Saturday, 31 May 2025
TheStatesTimes

‘พิธา’ ยัน ‘ก้าวไกล’ ส่งชิงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หวั่นผู้สมัครที่มียังโอนอ่อน ‘นายทุน-ศักดินา’

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊ก ส่งสารสวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชน และตั้งเป้าปีหน้าว่าพรรคต้องทำงานให้เข้มข้นขึ้นยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับระบุข้อความด้วยว่า…

2565: ปีแห่งความหวังและโอกาสเปลี่ยนประเทศผ่านการเลือกตั้ง

สวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ 2 ของพรรคก้าวไกล เป็นปีที่เรายังคงมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อเป็นปากเสียงให้กับผู้ถูกกดขี่ เป็นมือเท้าให้กับผู้ถูกละเลยจากรัฐ เข้าไม่ถึงโอกาส ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล อดรู้สึกภาคภูมิใจไม่ได้กับผลการทำงานของส.ส. ทุกคน

แต่เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่จะเปลี่ยนประเทศไทยแล้ว เราต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเรายังทำงานหนักไม่พอ

ด้านการสื่อสาร
เราสื่อสารได้ไม่ดีพอที่จะทำให้คนรอบข้างเข้าใจได้ว่าการแก้ไขปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนานของประเทศนี้ ไม่สามารถสำเร็จได้ผ่านการแก้ไขอย่างฉาบฉวย แต่จำเป็นต้องแก้โครงสร้างที่ผิดเพี้ยนอันเป็นรากฐานของปัญหาทั้งปวง และหนึ่งในรากฐานของปัญหานั้นคือคำถามที่ว่า อำนาจสูงสุดในประเทศนี้เป็นของใคร

ด้านการทำงานในรัฐสภา
เรามีเสียงไม่มากพอ ทั้งยังโดดเดี่ยวในการต่อสู้เรียกร้องในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจที่ทุนใหญ่กำลังเดินหน้ากินรวบทั้งตลาด ไม่เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็ก ไม่เหลือทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภค

หรือแม้กระทั่งเรื่องเรียบง่ายที่สุดอย่างการตัดสินใจโดยยึดถือประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง รวมทั้งการยืนยันว่าอำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของประชาชน เราก็ไม่สามารถโน้มน้าวชักชวนเพื่อนสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ให้เห็นร่วมกันกับเราได้ ผลประโยชน์และอำนาจในรัฐสภายังคงกระจุกตัวอยู่ที่เครือข่ายของเหล่านายทุน ขุนศึก ศักดินา เช่นเดิม

ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนทุกคนมา ณ ที่นี้ ปีหน้าเราสัญญาว่าเราจะพยายามให้มากและทุ่มเททำงานให้หนักกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้เรามีเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนและสมาชิกรัฐสภามากพอที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นประเทศของประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้เรายังมีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญในปีหน้าที่ต้องขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน นั่นก็คือ "การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร"

พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นว่าทุกการเลือกตั้ง คือ โอกาสของการเปลี่ยนแปลง หากประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่มีโอกาสไหนที่ดีไปกว่าการเข้าคูหาเลือกตั้ง 

ไทยจับตา 'โอมิครอน' หลังกระจาย 89 ปท.ทั่วโลก พบผู้ติดเชื้อกลับจากตะวันออกกลาง ติดโอมิครอน หลายพื้นที่ ห่วงเชื้อไม่แสดงอาการ เตรียมปรับมาตรการคนเข้าประเทศ ลั่น ฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดสแล้ว

ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษก ศบค. กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า องค์การอนามัยโลกได้เปิดเผยข้อมูลการแพร่ระบาดเชื้อโอมิครอนในปัจจุบันกระจายไปแล้ว 89 ประเทศ และมีการระบาดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในระยะเวลา 3 วัน ขณะที่สถานการณ์ประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐอเมริกามีการระบาดแล้ว 36 รัฐ  ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีการประกาศล็อกดาวน์ช่วงเทศกาลคริสมาสต์ และปีใหม่ ประเทศฝรั่งเศส งดรับนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร

