Sunday, 18 May 2025
TheStatesTimes

‘สุริยะ’ ยัน!! รับมือต่อเนื่องเหตุน้ำมันรั่วไหลลงทะเล สั่ง ‘ผู้ว่าฯ กนอ.’ ตามติด!! แม้ควบคุมเหตุได้แล้ว

‘สุริยะ’ ห่วง!! สั่งการ ‘ผู้ว่าฯ กนอ.’ เร่งตรวจสอบเหตุน้ำมันรั่วไหล บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม ท่าเรือมาบตาพุด ด้าน ‘ผู้ว่าฯ กนอ.’ เผย!! ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว พร้อมสั่งเตรียมรับมือกรณีฉุกเฉินหรือลมเปลี่ยนทิศ เล็งดึงผู้เชี่ยวชาญร่วมคิดและวางแผนดูแลและซ่อมบำรุงรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีกในอนาคต

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับรายงานน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ของบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งตั้งอยู่ในท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 25 ม.ค. 65 และเจ้าหน้าที่สามารถปิดวาล์วน้ำมันได้ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนนั้น ได้มอบหมายให้ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่เร่งเข้าตรวจสอบโดยเร็วที่สุด เพื่อติดตามสถานการณ์และหาสาเหตุพร้อมทั้งหาแนวทางแก้ไขต่อไป

“ผมได้สั่งการให้มีการเตรียมความพร้อมรับมือกรณีเกิดกระแสลมหรือคลื่นเปลี่ยนทิศไว้ล่วงหน้าด้วย ที่สำคัญ ต้องรีบจัดการกับคราบน้ำมันดังกล่าวให้เร็วที่สุด พร้อมหาสาเหตุของการรั่วไหล” นายสุริยะ กล่าว

กาฬสินธุ์ - ผู้การกาฬสินธุ์ ตั้งโต๊ะขายไข่ขาดทุน! ราคาถูก - ช่วยลดค่าครองชีพช่วงของแพง!!

ผู้การฯกาฬสินธุ์ ควงประธานแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งโต๊ะขาย “ไข่ไก่ผู้การโป้ง”เบอร์ 1 ราคาถูก แผงละ 80 บาท สด ๆ จากฟาร์มขายขาดทุนให้ครอบครัวตำรวจกาฬสินธุ์ครัวเรือนละ 2 แผง เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด และช่วงไข่ไก่-เนื้อหมูราคาแพง

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 26 มกราคม 2565 พล.ต.ต.วรวัฒน์ มะลิ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ นางพรพรรณ มะลิ ประธานแม่บ้านตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ นำไข่ไก่เบอร์ 1 “ไข่ไก่ผู้การโป้ง” สด ๆ จากฟาร์มมาตั้งโต๊ะวางขายราคาถูกกว่าท้องตลาดและขายแบบขาดทุนแผงละ 80 บาท ให้กับตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ โดยกำหนดให้ซื้อได้คนละ 2 แผง  เพื่อเป็นแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพให้กับครอบครัวตำรวจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด และช่วงที่ราคาสินค้าต่างๆปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะไข่ไก่ และเนื้อหมูที่มีราคาแพง

พล.ต.ต.วรวัฒน์ มะลิ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวส่วนตัวได้ไปซื้อไข่ไก่สด ๆ เบอร์ 1 จากฟาร์มโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งซื้อได้ราคาแผงละ 90 บาทถูกกว่าท้องตลาดที่ทราบว่าปัจจุบันจำหน่ายอยู่ที่แผงละ 110 -120 บาท จำนวน 1,000 แผง แล้วนำมาขายให้กับตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ โดยขายแผงละ 80 บาท  ซึ่งถูกกว่าท้องตลาด และเป็นการขายแบบขาดทุน กำหนดให้ซื้อได้คนละ 2 แผง

พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมครั้งนี้หากคิดในด้านการค้า การขาย หรือธุรกิจเป็นเงินนั้นถือว่าขาดทุน แต่ส่วนตัวนั้นตนเห็นว่าได้กำไร คือการให้สวัสดิการกับตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา และได้กำไรเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพให้กับครอบครัวตำรวจได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาสินค้าหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น เช่น ราคาไข่ไก่ และเนื้อหมู นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือพี่น้องตำรวจ ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะมีโครงการดังกล่าวนำไข่ไก่มาขายเดือนละครั้ง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ตำรวจต่อไป

