาดา' บุกหา 'ณัฐวุฒิ' หลังถูกกล่าวว่าแซงคิวอภิปรายฯ ด้าน 'อนุทิน' แจงไม่มีเหตุอะไร แค่เรื่องขี้ปะติ๋ว

ควันหลงเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.65 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 4 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่งเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ วาระแรกในชั้นรับหลักการต่อเป็นวันที่ 3 นั้น บรรยากาศการประชุมตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงค่ำการอภิปรายเป็นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งเวลา 21.15 น. ภายหลังจากที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายแล้วเสร็จ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ใช้สิทธิลุกขึ้นประท้วง นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม 

โดย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ประธานกำลังทำผิดข้อบังคับการประชุมข้อที่ 67 เพราะการอภิปรายต้องสลับกัน และผู้อภิปรายสักครู่ (นายชาดา) ไม่มีชื่อมาก่อน ท่านไม่ชอบประชาชนชั้น 2 แต่ท่านมาแซงคิวอย่างนี้ ท่านเป็นประชาชนชั้น 1 เหรอ ท่านประธานถ้าไม่เคารพข้อบังคับและไม่เคารพกติกา มันจะวุ่นวายในสภาแห่งนี้ ท่านประธานในฐานะที่กำกับดูแลข้อบังคับ ท่านต้องสลับให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย”

ทำให้ นายชาดา ลุกขึ้นขอให้สิทธิชี้แจง แต่ นายสุชาติ ระบุว่า นายณัฐวุฒิ ประท้วงตน จากนั้นนายสุชาติได้ชี้แจง นายณัฐวุฒิ ว่า “ท่านลองดูข้อบังคับข้อที่ 68 เพราะก็มีการสลับอยู่แล้วข้างละสองท่าน เป็นอำนาจประธานอยู่แล้ว ไม่ได้ให้ข้างเดียวตลอด ส่วนชื่อ นายชาดา นายณัฐวุฒิ สามารถขึ้นมาดูกับตนได้ว่ามีชื่อนายชาดาหรือไม่ ยืนยันว่า เรียกตามรายชื่อ”

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนมีรายชื่อคนที่เข้าลิสต์อยู่ว่าเป็นใคร ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แล้วอยู่ดีๆ ชื่อนี้โผล่มาเรียกทันที คนที่รอคิวเขาจะนึกอย่างไร ตนเข้าใจว่า ประธานอาจจะไม่ทราบ แต่ประธานต้องเตือนอย่าให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในสภาแห่งนี้ ทำให้นายชาดา พูดสวนขึ้นมาทันที ว่า ตนไปเกี่ยวอะไร นายณัฐวุฒิ มาว่าตนในการอภิปราย ท่านมีปัญหาอะไร จากนั้นนายสุชาติเตือนให้นายชาดาและนายณัฐวุฒินั่งลง เพราะถ้าไม่นั่งลงนายสุชาติจะยืนขึ้น

ต่อมา นายสุชาติ ได้แจงนายณัฐวุฒิ ว่า ขอเคลียร์อีกทีหนึ่งว่า ตนขึ้นมาทำหน้าที่พร้อมกับรายชื่อผู้อภิปราย เพราะฉะนั้นตนทำหน้าที่ตามข้อบังคับพรรคอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่เป็นอะไร ท่านติงมาก็ดี เรามีอะไรค่อยๆ คุยกัน แก้ไขกัน จากนั้นนายสุชาติได้แก้สถานการณ์โดยพยายามนำเข้าสู่วาระการพิจารณา โดยให้ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคพลังท้องถิ่นไท ดำเนินการอภิปรายต่อ

ซึ่งระหว่างนั้น นายชาดา พร้อมกลุ่ม ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จำนวนมาก ได้เดินจากหน้าห้องประชุมไปหลังห้องประชุม เพื่อเดินไปต่อว่ากับนายณัฐวุฒิ ทำให้ ส.ส.คนอื่นที่อยู่ในห้องประชุมตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

จากนั้น นายชาดา ได้ตบหน้านายณัฐวุฒิ แต่นายณัฐวุฒิ ยกมือขึ้นมาป้องกัน ท่ามกลางความตกตะลึงของ ส.ส.ที่อยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่ นายณัฐวุฒิ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้นายชาดา ดูว่าไม่มีชื่ออยู่ในลำดับที่จะอภิปราย แต่นายชาดาได้แย่งโทรศัพท์จากมือนายณัฐวุฒิแล้วโยนทิ้ง ก่อนที่ นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ และ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา จะเข้าห้ามปรามและนำตัวนายชาดาออกนอกห้องประชุมไปทันที

