Friday, 16 May 2025
TheStatesTimes

“ผบ.ทบ.” ต้อนรับ เอกอัครราชทูตอินเดีย สะท้อนมิตรภาพที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้การต้อนรับ นางสุจิตรา ทุไร (Suchitra Durai) เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมแนะนำตัว หารือแลกเปลี่ยนแนวคิดและความร่วมมืองานด้านความมั่นคง โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบกร่วมหารือด้วย ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 

สำหรับการพบหารือกันในวันนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวถึงโอกาสครบรอบ 75 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินเดีย ในปี 2565 นี้ พร้อมระบุว่า กองทัพบกมีความยินดีและเต็มใจให้การสนับสนุนในทุกด้านที่จะก่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน โดยเน้นกิจกรรมความร่วมมือทางทหารและความมั่นคงผ่านกลไกต่างๆ เพื่อนำไปสู่มิตรภาพที่ยั่งยืน นอกจากนี้ในเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์ที่เป็นเรื่องสำคัญถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่อุบัติขึ้นมาไม่นาน รวมถึงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงจะต้องมีการพัฒนาให้สอดคล้องกับบริบทดังกล่าว โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับหน่วยงานความมั่นคงอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ 

ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้บัญชาการทหารบกได้ชื่นชมในการบริหารจัดการของสาธารณรัฐอินเดีย ในการเป็นศูนย์กลางผลิตวัคซีนให้กับประเทศต่างๆ อีกทั้งตลอดสองปีของการแพร่ระบาด ทั้งสองประเทศได้มีการสนับสนุนและมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์รวมถึงเครื่องผลิตออกซิเจนให้แก่กันมาอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความเอื้ออาทรและร่วมกันดูแลประชาชนในฐานะมิตรประเทศ

สำหรับความร่วมมือในด้านความมั่นคง กองทัพบกไทยและกองทัพอินเดียได้มีการจัดประชุมระดับฝ่ายเสนาธิการ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน  จัดการฝึกผสมภายใต้รหัส “ไมตรี” รวมถึงการแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อเข้ารับการศึกษาในหลักสูตรทางทหารนอกจากนี้เชื่อมั่นว่ากองทัพบกทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันทั้งในงานด้านความมั่นคง การร่วมกันแก้ไขปัญหาวิกฤติ รวมทั้งการพัฒนาด้านต่างๆ 
ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากลต่อไป 

“ผู้กำกับหนุ่ย” ขอ สตช. เปิดช่องทาง-พื้นที่ปลอดภัย ให้ประชาชนส่งข้อมูลคดี “แตงโม” ป้องกันการละเมิดสิทธิ์ผู้เสียชีวิต อย่าขู่ดำเนินคดีอาญาอย่างเดียว หวั่นเสียโอกาสแสวงหาข้อเท็จจริงจากประชาชน

3 มีนาคม 2565 พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์  อดีตผู้สมัคร ส.ส.  เขต 1 จ.ชุมพร พรรคกล้า ในฐานะอดีตผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล 7 กล่าวถึงกรณีโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนโลกโซเชียลแพร่ภาพร่างนักแสดงสาว "แตงโม" นิดา พัชรวีระพงษ์ ที่เสียชีวิตจากเหตุตกเรือ เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายอาญาว่า เห็นด้วยกับการเตือนของโฆษก ตร. เพื่อปกป้องสิทธิ์ผู้เสียชีวิต และป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสม แต่อีกมุมหนึ่ง อาจทำให้การแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากประชาชนทำได้ยากมากขึ้น เพราะกลัวจะต้องรับโทษทางอาญา

พ.ต.อ.ทศพล กล่าวว่า ทางโฆษก ตร. ควรเปิดช่องทางการสื่อสาร ให้ประชาชนมีส่วนร่วม แล้วรวบรวมหลักฐานไว้ในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อประโยชน์ในการแสวงหาข้อเท็จจริง หากเตือนว่าจะดำเนินคดีเพียงอย่างเดียว อาจเป็นการปิดกั้นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากผู้ที่มีเจตนาดีได้ ส่วนการเผยแพร่ข้อมูลใดที่มีเจตนาเข้าข่ายดูหมิ่นเหยียดหยามผู้เสียชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 366/4 ก็เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินคดีได้ตามช่องทางอยู่แล้วหากมีผู้ใดนำภาพไปแชร์ในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือดูหมิ่น 

‘ก.เกษตร’ เปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู่แล้ง บรรเทาภัยแล้งทั่วประเทศ