สำหรับตัวเลขการเดินทางเข้าราชอาณาจักร หากเปรียบเทียบการเดินทางเข้าในเดือนพฤศจิกายน มีทั้งสิ้น 133,061 คน ขณะที่เดือนธันวาคม ตั้งแต่วันที่ 1-19 ธ.ค. มีทั้งสิ้น 160,445 คน และภาพรวมผู้ติดเชื้อในส่วนนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในเดือนพ.ย.มีผูเติดเชื้อ 0.13% เดือนธ.ค.มีผู้ติดเชื้อไปแล้ว  0.22%  โดยผู้เดินทางเข้าประเทศวันที่ 19 ธ.ค.มีทั้งสิ้น 13,664 คน พบผู้ติดเชื้อ 42 ราย แบ่งเป็นกลุ่มเทสต์ แอนด์ โก 24 ราย ระบบกักตัว 11 ราย และระบบแซนด์ บ็อกซ์ 7 ราย ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อทั้ง 42 ราย มาจากสหราชอาณาจักรมากที่สุด 9 ราย รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกา 6 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4 ราย ซึ่งทั้ง 42 ราย ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ การตรวจเชื้อแบบ RT-PCR มีความจำเป็น และการกักตัวเพื่อสังเกตมีความสำคัญอย่างมาก

ขณะที่การพบเชื้อโอมิครอนในประเทศไทย ที่มีรายงานเพิ่มเติมวันนี้ เป็นคลัสเตอร์ที่รายงานจากสาธารณะสุขจังหวัดนนทบุรี เชื่อมโยงไปถึงจังหวัดปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครราขสีมา กทม. โดยรายเอียดเป็นผู้เดินทางไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ทั้งสิ้น 31 ราย ช่วงต้นเดือน ธ.ค. โดยเดินทางกลับถึงไทย วันที่ 15 ธ.ค. ตรวจพบเชื้อวันที่มาถึง 14 ราย มีเชื้อโอมิครอน 6 ราย เชื้อเดลตา 8 ราย ตรวจพบเชื้อเพิ่มเติมอีก 2 รายในวันที่ 19 ธ.ค.และตรวจพบเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย ในวันที่ 20 ธ.ค.โดย 4 รายหลังอยู่ระหว่างรอการยืนยันสายพันธุ์  ทำให่กลุ่มนี้พบผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 18 ราย นอกจากนี้ยังพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ที่เป็นคู่สามีภรรยาจากประเทศไนจีเรีย ที่เดินทางเข้าไทยวันที่ 26 พ.ย. ก่อนการประกาศมาตรการห้าม 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยงจากทวีปแอฟริกาเข้าประเทศ

โดยทั้งคู่เขาสู่ระบบแซนด์ บ็อกซ์ โดยวันที่ 4-7 ธ.ค. สามีชาวโคลัมเบีย มีอาการไข้ เจ็บคอ จึงตรวจหาเชื้อแบบ ATK ผลเป็นลบ แต่ยังคงมีอาการ จึงตรวจแบบRT-PCR ในวันที่ 7 ธ.ค. ผลเป็นบวก จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล จากนั้นวนที่ 10 ธ.ค.ภรรยาชาวไทย ได้ไปตรวจแบบ RT-PCR ผลเป็นบวกเช่นกัน ซึ่งวันเดียวกันนั้น การตรวจหาสายพันธ์ุของสามียืนยันเป็นโอมิครอน และมีการสอบสวนผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 1 ราย ผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ และสัมผัสเสี่ยงต่ำ 83 ราย ทั้งหมดไม่มีอาการใดๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามอาการทั้งหมด โดยหญิงรายดังกล่าวถือเป็นการติดเชื้อภายในประเทศรายแรก 

ขณะเดียวกัน ยังมีคลัสเตอร์ จ.นราธิวาส 3 ราย เป็นผู้เดินทางกลับมาจากประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศตะวันออกกลาง เข้าประเทศทางสนามบินภูเก็ต ในระบบเทสต์ แอนด์ โก โดยเป็นเป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 1 ราย สายพันธุ์เดลตา 3 ราย และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย สัมผัสเสี่ยงต่ำ 126 ราย ทั้งหมดอยู่ระหว่างกักตัวตรวจอาการ นอกจากนี้ ยังมีการรายงาน จากสำนักงานควบคุมโรค เขต 11 เป็นผู้เดินทางเข้าประเทศที่สนามบินภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 4 ราย และสนามบินสมุย วันที่ 15-16 ธ.ค. 3  ราย ที่มีทั้งชาวต่างชาติ และคนไทย โดยทั้ง 7 รายตรวจแบบRT-PCR พบเป็นบวกตั้งแต่วันแรกที่มาถึง และยืนยันเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ทั้ง 7 คน

