Monday, 28 April 2025
TheStatesTimes

โฆษกกลาโหมฯ แจง ทบ. จัดซื้อเครืองบินช่วงโควิด ย้ำจำเป็นทดแทนเครื่องเก่าก่อนปลดระหว่างปี 66 ชี้ ใช้ภาระกิจช่วยปชช. วอน อย่ามองใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า ยัน จัดหาโปร่งใส

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวานิชย์โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส ซี 295 ของกองทัพบก ว่า กระทรวงกลาโหมได้อนุมัติ ให้กองทัพบกจัดซื้อ ภายใต้การเสนอความต้องการของหน่วย และเป็นเครื่องบินลำเลียงขนาดกลาง ใช้ในภารกิจบรรทุกกำลังพล โดยเฉพาะการฝึกกระโดดร่ม การเคลื่อนย้ายทางยุทธวิธี ของหน่วยรบพิเศษ และการส่งกำลังผัดเปลี่ยนชายแดน การกู้ภัย การอพยพประชาชนในพื้นที่เกิดภัยพิบัติ และการเคลื่อนย้ายเครื่องมือแพทย์และผู้ป่วย รวมถึงการชุดส่งชุดพลาดไปช่วยเหลือ ในโรงพยาบาลสนามและเรือนจำ ที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ผ่านมาที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า อัตราที่ควรจะมี กำหนดไว้ 8 ลำ แต่ปัจจุบัน มีเพียง 4 ลำ ปัจจุบันใช้การได้เพียงลำเดียวเท่านั้น และใช้ในภารกิจฝนหลวง และเป็นรุ่นเก่าคาซ่า 212 ใช้มาตั้งแต่ปี 2537 จนถึงขณะนี้ 27 ปี โดยจะปลดระหว่างในปี 2566 หลังครบการใช้งาน 30 ปี 

“การทยอยจัดซื้อเครื่องติดแอร์บัสซี 295 เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเป็นการจะซื้อมาแล้วหนึ่งลำและในปี 2561 อีกหนึ่งลำ และปี 2564 อีกหนึ่งลำ ซึ่งจะใช้เวลาในการจัดส่งได้อีกสองปีครึ่ง ซึ่งใช้งบประมาณของหน่วยกองทัพบก งบปี 2564” พล.ท.คงชีพ กล่าว

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตในการจัดซื้อท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 นั้น พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า อยากจะให้เข้าใจว่า เครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่องบินสีพรางทางทหาร และเครื่องบินมีความจำเป็น โดยเฉพาะการบรรทุกกำลังพล 70 นาย เราไม่สามารถนำชีวิตทหารไปเสี่ยงได้ กับอุปกรณ์ที่เก่า ซึ่งจะต้องให้กำลังพลนั้นเชื่อมั่นในยุทโธปกรณ์ที่จะใช้ด้วย และปัจจุบันเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินที่ใช้อยู่ตามแนวใช้แดน ค่อนข้างที่จะเก่ามาก ซึ่งจะเห็นจากข่าวที่ตกกันอยู่ต่อเนื่อง มีชีวิตที่ต้องสูญเสียอยู่ตลอด

"อะไรที่เป็นเรื่องของความจำเป็นก็อยากจะให้เข้าใจ ด้วยว่าเครื่องบินจะจัดซื้อในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 เราก็จะนำมาใช้ในการลำเลียง คนเข้าไปช่วย ในเรื่องโควิด ในแต่ละพื้นที่ด้วยเช่นกัน เมื่อมีความเร่งด่วน ต้องการใช้แพทย์ทหาร เครื่องมือแพทย์ ทหารก็พร้อมที่จะเข้าไปสนับสนุน ฉะนั้นอยากให้เห็นใจ จะเป็นยุคโควิด หรือยุคใดก็แล้วแต่ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้  จึงอยากจะให้ทุกคนเข้าใจว่า อาจจะไม่ใช่ว่าจะซื้อในยุคโควิด แล้วจะซื้อไม่ได้ ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ต้องใช้ ขออย่ามองว่าทุกอย่างเป็นการใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า" โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว 

ทั้งนี้ พล.ท.คงชีพ กล่าวย้ำว่า กองทัพบก ได้จัดซื้อเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และเป็นไปด้วยความโปร่งใส

เดนมาร์กสู้ถวายหัว คว้าตั๋วเข้ารอบ

ฟุตบอลยูโร 2020 กลุ่มบี นัดสุดท้าย

รัสเซีย 1-4 เดนมาร์ก

เดนมาร์ก หากต้องการเข้ารอบ ต้องชนะเท่านั้น ทำให้นัดนี้ทุกคนเล่นกันแบบถวายหัว เพื่อคว้าตั๋วเข้ารอบน็อคเอาท์ให้ได้ และสามารถทำได้ตามเป้า เมื่อถล่มเอาชนะ รัสเซีย อย่างสนุก 4-1 โดยเดนมาร์ก ได้ประตูจาก มิคเคล ดัมส์การ์ด นาทีที่ 38, ยุสซุฟ โพลเซ่น นาทีที่ 59, อันเดรียส คริสเตนเซ่น นาทีที่ 79 และโยอาคิม เมห์เล่ นาทีที่ 82 ส่วนรัสเซีย ได้ประตูจาก อาร์เต็ม ซิวบา (จุดโทษ) นาทีที่ 70 ส่งผลให้เดนมาร์กเข้ารอบเป็นอันดับสอง ส่วนรัสเซียตกรอบ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โรงงานอุตสาหกรรม 59,013 แห่ง ทั่วประเทศเตรียมเฮ ! หลังกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เตรียมยกเว้นค่าธรรมเนียมโรงงานรายปีต่อเนื่องอีก 1 ปี

