Sunday, 27 April 2025
TheStatesTimes

‘พรรคกล้า กทม.’ เรียกร้องผู้ประกอบการเปิดเผยรายชื่อผู้ติดเชื้อจริง ป้องกันการระบาดวงกว้าง ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเยียวยาธุรกิจ หากได้รับผลกระทบหลังพบผู้ติดเชื้อ

นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เลขานุการ กลุ่ม กทม. พรรคกล้า กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ว่า แม้จะมีการฉีดวัคซีนต่อเนื่อง แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศยังคงมากกว่า 3,600 คน ต่อวัน โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครสูงกว่าถึง 1,200 คน (ข้อมูลวันที่ 19 มิ.ย. 64) ซึ่งจากการลงพื้นที่ ทราบจากประชาชนว่าบางโรงงานหรือบางบริษัทปกปิดข้อมูลลูกจ้างติดเชื้อ เพราะหวั่นกระทบธุรกิจ ประกอบกับถ้าลูกจ้างเป็นผู้แจ้งข้อมูลผู้ติดเชื้อ ก็เกรงกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างทำให้ตกงาน จึงไม่มีใครกล้าแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการดูแล อาจเป็นสาเหตุทำให้ผู้ติดเชื้อขยายวงกว้าง เกิดเป็นคลัสเตอร์ใหม่ต่างๆ ไม่จบสิ้น

“ผมจึงขอวอนไปยังบริษัทและโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ที่มีผู้ติดเชื้อได้ โปรดให้ข้อมูลแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าดำเนินการรับตัวผู้ติดเชื้อมารักษาก่อนที่จะขยายวงกว้างในโรงงานหรือบริษัทของท่าน ทำให้ต้องปิดตัวลงและเสียหายไปมากกว่าเดิม” นายเอกชัย กล่าว

เลขานุการ กลุ่ม กทม. พรรคกล้า กล่าวว่า เข้าใจว่าผู้ประกอบการหลายคนไม่กล้าแจ้งข้อมูลผู้ติดเชื้อ เพราะกลัวธุรกิจหยุดชะงัก ดังนั้น หากจะให้มาตรการป้องกันการระบาดมีประสิทธิภาพ ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ จึงขอเรียกร้องทั้ง กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้โปรดเยียวยาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ หากลูกจ้างพนักงานที่ติดเชื้อโควิด ต้องกักตัว เพื่อรักษากิจการต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กรุงเทพฯ - “อนุทิน” ตัดช่อดอกกัญชาพันธุ์ไทยที่กรมวิทย์ฯ ผลิตพันธุ์กัญชาต้นแบบคุณภาพดี

วันนี้ (21 มิถุนายน 2564) จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานในพิธีตัดช่อดอกกัญชาพันธุ์ไทย 4 พันธุ์ โดยมี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า ช่อดอกกัญชาที่ตัดเป็นช่อดอกกัญชาพันธุ์ไทยที่ปลูกโดยสถาบันวิจัยสมุนไพรกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งได้ขออนุญาตการปลูกกัญชาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นกัญชาพันธุ์ไทย 4 พันธุ์ คือ หางกระรอกภูพานเอสที 1 หางเสือสกลนครทีที 1 ตะนาวศรีก้านขาวดับเบิลยูเอ 1 และตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1 เพื่อการศึกษาวิจัยและใช้เป็นต้นแบบ โดยปลูกในโรงเรือนแบบ Greenhouse มีระบบการจัดการปลูกพืชในวัสดุทดแทนดิน (substrate culture) มีการให้น้ำและธาตุอาหารโดยใช้ระบบน้ำหยด ซึ่งการพัฒนากัญชาพันธุ์ไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะนำพันธุ์ที่ได้ไปขยายให้กับเครือข่ายที่ทำการวิจัยร่วมกัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร เพื่อเป็นแหล่งเมล็ดพันธุ์ให้กับเกษตรกร เพราะแต่ละพันธุ์มีสาร THC และ CBD ที่แตกต่างกัน ทำให้เกษตรกรสามารถเลือกพันธุ์ที่จะนำไปใช้ต่อยอดทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ สามารถพัฒนาส่งเสริมให้เกษตรกร ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการพัฒนากัญชาพันธุ์ไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก ลดการขาดดุลการค้ากับต่างประเทศได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอหนังสือรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนของกัญชาพันธุ์ไทยทั้ง 4 พันธุ์กับทางกรมวิชาการเกษตร โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม 2564 นี้