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รายงานสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิดในประเทศไทย ระหว่างเดือนเม.ย.ถึงวันที่ 19 ธ.ค. พบว่ามากที่สุดยังเป็นสายพันธุ์เดลตา 68.67% สายพันธุ์อัลฟา 29.79% เบตา 1.41% และโอมิครอน 0.13% หากดูเฉพาะสัปดาหที่ผ่านมาวันที่ 11-19 ธ.ค. จะพบว่าสายพันธุ์เดลตา 96.61 % สายพันธุ์โอมิครอน 3.26% และจากการสุ่มตรวจ 1,595 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบเป็นเดลตา 96.61% โอมิครอน 3.26% และหากแยกย่อยในพื้นที่กทม.จะพบว่าเป็นเดลตา 81.1% โอมิครอน 18.3% และในส่วนภูมิภาค เป็นเดลตา 98.6% โอมิครอน 1.3% โดยกาาคาดการณ์การระบาด กรณีคนในประเทศไม่มีภูมิคุ้มกันเลย ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา 1 คน  แพร่เชื้อได้ 6.5 คน สายพันธุ์โอมิครอน 1 คน แพร่เชื้อได้ 8.5 คน แต่จากข้อมูลผู้ติดเชื้อโอมิครอน ผู้ป่วยหนักและนอนโรงพยาบาลไม่สูงกว่าเดลตา 

โดยองค์การอนามัยโลกได้ให้ข้อมูลว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะเพิ่มภูมิคุ้มกันเชื้อโอมิครอนได้มากขึ้น สรุปแล้วสถานการณ์สายพันธุ์โอมิครอนในไทย คล้ายกับสถานการณ์โลกที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้น ผู้ติดเชื้อทุกรายในประเทศไทย ยังผูกโยงกับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดย 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อที่ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เป็นสายพันธุ์โอมิครอน 

'บีโอไอ' เคาะมาตรการกระตุ้นการลงทุนปี 65 เน้นดึงลงทุนขนาดใหญ่

น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ บีโอไอ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการลงทุนปี 65 เน้นส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะมีผลในวงกว้างต่อการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ครอบคลุมกิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งต้องเป็นโครงการที่มีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ภายใน 12 เดือนหลังออกบัตรส่งเสริม โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้วยการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% รวม 5 ปี แต่ต้องยื่นขอรับการส่งเสริมได้ถึงสิ้นปี 65

ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบให้ขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ออกอีก 1 ปีถึงสิ้นปี 65 ยกเว้นโครงการที่ตั้งในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ 5 แห่ง ได้แก่ เมืองการบินภาคตะวันออก หรืออีอีซีเอ เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซีไอ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล หรืออีอีซีดี ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ (พัทยา) หรืออีอีซีเอ็มดี และการแพทย์จีโนมิกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา (บางแสน) หรืออีอีซีจี สามารถยื่นคำขอตามมาตรการนี้ได้โดยไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดในการยื่นคำขอ ส่วนในปี 66 จะมีการปรับปรุงมาตรการของอีอีซีใหม่ทั้งหมดอีกครั้งให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การลงทุนฉบับใหม่

ส่งออกพ.ย.บวก 24.7% ประเมินทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 15-16%  

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงตัวเลขการส่งออกของประเทศในเดือนพ.ย. 64 ว่า ยอดการส่งออกของไทยในเดือนนี้ยังขยายตัวเป็นบวกอยู่ที่ 24.7% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 23,647 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นไปตามทิศทางการส่งออกของโลกที่ดีขึ้น แม้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนซึ่งยังเป็นผลกระทบอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก 

สำหรับกลุ่มสินค้าที่เติบโตต่อเนื่อง คือ สินค้าเกษตรขยายตัว 14.2% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรเติบโตถึง 21.1% สินค้าอุตสาหกรรมเติบโตถึง 23.1% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่อเนื่องมา โดยตลอดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลไม้สด ยางพารา มันสำปะหลัง ส่งออกได้ในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นและต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว 

2 ดวงคนดัง 'บิ๊กตู่' ลุ้นตกจากตำแหน่ง ‘ถูกไล่-ทรยศ’ ฟาก 'บิ๊กป้อม' เฟี้ยวฟ้าว ยันสิ้นปีหน้า 