ต่อมาเวลา 22:15 น. นายณัฐวุฒิ ลุกขึ้นอภิปรายตามลำดับรายชื่อผู้อภิปรายโดยเริ่มกล่าวก่อนว่า “อภัยทานํอามิสฺทานํชินาติ” การให้อภัยย่อมเป็นคุณแก่ผู้ให้อย่างยิ่ง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี, รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้กล่าวถึงกรณีการกระทบกระทั่งกันระหว่างนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส.ส.อุทัยธานี และนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ในสภาว่า ตนได้ถามนายชาดาแล้วว่าไม่ได้มีเรื่องกระทบกระทั่ง ข่าวเมื่อช่วงค่ำๆ บอกว่า มีการผลักอก จึงได้เชิญนายชาดามานั่งรับประทานข้าวต้มร่วมกัน โดยนายชาดายืนยันว่า ไม่มีการผลักอก แต่นายณัฐวุฒิไม่ทราบว่านายชาดาได้รับการโอนคิวมาจากสมาชิกคนหนึ่ง แต่เอกสารในมือของรองประธานสภา นายสุชาติ ตันเจริญ มีชื่อของนายชาดาอยู่แล้ว ปัญหาดังกล่าวคือไม่มีอะไร

ก.แรงงาน ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

(3 มิ.ย.65) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยภริยา เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร เพื่อถวายพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2565 

'ภูมิธรรม' เปิดรายชื่อ 7 ส.ส.เพื่อไทย โหวตสวนมติพรรค รับร่างงบฯ 66

(3 มิ.ย. 65) จากกรณี สภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ด้วยเสียงข้างมาก 278 เสียง ต่อไม่เห็นด้วย 194 เสีย งดออกเสียง 2 เสียง นั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า...

ส่องความขัดแย้ง 'เบอร์ 2' กับ 'เบอร์ 1' ประเด็นร้อนบนแผ่นดินจีนที่ต้องจับตา

สัญญาณความขัดแย้งระหว่างเบอร์ 2 กับเบอร์ 1 ของจีน ได้กลายเป็นประเด็นร้อนบนแผ่นดินจีนช่วงนี้  

รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความเห็นในประเด็นนี้ผ่านเฟซบุ๊ก ดังนี้...

เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2565 นายกจีนฯ หลี่ เค่อเฉียง กล้าทิ้งระเบิดวิจารณ์ตรงๆ ชัดๆ แบบไม่เกรงใจใครอีกต่อไป ในประเด็นปัญหาเศรษฐกิจจากนโยบาย ZeroCovid ที่นายกจีน นักเศรษฐศาสตร์ท่านนี้ น่าจะอึดอัดใจมานาน และเขาก็ใกล้จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของจีนแน่นอน เนื่องจากอยู่มาจนจะครบ 2 วาระ รวม 10 ปี ในเดือนมีนาคม 2023 ที่จะถึงนี้

ในปี 2018 ช่วงที่จีนแก้รัฐธรรมนูญ ก็มีการปลดล็อกให้เพียงแค่ตำแหน่งประธานาธิบดีจีน ที่อยู่ต่อไปได้แบบไร้วาระ แต่ไม่ได้ครอบคลุมตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา นายกหลี่ฯ ไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรมากนัก ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงไม่ได้ใช้งานนายกหลี่ฯ เท่าที่ควร แต่ไปให้เพื่อนสนิทของท่านสี คือ หลิวเฮ่อ รองนายกฯ จีน มารับงานสำคัญในหลายเรื่อง เช่น การเป็นตัวแทนจีนในการเจรจากับสหรัฐฯ 

ส่วนนายกฯ หลี่รับผิดชอบงานเศรษฐกิจภายในประเทศ และต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจหลายอย่างจากการที่จีนต้อง Lockdown และปิดประเทศมานานหลายปี จากนโยบาย ZeroCovid จนทำให้เศรษฐกิจจีนเริ่มมีปัญหา เช่น การว่างงาน

แถมยังไม่รู้ว่า การรับมือกับวิกฤติโควิดในจีนจะจบลงเมื่อไร จบลงในรูปแบบไหน จะต้องปิดประเทศอีกนานแค่ไหน เนื่องจากจีนไม่มีภูมิคุ้มกันหมู่ วัคซีนจีนเชื้อตายไม่สามารถจัดการกับไวรัสกลายพันธุ์ ฯลฯ 

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นสถานการณ์ที่อึมครึมมาก จนนายกฯ หลี่ทนไม่ไหว ต้องออกมาวิจารณ์แรงๆ กับบรรดาข้าราชการ/เจ้าหน้าที่จีนที่เกี่ยวข้อง

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ 'สร้างชีวิต' อย่างยั่งยืน แก่ครัวเรือนยากจนจังหวัดตาก พร้อมนำหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ตรวจรักษา แจกจ่ายยา ฯลฯ แก่ประชาชน...ฟรี