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการศึกษาวิจัยกัญชาพันธุ์ไทยที่ครอบคลุมทั้งลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (phenotype)  ทางด้านเคมี (chemical profile) และข้อมูลของสารพันธุกรรม (genetic profile) พบว่า กัญชาพันธุ์ไทยมีลักษณะเด่นถึง 3 แบบ 

- แบบที่ 1 กัญชาที่ให้สาร THC สูง  ได้แก่ กัญชาพันธุ์หางเสือสกลนครทีที 1 และกัญชาพันธุ์ตะนาวศรี ก้านขาวดับเบิลยูเอ 1 
- แบบที่ 2 กัญชาที่ให้สาร THC และ CBD (THC : CBD = 1 : 1) ในสัดส่วนที่เท่ากัน ได้แก่ กัญชาพันธุ์ หางกระรอกภูพานเอสที 1 
- แบบที่ 3 กัญชาที่ให้สาร CBD สูง ได้แก่ กัญชาพันธุ์ตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1

“กัญชาไทยแต่ละพันธุ์มีลักษณะของต้น ใบ ช่อดอก และกลิ่นมีความแตกต่างกัน นอกจากนี้จากการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของพันธุ์กัญชาแต่ละพันธุ์ พบว่า กัญชาไทยทั้ง 4 พันธุ์ เป็นพันธุ์ที่พบได้เฉพาะถิ่นเท่านั้นไม่ได้พบได้ทั่วไป เป็นพันธุ์ที่หายาก ซึ่งกัญชาแต่ละพันธุ์ของไทยมีสารสำคัญ ในสัดส่วนที่ต่างกัน จึงมีประโยชน์ต่อการบ่งใช้ในการรักษาโรคที่ต่างกัน รวมถึงการได้สาระสำคัญคงที่ในการปลูก ทำให้ง่ายต่อการนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ต่อไป”นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว


ภาพ/ข่าว  สมัย นิกูลรัมย์

‘วรัชญ์ ครุจิต’ ที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศบค. ระบุถึงประสิทธิภาพของ 2 วัคซีนหลัก ที่ใช้ในประเทศไทย สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียได้

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศบค.โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Warat Karuchit’ ระบุถึงประเด็น วัคซีนที่ไทยใช้ ป้องกันโควิดสายพันธุ์ Delta ไม่ได้จริงหรือ?

โดย ผศ.ดร.วรัชญ์ ระบุว่า มีคนส่งข้อมูลมาให้ผมหลายคน เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่เราใช้ คือ AstraZeneca และ Sinovac ต่อสายพันธุ์ Delta (อินเดีย) ซึ่งบอกว่า วัคซีนทั้งสองยี่ห้อนี้ ช่วยป้องกันสายพันธุ์อินเดียไม่ได้ ผมจึงลองรวบรวมข้อมูลดูครับ

ข้อมูลที่ผมรวบรวมมา มีดังนี้ครับ

1.) ข้อมูลจากงานวิจัยหลายชิ้น ชี้ตรงกันกว่า วัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้า คือวัคซีน mRNA (ไฟเซอร์/โมเดิร์นน่า) ซึ่งแม้จะลดประสิทธิภาพลงไปบ้าง แต่ก็ยังป้องกันได้ดีหลังจากฉีดสองเข็ม แต่ถ้าฉีดเข็มเดียว ก็น่าจะป้องกันไม่ได้มากเช่นกัน (33%)