ฟองสนาน จามรจันทร์ คอลัมนิสต์ แม่หมอสมัครเล่น ประจำหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ทำนาย เกณฑ์ชะตาบุคคลสำคัญกว้างๆ จากฐานข้อมูลที่เปิดเผยทั่วไป ส่งท้ายปี 2564 ดังนี้…

1.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา-ยังมีแนวโน้มตกจากตำแหน่งหรือถูกไล่-ทรยศ-หักหลังเป็นระยะๆ ตลอดปี-เพียงแต่จะไล่ได้หรือไม่เท่านั้น

หลังวันเกิดที่ 21 มีนาคม 2565 ถึง 21 มีนาคม 2566 ปรากฏการณ์ถ้าช่วงต้น (ปีวันเกิด) ร้ายปลายจะดีหรือช่วงต้นดี ปลายจะร้าย ตำราบอกให้สงบจิต

ตั้งแต่ 8 เมษายนถึงสิ้นปี 2565 บุญเก่าเริ่มมาแรงพร้อมปรากฏการณ์สั่นสะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องหรือคนที่รักกันเหมือนญาติเป็นระยะๆ ถ้าเปลี่ยน ‘ที่อยู่-รถ’ น่าจะถูกโฉลก

2.) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าจะลัคนาราศีใดจับตาลีลาชีวิตต้นเมษายน 2565 ที่จะเฟี้ยวฟ้าวถึงสิ้นปี แต่ระวังสุขภาพหลังหัวใจไว้สักหน่อยเน้นไปที่หลังวันเกิดเป็นต้นไป

3.) ดร.ทักษิณ ชินวัตร ยังโชคดีเรื่องลูกหลานและมีขุมทองให้ขุดหาตลอดปีเพียงแต่จะถูกกดดันโดยได้อะไรก็จะกลางๆ กลางปี 2565 เริ่มเจ็ดปีของการตามหาความฝันปฏิวัติใหญ่ทางชีวิต ตั้งแต่เมษายนถึงสิ้นปีเดินเหินต้องระวังและอีกปรากฏการณ์ คือ ได้ครึ่งเสียครึ่ง

4.) คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้านดีทั้งปีโอกาสได้เพริศพรายทั้งเงินทองและชื่นใจเรื่องลูกเพียงแต่ต้องระวังโรคเก่ากำเริบหรือกรรมเก่าเกี่ยวกับกระดูกหรือเส้นประสาทหรือลำไส้หรือผิวหนังหรือที่เกี่ยวกับข้าวยังแรง หุ้นส่วนชีวิตเจ็บป่วยหรือถูกทรยศหักหลัง เมษายนถึงสิ้นปี 2565 เริ่มปรากฏการณ์สู้แล้วได้และมีโอกาสเปลี่ยนบ้าน ที่ดิน รถภูมิลำเนา ควรทำทุกอย่างในชีวิตให้ลงตัวก่อน 1 มีนาคม 2566

5.) แพทองธาร ชินวัตร-ถ้าลัคนาสถิตเมษ มีโอกาสได้ลุ้นเหมือนอาปู-ถ้าเป็นลัคนาราศีสิงห์ก็เกิดมารวยอย่างที่เห็นๆ แต่ไม่ว่าลัคนาหรือเป็นชาวราศีใดก็กำลังอยู่ในระหว่างโชคใหญ่ในชีวิต (โชคเทวฤทธิ์ที่เป็นมาตั้งแต่ 5 ธันวาคม 2563) ไปถึง 29 มีนาคม 2565 หลังจากนั้นโชคลดลงครึ่งหนึ่ง

“บลูเทคซิตี้” ร่วมกับ “มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์” มอบชุดตรวจโควิด-19 หรือ Antigen Test Kit (ATK) ให้สาธารณสุขอำเภอบางปะกง เพื่อใช้ในภารกิจโควิด-19 ในพื้นที่

วันนี้ (20 ธ.ค.64) ณ ที่สาธารณสุขอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยทีมงานฝ่ายความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โครงการนิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ในฐานะตัวแทนมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ มอบชุดตรวจโควิด-19 หรือ Antigen Test Kit หรือ ATK จำนวน 3,000 ชุด ให้สาธารณสุขอำเภอบางปะกง เพื่อใช้ในภารกิจโควิด-19 ในพื้นที่

โดยมีนางสาวบุษกร รำไพยะกุล นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ รักษาราชการแทนสาธารณสุขอำเภอบางปะกง เป็นผู้รับมอบ