โรงงานอุตสาหกรรม 59,013 แห่ง ทั่วประเทศเตรียมเฮ ! หลังกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เตรียมยกเว้นค่าธรรมเนียมโรงงานรายปีต่อเนื่องอีก 1 ปี หลังสิ้นสุด 9 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นไปตามมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดไวรัสโควิด-19 สนองนโยบาย “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ต้องการบรรเทาผลกระทบความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ คาดหากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจะมีผลตั้งแต่ 10 มิ.ย. 64 จนถึง 9 มิ.ย. 65

นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้สามารถฟื้นฟูกิจการได้เร็วขึ้นนั้น ในส่วนของ กรอ. ได้นำเสนอ ร่างกฎกระทรวงเพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน จำพวกที่ 2 และจำพวกที่ 3 ทุกขนาดไปอีก 1 ปี ต่อเนื่องจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบการโรงงานในปี 2563 ที่สิ้นสุดการยกเว้นค่าธรรมเนียมฯ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 ทั้งนี้ การยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีดังกล่าว จะต้องออกเป็นกฎกระทรวงและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อนจึงจะมีผลบังคับใช้

“การยกเว้นค่าธรรมเนียมให้แก่เจ้าของกิจการโรงงานเป็นหนึ่งในมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยพยุงสถานะของโรงงานให้มีการประกอบกิจการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนหลังจากที่คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติแล้วก็จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาก่อนที่จะประกาศใช้ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2564 จนถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2565” นายประกอบ กล่าว

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 และจำพวกที่ 3 ที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปี รวมทั้งสิ้น 59,031 โรงงาน รวมเป็นเงินประมาณ 272,246,100 (สองร้อยเจ็ดสิบสองล้านสองแสนสี่หมื่นหกพันหนึ่งร้อยบาทถ้วน)


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“แรมโบ้” แจงยิบ ขั้นตอน “บิ๊กตู่” สางปมหนี้ครัวเรือน หลัง อดีตรมว.คลังวิจารณ์

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิจารณ์การแก้หนี้ของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุรัฐบาลจะแก้ปัญหาหนี้ของประชาชนทั้งประเทศให้เสร็จภายใน 6 เดือน แล้วเก็บไปขำว่า อยากแนะนำให้กลับไปฟังนายกฯ แถลง ไม่ใช่เชื่อตามรายงานข่าวโดยสนิทใจ แล้วมาวิจารณ์ผู้อื่นจนเกิดความเสียหาย

นายเสกสกล กล่าวว่า สิ่งที่นายกฯ แถลงนั้น เป็นการย้ำว่านายกฯ และรัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนในทุกกลุ่ม เพราะเป็นหนี้กันจำนวนมาก เป็นหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วส่งผลกระทบไปตลอดชีวิตที่เหลือ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนจึงถือว่าเป็นนโยบายสำคัญที่นายกฯ พยายามทำมาโดยตลอด ในภาพรวมแล้วผลจากความตั้งใจทำงานของนายกฯ และรัฐบาล จะเห็นว่า “หนี้ครัวเรือน” ก่อนปี 2557 มีอัตราเพิ่มขึ้นเดือนละ 88,000 ล้านบาท แต่หลังจากปี 2557 ถึงปัจจุบัน มีการเพิ่มขึ้นเดือนละ 50,000 ล้านบาท 

นายเสกสกล กล่าวว่า ถ้าได้ฟังเองจนครบก็จะเข้าใจว่า นายกฯ เห็นปัญหาหนี้ในภาพรวม แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เช่น หนี้ กยศ. 3.6 ล้านคน และผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน หนี้ครู/ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี หนี้เช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 27.7 ล้านบัญชี หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี และหนี้สินอื่นๆ อีก 51.2 ล้านบัญชี  

นายเสกสกล กล่าวว่า จากนั้นก็ได้อธิบายมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล ทั้งระยะสั้นและระยะต่อไป โดยมาตรการระยะสั้น ให้เร่งทำทันทีภายใน 6 เดือน ไม่ใช่แก้ให้เสร็จ ซึ่งต้องสร้างกลไกการทำงานให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว แล้วค่อยๆ แก้กันไป ช้าเร็วขึ้นอยู่กับความร่วมมือของแต่ละคน โดยมีมาตรการสำคัญๆ เช่น การลดภาระดอกเบี้ย ทั้งในส่วนสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อ PICO และ NANO สำหรับประชาชน การปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของครู ข้าราชการ และสหกรณ์ การปรับรูปแบบการชำระหนี้ การคุ้มครองความเป็นธรรมให้ประชาชนที่เช่าซื้อรถยนต์/รถจักรยานยนต์ รวมทั้งให้ ธปท.ทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ยและการกำกับดูแลบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อจำนำทะเบียน

