Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

รวบแล้ว..!! "ผบช.ภ.7" แถลง #รวบสาวมือเผาโกดังเก็บน้ำมัน สารภาพสิ้นหลังสอบเค้น พบพิรุธ อ้างเหตุแค้นนายจ้างด่า

1 ธันวาคม 2564 สภ.โพธิ์แก้ว ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ 

ผบช.ภ.7 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหา นางสาวสิราสินี หรือแอน ศรียา อายุ 38 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน​ "วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ซึ่งทรัพย์นั้นเป็นโรงเรือนที่เก็บสินค้า, แจ้งความเท็จ (รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำ และแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย"

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า คดีนี้เหตุเกิด เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2564 เวลาประมาณ 12.15 น. ได้มีเหตุเพลิงไหม้โกดังสำหรับเก็บน้ำมันของบริษัท ประภากรออยล์ จำกัด เลขที่ 26/15 หมู่ที่ 2 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม    ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันบริหารเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยใช้รถดับเพลิงประมาณ 40 คัน และสามารถดับเพลิงได้ ในเวลาประมาณ 16.00 น. (รวมประมาณ 4 ชม.) 

ซึ่งตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จำนวน 1 คน คือ น.ส.สิราสินี หรือแอน ศรียา ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทฯ ตำแหน่งหัวหน้าแผนกคลังสินค้า ให้การว่าขณะที่ตนเองทำหน้าที่ตรวจนับคลังสินค้าอยู่ ได้พบกับคนร้ายเป็นชาย 2 คนที่เข้ามาก่อเหตุวางเพลิง และถูกทำร้าย ก่อนจะหลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบการซักถามผู้ต้องหา พบมีพิรุธ จึงได้ทำการสอบสวนจนรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิงโกดังเก็บน้ำมันจริง โดยใช้ไฟแช็คจุดกระดาษแล้ววางไว้ในกล่องกระดาษบรรจุน้ำมันหล่อลื่นจำนวน 2 จุด จนเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว ไม่ได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คนตามที่ได้ให้การในครั้งแรกแต่อย่างใด สาเหตุเกิดจากความคับแค้นที่ถูกนายจ้างดุด่า จึงได้ทำการจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการอุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจเฉลิมพระเกียรติ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร  ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า 
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดโครงการ “อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพและวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564” ณ วัดเทพศิรินทราวาส ระหว่างวันที่ 26 พ.ย.ถึง 15 ธ.ค.64 นั้น

วันพุธที่ 1 ธ.ค.64 พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน
ในพิธีอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติฯ ณ วัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 

โดยมีผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจเข้าร่วมพิธีฯ ซึ่งมีกำหนดการ ดังนี้... 

• เวลา 16.30 น. พิธีถวายราชสักการะและเจริญพระพุทธมนต์สมโภชนาค ณ มณฑลพิธีลานพระศรีมหาโพธิ์ วัดเทพศิรินทราวาส
• เวลา 17.30 น. - พิธีมอบบาตรและผ้าไตร ณ มณฑลพิธีลานพระศรีมหาโพธิ์ วัดเทพศิรินทราวาส
• เวลา 18.00 น. - พิธีบรรพชาและอุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดเทพศิริน
ทราวาส

ประจวบคีรีขันธ์ - ผวจ.ประจวบฯ เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เชิงรุก!! สู่เป้าหมาย 100 ล้านโดส

นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในพิธีเปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 เชิงรุก ที่โรงยิมเนเซี่ยม 2 สนามกีฬากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นายแพทย์วรา เศลวัตนะกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ นายแพทย์ศุภฤทธิ์ เฮงคราวิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ นายสินาทร โอ่เอี่ยม ปลัดจังหวัดฯ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธี มีบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ มาให้บริการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนก้า เข็ม 1 สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนทางระบบหมอประจวบพร้อม Version2 ลำดับคิวที่ 1,201-1,700 และผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 การให้บริการวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า เข็ม 2 สำหรับผู้ที่ไม่ได้มาตามนัดเดิม (มีใบนัด) จำนวน 100 ราย และการให้บริการวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า เข็ม 3 สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม (ที่มีรายชื่อตามประกาศของ สสจ.ประจวบคีรีขันธ์) จำนวน 100 ราย