2.) แต่ผมจะไม่ใช้เวลากับการอธิบายรายละเอียดของ mRNA มาก เพราะในขณะนี้ไทยเรายังไม่มีใช้ ผมจึงจะลองให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนสองชนิดที่เราใช้ต่อสายพันธุ์ Delta (ซึ่งมีผู้ป่วยด้วยสายพันธุ์นี้ในไทยจริง ข้อมูลที่มีคือมีประมาณ 10% แต่ทั้งหมดอยู่ในสถานพยาบาล และยังไม่มีข้อมูลว่ามีการแพร่ระบาดที่ควบคุมไม่ได้

3.) เริ่มกันที่ AstraZeneca การวิจัยชี้ว่าหากฉีดเข็มเดียว ภูมิคุ้มกันอาจจะยังขึ้นไม่พอต่อการป้องกันการติดเชื้อ แต่ถ้าฉีดสองเข็มแล้ว สามารถป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้ 60% และป้องกันการป่วยหนักได้ 92% ซึ่งก็ถือว่าเป็นอัตราที่สูงทีเดียว

4.) ส่วน Sinovac นั้น ยังไม่มีรายงานการวิจัย แต่มีข่าวของรอยเตอร์สที่ว่า บุคลากรทางการแพทย์ของเมือง Kudus ที่มีการระบาดของสายพันธุ์ Delta นี้ ติดเชื้อไป 350 คน จากทั้งหมด 5,000 คน ทำให้มีความกังวลกันว่า Sinovac นั้นป้องกันสายพันธุ์ Delta ไม่ได้

เคสนี้ผมขอให้ข้อมูลเพิ่มดังนี้ครับ

- จากการให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าหน่วยงานสาธารณสุขของเมือง Kudus ลงเว็บไซต์ท้องถิ่นคือ Jakarta Globe ตัวเลขคือมีบุคลากรการแพทย์ของเมืองติดเชื้อโควิดทั้งหมด 308 คน จากทั้งหมด 6,085 คน (ส่วนใหญ่ได้ฉีด Sinovac 2 เข็มแล้ว) ดังนั้นก็คิดเป็น 5% ของบุคลากรที่ติดเชื้อ

- 90% เป็นการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ หรือไม่รุนแรง จึงให้กักตัวที่บ้าน ซึ่งหายแล้วและพร้อมกลับมาทำงานต่อ

- ดังนั้น หัวหน้าหน่วยงานท่านนี้จึงสรุปว่า วัคซีน Sinovac นั้น ‘มีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้เกิดอาการร้ายแรง’

5.) เพราะฉะนั้น จึงสรุปได้ว่าในการป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ Delta นั้น วัคซีน mRNA (ไฟเซอร์/โมเดิร์นน่า) สามารถสร้างภูมิได้สูงกว่าชนิดอื่นๆ แต่ก็ต้องฉีดให้ครบ 2 เข็มเช่นกัน ส่วน AstraZeneca (และน่าจะ Johnson&Johnson ด้วย) หากฉีดครบ 2 เข็มแล้ว ก็ป้องกันการติดเชื้อได้ระดับหนึ่ง แต่ป้องกันการป่วยหนักได้ดีใกล้เคียงกับไฟเซอร์ ส่วน Sinovac ยังไม่มีผลการวิจัย แต่ผลจากกรณีเมือง Kudus ก็แสดงให้เห็นว่า หลังฉีดสองเข็มแล้ว ก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้ (จากจำนวนผู้ป่วย 5%) และสามารถจะป้องกันอาการป่วยหนักได้ดีเช่นกัน (จากจำนวนผู้ป่วยเล็กน้อยหรือไม่มีอาการ 90%)

และถ้าถามผม ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนชนิดไหน ยังไงเราก็ยังประมาทไม่ได้ และควรต้องเข้มงวดกับตัวเอง คือใส่แมสก์ ล้างมือ ไม่แออัดให้มากที่สุดอยู่ดี จนกว่าประเทศและโลกเราจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ครับ

https://jakartaglobe.id/news/sinovac-vaccine-protects-health-workers-from-severe-covid19-in-deltahit-kudus

https://www.astrazeneca.com/media-centre/press-releases/2021/

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4700566099958992&id=100000169455098