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนมาตรการช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สิน เพื่อลดการดำเนินคดีกับประชาชน เช่น หนี้ กยศ. หนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ หนี้สหกรณ์ มีการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งทุนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย และ SMEs เช่น จัดให้มีซอฟโลน สำหรับ SME ที่เป็น NPL เพื่อต่อลมหายใจ พลิกกลับมาทำธุรกิจต่อไปได้ 

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนการเพิ่มจำนวนโรงรับจำนำ โรงรับจำนอง นายสมหมาย เป็นถึงอดีต รมว.คลัง ต้องเข้าใจกว่าใครๆ ว่า โรงจำนำ จำนองเป็นที่พึ่งสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือปานกลาง ที่มีโอกาส “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” ได้เสมอ เขาเพียงต้องการกู้เงินระยะสั้น เงื่อนไขน้อย วงเงินหลักพัน-หลักหมื่น ไม่ใช่หลักแสน-หลักล้าน ซึ่งคิดดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.25% ถึง 1.25% ต่อเดือน เพื่อแก้ขัดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ช่วงเปิดเทอม ยามป่วยไข้ ขายของขาดทุน หรือลงทุนเพิ่ม ซึ่งถ้าไม่มีแหล่งทุนคนจนของรัฐนี้แล้ว ก็เหมือนกับผลักให้คนยากคนจนไปพึ่งพาหนี้นอกระบบ หรือให้นายทุนปล่อยเงินกู้ขูดรีด 

นายเสกสกล กล่าวว่า นายกฯ ยังนำเสนอมาตรการระยะต่อไป เช่น เร่งส่งเสริมการแข่งขันให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง การให้ความช่วยเหลือเด็กรุ่นใหม่หรือคนเกษียณที่มีภาระหนี้สิน โดยจะออกมาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่อาศัยและค่าเดินทางระบบขนส่งมวลชนในราคาถูก การจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ เพื่อกำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อรายย่อยเป็นการเฉพาะ และการจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงิน เพื่อชะลอการฟ้องและอำนวยความสะดวกให้การฟื้นฟูหนี้รายบุคคลที่มีเจ้าหนี้หลายราย เป็นต้น 

นายเสกสกล กล่าวว่า ในความเป็นจริงหนี้สินของแต่ละกลุ่ม ก็จะมีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพอยู่แล้ว เพียงแต่นายกฯ จะดูแลในระดับนโยบาย ภาพกว้าง ที่ต้องมีผลบังคับใช้กับคนทั้งประเทศ เช่น กฎหมายขายฝากที่ช่วยคุ้มครอง ให้ความเป็นธรรม ไม่ให้ผู้จำนองถูกยึดที่ดินเหมือนในอดีต กฎหมายทวงหนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิ์ลูกหนี้ และขจัดวงจรผู้มีอิทธิพล และกฎหมายปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยและวิธีคิดดอกเบี้ยที่ใช้มาแล้ว 95 ปี (พ.ศ. 2468 จนถึงปัจจุบัน) เพื่อไม่ให้ลูกหนี้ถูกเอาเปรียบและสอดคล้องกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน เช่น กรณีที่สัญญาเงินกู้ไม่ได้ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้ เดิมสามารถคิดดอกเบี้ยอัตราคงที่ 7.5% ต่อปี ให้แก้เป็น 3% ต่อปี ส่วนกรณีผิดนัดชำระหนี้ เดิมคิดดอกเบี้ยอัตราคงที่ 7.5% ต่อปี แก้เป็น 5% ต่อปี โดยให้คำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้น เฉพาะงวดที่ผิดนัดเท่านั้น ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ค้างอยู่ทั้งหมด 

นายเสกสกล กล่าวว่า ดังนั้น น่าจะหมดคำถามในเรื่องความรู้ความเข้าใจ เรื่องเศรษฐกิจการเงินการคลังของนายกฯ คนที่นายสมหมาย กำลังกล่าวหา ยิ่งกว่านั้น ตนอยากจะบอกว่า นายกฯ คนนี้ที่สนับสนุนการทำบัญชีครัวเรือน ผลักดันกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพราะอยากให้ทุกคนมีบำนาญใช้ตลอดชีวิต รวมทั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพิ่มเติมจากเดิมที่เคยมีกองทุนเงินให้กู้ยิมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาในรูปแบบเงินสนับสนุน ไม่ใช่เงินกู้ สำหรับคนยากจนจริงๆ ไม่ให้หลุดจากระบบการศึกษาของประเทศ

นายเสกสกล กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์นายกฯ คนนี้ใช่หรือไม่ ที่ผลักดันการขับเคลื่อนประเทศไปสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ "ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ" หรือ National e-Payment ของรัฐบาล ร่วมกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ทำให้คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกับบริการรับโอนเงินรูปแบบใหม่ หรือ พร้อมเพย์ (Prompt pay) ตั้งแต่ปี 2560 นอกจากจะค่าธรรมเนียมถูกมากๆ แล้ว รัฐบาลยังประหยัดค่าใช้จ่ายปีละหลักหมื่นล้านบาท ในการขนส่งเงิน การรักษาความปลอดภัย การผลิตเงิน เป็นต้น ที่สำคัญในยามวิกฤตโควิดนี้ โครงการต่างๆ เช่น เราชนะ คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ รวมทั้งการค้าขายออนไลน์ ก็ขยายผลมาจากการใช้เงินดิจิทัลทั้งสิ้น ซึ่งโปร่งใส ตรวจสอบได้ ขจัดการทุจริต และคนไทยก็เริ่มปรับตัวใช้จ่ายเงินดิจิทัลมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