ทั้งนี้ บลูเทคซิตี้ และมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม และสนับสนุนภารกิจโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยสนับสนุนชุดตรวจโควิด-19 หรือ Antigen Test Kit หรือ ATK จำนวน 3,000 ชุด ให้บุคลากรทางการแพทย์  ซึ่งเป็นชุดตรวจที่สามารถทราบผลภายใน 10 นาที และได้รับอนุญาตจาก อย.แล้ว

 

‘แม่ทัพภาคที่ 4’ เป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี วัดนาทวี จังหวัดสงขลา เพื่ออนุรักษ์สืบสานประเพณีวัฒนธรรม - ส่งเสริมความรักความสามัคคีในพื้นที่

ที่ วัดนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานในพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี สมทบทุนบูรณะซ่อมแซมถาวรวัตถุภายในวัด ที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ตลอดจนอนุรักษ์สืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม ส่งเสริมความรักความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่ โดยมีพลเอก มณี จันทร์ทิพย์ ที่ปรึกษา  ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4, พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 /ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ภาครัฐ เอกชน ตลอดจนพุทธศาสนิกชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธี ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 อย่างเคร่งครัด การทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้ มียอดเงินจากผู้มีจิตศรัทธารวมทำบุญทั้งสิ้น จำนวน 770,000 บาท

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า " สำหรับการทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดี ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผ่านมา อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้ากองการดูแลพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นพุทธ หรือมุสลิม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทบาทหน้าที่อยู่แล้ว สำหรับกิจกรรมการทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดนาทวี วันนี้ ก็จะได้นำยอดเงินจากผู้มีจิตศรัทธารวมทำบุญ ไปมอบให้กับวัดที่ไม่มีโอกาสได้ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า นำไปซ่อมแซม บูรณะ ถาวรวัตถุภายในวัด ซึ่งมีสภาพชำรุดทรุดโทรม ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้กิจกรรมดี ๆ แบบนี้เกิดขึ้นในพื้นที่"

 

‘เลขาธิการ ศอ.บต.’ เป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างถนนทางขึ้นเจดีย์ และบูรณะปฏิสังขรณ์อุโบสถ ณ วัดเวฬุวัน (บ้านป่าไผ่) อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส

ที่ วัดเวฬุวัน (บ้านป่าไผ่) ตําบลกาหลง อําเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบทุนในการสร้างถนนทางขึ้นเจดีย์และบูรณะปฏิสังขรณ์อุโบสถพร้อมทั้งทาสีอุโบสถที่ทรุดโทรมให้อยู่ในสภาพเดิม โดยมี  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.  หัวหน้าส่วนราชการ บุคลากร ศอ.บต. เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ตลอดจนมีพุทธศาสนิกชน ในพื้นที่ร่วมทำบุญอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 อย่างเคร่งครัด

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่หนึ่ง ของจังหวัดนราธิวาส เป็นชุมชนเล็กๆ แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพุทธศาสนาที่จะต้องจรรโลงอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง วันนี้เป็นวันดี  เป็นวันพระ เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนมาร่วมกันทำบุญ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมสนับสนุนอย่างสุดความสามารถในการส่งเสริมพุทธศาสนาในพื้นที่ รวมทั้งทำนุบำรุงศาสนสถาน ตลอดจนดูแลพระภิกษุสงฆ์ ขอเป็นกำลังใจแก่พี่น้องชาวพุทธ ทุกคน ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงทุกหน่วยที่ได้ช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชนเสมอมา

‘รมว.พิพัฒน์’ เปิด THAI FIGHT การแข่งขันชกมวยไทยโลก!! ณ เขาอ้อ พัทลุง

ที่สนามลานวัดเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานเปิดการแข่งขันชกมวยไทยโลก “THAI FIGHT” เขาอ้อ เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ THAI FIGHT ในปี 2020  ชิงถ้วยพระราชทานใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 3 ถ้วยพระราชทาน และถ้วยพระราชทานใน สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี จำนวน 1 ถ้วยพระราชทาน ให้แก่นักมวยผู้ชนะเลิศการแข่งขัน ถือเป็นสิริมงคลสูงยิ่ง