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นนทบุรี - สธ.เปิดห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย ระดับ 3 ตรวจเชื้อโรคความเสี่ยงสูง

วันนี้ (21 มิถุนายน 2564) ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานรับมอบห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 (Biosafety Level 3 laboratory) จาก Mr.Nashida Kazuya เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ Dr.Daniel  Kertesz ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย โดยมี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้สร้างความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น ในหลายโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการก่อสร้างอาคารสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขแห่งชาติ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี เพื่อเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงของประเทศด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีหน้าที่ยืนยันสาเหตุและสถานการณ์ของโรคที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุข และปี พ.ศ.2563 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านองค์การอนามัยโลก จำนวน 38,600,000 บาท สำหรับการพัฒนาห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 2 และระดับ 3 ให้มีความทันสมัย เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านความปลอดภัยและความมั่นคงทางชีวภาพ พร้อมที่จะดำเนินการเต็มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานกับเชื้อโรคอันตรายสูงด้วยความปลอดภัยต่อชีวิตนักวิจัยและสิ่งแวดล้อม โดยเป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนาห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ครั้งนี้ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโควิด -9 ในด้านการตรวจชันสูตร การพัฒนาวิธีการตรวจวิเคราะห์ ชุดตรวจ วัคซีนและยารักษาโรค นอกจากนี้ยังเสริมความเข้มแข็งในการเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมด้านปลอดภัยและความมั่นคงด้านชีวภาพทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory Biosafety and Biosecurity Training Center) สำหรับภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นห้องปฏิบัติการที่ออกแบบให้มีลักษณะพิเศษ สามารถป้องกันการหลุดรอดของเชื้อโรค สู่ภายนอก ใช้สำหรับการตรวจวิเคราะห์ วิจัยเชื้อโรคความเสี่ยงสูง เช่น ไข้หวัดนก โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส โรคซาร์ส และโรคโควิด-19 เป็นต้น โดยการปฏิบัติงานที่สำคัญได้แก่ การเพาะแยกเชื้อไวรัส การเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนเชื้อ การสกัดสารพันธุกรรม และการจัดการกับตัวอย่างติดเชื้ออุบัติใหม่ เพื่อเป็นคลังสายพันธุ์เชื้อแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ที่จะได้รับ ดังนี้

 - การชันสูตรโรค

 - การศึกษาวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุข

 - การควบคุมโรค

 - การส่งเสริมพัฒนาคุณภาพห้องปฏิบัติการเครือข่าย

 - การต่อยอดพัฒนายาและวัคซีน เพื่อการรักษาและการป้องกันโรค “ห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นับเป็นหนึ่งในผลงานที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินการได้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจริงจังจากองค์การอนามัยโลก ทำให้มีห้องปฏิบัติการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพและความพร้อมในการสนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกัน


ภาพ/ข่าว  สมัย นิกูลรัมย์

ครูขอนแก่น บุกศาลากลาง ทวงวัคซีนโควิด-19 จากผู้ว่าฯ ทั้งน้ำตา หลังไม่ได้รับการจัดสรรตามที่กำหนด ทำให้ไม่มั่นใจในความปลอดภัยเนื่องจากสัปดาห์หน้าต้องเปิดเรียนทุกระดับชั้น

วอนทุกฝ่ายชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรเพราะลงทะเบียนในนามองค์กรเรื่องก็เงียบ หากต้องไปลงทะเบียนหมอพร้อม-หรือกับ อสม. ก็พร้อมที่จะทำ

เมื่อเวลา 11. 30 น.วันที่ 21 มิ.ย.2564 ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลาง จ.ขอนแก่น ได้มีคณะครูจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนรวมตัวกันเพื่อขอพบ นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่นเพื่อทวงถามความชัดเจนจากการที่โรงเรียนได้รับการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่ถึงร้อยละ 10  ในขระที่นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการระบุว่าบุคลากรทางการศึกษาต้องได้รับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ร้อยละ 70 แต่ด้วย ผวจ.ขอนแก่น ติดภารกิจ คณะครูทั้งหมดจึงเข้าพบ นายจารึก เหล่าประเสริฐ รอง ผวจ.ขอนแก่น ในฐานะคณะทำงานด้านการบริหารวัคซีนและควบคุมโรคติดต่อจังหวัด เข้าร่วมพูดคุยและรับเรื่องแทน