นายแพทย์ศุภฤทธิ์ เฮงคราวิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลรณรงค์สัปดาห์แห่งการฉีดวัคซีนสู่เป้าหมาย 100 ล้านโดส ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2564 โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ จึงได้เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เชิงรุก นอกสถานที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนมารับการฉีดวัคซีนให้ถึงตามเป้าหมายภาพรวมทั้งประเทศ ส่วนประชาชนที่ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของวัคซีนหรือยังรอชนิดวัคซีนที่ต้องการ จะมีการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อจะได้มาเข้ารับการฉีดวัคซีนในครั้งต่อไป

 เผย “บิ๊กตู่” พอใจภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข้าใกล้เป้าหมาย 100 ล้านโดส กำชับเร่งติดตามนักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยง สกัดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจภาพรวมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยยอดรวมการให้บริการวัคซีนสะสมอยู่ที่   93,929,601 โดส  เข็มที่ 1 สะสม 48,594,537 โดส เข็มที่ 2 สะสม 41,827,020 โดส เข็มที่ 3 สะสม 3,490,779 โดส และเข็มที่ 4 สะสม 17,265 โดส ซึ่งเป็นการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 1 ธันวาคม 2564   ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมายของรัฐบาลที่วางไว้ให้มีการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 นี้   ขณะเดียวกัน ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุ 12 – 18 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2564 แล้ว กว่า  5,836,791 โดส มากกว่าจำนวนที่เคยได้แจ้งความสมัครใจไว้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้เตรียมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมสำหรับปี 2565  โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ติดตามการพัฒนาวัคซีนเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเพื่อให้ไทยสามารถเปลี่ยนสูตรวัคซีนและนำเข้าเป็นวัคซีน Gen ใหม่ ได้  ควบคู่ไปกับการพันาและผลิตวัคซีนเองภายในประเทศ อาทิ วัคซีน ChulaCov19 และ วัคซีนใบยา (Baiya) เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ๆ  ที่มีการกลายพันธุ์ ได้รวมทั้ง โอไมครอน

“องอาจ” จี้ รบ.เคาะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ตามไทม์ไลน์ มี.ค.ปีหน้า ยันปชป.ส่งแข่งแน่นอน 

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลกทม. กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีระบุว่า การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะมาหลังเลือกตั้งองค์การบริหารปกครองส่วนตำบล (อบต.) ว่า ถ้าดูตามไทม์ไลน์ของการเลือกตั้งท้องถิ่น จะเห็นว่ามีการเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เลือก อบจ. เมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว จากนั้นก็เลือกเทศบาล เมื่อเดือนมี.ค. 64 เว้นว่างช่วงโควิดระบาดหนักระลอกล่าสุด เมื่อโควิดคลี่คลายก็เลือก อบต. ไปเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา และเดือนมกราคมปีหน้าก็น่าจะเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งตนเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่จะเลือกผู้ว่าฯ กทม. ได้ภายในเดือนมี.ค.ปีหน้า ไม่น่าจะดีเลย์ออกไปนานกว่านี้ ยกเว้นว่าจะมีโควิดระบาดระลอกใหม่จนถึงขั้นล็อคดาวน์ 

“ขณะนี้พี่น้องชาว กทม. รอเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และเลือกตั้ง สก. เพราะเรามีผู้ว่าฯ กทม. จากการแต่งตั้งของ คสช. มาตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.59 นานกว่า 5 ปี และมี สก. จากการแต่งตั้งของ คสช. มาตั้งแต่เดือน ก.ย.57 นานกว่า 7 ปี  ดังนั้นรัฐบาลจึงควรเคาะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ สก. ได้แล้ว ไม่ควรยืดเวลาออกไปเรื่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุที่สมควร ซึ่งตามไทม์ไลน์ รัฐบาลโดยมติ ครม. น่าจะมีมติให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ สก. ได้ในเดือน มี.ค.65”นายองอาจ กล่าว