วานนี้ (2 มิ.ย.65) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดตาก จำนวน 6 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 68,950 บาท เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ 'บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ' ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยมี นายสุรพล วงศ์สุขพิศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และนายนิวัติ น้อยผาง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วยนางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นางสาวศุภรัตน์  สมบัติเจริญไทย รักษาการหัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ฯ และคณะแม่สอดมูลนิธิสามัคคีการกุศล จังหวัดตาก ร่วมในพิธี ณ บริเวณสำนักงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

นอกจากนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสา เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น คัดกรองเบาหวาน และบริการตัดผม โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

ซึ่งในปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พะเยา เชียงราย น่าน เชียงใหม่ ลำพูน  ลำปาง แพร่  อุตรดิตถ์ และตาก รวม 16 จังหวัด จำนวน 198 ครัวเรือน คิดมูลค่าการมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพทั้งสิ้น 2,990,260 บาท (สองล้านเก้าแสนเก้าหมื่นสองร้อยหกสิบบาทถ้วน)

การดำเนินการ 'โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ' มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะจัดทีมลงพื้นที่ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พร้อมให้ความรู้ ทักษะ และมีวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดหาอุปกรณ์การประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจน เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ตลอดจนสร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยในปีงบประมาณ 2563 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งและกรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินการในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมาย 500 ครัวเรือน งบประมาณดำเนินงานทั้งสิ้น 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน) 

'ศิริกัญญา' แฉไลน์กลุ่ม 'รมช. สธ.' ปล่อยเฟคนิวส์ ปมตัดบำนาญข้าราชการ ทั้งที่ก้าวไกลไม่เคยพูด

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปราย พ.ร.บ. งบประมาณ 66 อัดยับผลงานรัฐบาล 3 ปีไม่มีอะไรเข้าเป้า พร้อมเผยภาพไลน์กลุ่มรมช. สาธารณสุข แพร่เฟคนิวส์ใส่ร้ายพิธาปมตัดบำนาญข้าราชการ

ในช่วงหนึ่งของการอภิปราย ศิริกัญญาได้เปิดภาพกลุ่มไลน์ ชื่อกลุ่มว่า 'ที่ปรึกษา รมช. สธ.' ซึ่งมีจำนวนสมาชิก 37 คน ซึ่งในภาพกลุ่มไลน์ดังกล่าวได้ปรากฏชื่อ “satit” พิมพ์ข้อความลงกลุ่มไลน์ว่า “นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายเรื่องงบประมาณ แล้วอัดว่าบำนาญเป็นตัวปัญหาของการพัฒนาประเทศ แล้วมันไม่บอกว่าข้าราชการแต่ละคนกว่าจะได้รับบำนาญ ต้องทำงานด้วยค่าตอบแทนต่ำเตี้ยมากี่ปี แต่พวก ส.ส. ทำไม่กี่ปีก็ได้บำนาญเหมือนข้าราชการด้วย จงจำไว้ว่าพรรคนี้ถ้าได้เข้ามาบริหารประเทศ ข้าราชการบำนาญทั้งประเทศเดือดร้อนแน่”

ศิริกัญญา ย้ำว่าพรรคก้าวไกลไม่เคยพูด และไม่มีนโยบายที่จะปรับลดบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ อย่างที่กำลังมีเฟคนิวส์ส่งกันไปทั่วในขณะนี้ ขอประชาชนอย่าเชื่อเฟคนิวส์ 

สิ่งที่พรรคก้าวไกลจะทำเพื่อเพิ่มพื้นที่ทางการคลังยังทำได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บรายได้จากแหล่งใหม่ๆ ที่ไม่ได้กระทบกับคนส่วนใหญ่ เช่น ภาษีทรัพย์สิน ปฏิรูประบบราชการ ลดกำลังคน ปรับโครงสร้างหนี้ ก่อหนี้ใหม่และภาระผูกพันอย่างระมัดระวัง

ศิริกัญญา ยังกล่าวว่า รู้สึกผิดหวังต่อคำชี้แจงของรัฐมนตรี ที่ใช้เวลายาวนาน แต่กลับมีแต่การปัดความรับผิดชอบ และเอาดีเข้าตัว โดยไม่ได้เสนอแนวทางในการแก้ปัญหาประเทศผ่านการใช้งบประมาณอย่างสมเหตุสมผลเลย

“เราพบว่า รัฐมนตรีหลายท่านชี้แจง แบบเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่โควิด และสงคราม หลายท่านพูดถึงปัญหาค่าครองชีพ ของแพง น้ำมันแพง ปุ๋ยแพง เงินเฟ้อ ท่านรัฐมนตรีบอก อ๋อ มันเป็นเพราะสงคราม มันเป็นกันทั่วโลก พอราคาสินค้าเกษตรหลายราคาขึ้น ทั้งยาง ปาล์ม ข้าวโพด ก็บอกว่า อ๋อ เป็นผลงานของผมเอง” ศิริกัญญากล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top