ประจวบคีรีขันธ์ - พ่อเมืองประจวบฯ สั่งคุมเข้มราคาสินค้า ป้องกันเอาเปรียบผู้บริโภค

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามการดำเนินงานตามข้อสั่งการ "มอร์นิ่งบรี๊ฟ" ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัด โดยกำชับให้หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน บูรณาการการทำงานออกตรวจติดตาม เฝ้าระวัง และกำกับดูแลการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะหมูเนื้อแดง ไข่ไก่ และสินค้าที่จำเป็นในดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งในช่วงนี้พี่น้องประชาชนได้ประสบปัญหาราคาสินค้าเนื้อหมูที่มีราคาสูงขึ้น เพื่อเป็นการควบคุมดูแลและแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภคในการกักตุนเนื้อสุกรเพื่อนำออกมาจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น

พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ติดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้บริโภคใช้เป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาเลือกซื้อหรือใช้สินค้าได้เป็นธรรม รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2565 เรื่องการแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร เนื้อสุกร ทั้งนี้ได้มอบแนวทางให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หารือร่วมกับผู้ประกอบการเพื่อผลักดันให้มีการดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน อาทิ กิจกรรมธงฟ้าราคาประหยัด และนำสินค้าราคาถูกมาจำหน่ายเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป

 

‘บิ๊กตู่’ พบนักศึกษาไทยในซาอุฯ ฝากให้ตั้งใจเรียน กลับมาพัฒนาประเทศ

เพจ นักศึกษาไทย ณ กรุงรียาด โพสต์ภาพบรรยากาศพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พบปะ และมอบของฝากเล็กๆ น้อยๆ จากประเทศไทย ให้แก่พี่น้องชุมชนคนไทย และนักศึกษาไทย ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงรียาด

พร้อมระบุถึง ข้อความส่วนหนึ่งจากคำกล่าวโอวาทของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ท่านได้มาเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ตามคำเชิญของมกุฎราชกุมาร มูฮัมหมัด บิน ซัลมาน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า 

"...ดีใจที่วันนี้ (25 มกราคม 2565) ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ สำหรับวันแห่งประวัติศาสตร์ ในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศให้กลับมาปกติเหมือนครั้งในอดีต..."

"...จากการพูดคุยหารือกันในวันนี้ มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศอย่างแน่นอน..."

เฉลยแล้ว คลิปไวรัล เด็กแบกกระเป๋าไม่ไหว ที่แท้ข้างใน ‘ไม่ใช่หนังสือเรียน’ 

เฉลยแล้ว คลิปเด็กนักเรียนแบกกระเป๋าไม่ไหว จนล้มหงายหลังเงิบ สรุปข้างในไม่ใช่หนังสือเรียน แต่เป็นนมโรงเรียน 1 ลัง ครูแจงกระเป๋าเรียนไม่หนักอย่างแน่นอน เผยน้องเป็นเด็กแข็งแรง ช่วยพ่อแม่ทำงาน ยกของหนักๆ ได้สบาย

จากกรณีมีผู้โพสต์คลิปเด็กนักเรียนหญิงหิ้วกระเป๋าหนักบริเวณริมถนนใกล้โรงเรียน โดยพยายามแบกกระเป๋าเป้ใส่หลัง แต่ด้วยน้ำหนักของกระเป๋าที่ดูจะมากกว่าน้ำหนักตัว ทำให้แบกแล้วล้มหงายหลังเงิบ จนมีการแชร์ต่อวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้างนั้น โดยชาวโซเชียลเสียงแตกถามถ้าระบบการศึกษาดี น้องคงไม่ต้องแบกหนักขนาดนี้

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้ลงไปในพื้นที่ ม.2 ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล พบว่า เด็กหญิงคนดังกล่าว อายุ 7 ขวบ เป็นนักเรียนชั้น ป.1 ซึ่งบ้านน้องอยู่ห่างจากโรงเรียน ประมาณ 1 กิโลเมตร