เพลงพระราชนิพนธ์ “Still On My Mind” ในดวงใจนิรันดร์ | MEET THE STATES TIMES EP.44

📌เพลงพระราชนิพนธ์ “Still On My Mind” ในดวงใจนิรันดร์

📌 บทเพลงที่พ่อหลวง ร.9 ทรงแต่งขึ้น…เพื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

 ในรายการ MEET THE STATES TIMES ข่าวคุยเพลิน

🎥ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

.

.

“อานนท์ แสนน่าน”และชาวอุดรธานีเป็นปลื้ม“ลุงตู่”ควง“ลุงป้อม”เปรียบเสมือนช้างเหยียบนาพญาเหยียบเมือง นำงบประมาณและความเจริญมาสู่จังหวัดเพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น หวังให้มีการนำเป็นโมเดลสลายสีเสื้อสู่การรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง และ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า พวกเราชาวอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน และ ประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี ปลื้มใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ “ลุงตู่” นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ หรือ “ลุงป้อม” รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ของ “จังหวัดอุดรธานี” เปรียบเสมือน “ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง” ที่จะนำเอางบประมาณและความเจริญมาสู่จังหวัดอุดรธานี และ จังหวัดใกล้เคียง เพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาอุดรธานีต้องการพัฒนาในด้านต่าง ๆ หลายด้าน

โดยฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมะที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเยี่ยมชมกราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้เดินทางลงพื้นที่ก็จะทำให้ทราบถึงความต้องการในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญการลงพื้นที่ทั้ง 3 จุดของนายกรัฐมนตรีฯ ในครั้งนี้ทำให้ประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับดีใจมากที่ท่านนายกฯเป็นกันเองพูดคุย ทักทาย จับมือ ถ่ายรูป และ ให้ชาวบ้านผูกผ้าขาวม้ากอดเอวได้ เป็นภาพที่น่ารักของท่านนายกฯ จึงทำให้หลายๆ คน “รักนายกฯลุงตู่มากขึ้นกว่าเดิม” นอกจากนั้นแล้วทางท่าน พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ หรือ “ลุงป้อม” รองนายกรัฐมนตรี ก็กันเองกับประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับเดินมาทักทาย พูดคุย และ ขอบคุณประชาชนแทน “ลุงตู่” 

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า และสำคัญคนที่เชิญ “ลุงตู่” และ “ลุงป้อม” 2 ป ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดอุดรธานีในครั้งนี้ ตนต้องยกความดีและขอขอบคุณ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ที่ประสานงานและเลือกจังหวัดอุดรธานีเป็นจุดลงตรวจงานของนายกฯพร้อมคณะ ที่อยากจะให้มาพบกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เคยเป็นอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง และเปลี่ยนมาเป็นหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน จนสร้างงาน สร้างอาชีพภายในกลุ่มได้เป็นอย่างดี และตนหวังอย่างยิ่งว่าอยากจะให้จังหวัดอุดรธานีเป็นโมเดลในการสลายสีเสื้อ ไม่ต้องมีสีแดง สีเหลือง หรือ สีอื่น ๆ แต่พวกเราต้องการที่จะให้มีอย่างเดียวคือ การรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามปณิธานและความต้องการของ “นายกลุงตู่” เพราะท่านเป็นชายชาติทหารมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เคยคิดคดทรยศ หรือ โก่งกินบ้านเมืองแต่อย่างใด

ดราม่า ‘น้องลูกหนัง’ สะท้อนวัฒนธรรม ‘ศาลเตี้ย’ โลกโซเชียล | Click on Clear THE TOPIC EP.99

📌คุยเรื่องดราม่า สะท้อนสังคม! ไปกับ ‘โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง!!
📌ใน Topic : ดราม่า ‘น้องลูกหนัง’ สะท้อนวัฒนธรรม ‘ศาลเตี้ย’ โลกโซเชียล!!

