Wednesday, 14 May 2025
TheStatesTimes

อุทยานฯ น้ำตกสามหลั่น สั่งปิดจุดนอนชมวิวริมน้ำ หลังนักท่องเที่ยวมือบอนจุดไฟแช็กลนเชือกตาข่าย

อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น จ.สระบุรี ประกาศปิดจุดเทอร์เรซนอนชมวิวริมน้ำ ของอุทยานฯ เนื่องจากตรวจสอบพบนักท่องเที่ยวได้นำไฟแช็กมาลนเชือก ที่เป็นตาข่ายจุดนอนชมวิว ทำให้เกิดความชำรุดเสียหายและเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวท่านอื่นเป็นอย่างมาก ทางอุทยานฯ จำเป็นต้องขอแจ้งงดใช้พื้นที่นี้จนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขให้อยู่ในสภาพแข็งแรงสมบูรณ์

“เทพไท”ยัน นโยบายประกันรายได้ของ ปชป.ตอบโจทย์ดีกว่าโครงการจำนำข้าว ชี้ เงินถึงมือเกษตรกร ไม่มีโกง รัฐไม่สูยเสียงบ หวังทุกรัฐบาลสานต่อ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กว่า ราคาสินค้าเกษตรที่รัฐบาลชุดนี้ ได้นำนโยบายประกันรายได้เกษตรของพรรคประชาธิปัตย์ไปใช้ มีการประกันราคาผลผลิตพืชเกษตร 5 ชนิด คือข้าว,ข้าวโพด,มันสำปะหลัง,ยางพารา,ปาล์มน้ำมัน ซึ่งราคาผลผลิตสินค้าเหล่านี้ ราคาท้องตลาด สูงกว่าราคาประกันของรัฐบาลทุกตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคายางพารา ที่รัฐบาลประกันรายได้น้ำยางสด ที่กิโลกรัมละ 57 บาท แต่ราคาท้องตลาดกิโลกรัมละ 65 บาท ปาล์มน้ำมันรัฐบาลประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 4 บาท ราคาท้องตลาด กิโลกรัมละ 11-12 บาท

ส่วนข้าวโพดรัฐบาลประกันรายได้ กิโลกรัมละ 8.50 บาท ราคาท้องตลาด กิโลกรัมละ 9.72-10.00 บาท นับว่าเป็นความสำเร็จของโครงการประกันรายได้เกษตรกร ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยได้พิสูจน์ความสำเร็จมาแล้ว ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2553 ที่ได้ใช้นโยบายประกันรายได้เกษตรกรเป็นครั้งแรก และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก 

นายเทพไท กล่าวว่า เมื่อราคาพืชผลผลิตการเกษตร สูงกว่าราคาประกันทุกตัว รัฐบาลไม่ต้องจ่ายเงินส่วนต่างเลย และที่ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ก็คือราคายางพารา กิโลกรัมละ 180 - 200 บาท ส่วนราคาปาล์มนำ้มันกิโลกรัมละ 10 บาท เป็นการยืนยันและเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่า นโยบายประกันรายได้เกษตรกร ดีกว่านโยบายโครงการรับจำนำผลผลิตเกษตรกร ที่ทำให้สูญเสียงบประมาณเป็นจำนวนมาก เช่นโครงการรับจำนำข้าว ที่รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณในการใช้หนี้ เป็นจำนวนมากถึง 7 แสนล้านบาท และมีการทุจริตคอร์รัปชั่นกันทุกระดับ 

เพจ 'ครูมานะ' โพสต์เตือนชาวพุทธ งดถวายเงินพระ ต้นตอทำพุทธศาสนาเสื่อม

เพจ 'ครูมานะ' ได้โพสต์ข้อความเตือนชาวพุทธที่มักนิยมการถวายเงินแก่พระ หรือภิกษุสงฆ์ ว่า... 