นางสาวสุชาดา แม่ของเด็ก เล่าให้ฟังว่า ความจริงแล้วกระเป๋าที่หนักไม่ใช่หนังสือ แต่เป็นนมโรงเรียน 1 ลัง ประมาณ 36 กล่อง ซึ่งจริงๆ แล้ว โรงเรียน เรียนแค่ครึ่งวัน ในกระเป๋ามีสมุดหนังสือแค่ 4 เล่ม ซึ่งกระเป๋าเบามาก น้องเป็นเด็กแข็งแรง จึงนำนมใส่กระเป๋าแล้วพากลับ

“ปกติตนจะขี่รถไปรับตอนเที่ยงทุกวัน แต่เมื่อวานพอไปรับ ปรากฏว่าไม่มีน้อง ครูเองก็ตกใจไม่คิดว่าน้องจะเดินกลับเอง เพราะปกติวันที่แจกนม ผู้ปกครองจะเข้ามารับเองเพราะหนัก พอตนขี่รถออกจากโรงเรียน ก็เห็นน้องนั่งรออยู่บริเวณที่ออกกำลังกายเพราะหมดแรง”

ขณะที่เด็กหญิงคนดังกล่าว บอกว่า พอได้นม ตนก็เอาใส่ในกระเป๋าทั้งลัง เพราะพื้นที่ในกระเป๋ายังว่าง แต่เมื่อเดินออกจากโรงเรียนรู้สึกหนัก จึงพยายามแบกใส่หลังแต่ทำไม่ได้

'การส่งออก' ปี 64 พุ่งทะลุเป้า โต 17% รับบทขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโรคระบาด

ต้องยอมรับว่า ช่วง 2 ปี ของการระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

แต่ทว่าในภาวะวิกฤต ยังมีพระเอกเข้ามาช่วยประคับประคองและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ นั่นคือ การส่งออก ที่เติบโตได้ทะลุเป้าอย่างสวยงาม เมื่อจบปี 2564

จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ที่เปิดเผยล่าสุด ระบุว่า การส่งออกของไทย ณ เดือนธันวาคม 2564 ขยายตัวได้ 24.2% โดยมีมูลค่า 24,930 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะที่การส่งออกทั้งปี 2564 ขยายตัวถึง 17.14% สูงสุดในรอบ 11 ปี ทะลุเป้าหมาย คิดเป็นมูลค่ารวม 2.71 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะเติบโตจากปีก่อนหน้า ราว 15-16% แต่กลับเติบโตได้ถึง 17.14%

แน่นอนว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นผลจากการปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาทเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ

ขณะเดียวกัน ส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตให้ ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะแม่ทัพดูแลด้านการค้าขายของประเทศ ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการปรับบทบาท ‘ทูตพาณิชย์’ ให้เป็น ‘เซลส์แมน’ พร้อมกับเป็นนักการตลาด เพื่อหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มยอดส่งออกให้กับประเทศ ที่เห็นผลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563

ประจวบคีรีขันธ์ - ครบรอบ 135 ปี วันสถาปนา กรมทหารราบที่ 13 มอบโล่ประกาศเกียรติคุณผู้ที่ให้การสนับสนุน

พ.อ.จักรพงษ์ โพธิ์นาแค ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 13 พร้อมด้วยข้าราชการ และพนักงาน ร่วมกันจัดงานเนื่องในวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 13 ครบรอบ 135 ปี โดยมี พล.ต.ณรงค์ สวนแก้ว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 เป็นประธานในพิธีฯ ซึ่งในการจัดงานพิธีเนื่องในวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 13 ในครั้งนี้ ได้มีการบวงสรวงถวายสักการะบูรพกษัตรย์, การประกอบพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับกำลังพลที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน , การมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ/หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนภารกิจของ กรมทหารราบที่ 13 มาอย่างต่อเนื่อง

โดยมีแขกผู้มีเกียรติ มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งอดีต ผู้บังคับบัญชาของหน่วย , อดีตข้าราชการของหน่วย, นักธุรกิจจังหวัดอุดรธานี และส่วนราชการต่าง ๆ มาร่วมงานจำนวนมาก ทั้งนี้หน่วยได้ดำเนินการจัดพิธีฯ ตามมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด 