รมว.พิพัฒน์  กล่าวว่า “วัตถุประสงค์ของการจัดการแข่งขันในครั้งนี้เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดี และเทิดพระเกียรติในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ ถึงมาตรการความพร้อมรวมถึงระบบการดูแล และอำนวยความสะดวกต่อผู้ที่จะเข้ามาเยือนประเทศไทย เพื่อเป็นประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว และการกีฬาเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ทางรัฐบาล  พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญยิ่ง

ดังนั้นการที่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้ามาร่วมให้การสนับสนุนการจัดการแข่งขันชกมวยไทยโลก “THAI FIGHT เขาอ้อ” ณ.จังหวัดพัทลุง เพื่อเป็นการส่งเสริม และร่วมพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงผลักดันนวัตกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาสู่ความเป็นเลิศ 

การท่องเที่ยวเชิงกีฬา สามารถช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นรวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้เป็นอย่างดี ตามมาตรการการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัด”

 

‘ลุงตู่’ ห่วงใย! ส่ง ‘รมว.เฮ้ง’ ลงพื้นที่ปากช่อง นครราชสีมา ติดตามคุณภาพชีวิตผู้ประกันตนทุพพลภาพ

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ตรวจเยี่ยมติดตามคุณภาพชีวิตพร้อมให้กำลังใจผู้ประกันตนผู้ทุพพลภาพ จำนวน 2 ราย ในโครงการ สปส. “มอบสุข” โดยมี นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นางวันทนา ณัฐพูลวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม นางศิริหทัย แท่นแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์สารนิเทศ พร้อมด้วยนางนพรัตน์ จันธนะสมบัติ ประกันสังคมจังหวัดนครราชสีมา นางสาวปราณี อินทอง หัวหน้าสาขาปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา นางวาสนา รัตนเวชสิทธิ หัวหน้าสาขาโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา นางอาภรณ์ แว่วสอน ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานภาค 4 จังหวัดขอนแก่น ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครราชสีมา เข้าร่วมด้วย พร้อมนักกายภาพบำบัดจากศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานภาค 4 จังหวัดขอนแก่น ร่วมคณะลงพื้นที่แนะนำกายภาพบำบัด และการช่วยเหลือตนเองเบื้องต้นให้กับผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ จำนวน 2 ราย ในครั้งนี้ด้วย   

    

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ ท่านพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของท่าน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยลูกจ้าง ผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายหรือมีความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้เป็นผู้ทุพพลภาพ รวมถึงให้ความสำคัญในการดูแลผู้ประกันตนอย่างใกล้ชิดในทุก ๆ ด้าน กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม พร้อมเข้าดูแลผู้ทุพพลภาพให้ได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วนถูกต้อง เข้าถึงความเดือดร้อน อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้มีความรู้สึกอบอุ่น มีความรู้สึกที่ดีต่อระบบประกันสังคม

อีกทั้งรับทราบปัญหาและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามกฎหมายของผู้ทุพพลภาพ รวมทั้งติดตามอาการเจ็บป่วย เพื่อนำสู่การรักษา ฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ หลักประกันความมั่นคงในการดำรงชีวิต และคุณภาพชีวิตให้กับผู้ประกันตนที่ดีที่สุดในโอกาสนี้ ตนและคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ได้มีโอกาสลงพื้นที่ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมนำสิ่งของเครื่องอุปโภคและบริโภค ตลอดจนเครื่องใช้ต่าง ๆ มามอบให้กับผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ประกันตนซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครราชสีมา ในการนี้ ตนได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคม ดำเนินการตามนโยบาย ที่พร้อมเข้าดูแล สิทธิประโยชน์ลูกจ้าง ผู้ประกันตน อย่างใกล้ชิด

ด้าน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการตามนโยบายของ นายสุชาติ ชมกลิ่ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางไปยังบ้านพักของผู้ประกันตน จำนวน 2 ราย รายแรก นายพรเทพ รักคง อายุ 48 ปี เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 บ้านพักอยู่ในตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เช่นกัน เป็นผู้ทุพพลภาพจากหลอดเลือดสมองแตก เป็นเหตุให้แขนขาข้างขวาอ่อนแรง เดินต้องใช้ไม้เท้าพยุง ได้รับสิทธิเป็นผู้ทุพพลภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2561 ปัจจุบันได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 2,400 บาทตลอดชีวิต ได้รับค่าพาหนะ รายเดือน 500 บาท และรับเงินบำเหน็จชราภาพพร้อมดอกผลไปแล้วเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2562 จำนวนเงิน 86,480 บาท

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top