เลิกเอาเงินให้ภิกษุ-สงฆ์เสียทีเถิด พระรับเงินรับทองเป็นอาบัติที่รุนแรงมาก  

พระพุทธศาสนาของเราเสื่อมลงถึงวันนี้ เป็นเพราะโยมเอาเงินไปถวายพระ หรือภิกษุสงฆ์ออกอุบายให้เรี่ยไรบริจาค ล้วนเป็นบาป 

หยุดทำร้ายพระศาสนา, หยุดสร้างกลุ่ม "เบญจราคี" ที่สร้างความโสโครกโสมมเพิ่มขึ้น

การสวดอภิธรรมศพก็ดี, กิจนิมนต์สงฆ์ในพิธีต่างๆ ก็ดี จงงดเว้นการใส่ซองขาว

มิฉะนั้นอาบัติผิดวินัยอย่างร้ายแรง

- สมเด็จพระสังฆราช -


ที่มา : https://www.facebook.com/160220424163209/posts/1890980054420562/

เพชรบูรณ์ - จัดพิธีวางพวงมาลา แด่วีรชนผู้เสียสละ!! ที่อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ ในสมรภูมิเขาค้อ

อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดพิธีวางพวงมาลาแด่วีรชนผู้เสียสละที่อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ โดยมี พล.อ.มนัส คล้ายมณี ประธานในพิธี, กองทัพภาค 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3, กองพลทหารม้าที่ 1 ค่ายพ่อขุนผาเมือง, ข้าราชการ, พลเรือน ตำรวจ, ทหาร, ชมรมทหารพรานค่ายปักธงชัยกรุงเทพมหานครและประชาชนในพื้นที่ ส่วนภายในงานพล.อ.มนัส คล้ายมณี ประธานในพิธี กล่าวสดุดี พร้อมทั้งวางพวงมาลา การจัดพิธีวางพวงมาลา เพื่อเป็นการระลึกถึงวีรกรรมของวีรชนผู้กล้า จำนวน 1,229 นาย ที่เสียชีวิตจากการร่วมรบ ในสมรภูมิเขาค้อ ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2511 จนถึงปี พ.ศ.2525

สำหรับอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อสร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของพลเรือน ทหาร ตำรวจ ทหารผู้พลีชีพในการสู้รบเพื่อปกป้องพื้นที่ในเขตรอยต่อ จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511-2525 สร้างขึ้นด้วยเงินบริจาค ของประชาชนและข้าราชการทุกฝ่าย อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ สร้างด้วยหินอ่อนเป็นรูปสามเหลี่ยม รูปทรงสามเหลี่ยม หมายถึงการปฏิบัติการร่วมกันระหว่าง พลเรือน ตำรวจ และทหาร ฐานอนุสรณ์สถานกว้าง 11 เมตร หมายถึง พ.ศ.2511 อันเป็นปีเริ่มการปฏิบัติการรุนแรงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่นี้ ความสูงจากแท่นบูชาถึงยอดอนุสรณ์สถาน 24 เมตร หมายถึงพ.ศ. 2524 อันเป็นปีที่เปิดยุทธการครั้งใหญ่ ความสูงจากฐานถึงยอดอนุสรณ์สถาน 25 เมตร หมายถึงปี 2525 อันเป็นปีสิ้นสุดการต่อสู้ด้วยอาวุธ ความกว้างฐานสามเหลี่ยมด้านละ 2.6 เมตร หมายถึงปี 2526 อันเป็นปีเริ่มการก่อสร้างอนุสรณ์สถานผู้เสียสละแห่งนี้ สามเหลี่ยม

 

‘หญิงหน่อย’ กระตุกรัฐ!! หลังเตียงเริ่มไม่พอ พร้อมจี้ทบทวนสูตรไขว้วัคซีนให้กลุ่มเด็ก

‘สุดารัตน์’ นำทัพคาราวานไทยสร้างไทยเยือนทุ่งครุ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. พร้อมเตือนรัฐบาลรับมือโควิดระบาดหนัก อ้าง!! ชาวบ้านร้องเตียงไม่พอ จี้ทบทวนสูตรไขว้วัคซีนให้เด็ก แนะหาวัคซีนคุณภาพ-สร้างจุดตรวจคัดกรองแยกผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาโดยเร็ว

21 ก.พ. 65 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายสุธา ชันแสง ผู้บริหารพรรค นำทัพขบวนคาราวานสร้างไทย 77 จังหวัด พบปะประชาชนเขตทุ่งครุ พร้อมเปิดตัวนายฉัตรพล ขวัญบัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตทุ่งครุ โดยมีประชาชนชาวทุ่งครุให้การตอบรับอย่างคึกคักตลอดเส้นทาง