พล.ต.ณรงค์ สวนแก้ว ผบ.พล.ร.3 ได้พบปะพูดคุยสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของอดีตข้าราชการของหน่วย เพื่อพัฒนาสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนหาแนวทางให้การช่วยเหลือ เมื่อได้รับความเดือดร้อนในโอกาสต่อไป

“กรมทหารราบที่ 13” มีประวัติความเป็นมาดังนี้ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยมีเจ้าพระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยานมิต) เป็นแม่ทัพ จนเหตุการณ์สงบ เมื่อปี พ.ศ.2418 ต่อมาในปี พ.ศ. 2426 พวกฮ่อรุกรานเมืองหลวงพระบางอีก จึงโปรดให้พระยาพิชัย (มิ่ง) พระยาสุโขทัย (ครุธ) ยกกำลังไปปราบ แล้วให้พระยาราชวรานุกูล (เอก บุญยรัตนพันธุ์) เป็นแม่ทัพ จนถึงปี พ.ศ. 2428 แต่ไม่สำเร็จ จึงได้ถอนกำลังจากทุ่งเชียงคำกลับมายังเมืองหนองคาย เนื่องจากขาดเสบียงอาหารและแม่ทัพ คือ พระยาราชวรานุกูล ถูกฮ่อยิงบาดเจ็บ ดังนั้นในปี พ.ศ. 2428 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้กรมทหารที่ได้รับการฝึกหัดตามแบบยุโรปขึ้นไปปราบฮ่อ

โดยจัดเป็นสองกองทัพคือกองทัพฝ่ายเหนือ มีนายพันเอก เจ้าหมื่นไวยวรนาถ (เจิม แสงชูโต)  เป็นแม่ทัพยกไปปราบฮ่อ ในแคว้นหัวพันห้าทั้งหกและแคว้นสิบสองจุไท กองทัพฝ่ายใต้  มีนายพันเอกพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม เป็นแม่ทัพ ยกไปปราบฮ่อในแคว้นเมืองพวน และได้ตั้งกองบัญชาการกองทัพอยู่ที่เมืองหนองคาย แล้วให้ พระอมรวิไสยสรเดช (โต บุนนาค) เป็นทัพหน้าเข้าตีค่ายฮ่อที่ทุ่งเชียงคำ จนกระทั่ง พ.ศ. 2429  สามารถปราบฮ่อได้ราบคาบ จึงยกกำลังส่วนหนึ่งกลับถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2540 และคงกำลังส่วนหนึ่งไว้ในบังคับบัญชาของ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม

และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของหน่วยทหารของ กรมทหารราบที่ 13 โดยมี พันเอกพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม เป็นผู้บังคับหน่วยคนแรก และต่อมา ในปี พ.ศ.2434 ได้จัดตั้งเป็นมณฑลลาวพวน โดยกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ดำรงตำแหน่งเป็นข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลลาวพวน มีกองบัญชาการมณฑลที่เมืองหนองคาย ภายหลังการปราบปรามฮ่อสงบแล้ว ไทยมีกรณีพิพาทกับฝรั่งเศสเรียกว่า “กรณีพิพาท ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436)” ด้วยพระปรีชาญาณของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงยอมเสียสละส่วนน้อย เพื่อรักษาประเทศไว้  จึงทรงสละดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ให้แก่ฝรั่งเศส และปฏิบัติตามสนธิสัญญาที่ทำขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ โดยห้ามประเทศสยามตั้งกองทหาร และป้อมปราการอยู่ในรัศมี 25 กิโลเมตรของฝั่งแม่น้ำโขง