นายเสกสกล กล่าวว่า อยากให้นายสมหมายทบทวนดูใหม่ว่าการออกมาวิพากย์วิจารณ์ครั้งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความบริสุทธิ์ใจไร้อคติหรือ ลองทบทวนดูว่าได้คิดให้รอบคอบและไม่บุ่มบ่าม ตามที่นายสมหมายเคยมีบทเรียนมาในอดีตหรือไม่ อย่าปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ที่ตัดสินใจผิดพลาดจนเกือบติดคุก แต่อยากให้ช่วยติดตามผลงานรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ เชื่อว่านายกฯ พร้อมรับฟังทุกความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน

"อย่าเอาอคติ ความน้อยใจ ความโกรธ ที่นายกฯ ปรับออกจาก ครม. การได้เป็น รมว.คลัง จากการสนับสนุนของนายกฯ ก็ถือว่านายกฯ ให้เกียรติว่าเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มีความรู้ความสามารถ คนเราต้องรู้จักน้ำใจที่มีให้กันบ้าง อย่าทำตัวเป็นคนที่ใช้อัตตาเพราะความโลภ โกรธ หลง ใช้ความโมโห จนกลายเป็นคนพาล ทำตัวเป็นฝ่ายค้านไป อย่าลืมว่าคนเป็นหนี้ คนยากจนทุกข์แสนสาหัสอย่างไร นายสมหมายไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้เดือดร้อนด้วย จึงขอย้ำอีกครั้งว่า อย่าเอาความผิดหวังของตัวเองมาเหยียบย่ำหัวเราะเยาะเย้ยคนจนคนที่เป็นหนี้เป็นสินเลย การที่นายกฯกำลังจะแก้ไขปัญหาให้คนเป็นหนี้ทั้งหลาย โปรดอย่าทำลายความตั้งใจของนายกฯที่มีความหวังตั้งใจจริง ต้องการให้คนไทยหมดหนี้หมดสินโดยเร็วจะสำเร็จมากน้อยดีกว่ายืนดูบนหอคอยงาช้าง และยืนหัวเราะเยาะเย้ยแบบไม่ใยดีของนายสมหมาย พี่น้องประชาชนคนยากจนคนเป็นหนี้เป็นสิน จะสาปแช่งนายสมหมายให้ไปตกนรกตอนแก่ได้ ให้พึงระวังคำพูดคำจาไว้ด้วย" นายเสกสกล กล่าว

กยศ. เตรียม 3.8 หมื่นล้านบาท รองรับผู้กู้ปีการศึกษา 2564 ไม่ต้องมีคนค้ำฯ ด้าน ธนาคารออมสิน จัด “มหกรรมผ่อนปรนการชำระหนี้ครู” ถึง 30 มิ.ย. นี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา ที่มีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อการศึกษา ว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เตรียมเงินไว้ 3.8 หมื่นล้านบาทรองรับผู้กู้ในปีการศึกษา 2564 จำนวน 6.24 แสนคน โดยยกเลิกเงื่อนไขไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืน ในสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564

ขณะนี้ ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 3 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติอีกส่วนหนึ่ง โดยกยศ. มีวงเงินเหลือพร้อมให้การสนับสนุนสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไข ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ขณะนี้มีลูกหนี้ 3.6 ล้านคนและผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน โดย กยศ. ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี คือ

1.) ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัด

2.) ลดเบี้ยปรับ 100 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้กู้ที่ชำระหนี้ปิดบัญชี

3.) ลดเบี้ยปรับ 80 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้กู้ที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมด

4.) ลดเงินต้น 5เปอร์เซ็นต์สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัดและชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว

5.) ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5เปอร์เซ็นต์กรณีไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด มีผลถึง 31 ธ.ค.นี้  

สำหรับกรณีผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ ประจำปี 2563 และ 2564 กยศ. จะชะลอการฟ้องคดีไปจนถึง 31 มี.ค.ปีหน้ายกเว้นคดีที่จะขาดอายุความในปีนี้ พร้อมงดการขายทอดตลาด กรณีที่ถูกบังคับคดีจนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนผู้กู้ยืมเงินที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับการพักชำระหนี้เป็นเวลา 2 ปีทั้งนี้ ลูกหนี้ กยศ. จะได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างศึกษามาตรการอย่างรอบคอบก่อนประกาศใช้ อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ ลดเงินงวด ยืดเวลาผ่อนชำระ เป็นต้น 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ธนาคารออมสิน ได้จัด “มหกรรมผ่อนปรนการชำระหนี้ครู” เพื่อยับยั้งไม่ให้ครูและบุคลากรทางเป็นหนี้เสีย ส่งผลเสียทางเครดิต และกระทบต่อหน้าที่ราชการ โดยให้เลือกจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน ตามแผนการชำระหนี้ที่ธนาคารกำหนด เป็นระยะเวลา 12 เดือน หรือนานที่สุดไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 66 โดยเปิดให้แจ้งความประสงค์จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64 