เจ้ากระทรวงเกษตรฯ เปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2565 สร้างขวัญและกำลังใจต่อผู้ปฏิบัติงาน พร้อมปล่อยขบวนคาราวานเครื่องบินฝนหลวงออกปฏิบัติภารกิจป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งและภัยพิบัติทั่วประเทศ

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2565 โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ สนามบินนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ วันนี้ (3มี..) ว่า

ในขณะนี้หลายพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศเริ่มมีสถานการณ์ภัยแล้งเกิดขึ้น น้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่างๆ มีปริมาณน้ำเก็บกักลดลงตามลำดับ และในช่วงฤดูร้อนนี้ มีแนวโน้มของสถานการณ์การเกิดไฟป่า ปัญหาหมอกควัน และปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รวมไปถึงแนวโน้มการเกิดพายุลูกเห็บในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2565 ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 10 หน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ โดยได้น้อมนำศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติการป้องกันและช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว

สำหรับแผนปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2565 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง และสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ การเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่าง ๆ ของประเทศ ป้องกันการเกิดไฟป่าและบรรเทาปัญหาหมอกควัน รวมทั้งสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐาน ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป โดยตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงประจำ 5 ภูมิภาค จำนวน 10 หน่วยปฏิบัติการ ได้แก่…

- ภาคเหนือตอนบน ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ตาก

- ภาคเหนือตอนล่าง ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.แพร่ และ จ.พิษณุโลก

- ภาคกลาง ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.นครสวรรค์ และ จ.กาญจนบุรี

- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.อุดรธานี

- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.บุรีรัมย์

- ภาคตะวันออก ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.จันทบุรี

- ภาคใต้ ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 2 แห่ง ที่ จ.ขอนแก่น และ จ.ระยอง โดยใช้เครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 24 ลำ และได้รับการสนับสนุนเครื่องบินกองทัพอากาศ ชนิด ALPHA JET จำนวน 1 ลำ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้มีการจัดตั้งปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 4 หน่วยปฏิบัติการ เพื่อติดตามสถานการณ์และช่วงชิงสภาพอากาศในการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งและความต้องการน้ำในบางพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย

นราธิวาส-รมว.ศึกษาเร่งจัดงบฉุกเฉินกว่า47ล้านฟื้นฟูโรงเรียนน้ำท่วม197โรง ส่วนน้ำท่วมตลาดมูโนะใกล้คลี่คลายกรมชลเร่งนำBIG BAGปิดทางน้ำ

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายสุทธิชัย ขรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และคณะ ได้เดินทางมายังโรงเรียนบ้านตือระมิตรภาพที่ 172 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่ครูและบุคลากรทางศึกษา รวมทั้งรับฟังการบรรยายสรุปความเสียหายแก่โรงเรียนที่อยู่ในเขตตรวจราชการที่ 8 ประกอบด้วย จ.ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมขังในช่วงวันที่ 25 ถึง 27 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา โดยสรุป มีโรงเรียนถูกน้ำท่วมขัง จำนวน 197 โรง มีนักเรียน ครูและบุคคลากรทางการศึกษาได้รับความเดือดร้อน จากสภาวะน้ำท่วมบ้านพักอาศัย โดยแยกเป็นนักเรียน จำนวน 14,645 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 342 คน ในเบื้องต้นจากการสำรวจความเสียหายและได้ประเมินเป็นจำนวนเงิน 47,420,787 บาท โดยทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ดำเนินการโอนเงินเพื่อเข้าดำเนินการฟื้นฟูในเบื้องต้น จำนวน 260.000 บาท เพื่อให้สถานศึกษาหรือโรงเรียนที่ได้รับความเสียหาย สามารถเปิดการเรียนการสอนชั่วคราวได้ตามปกติ

ต่อมา น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบถุงยังชีพ แก่ตัวแทนผู้อำนวยการพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 12 เขตทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งตัวแทนผู้อำนวยการพื้นที่มัธยมศึกษาทั้ง 3 เขตใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมจำนวน 500 ชุด เพื่อนำไปมอบช่วยเหลืออีกทอดหนึ่งแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้