ในรายการ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

ฉก.จงอางศึก เพิ่มมาตรการเข้มสกัดแรงงานผิดกฎหมายชายแดนไทยเมียนมา ด้านจ.ประจวบคีรีขันธ์ รองรับนโยบายรัฐบาลและกองทัพบก ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส covid-19 โดยเฉพาะเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน

กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) โดย กรมกิจการพลเรือนทหาร ได้จัดโครงการประชาสัมพันธ์สนับสนุนการจัดระเบียบชายแดนในพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ เยี่ยมชมการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศตามแนวชายแดน อันเป็นภารกิจหลักของกองทัพไทยในการรักษาความมั่นคงของชาติ ก่อให้เกิดความเชื่อมั่น ศรัทธาต่อกองทัพ นำไปสู่ความร่วมมืออันดีระหว่างทหารกับประชาชน 

โดยได้เข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของหน่วยทหาร ที่หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ จ. ประจวบคีรีขันธ์ พ.อ.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ได้กล่าวบรรยายถึงการสกัดแรงงานผิดกฎหมายชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า ในพื้นที่ความรับผิดชอบ 283 กิโลเมตร โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2564 สามารถจับกุมได้ 36 ครั้ง ยอด 933 คน ซึ่งส่วนใหญ่ลักลอบเข้ามาบริเวณตอนกลางของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาถึงพื้นที่ชั้นใน ทั้งนี้หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้ง ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ทหารพราน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กรมศุลกากร และฝ่ายปกครอง ทำให้สามารถจับกุมสกัดกั้นได้เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้แนวทางที่ผู้บังคับบัญชา ได้เน้นย้ำคือจะตัองแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายทุกขั้นตอนให้ครอบคลุม ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง โดยจะมีการซักถามผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างละเอียดเพื่อเป็นข้อมูลขยายผลจับกุม

นอกจากนี้ยังต้องมีประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งถือเป็นพันธกิจหนึ่งของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก จึงมั่นใจว่าจะได้รับความร่วมมือ กับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งทางการเมียนมาก็มีมาตรการเข้มงวดในเรื่องนี้เช่นกัน

ทั้งนี้เชื่อว่า การจัดทำบันทึกข้อตกลง หรือ MOU เปิดทางให้แรงงานจากเมียนมา กัมพูชาและลาว เข้ามาในประเทศไทย เพราะเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเบาลง แต่ทางนี้ก็ต้องรอการประเมินอีกครั้งตั้งแต่ 1 ธันวาคม เป็นต้นไป 

สำหรับการสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย ตามที่ทาง สภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้กำหนดการ สกัดกั้น 3 แนวทาง กล่าวคือ แนวที่ 1 บริเวณแนวชายแดน (พื้นที่ต้นน้ำ) , แนวที่ 2 พื้นที่หมู่บ้านชายแดน (พื้นที่กลางน้ำ) และ แนวที่ 3 พื้นที่ตอนใน (พื้นที่ปลายน้ำ)
แนวที่ 1 บริเวณแนวชายแดน หรือ พื้นที่ต้นน้ำ ฉก.จงอางศึก และ ตชด. เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก 

โดยมีการดำเนินการ คือ 1.จัดตั้งจุดตรวจ แบบประจาที่ ตลอด 24 ชั่วโมง จำนวน 15 จุด และ จุดเฝ้าตรวจแบบไม่ประจำ และ 2.วางเครื่องกีดขวางปิดกั้น เช่น รั้วลวดหนาม, ประตูเหล็ก, ไม้ไผ่ (ขวาก) ทั้งในช่องทางหลัก จานวน 34 ช่องทาง และช่องทางธรรมชาติ จำนวน 8 ช่องทาง ที่ได้ร่วมบูรณาการจัดสร้างขึ้น ตั้งแต่เมื่อปี 2563 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top