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยหนี้ครู บุคลากรทางการศึกษา และหนี้นักเรียน ที่หยั่งลึกมานาน เน้นให้มีมาตรการแก้หนี้ที่เป็นระบบ เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อบรรเทาวิกฤตหนี้สินภาคประชาชนให้มากที่สุด พร้อมเร่งสร้างวินัยและความรู้ทางการเงินที่ถูกต้องให้กับประชาชน ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน” น.ส.รัชดา กล่าว  

“วิษณุ” รับ ม.144-185 มีปัญหา ส่อทำรธน.ปราบโกงอ่อนลง ปัดตอบ แก้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำการเมืองย้อนยุคปี 40 บอก “ก้าวไกล” ก่อนยื่นทำประชามติรื้อรธน.ทั้งฉบับ รอให้กฎหมายบังคับใช้ก่อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มี เสียงวิจารณ์หลายพรรคการเมืองดำเนินการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองเอง แต่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ว่า แล้วจะให้แก้อย่างประชาชนจึงจะได้ประโยชน์ ขอให้ไปถามผู้ที่เสนอ หรือเจ้าของร่างฯจะดีกว่า 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางส่วน ออกมาท้วงติงถึงการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และ 185 ซึ่งเป็นการห้ามไม่ให้ ส.ส. และ ส.ว. เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือ แทรกแซงการแปรญัตติงบประมาณไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ลักษณะเช่นนี้จะทำให้คุณสมบัติของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงอ่อนแอลงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า 2 มาตรานี้ ถือเป็นปัญหาเช่นกัน หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 มาตราผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมร่วมรัฐสภาในการพิจารณาวาระที่ 1 เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนสามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขให้เข้มข้นมากขึ้น หรือแก้ไขให้มีเนื้อหาชัดเจนมากขึ้น ผู้ยื่นแก้ไขอาจมีความรู้สึกว่าที่ผ่านมาบทบัญญัติ 2 มาตรานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าอะไรที่ทำได้ และอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง จนทำให้เกิดปัญหาในการตีความ อย่างไรก็ตามตนยังไม่รู้ว่าเขาจะแก้ไปในทิศทางใด

เมื่อถามว่า หากมีการแก้ไขมาตราเหล่านี้จริงจะทำให้กระบวนการตรวจสอบการทุจริตอ่อนแอลงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็มีส่วนที่จะเป็นเช่นนั้นได้ แต่อาจจะไม่ใช่เจตนารมย์ของร่างฯก็ได้ แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมร่วมรัฐสภา เพราะสภาก็อยากจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับอยู่แล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญบัตรเลือกตั้งใบเดียวเป็นสองใบเหมือนในอดีต คิดว่าจะทำให้ประเทศกลับไปสู่สภาพเหมือนกับตอนที่ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่า แนวโน้มการแก้ไขเพื่อจะตัดอำนาจ ส.ว. หรือ ปิดสวิตช์ ส.ว. นั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ไม่บรรจุญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เรื่องการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในวาระการพิจารณาของรัฐสภา นายวิษณุ กล่าวว่า ตนตอบไม่ถูก เพราะเป็นเรื่องของรัฐสภา นายชวนพูดแล้วว่าไม่ได้ตีตก ตนเข้าใจว่าจะมีการนำเรื่องนี้เข้าไปหารือในที่ประชุมร่วมรัฐสภา

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่พรรคก้าวไกลระบุว่าหลังจากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. … ผ่านความเห็นชอบในที่ประชุมรัฐสภาในวันนี้แล้วจะเสนอญัตติด่วนต่อรัฐสภาให้คณะรัฐมนตรีทำประชามติถามความเห็นของประชาชนต่อการตั้ง ส.ส.ร. เรื่องนี้ทำได้เลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ. ประชามติยังไม่ผ่านออกมาเป็นกฎหมาย ตามขั้นตอนแล้วหลังจากที่ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมร่วมรัฐสภาแล้ว ทางรัฐสภาจะส่งให้รัฐบาลเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพิจารณา ลงพระปรมาภิไธยก่อนจะนำไปสู่การประกาศใช้ ดังนั้นถ้าอยู่ๆ จะนำร่างกฎหมายฉบับนี้มาใช้ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นกฎหมายเลยก็อาจจะทำให้เกิดการถกเถียงกันไปเปล่าๆ ทั้งนี้สามารถเตรียมการเอาไว้ได้ แต่ถ้าจะทำถึงขั้นนำกฎหมายนั้นมาใช้เลยคงจะไม่ได้ 

“บิ๊กตู่” มอบรางวัลภาพถ่าย “บันทึกคนไทย หัวใจไม่เคยท้อ” ชื่นชมคนไทยร่วมมือร่วมใจช่วงวิกฤติโควิด-19 “ย้ำ” การเรียนออนไลน์เป็นสถานการณ์ชั่วคราว ขอห่วงใยนักเรียน นักศึกษา ให้มีวินัยในตนเอง

ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบ Video Conference  

โดยก่อนการประชุม เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดภาพถ่ายโครงการศิลปินร่วมสมัย สู้ภัยโควิด ด้วยจิตสำนึก #2 ในหัวข้อ “บันทึกคนไทย หัวใจไม่เคยท้อ” โดยนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำผู้ชนะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีเพื่อรับโล่รางวัล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวรายงานว่า เพื่อเก็บรวบรวมเป็นบันทึกประวัติศาสตร์และภาพความทรงจำสำหรับคนไทยทั้งประเทศในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยมีประชาชนส่งภาพเข้าร่วมประกวด 8,012 ภาพ แบ่งออกเป็นรางวัลประเภทนักเรียน/นักศึกษา ประเภทบุคคลทั่วไป และ รางวัลภาพถ่ายดีเด่นประจำภูมิภาค 7 ภูมิภาค รวมทั้งสิ้น 1,121 รางวัล

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โครงการนี้มุ่งหวังให้คนได้เห็นมุมมองที่ดี แม้จะมีสถานการณ์ที่ยากลำบากของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนเกิดความรักความสามัคคีการ เพื่อนำพาประเทศชาติต่อไป และ ร่วมมือกับรัฐบาลที่มีความตั้งใจดี หลายเรื่องรัฐบาลทำ หลายคนอาจจะไม่เห็น แต่เชื่อว่าทุกคนตรงนี้เห็น และ เห็นว่าอะไรที่ดีในประเทศไทย มีมากกว่าไม่ดีแน่นอน แต่จะทำอย่างไร ให้สิ่งที่ดี มีมากกว่าสิ่งที่ไม่ดี แม้วันนี้จะมีสถานการณ์โควิด แต่เราก็แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจกันแล้ว ในระยะที่ 1 ยังมีระยะที่ 2 และ 3 ก็จะยิ่งร่วมมือให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้สำเร็จ ไม่มีปัญหาใดที่รัฐบาลทำได้เพียงผู้เดียว ต้องทำไปด้วยกันกับทุกคน เดินหน้าไปสู่อนาคต คือ การเปิดประเทศให้ได้ตามนโยบายที่กำหนด จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไร หากตำหนิกันไปมา ก็จะติดหล่มอยู่ที่เดิม อยากให้ทุกคนมองไปข้างหน้า  และ ตระหนักว่า สิ่งที่กำลังทำนั้น ทำให้เราเดินไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น หรือ ช้าลง จึงขอให้ทุกคนคิดอย่างมีวิสัยทัศน์และมีกระบวนการคิด  โดยทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่ก้าวแรก เริ่มตัวเรา จากนั้นก็จะมีก้าวต่อไป

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวทักทายเด็กนักเรียนที่เข้ารับรางวัล พร้อมแสดงความห่วงใยและสอบถามนักเรียน นักศึกษาถึงการเรียนหนังสือออนไลน์ในช่วงนี้ ก่อนกล่าวว่า การเรียนออนไลน์ในช่วงนี้เป็นสถานการณ์ชั่วคราว ขอให้ทุกคนใส่ใจ ที่สำคัญต้องมีวินัยในตนเอง เพราะกระบวนการคิด วิสัยทัศน์ เริ่มจากตัวเราเองแล้วคิดต่อยอดจากหนังสือตำรา รวมทั้งการวางแผนอาชีพในอนาคต นายกรัฐมนตรียังย้ำว่าเยาวชนทุกคนคืออนาคตของชาติที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยพัฒนาต่อไปได้

เดนมาร์กพลิกวิกฤติเข้ารอบด้วยพลังใจจากกองเชียร์

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

ต้องบอกว่า มันส์สะเด่าอารมณ์อย่างมาก สำหรับศึกยูโร 2020 คู่ ‘เดนมาร์ก-รัสเซีย’ ที่ฟาดแข้งกันไปเมื่อคืนนี้ ก่อนเกม หลายฝ่ายคาดการณ์แล้วว่า แมทซ์นี้คงมีอัตราความมันส์แบบร้อยแรงถีบ แต่ปรากฎว่า เมื่อลงสนามไปแล้ว โอ้ย มันส์ที่สุดของแจ้เลยละจ่ะ

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโอกาสเข้ารอบของทั้งคู่ยังเปิดอยู่ ของรัสเซียนั้นเปิดกว้างหน่อย ส่วนของเดนมาร์กที่แพ้มา 2 นัดรวด แม้จะริบหรี่ แต่มันก็ยังมีโอกาสเข้ารอบอยู่ จนเมื่อเกมเริ่ม กลายเป็นเดนมาร์กที่มาเต็มจัดหนัก เปิดเกมบุกใส่รัสเซียชนิดสุดพลังนมวัว แต่ทางรัสเซียเองก็ใส่เต็มไม่มียั้งเช่นกัน เกมจึงดูสนุกตื่นเต้น มีโอกาสยิงประตูกันอยู่ตลอดเวลา

แต่ผลสุดท้าย กลายเป็นเดนมาร์กที่เอาชนะไปได้ 4-1 จากประตูที่ต้องบอกว่า ยิงกันสวย ๆ หลายลูก แถมยังมีโบนัสด้วยผลของอีกคู่หนึ่งในสายเดียวกัน ที่เบลเยี่ยมเอาชนะฟินแลนด์ไป 2-0 นั่นจึงทำให้สถานการณ์กลับตาลปัตร

เดนมาร์กกลายเป็นทีมที่สองที่ผ่านเข้ารอบไปเฉย จากการมีคะแนน 3 แต้ม แต่เป็น 3 แต้มที่มีลูกได้เสียดีกว่า ฟินแลนด์ และรัสเซีย ทำให้ตัวเองผ่านเข้ารอบในฐานะที่สองของกลุ่ม ส่วนฟินแลนด์ต้องไปลุ้นเข้ารอบในฐานะทีมอันดับสามที่ดีที่สุด ส่วนรัสเซีย ตกรอบ!