นอกจากนี้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ยังได้มอบเงิน จำนวน 30,000 บาท แก่นายอับดุลฮาลี มะ ซึ่งเป็นพ่อตาของนายนภดล มะลิลา พนักงานราชการโรงเรียนบ้านนิคมพัฒนา 10 อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ที่เสียชีวิตพร้อมครอบครัวและเครือญาติรวม 7 คน ขณะขับรถยนต์บนคอสะพานบ้านโนนสมบูรณ์ ม.5 ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส และคอสะพานได้ทรุดตัวไปพร้อมกับรถยนต์ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา ซึ่งได้นำ ด.ญ.นูรฟาราเดีย มะลิลา อายุ 5 ปี ติดสอยห้วยตามมาด้วย โดย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ต่อมา น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบนโยบายและให้กำลังใจแก่ครูและบุคคลากรทางการศึกษา ที่ทุกคนเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถือว่าเป็นพื้นที่เสี่ยง แต่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ให้การอบรมเยาวชนให้เติบโตเป็นคนดี ตนจะเร่งพิจารณาดำเนินการในส่วนชองเงินงบประมาณฉุกเฉิน ในการฟื้นฟูโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมขังโดยเร็วใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้กลับมาเปิดการเรียนการสอนได้เต็มรูปแบบ

ลำพูน - มอบแบบผ้าลายพระราชทาน “ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา”

จังหวัดลำพูนประกอบพิธีการมอบแบบผ้าลายพระราชทาน “ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา” ให้กับช่างทอผ้า และผู้ผลิตผ้าทุกกลุ่มทุกเทคนิค ได้นำลายผ้าพระราชทานไปเป็นต้นแบบและพัฒนาต่อยอด เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์พื้นถิ่น 

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565  ที่ห้องประชุมจามเทวี ชั้น 4 ศูนย์ราชการจังหวัดลำพูน  ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธีการมอบแบบผ้าลายพระราชทาน “ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา” โดยมี นายภาษเดช หงส์ลดารมภ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน  นางปนัดดา เนาวรัตน์  ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดลำพูน ปลัดจังหวัดลำพูน นายอำเภอทุกอำเภอ พัฒนาการจังหวัดลำพูน หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการช่างทอผ้า ผู้ผลิตผ้าทุกกลุ่มทุกเทนิคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีฯ

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ถวายความเคารพเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณวรี นารีรัตนราชกัญญา เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ ถวายความเคารพเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณวรี นารีรัตนราชกัญญา  จากนั้นประธานกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณวรี นารีรัตนราชกัญญา     ที่ทรงพระราชทานแบบลายผ้า“ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา” พระราชทานให้กับกลุ่มทอผ้าจังหวัดลำพูน จำนวน 8 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมืองลำพูน  อำเภอแม่ทา  อำเภอป่าซาง  อำเภอบ้านโฮ่ง อำเภอลี้  อำเภอเวียงหนองล่อง  อำเภอทุ่งหัวช้าง และ อำเภอบ้านธิ  

จากนั้นประธานในพิธีฯยืนประจำจุดที่กำหนด เจ้าหน้าที่เชิญแบบผ้าลายพระราชทานวางบนพาน  หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดลำพูน ขึ้นรับมอบแบบลายผ้าพระราชทาน เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณวรี นารีรัตนราชกัญญา ตามลำดับ  นายอำเภอและคู้สมรสหรือบุคคลที่เหมาะสมทั้ง 8 อำเภอ ขึ้นรับแบบลายผ้าพระราชทานเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณวรี นารีรัตนราชกัญญา ตามลำดับ เป็นอันเสร็จพิธี

ลำปาง-มทบ.32​ ให้การต้อนรับ​ จก.กร.ทบ. เยี่ยมชมศูนย์บัญชาการควบคุมไฟป่าส่วนหน้า (อำเภอแม่ทะ)

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32  และคณะผู้บังคับบัญชา  ให้การต้อนรับ พลโทนิรันดร  ศรีคชา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก/หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พร้อมคณะทำงานฯ  และผู้แทน WANG โอกาสเดินทางเยี่ยมชมศูนย์บัญชาการควบคุมไฟป่าส่วนหน้า (อำเภอแม่ทะ) จังหวัดลำปาง พร้อมปิดการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านการดับไฟป่าระหว่างกองทัพบกกับกองทัพบกสหรัฐอเมริกา Bush Fire SMEE 2022 ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3  

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากความห่วงใยของกองทัพบกในสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ที่จำเป็นต้องบูรณาการและทุ่มเททั้งกำลังใจ กำลังกาย ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ร่วมกัน ทุกภาคส่วนให้สามารถ ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลดี ลดการเกิดไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี มีอากาศที่สดใส และเพื่อให้ลำปางไร้ปัญหาไฟป่าหมอกควันต่อไป    

"นิพนธ์" ลงพื้นที่ มอบนโยบายเร่งรัดขจัดความยากจนภาคใต้ ชงจังหวัดจับมือ อปท.ปรับแผนดันงบประมาณ กระจายทรัพยากรแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