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก ถึงสถานการณ์โควิดที่ได้กลับมาแพร่ระบาดอย่างหนักในช่วงนี้ว่าเตียงโรงพยาบาล เริ่มไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ซึ่งมีความน่าเป็นห่วง และน่ากังวลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการหนัก ที่โรงพยาบาลหลายแห่งในกทม. และจังหวัดใหญ่ๆ เตียงสำหรับผู้ป่วยโควิดอาการหนัก เริ่มไม่พอรองรับ จึงขอให้รัฐบาลอย่านิ่งนอนใจ และต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือ เพราะจากตัวเลขข้อมูลของ ศบค. มีผู้ติดเชื้อที่รับการรักษากว่า 166,000 คน แบ่งเป็นรับการรักษาที่โรงพยาบาลกว่า 77,000 คน และโรงพยาบาลสนามและอื่นๆ อีก 89,000 คน 

‘เพื่อไทย’ เตือน 'บิ๊กตู่' มีโอกาสเสียตำแหน่งสูง หากอยู่ถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจตาม มาตรา 151

21 ก.พ. 65 - นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตามที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ร่วมกันอภิปรายไม่ไว้วางใจตาม ม.152 แต่พลเอกประยุทธ์ กลับตอบในสภาไม่ตรงกับคำถาม ตอบเหมือนเขียนบทล่วงหน้ามาอ่าน ไม่ได้ตอบตรงคำถามที่ ส.ส. พรรคเพื่อไทยอภิปรายเลย แถมยังตอบด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว โทษรัฐบาลที่แล้วทั้งที่ผ่านมาตั้ง 8 ปีแล้ว โทษประชาชน โทษภาวะของโลก แต่ไม่ยอมรับความผิดพลาดจากการบริหารของตนเองเลยโดยคนทั้งประเทศเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งหากยังไม่ยอมรับปัญหาทำเหมือนไม่ใช่ปัญหา พูดเหมือนทุกอย่างดีแล้ว ซึ่งจะไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาได้เลย ประชาชนจะยิ่งลำบากกันมากขึ้น

โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนกันอย่างมากจากความล้มเหลวในการบริหารของพลเอกประยุทธ์ แต่พลเอกประยุทธ์ ทำเหมือนไม่ใช่ปัญหาและปัดความรับผิดชอบ โดยมีหลายประเด็นที่พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ตอบเช่น ปัญหาของแพงพลเอกประยุทธ์ จะรับมืออย่างไร ปัญหาอันดับการทุจริตที่แย่ลงเรื่อยๆ จะแก้ไขอย่างไร จะอ้างว่าตนเองไม่ทุจริตแต่ดัชนีการทุจริตกลับทรุดลง 5 ปีซ้อน ปัญหาคนจนที่เพิ่มขึ้น คนตกงานที่พุ่งสูง ปัญหาราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นไปอีก การโอนเงินกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 20,087.42 ล้านบาทไป จะนำมาคืนประชาชนเมื่อไหร่ การที่ ปตท. ไปซื้อบริษัทต่างชาติ 1.48 แสนล้านบาท เหมาะสมหรือไม่ ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ คนตกงานกันมากเพราะประเทศไทยขาดการลงทุน แต่ ปตท. กลับขนเงินไปลงทุนต่างประเทศ ปัญหาการท่องเที่ยว และจะยกเลิกค่าเหยียบแผ่นดินคนละ 300 บาทที่จะเป็นปัญหาหรือไม่ ความเสียหายจากความล่าช้าในการสร้างรถไฟความเร็วสูงทำให้ลาวแซงหน้าไทย ปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) ที่จะทำให้ราคาหมูแพงเป็นปีๆ รวมถึงปัญหาโรคลัมปีสกินในวัว ปัญหาประสิทธิภาพทางการเกษตรที่พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้พัฒนาเลยตลอด 7 ปี