ความดีงามของเดนมาร์กเมื่อคืนนี้ ต้องให้เครดิตนักเตะทั้งทีม ที่เล่นกันได้ดีมากๆ วิ่งสู้ฟัดกันทั้งเกม รวมไปถึงบรรดากองเชียร์ในสนามที่มากันเนืองแน่นในฐานะเจ้าภาพ และไม่ทำใผ้ผิดหวัง เชียร์กันแบบฟ้าถล่มดินทลาย (และขวดน้ำ & แก้วเบียร์ปลิวว่อน)

แต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ลืมไปไม่ได้ คือพลังแฝงที่ได้จาก ‘ผู้เล่นคนที่ 12’ นั่นคือ คริสเตียน อีริคเซ่น จอมทัพของทีมที่ประสบเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยก่อนแข่งนัดนี้ มีรายงานว่า อีริคเซ่นได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนเพื่อนๆ ร่วมทีมถึงสนามซ้อม เพื่อให้กำลังใจเอาชนะรัสเซียในนัดสุดท้ายให้ได้

สุดท้ายผลก็เป็นใจทุกอย่าง เดนมาร์กผ่านเข้ารอบแบบพลิกชะตากรรม เหมือนเดินผ่านพายุลูกใหญ่ มุ่งหน้าสู่หนทางที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันสดใส


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

บก.สส.สตม. เอาจริง!! บุกลุยกลางป่า ไล่ล่ากลางเมือง สกัดต่างด้าวแพร่โควิด

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวจับกุมขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว ดังนี้

กก.2 บก.สส.สตม.บุกป่าชายแดนจับกุมแรงงานกัมพูชาลักลอบเข้าเมือง และจับขบวนการนำพาแรงงาน เมียนมาสมุทรสาคร

ตามสั่งการ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ให้มีการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้าไทยโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรคยังคงเป็นภารกิจสำคัญที่ สตม.ดำรงความเข้มงวดด้วยมาตรการเฝ้าตรวจพื้นที่ตลอด 24 ชม. จับกุม ผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรวมถึงผู้นำพาทั้งชาวไทยและต่างด้าว พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม.จึงสั่งการให้ กก.2 บก.สส.สตม.สืบสวนจับกุมแรงงานต่างด้าวและขบวการนำพาโดยเร่งด่วน

พ.ต.อ.ปฏิญญา จีรชนาสิน ผกก.2 บก.สส.สตม.จึงได้ให้ จนท.สืบสวนหาข่าวจนทราบว่ามีแรงงานกัมพูชาใช้วิธีการเดินเท้าจากฝั่งกัมพูชาลักลอบเข้าประเทศไทยและหลบซ่อนตามป่าแนวตะเข็บชายแดนบริเวณหมู่บ้านหนองมั่ง ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อรอการลำเลียงเข้าสู่เมืองชั้นใน จึงได้วางกำลังเพื่อจับกุม จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. จนท.ตรวจพบแรงงานกัมพูชาจำนวน 9 คน หลบซ่อนอยู่ในป่า จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม แรงงานต่างด้าวให้การว่ามีนายหน้าชาวกัมพูชาเป็นคนนำทางโดยเดินเท้าประมาณ 10 กม. มายังจุดหลบซ่อนเสียค่าใช้จ่าย คนละ 500 บาท เพื่อรอการเคลื่อนย้ายเข้าไปทำงานที่ จ.ระยอง ปทุมธานี และสมุทรปราการ หากไปถึงปลายทางในเมืองชั้นในได้ต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ 15,000-20,000 บาท จนท.จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ส่ง สภ.โคกสูง ดำเนินคดี