วันนี้ 3 มีนาคม 2565  ที่โรงแรม บุรีศรีภู คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา  นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมพิธีเปิดและมอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ในระดับพื้นที่  โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีทุกกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการในสังกัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ ฯลฯ เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย

โดยกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อซักซ้อมแนวทางการขับเคลื่อนศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ในระดับพื้นที่  เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการจัดทำฐานข้อมูล การบันทึกข้อมูล และการสนับสนุนการขับเคลื่อนงานในระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศในทุกมิติได้อย่างแท้จริง

นายนิพนธ์ กล่าวว่า กับดักความยากจนคือกลไกซ้ำเติมที่ทำให้คนจนลืมตาอ้าปากได้ยาก ภารกิจนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณ ทั้งยังต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับเงื่อนเวลา ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว รัฐบาล กระทรวงมหาดไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้เร่งรัดแก้ไขปัญหาดังกล่าว ผ่านกลไกของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาชน ซึ่งได้บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกระทรวงมหาดไทยก็มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินงานตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ จนลงไปสู่ท้องที่ท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนและหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน 

ตนมองว่า ในการแก้ไขปัญหาขจัดความยากจน ลดความความเหลื่อมล้ำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมได้นั้น ท้องถิ่นท้องที่เป็นกลไกสำคัญของกระทรวงมหาดไทยที่ต้อง“บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่พี่น้องประชาชน หากมีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน จังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัด อำเภอโดยนายอำเภอ สามารถประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ได้ อาจจะใช้โอกาสการประชุมประจำเดือน หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นวาระพิเศษ ในการพูดคุย ปรับแผนพัฒนาท้องถิ่น โดยใช้สัดส่วนงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แบ่งสัดส่วนโครงสร้างมาดูแลในส่วนนี้ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และนโยบายการขจัดปัญหาความยากจน ซึ่งในปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยได้มีการแก้ไขกฎหมายหลายๆ ฉบับ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความคล่องตัวในการดูแลพี่น้องประชาชนมากขึ้น เชื่อว่าจะทำให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น

นายนิพนธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ตนในฐานะประธานคณะทำงานช่วยอำนวยการพิจารณากลั่นกรองแผนงานโครงการ อ.ก.บ.ภ. ภาคใต้และภาคใต้ชายแดน  ทราบดีว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรรลงมานั้น ได้รับการจัดสรรลงมาอย่างจำกัด ทั้งนี้ ในส่วนของงบพื้นที่หรืองบประมาณบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ งบฟังก์ชันของกระทรวงต่างๆ เชื่อว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถบริหารได้ แต่สิ่งที่อยากเน้นย้ำ คือ การประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วางแผนร่วมกันในการดึงงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกมาใช้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งหากสามารถนำงบประมาณในส่วนนี้มาปรับใช้ได้อย่างทันท่วงที ก็จะเป็นนิมิตหมายใหม่ในการพัฒนาประเทศต่อไป

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ภาคใต้ที่ควรให้ความสำคัญและเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหา หากแต่ควรเกิดขึ้นในทุกๆ ภูมิภาคของประเทศ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้แต่อย่างใด และพร้อมดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เน้นย้ำการลงพื้นที่ไปคลุกคลีกับชาวบ้านเรื่องเรื่องสำคัญ เพราะถือเป็นจุดเชื่อมระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับพี่น้องประชาชน หากสามารถรับสารจากพื้นที่ขึ้นมาแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ก็จะเกิดเป็นผลรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว นอกจากจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยแล้วนั้น ยังเป็นการช่วยสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่และสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย 

เทศบาลตำบลศรีบัวบาน ร่วม มูลนิธิพระพุทธสันติธรรม และ มูลนิธิสุทธาธรรมสถาน มอบเตียงสนามกระดาษ จำนวน 50 เตียง เพื่อใช้ในศูนย์ CI

ลำพูน - เทศบาลตำบลศรีบัวบาน ร่วมกับ มูลนิธิพระพุทธสันติธรรม และมูลนิธิสุทธาธรรมสถาน มอบเตียงสนามกระดาษ จำนวน 50 เตียง เพื่อใช้ในศูนย์ CI อำเภอเมืองลำพูน