ดังนั้นเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2436 จึงได้เคลื่อนย้าย มณฑลลาวพวน ลงมาทางใต้เข้าที่ตั้งบริเวณบ้านหมากแข้งริมหนองนาเกลือ (หนองประจักษ์) กระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2443 ได้เปลี่ยนนามหน่วยจากมณฑลลาวพวน เป็น มณฑลอุดร ต่อมาในปี พ.ศ. 2450 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีกระแสพระบรมราชโองการให้จัดตั้งเมืองอุดรธานีอยู่ในเขตการปกครองของ มณฑลอุดร ขึ้นที่บ้านหมากแข้งโดยให้ย้ายกำลังทหารจากหนองนาเกลือ มาตั้งอยู่ที่ ริมหนองขอนกว้าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายประจักษ์ศิลปาคมในปัจจุบัน กำลังทหารในขณะนั้นมี 2 หน่วยคือ กรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 และกรมทหารราบที่ 7 

ปี พ.ศ.2451 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 ได้เปลี่ยนชื่อหน่วยใหม่เป็น กองทหารปืนใหญ่ที่ 10  และเปลี่ยนชื่อ กรมทหารราบที่ 7 เป็น กรมทหารราบที่ 20 ทั้ง 2 หน่วยขึ้นการบังคับบัญชากับ กองพลที่ 10 ปี พ.ศ.2454 กองทหารปืนใหญ่ที่ 10  ย้ายไปตั้งที่จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนกรมทหารราบที่ 20  ย้ายไปตั้งที่จังหวัดร้อยเอ็ด  โดยต่อมาในปี พ.ศ. 2456 จึงได้จัดตั้งกรมทหารม้าขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี เรียกชื่อว่า กรมทหารม้าที่ 10 ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ.2459 ยุบเลิก และเปลี่ยนเป็น กรมทหารราบในกองพลทหารบกที่ 10

ปี พ.ศ.2460 กรมทหารราบในกองพลทหารบกที่ 10 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น กรมทหารพรานในกองพลทหารบกที่ 9 ครั้นถึงปี พ.ศ.2462  กรมทหารพรานในกองพลทหารบกที่ 9 ก็เปลี่ยนชื่อเป็น  กรมทหารพรานในกองพลทหารบกที่ 10 ต่อมากรมนี้ได้ถูกยุบเมื่อปี พ.ศ.2470  เนื่องจากกองทัพบกได้ปรับปรุงกองทัพใหม่ แล้วตั้งเป็น กองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 15

ปี พ.ศ.2471 กรมทหารราบที่ 15   ได้เปลี่ยนชื่อเป็น  กรมทหารราบที่ 6 โดยกองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 15  เดิมได้เปลี่ยนชื่อเป็น กองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 6  ส่วนจังหวัดทหารบกอุดร มีฐานะเป็นจังหวัดทหารบกชั้น  3  มีผู้บังคับกองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 6  เป็นผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในด้านกิจการต่างๆ ของสายงานจังหวัดทหารบกอุดร คงใช้เจ้าหน้าที่ของหน่วยกำลังรบเป็นส่วนใหญ่ ปี พ.ศ.2475 เปลี่ยนชื่อ กองพันที่ 2 เป็น กองพันทหารราบที่ 18 ปี พ.ศ.2477 กองพันทหารราบที่ 18 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น กองพันทหารราบที่ 22 ปี พ.ศ.2486 กองพันทหารราบที่ 22 ได้แบ่งแยกกำลังส่วนหนึ่งจัดตั้งเป็น กรมทหารราบที่ 13 โดย กรมทหารราบที่ 13  มี พันโท มล.เอก อิศรางกูล เป็น ผู้บังคับการกรม และกองพันทหารราบที่ 22 มี พันโท รัตน์ นพตระกูล เป็นผู้บังคับกองพัน

ปี พ.ศ.2489 กองพันทหารราบที่ 22 เปลี่ยนชื่อเป็น  กองพันที่ 1 และกำหนดให้เป็นหน่วยขึ้นตรงของ กรมทหารราบที่ 13 โดยทั้ง กรมทหารราบที่ 13 และ กองพันที่ 1 กรมทหารราบที่ 13 มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  และในปีเดียวกัน ร.พัน.21 ได้ย้ายที่ตั้งจากจังหวัดเพชรบูรณ์ มาตั้งที่หนองสำโรง โดยเปลี่ยนนามหน่วยเป็น กองพันที่ 2 เป็นหน่วยขึ้นตรงของกรมทหารราบที่ 13