อีกคดี จนท.กก.2 บก.สส.สตม.ได้สืบทราบว่ามีขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวเมียนมา โดยใช้รถยนต์บรรทุกแรงงานเมียนมาจากชายแดนฝั่งตรงข้าม จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลักลอบเข้ามาทำงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยจะนำแรงงานต่างด้าวมาซุกซ่อนพักไว้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง จึงได้วางแผนเข้าจับกุม โดย จนท.กระจายกำลังตามเส้นทางที่รถบรรทุกแรงงานวิ่งผ่าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น. รถบรรทุกยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียนกรุงเทพ ได้วิ่งผ่านถนนเศรษฐกิจ สภาพมีผ้าตาข่ายสีเขียวคลุมกระบะมีพิรุธต้องสงสัย จนท.จึงได้ขับรถไล่ตามอย่างกระขั้นชิด และหยุดรถต้องสงสัยคันดังกล่าวได้ จากการตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวเมียนมาร์จำนวน 10 คน คนขับรถเป็นชาวเมียนมาอีก 1 คน แรงงานเมียนมาให้การว่าลักลอบเข้าประเทศไทยบริเวณชายแดนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสียค่าใช้จ่ายให้นายหน้าชาวเมียนมาร์ 5,000-20,000 แล้วแต่ระยะทาง คนขับรถคือนายจอฯ ให้การว่าได้เงินค่านำพาแรงงานเข้ามาที่สมุทรสาครหัวละ 5,000 บาท โดยจะขับรถไปรับบริเวณสี่แยกไฟแดงจุดนัดพบโดยจะมีนายหน้าเมียนมาและนายหน้าชาวไทย นำพาแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาส่งให้ที่สี่แยกไฟแดงดังกล่าว จนท.จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม.ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีนโยบายในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรม ในทุกรูปแบบฐานความผิดอย่างจริงจัง และฝากประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของสถานที่พักอาศัยหรือประชาชนทั่วไป หากพบบุคคลต่างชาติที่มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในลักษณะต่างๆ หรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โทร 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

จับกุมขบวนการช่วยเหลือ - ซ่อนเร้น - นำพา แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.อภิมุข กาตยากร รอง ผบก.สส.สตม.ว่าที่ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.กก.ปอพ.บก.สส.สตม.,พ.ต.ท.ชินกร อัศวภูมิ รอง ผกก.กก.ปอพ.บก.สส.สตม.

นำโดยว่าที่ พ.ต.ต.หญิงกัลย์สุดา จุลประเสริฐ สว.กก.ปอพ.บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันจับกุม 1.นายสุวัตชัยฯ อายุ 46 ปี 2.นายเฉลิมชาติฯ อายุ 60 ปี 3.MS.YA (น.ส.ยา) อายุ 34 ปี สัญชาติกัมพูชา 4.MRS.KORN (นางคอน) อายุ 47 ปี สัญชาติกัมพูชา 5.MS.CHANTEY (น.ส.จันตรี) อายุ 30 ปี สัญชาติกัมพูชา 6.MS.SOVIET (น.ส.โซเวี๊ยต) อายุ 26 ปี สัญชาติกัมพูชา 7.MR.MICH (นายมิก) อายุ 35 ปี สัญชาติกัมพูชา 8.MR.VUN (นายวัน) อายุ 34 ปี สัญชาติกัมพูชา 9.นางฮัง อายุ 35 ปี สัญชาติกัมพูชา

พร้อมด้วยของกลาง รถตู้ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียนกรุงเทพมหานคร (ป้ายเหลือง) สีขาว จำนวน 13 ที่นั่ง โดยกล่าวหา  ผู้ถูกจับกุมที่ 1 และ 2 ฐานเป็นตัวการร่วมตาม ป.อาญา ม.83  ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ม.64 ว่า “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

                 ผู้ถูกจับกุมที่ 3-7 ว่า “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

                 ผู้ถูกจับกุมที่ 8 ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 ตามข้อ 5 ” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

                 ผู้ถูกจับกุมที่ 9  ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม.ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีขบวนการลักลอบนำพา ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ตระเวนรับบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา มาจากพื้นที่โซนภาคตะวันออก ระยอง ชลบุรี และกรุงเทพฯ เพื่อจะนำหลบหนีออกไปยังประเทศกัมพูชา ผ่านทางช่องทางธรรมชาติ อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ โดยใช้รถตู้โดยสาร หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร (ป้ายเหลือง) ใช้เส้นทาง ถนนทางหลวงหมายเลข 2 และ 24 ผ่านพื้นที่ จว.นครราชสีมา, จว.บุรีรัมย์, จว.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการควบคุมและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม.จึงได้ติดตาม วางกำลัง ดักซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ตลอดเส้นทาง จนพิสูจน์ทราบได้ว่ามีแรงงานต่างด้าวอยู่บนรถตู้ต้องสงสัยคันดังกล่าวจริง เมื่อถึงบริเวณสถานที่จับกุมบริเวณหน้าสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส ถนนโชคชัย-เดชอุดม ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ใช้รถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ สตม. แสดงตัว ให้สัญญาณเพื่อหยุดรถคันดังกล่าว และทำการแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบ จากการตรวจสอบคนขับพบว่ามี นายเฉลิมชาติฯ หรือผู้ถูกจับกุมที่ 2 เป็นผู้ขับรถตู้ และพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาอีก 7 คน นั่งอยู่ในรถ โดยนายเฉลิมชาติฯ ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างมาจากนายสุวัตชัยฯ ให้ตระเวนรับบุคคลต่างบุคสัญชาติกัมพูชา ทั้ง 7 คน มาจาก จ.ชลบุรี และกรุงเทพฯ เพื่อมาส่งต่อที่ แถวบริเวณ อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ.บก.สส.สตม จึงได้สืบสวนขยายผลต่อไปจนกระทั่งจับกุมตัว นายสุวัตชัยฯ (ผู้ถูกจับกุมที่ 1) ได้ ณ จุดรับเงิน บริเวณปั้มน้ำมัน ใน อ.ปราสาท จว.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม จึงได้นำตัวผู้ตองหาทั้งหมดนำส่ง พงส.สภ.ปราสาท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมายก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top