นายพชร กล่าวต่อว่านอกจากนี้ยังมี ปัญหาการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นหลายเรื่องโดยเฉพาะภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะเก็บเพิ่มขึ้น 10 เท่า ปัญหาการอนุญาตให้ปิดกิจการประกันภัยที่รับประกันโควิดเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินคนที่ติดโควิดอีกในอนาคตที่โยงกับการซื้อที่ดิน 600 ล้านบาท ปัญหาการเอื้อประโยชน์เจ้าสัวในการปล่อยให้มีการผูกขาดทั้งการควบรวมแม็คโครกับโลตัส และล่าสุดการควบรวม True-DTAC และที่เป็นประเด็นสำคัญที่คนทั้งประเทศสนใจปัญหาเหมืองทองอัครา ที่มีการให้สัมปทานเกือบล้านไร่ เพื่อแลกการถอนคดีพิพาทที่พลเอกประยุทธ์ อาจจะแพ้เพราะใช้ ม. 44 

'นายกรัฐมนตรี' พอใจเศรษฐกิจไทยปี 2564 เติบโต 1.6% สูงกว่าคาด ย้ำเดินหน้าฟื้นฟูประเทศในภาคท่องเที่ยว เร่งการลงทุนภาครัฐ ผลักดันการส่งออก ดูแลปัญหาหนี้สินครัวเรือน พร้อมจำกัดวงการแพร่ระบาดโควิด-19  

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาสที่4/64 และทั้งปี 2564 จากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ว่าทั้งปี 2564 เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ 1.6% ซึ่งสูงกว่าที่ สศช. ได้ประมาณการไว้1.2%  

ทั้งนี้ การเติบโตในหลายส่วนก็เป็นผลจากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล เช่นการบริโภคของประชาชนที่ดีขึ้นจากที่รัฐบาลมีมาตรการเยียวยา แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย การบริโภคและลงทุนของรัฐที่เติบโตจากการเร่งรัดการเบิกจ่าย ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจากการทยอยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวภายใต้มาตรการที่ปลอดภัย ควบคู่ไปกับการดูแลประชาชนทั้งด้านการป้องกันและรักษาจากโรคโควิด-19  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  นายกรัฐมนตรีพอใจกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยเผชิญกับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงเช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก  โดยรัฐบาลได้พยายามทุกวิถีทางอย่างเต็มที่ในการดูแลชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก  

สำหรับปี 2565 ที่สภาพัฒน์ได้ประเมินว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะดีกว่าปีที่ผ่านมา ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายด้านแต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่าในปี 2565 นี้รัฐบาลจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการฟื้นฟูประเทศจากผลกระทบของโควิด-19 ควบคู่ไปกับการดูแลการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด   

โดยรัฐบาลจะรักษาแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวมาได้แล้วตั้งแต่ปลายปี 2564 ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายในครัวเรือน ที่จะมีการดูแลกลไกต่างๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาสินค้าและค่าครองชีพของประชาชน แก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนให้ต่อเนื่อง  ฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว เร่งรัดการเบิกจ่ายภาครัฐทั้งส่วนของรายจ่ายประจำและการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่การลงทุนเอกชนจะดำเนินนโยบายสนับสนุนทั้งการฟื้นตัวและลงทุนของนักลงทุนไทย และการดึงดูดลงทุนของต่างชาติ ตลอดจนการขับเคลื่อนการส่งออกที่ปีนี้จะยังคงได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ 

สศช. คาดจีดีพีไทยปีนี้โต 3.5 – 4.5%

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 4 ทั้งปี 2564 และแนวโน้มปี 2565 ว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 4 ขยายตัว 1.9% โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจปรับเพิ่มขึ้นเกือบทุกตัว ทั้งนี้การขยายตัวของเศรษฐกิจไตรมาสดังกล่าว เป็นผลมาจากตัวเลขการส่งออกที่ยังคงขยายตัวได้ในระดับสูง โดยเฉพาะปริมาณการส่งออกสินค้าขยายตัว 16.6% รวมถึงปริมาณส่งออกบริการขยายตัว 30.5% ยกเว้นการลงทุนรวมที่ยังติดลบอยู่ 0.2%

ดังนั้นจึงส่งผลให้ทั้งปี 2564 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ที่ 1.6% เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่เคยประเมินว่า จะขยายตัวได้ 1.2% เป็นผลมาจากการส่งออกสินค้าและบริการ และการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวเร่งขึ้น เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐกลับมาขยายตัว

‘โบว์-ณัฏฐา’ กะเทาะอีกด้านกรณี ‘เดียร์ลอง’ ตัวแปรบีบคั้น สู่เส้นทางที่อาจไม่อยากเลือก

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เบลล์ ขอบสนาม" ที่ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความแจ้งข่าวว่า ‘กวาง เดียร์ลอง’ ได้ตัดสินใจ ‘ย้ายประเทศ’ เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เนเธอร์แลนด์ หลังจากที่ถูกมรสุมมากมายเข้ามาไม่ว่างเว้น จากการประกอบอาชีพเป็น ‘Sex Creator’ ของเธอ โดย ‘คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา’ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการ Meet THE STATES TIMES ‘เดอะ ดีเบต’ ไว้อย่างน่าสนใจว่า... 

"กรณี ‘Sex Creator’ กับ ‘เดียร์ลอง’ ที่ถูกยกมาเป็นประเด็นอีกครั้งนึง เพราะว่ามีการเปิดเผยว่าเขาจะย้ายประเทศไปอยู่ต่างประเทศ คือไปอยู่ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเขาก็บอกว่ายังไม่ได้ย้ายไป แค่ไปดูลู่ทางไว้ก่อน แต่ในอนาคตก็คงอยากย้าย

ทั้งนี้ หากมองการกระทำของ ‘เดียร์ลอง’ ว่าผิดหรือไม่? เพราะสุดท้ายแล้วก็คือคนที่อัปโหลดคลิปลงในโลกอินเทอร์เน็ตเองนั้น

ส่วนตัวมีความเห็นว่า ถ้ามันผิดกฎหมายมันก็ผิดกฎหมายค่ะ เพราะว่าการเผยแพร่ข้อมูลลามกอนาจารยังผิดกฎหมายไทยอยู่ แต่ว่าโบว์คิดว่า เราต้องย้ำจริงๆ ว่า เขาอาจจะเป็นผู้ละเมิดกฎหมายไทยในปัจจุบัน แต่อันที่จริงเขา คือ ผู้ถูกละเมิดโดยอาชญากรอีกคน ซึ่งเป็นอาชญากรจริงๆ 

กลับกันสิ่งที่กวางทำ มันไม่ใช่อาชญากรรม เพราะเขาทำในสิ่งที่เป็นของเขาเอง เป็นคอนเทนต์ของเขาเอง แต่คนที่ไปเอาคลิปของเขามาแล้วไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์มอื่น ทั้งที่เขาทำไว้ขาย อันนี้ คือ ‘การละเมิด’ ที่รุนแรงอย่างมาก นี่คือข้อแรกที่โบว์อยากให้เคลียร์กันก่อน

ต่อมา พอเขามีข่าวว่าจะออกไปอยู่เมืองนอก ก็มีคนเขาไปคอมเมนต์โจมตีเยอะ ไปพูดเหมือนว่าเขาจะไปขายตัวหรืออะไรแบบนี้ นั่นก็คือ ‘การถูกละเมิดซ้ำสอง’ ที่น้องกวางโดนจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งบางคนก็ใช้ถ้อยคำหยาบคาย บางคนก็ใช้ถ้อยคำแบบที่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างมาก

โบว์มีโอกาสได้ไปหาคลิปสัมภาษณ์ของเขามาดู ซึ่งภายในเย็นวันเดียวเราคิดว่า รู้จักเขามากกว่า หลายๆ คนที่ไปวิพากษ์วิจารณ์เขาอีก เพราะมันมีมุมที่น่าสนใจเกี่ยวกับน้องกวาง ตั้งแต่ บทบาททั้งการเป็นนักร้อง ยูทูบเบอร์สาย ASMR ทำงานเกี่ยวกับเสียง และ Sex Creator ที่คนเรียกกัน

น้องกวางเริ่มจากการ ไปร้องเพลง แต่ก่อนที่เขาจะไปไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์เนี่ย เขาเป็นเด็กที่ไปทำงานในร้านอาหาร ไปทำงานร้องเพลงตั้งแต่ ม.5 ไปร้องเพลงตอนกลางคืน เพื่อที่จะหาเงินมาช่วยพ่อแม่ เพราะฉะนั้นข้อแรกคือ เขามีความขยันและตั้งใจทำงานของเขาอยู่ ซึ่งไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้

เช่นเดียวกันกับจุดเริ่มต้นในการที่เขาเข้าไปใน OnlyFans ตรงนี้ก็ไม่มีใครพูดถึงเลยอีกเช่นกัน!! 