เมื่อปี พ.ศ.2494 ได้รับพระราชทานนามค่ายว่า “ค่ายประจักษ์ศิลปาคม” เพื่อเป็นอนุสรณ์ และถวายพระเกียรติแก่ พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ในปี พ.ศ.2497 กองทัพบก ได้มีคำสั่ง ทบ. ที่ 28/4221 ลง 1 มีนาคม 2497  จัดตั้ง กองพันที่ 3 ให้เป็นหน่วยขึ้นตรงของ กรมทหารราบที่ 13 โดยมีที่ตั้งบริเวณฝั่งด้านทิศใต้ของหนองสำโรง ตำบลหมูม่น อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี  ร่วมกับกองพันที่ 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยจนถึงปัจจุบัน และต่อมาในปี พ.ศ.2498 กรมทหารราบที่ 13 แปรสภาพเป็น กรมผสมที่ 13 จนถึงปี พ.ศ.2510 โดยผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอุดร และผู้บังคับการกรมผสมที่ 13 ซึ่งเดิมเป็นคนเดียวกัน ได้แยกกันอย่างเด็ดขาด และมีบทบาทหน้าที่โดยเฉพาะตามตำแหน่งที่ปฏิบัติงาน

 

“เสกสกล” เย้ย “หมอชลน่าน” ยกCPI ชี้นำปชช.โจมตีรัฐบาล เกรง ปาดหน้าทำคะแนนนิยม 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ใช้ข้อมูลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ประจำปี 2564 ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) ชี้นำสังคมกล่าวหารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่ามีทุจริตคอร์รัปชันมาก ว่า หวังด้อยค่าผลงานชิ้นโบว์แดง ที่สามารถฟื้นความสัมพันธ์สองราชอาณาจักร ไทย-ซาอุดีอาระเบียได้สำเร็จ แต่พรรคเพื่อไทยเกรงว่าพี่น้องอีสานที่เป็นฐานเสียงและแรงงานไทย ที่ไปทำงานที่ซาอุฯ กว่า 8 ล้านตำแหน่ง มีเงินทองใช้ ชีวิตสุขสบายขึ้นจะลืมนายโทนี่ นายทุนพรรค ที่เลี้ยงไข้ ไม่แก้ปัญหาและคาถาประชานิยมจะไม่ขลังหรือไม่

นายเสกสกล กล่าวว่า หาก นพ.ชลน่าน อยากให้คะแนน CPI ของไทยสูงขึ้น แค่ยกหูโทรศัพท์ถึงเจ้าของพรรคตัวจริง ให้ทำ 2 อย่างเพื่อชาติ หรือเพื่อไทย และกลับมาสู้คดี คดีให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เงินแก่เมียนมา 4 พันล้านบาท จำคุก 3 ปี คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน จำคุก 2 ปี คดีให้นอมินีถือหุ้นชินคอร์ปฯ และเข้าไปมีส่วนได้เสียในกิจการโทรคมนาคม จำคุก 5 ปี คดีซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ จำคุก 2 ปี และอีกหลายคดี

นายเสกสกล กล่าวว่า การที่ นพ.ชลน่าน กล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่าแทรกแซงการบริหารงานบุคคลของศาลยุติธรรม แต่งตั้งข้าราชการศาลยุติธรรม ตนเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 คน ดำเนินการตามหลักการและหลักกฎหมาย ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่เหมือนกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ โยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ออกจากตำแหน่ง เพื่อเอื้อให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิง พจมาน ถือเป็นเครือญาติ มีโอกาสขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นการกระทำอันขาดคุณธรรม จริยธรรม เป็นเหตุให้ พ้นสภาพการเป็นนายกฯ ไปพร้อมๆ กับรัฐมนตรีอีก 9 คน

กาฬสินธุ์ - ผู้ว่าฯ ลุย!ตรวจตลาด ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาช่วงตรุษจีน!!