ที่ศูนย์พักคอยและแยกกักตัวในชุมชน หรือ Community Isolation : CI เทศบาลตำบลศรีบัวบาน ค่ายลูกเสือหริภุญไชย ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน นายจรูญ คำปันนา นายกเทศมนตรีตำบลศรีบัวบาน ร่วมกับ นายอนุกูล ชวพงศ์ ผู้แทนมูลนิธิพระพุทธสันติธรรม และมูลนิธิสุทธาธรรมสถาน ผู้แทน บริษัท SCG จำกัด พร้อมด้วยคณะทำงาน ร่วมมอบเตียงสนามกระดาษ จำนวน 50 เตียง โดยได้รับการประสานงานของเทศบาลตำบลศรีบัวบาน โดยได้รับเกียรติจากนายโยธิน ประสงค์ความดี นายอำเภอเมืองลำพูน เป็นผู้รับมอบ โดยมี สาธารณสุขอำเภอ(สสอ.)เมืองลำพูน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (.อบจ.) ลำพูน เขตอำเภอเมืองลำพูน, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาเทศบาล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

เลขาธิการสภากาชาดไทย เปิดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ สภากาชาดไทยฯ จังหวัดชัยนาท

(2 มี..65) นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีนายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท พร้อมด้วยนาวาเอกหญิงอินทิรา ตันเจริญ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชัยนาท และพลโท นายแพทย์อำนาจ บาลี ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด โครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทยฯ ในครั้งนี้จัดขึ้น เพื่อทำการตรวจรักษาและผ่าตัดตาให้แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาสโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2565 ณ เทศบาลตำบลเนินขาม อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท

นายเตช บุนนาค กล่าวว่า หน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 27 ปีแล้ว โดยเริ่มปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ..2538 เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 40 พรรษา ปัจจุบันปฏิบัติงานทุกสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน เป็นประจำที่สถานีกาชาดที่ 6 อรัญประเทศเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดสระแก้ว โครงการนี้ได้รับการปรับปรุงและพัฒนางานมาเป็นลำดับ โดยปฏิบัติงานเชิงรุกด้วยการออกให้บริการสัญจร โดยออกปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลอำเภอในพื้นที่ห่างไกลและไม่มีจักษุแพทย์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน และต่อมาในปี 2551 ได้เริ่มโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ฯ ปฏิบัติงานในรูปแบบการนำรถผ่าตัดเคลื่อนที่ ลงไปปฏิบัติงานเชิงลึกระดับตำบล ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ปีละ 6 ครั้ง และอีกทั้ง เมื่อปี 2554 ยังได้จัดทำโครงการที่ตรวจรักษาและผ่าตัดตา ให้แก่พระภิกษุ แม่ชี และนักบวชทุกศาสนาอีกด้วย ตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา หน่วยแพทย์จักษุฯ ให้การรักษาโดยไม่คิด ค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 265,000 ราย ทำการผ่าตัดไปแล้วกว่า 67,000 ราย

สำหรับการดำเนินงานโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ สภากาชาดไทยฯ ครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติงานครั้งที่ 71 ซึ่งสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมกับจังหวัดชัยนาท สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดชัยนาท โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยนาท ส่วนราชการทุกภาคส่วนและเทศบาลตำบลเนินขาม ตลอดจนภาคเอกชน มีเป้าหมายในการดำเนินงานให้บริการตรวจรักษาโรคตา ผ่าตัดโรคต้อกระจก และทำผ่าตัดโรคตาอื่นๆ เช่น ต้อเนื้อ ต้อหิน โรคของเปลือกตาในผู้ป่วยทุกรายที่จำเป็นต้องรักษา จำนวน 250 ราย เพื่อให้ผู้ป่วยโรคตาในท้องถิ่นทุรกันดารและมีฐานะยากจนได้รับบริการที่ดีเท่าเทียมกับผู้ป่วยในเมืองโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและไม่เสียเวลาในการเดินทางมารับการรักษาในเมือง และผู้สูงอายุที่ยากไร้ในชนบทได้รับการตรวจรักษาอย่างถูกต้อง สามารถมองเห็นและช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อบจ. พระนครศรีอยุธยา รับโล่ห์ผ่านการประเมินการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

วันที่ 3 มีนาคม ที่โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชัน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร นายทวี เสริมภักดีกุลรองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานพิธีเปิดการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและประโยชน์สุขของภูมิภาค กรณีศึกษาภาคกลางตะวันตกและพร้อมมอบโล่รางวัลให้กับองค์กรปกครองท้องถิ่นที่ผ่านการประเมินการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระดับเข้าถึง เป็นองค์กรแห่งประโยชน์สุข โดยโดยนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าร่วมพิธีเปิดโครงการพร้อมรับโล่ห์ผ่านการประเมินการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระดับเข้าถึง เป็นองค์กรแห่งประโยชน์สุข


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top