แต่โบว์ไปเจอคลิปสัมภาษณ์อันนึง มันเกิดขึ้นจากการที่เขาเคยถ่ายรูปเซ็กซี่ของตัวเอง แล้วก็โหลดเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ของตัวเองไม่ได้เอาไปเผยแพร่ที่ไหนเลย แต่วันนึงเขาถูกมิจฉาชีพแฮกไอคลาวน์ แล้วคนที่แฮ็กก็เอามาแบล็กเมลตัวเขาแล้วบอกว่าให้จ่ายเงินมาสิแล้วจะไม่เอาไปเผยแพร่

ซึ่งน้องกวางก็ได้จ่ายเงินไป คราวนี้ เขาจ่ายเงินไปแล้วแต่ก็อยู่กับความหวาดกลัวไม่สบายใจมาตลอดว่าเมื่อไหร่คนๆ นี้จะเอาภาพเขาไปเผยแพร่ และคนในครอบครัวจะคิดยังไง พอตอนหลังเขามารู้จักกับ OnlyFans เขาก็เลยรู้สึกว่า ยังไงตัวเขาก็ชอบถ่ายภาพแนวนี้อยู่แล้ว ทำไมเขาไม่ไปมีแพลตฟอร์มของตัวเขาในเว็บไซต์นี้ แล้วมันจะทำให้คนที่เข้ามาดูคือคนที่จ่ายค่าสมาชิก ส่วนมิจฉาชีพคนนั้นก็จะไม่กล้าเอาภาพของเขามาเปิดเผยอีกแล้วเพราะสิ่งที่ใส่ไปใน OnlyFans มันหนักกว่า 

ศูนย์สิทธิผู้บริโภคฯร้อง "พรรคกล้า" ร่วมค้านสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ด้าน "อรรถวิชช์" ขอรัฐทบทวนให้ดี แนะ “มท.-คมนาคม”คุย ก.คลังตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน

ที่พรรคกล้า ตัวแทนศูนย์สิทธิผู้บริโภคจากเขตยานนาวา สาทร ลาดพร้าว ราชเทวี และหลักสี่ ได้เดินทางมายื่นหนังสือพรรคกล้า เพื่อขอให้สนับสนุนเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคในการคัดค้านการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไปอีก 30 ปี โดยมีนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า เป็นผู้รับมอบหนังสือ พร้อมกล่าวว่า พรรคกล้ายินดีร่วมต่อสู้บนแนวทางที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยมองว่าถ้าเอาหนี้ไปแลกกับสัมปทาน เป็นการแก้ปัญหาของรัฐ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาให้ประชาชน เพราะจะทำให้เงื่อนไขการคิดค่าบริการแพงสูงกว่า 1 ใน 4 ของค่าครองชีพขั้นต่ำ อยู่กับเราไปอีกจนถึงปี 2602 ซึ่งเป็นการต่อขยายเวลานานเกินไป และค่าบริการประเทศอื่นไม่สูงขนาดนี้ จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนให้ดี เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572

“อะไรที่รัฐเป็นหนี้กับบีทีเอส ก็ต้องจ่าย แต่เรื่องหนี้ต้องแยกออกจากเรื่องสัมปทาน  คงไม่ใช่แค่เรื่องของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงคมนาคม แต่จะต้องปรึกษากระทรวงการคลังถึงโอกาสที่จะตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน มาร่วมระดมทุนระหว่างภาครัฐกับประชาชนเพื่อใช้หนี้แยกกับการต่อสัมปทาน มิฉะนั้น ถ้าให้สัมปทานเอกชนไปเรื่อยๆ แบบนี้ มันจะมีปัญหาทางไกล เพราะรัฐจะควบคุมราคาไม่ได้ เพราะเอกชนจะเป็นคนคิดต้นทุน และจะเสียโอกาสพัฒนาโครงข่ายขนส่งที่เชื่อมต่อกันทั้งระบบแบบไยแมงมุม” นายอรรถวิชช์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top