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์ ลงสำรวจตลาดสดทุ่งนาทอง เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าในช่วงตรุษจีน ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคา และกำชับให้ปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มกราคม 2565 นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายศิริพงษ์ วิวัฒน์เกษมชัย พาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ตลาดสดทุ่งนาทอง ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อตรวจติดตามการจำหน่ายราคาสินค้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ใกล้จะถึง โดยได้สำรวจการจำหน่ายไข่ไก่ เนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้งก้ามกราม ปลา ผัก ผลไม้

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่สำรวจตลาดในครั้งนี้ เนื่องด้วยสถานการณ์เนื้อหมูที่มีราคาแพงขึ้น ทางหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานพาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ ได้มีมาตรการช่วยเหลือด้วยการจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกกิโลกรัมละ 150 บาท จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 และได้กำชับ พ่อค้า แม่ค้า ให้จำหน่ายในราคาที่เป็นไปตามกลไกการตลาด ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ ได้ขอพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการแสดงป้ายราคาให้เห็นเป็นที่ชัดเจน และตรวจดูในเรื่องของเครื่องชั่งให้เป็นไปตามมาตรฐาน

 

เร่งเครื่อง “บิ๊กตู่” เร่งผลักดันความร่วมมือด้านแรงงานไทย-ซาอุดีอาระเบีย สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทันที “ย้ำ”ต้องเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 2 เดือน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 25 – 26 มกราคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้กระทรวงแรงงานเร่งดำเนินการจัดหาแรงงานไทยที่มีศักยภาพเข้าร่วมทำงานในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งนอกจากนายกรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกับขั้นตอนดำเนินการเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคี และการจัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี เพื่อหารือความร่วมมือทวิภาคีในสาขายุทธศาสตร์ที่สำคัญ

ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทย ได้หารือทวิภาคีร่วมกับ นายอะห์หมัด บิน สุไลมาน อัลรอยิฮี (Ahmad Sulaiman ALRajhi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาทางสังคม ซาอุดีอาระเบีย โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะผลักดันความร่วมมือด้านแรงงาน โดยเฉพาะในภาคบริการต่าง ๆ ทั้งธุรกิจโรงแรม สุขภาพ ตลอดจนอุตสาหกรรมก่อสร้างในโครงการขนาดใหญ่ 

“ซึ่งผลจากการหารือทวิภาคีดังกล่าว ทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และสำนักงานแรงงานในกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย จะเป็นผู้ประสานงานหลักร่วมกับฝ่ายซาอุดีอาระเบีย โดยจะดำเนินการตามข้อหารือต่อไปเพื่อพิจารณาแรงงานไทยเข้าทำงานตามความประสงค์ของซาอุดีอาระเบีย ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีแรงงานไทยเข้าทำงานอยู่ในซาอุดีอาระเบีย จำนวน 1,345 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแจ้งการเดินทางด้วยตนเอง นายจ้างพาไปทำงาน และระบบ Re-entry โดยมีตำแหน่งที่เข้าทำงานในหลายประเภท เช่น ช่างเชื่อม ช่างเทคนิค ช่างเครื่องยนต์ ผู้ปฏิบัติงานในโรงงาน ผู้ควบคุมเครื่องจักร คนงานผลิตผลิตภัณฑ์ทั่วไป คนงานควบคุมเครื่องจักร ผู้ช่วยกุ๊ก แม่บ้าน เป็นต้น”โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

นายธนกร กล่าวว่า ในเรื่องความร่วมมือด้านแรงงานกับซาอุดีอาระเบียเป็นความท้าทายที่สำเร็จจากความพยายามของรัฐบาลในการปรับความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-ซาอุดีอาระเบีย เชื่อมั่นว่าจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ในด้านการยกระดับการพัฒนาฝีมือแรงงานไทย กระตุ้นให้บริษัทจัดหาแรงงานที่อยู่ภายใต้กระทรวงแรงงานปรับปรุงการจัดหาแรงงานที่เป็นธรรม ไม่โก่งราคา คุ้มครองสิทธิแรงงาน และสวัสดิการให้สอดคล้องกับที่ฝ่ายซาอุดีอาระเบียต้องการ ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีการเดินทางแลกเปลี่ยนการเยือนระดับรัฐมนตรี บริษัทจัดหาแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านแรงงานระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียมากขึ้น เพื่อเร่งรัดการดำเนินการจนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top