นางธนิดา  ท้าวนาง แกนนำครูโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน กล่าวว่า คณะครูทั้งโรงเรียนรวมกว่า 200 คนได้ลงทะเบียนในนามขององค์กรเพื่อขอรับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการและนโยบายของจังหวัดกำหนด แต่เรื่องก็เงียบหายไปจนกระทั่งเปิดภาคเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่มีใครได้รับการฉีดวัคซีนเลย แต่ละคนก็ต้องขวนขวายหาทางออกกันเองด้วยการลงทะเบียนต่างๆเพ่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนแต่ก็มีน้อยมากที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว จนกะทั่งเปิดภาคเรียนมาแล้ว 1 สัปดาห์ซึ่งก็ยอมรับว่ามาตรการควบคุมและป้องกันของทางโรงเรียนเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการสลับวันกันเรียนและจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ทำให้ขณะนี้แต่ละวันมีนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษามาที่โรงเรียนตามแผนการเรียนการสอนวันละประมาณ 3,000 คน

“เมื่อเปิดภาคเรียนมาแล้วและโรงเรียนได้ทวงถามถึงการฉีดวัคซีน ซึ่งคณะครูโรงเรียนของเราทุกคนน่ารัก ทำตามที่รัฐบาลและหน่วยงานกำหนดทุกอย่าง จนกระทั่งเรื่องเงียบไปก็มีการทวงถามและสอบถามโดยผู้บริหารโรงเรียนได้ติดตามเรื่องมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา ( 20 มิ.ย.) ได้รับแจ้งว่า ครู 20 คนให้ไปฉีดวัคซีนได้ที่ รพ.ศรีนครินทร์ จึงตั้งข้อสังเกตว่า หากไม่ทวงถาม หรือเรื่องก็คงเงียบ และการจัดสรรก็ได้เพียงไม่ถึงร้อยละ 10 และก็ยังคงไม่มีท่าทีที่ชัดเจนว่าครูท่านอื่น ๆจะได้ฉีดวัคซีนเมื่อใด โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง วันนี้มีเด็กๆมาเรียนรวมทั้งบุคลากรทาการศึกษาที่จะตอมาทำงานที่โรงเรียนอยู่วันละประมาณเกือบ 3,000 คน แต่ตั้งแต่สัปดาห์หน้าที่จะต้องเปิดเรียนทั้งระบบ ก็จะมีคนไม่น้อยกว่า 5,000 คน มารวมตัวกันอยู่ที่โรงเรียนของเรา ซึ่งคณะครูก็มีความกังวลว่าจะเกิดคัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น”

นางธนิดา กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าทุกคนทำงานกันอย่างหนัก แต่ข้อกังวลและความกลัวที่จะเกิดขึ้นกับบุคลากรทางการศึกษา ขณะนี้เกิดขึ้นอย่างมาก ประกอกับคามชัดเจนของหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ยังไม่มี ซึ่งหากจะให้คณะครู ซึ่งลงทะเบียนมนนามองค์กรที่รอรับการจัดสรรวัคซีนไปดำเนินการในทางอื่น ทั้งการลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม ผ่านขอนแก่นพร้อม หรือผ่าน อสม. ก็ขอให้แจ้งมาอย่างชัดเจนเพราะทุกคนปฎิบัติตามนโยบายของหน่วยงานอยู่อย่างเคร่งครัด ดังนั้นการออกมาทวงถามให้กับกลุ่มข้าราชการครู ที่ไม่ใช่เฉพาะโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนเพียงอย่างเดียว แต่นับรวมไปถึงสถาบันการศึกษาทุกแห่ง ที่บุคลากรทางการศึกษาจะต้องได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 จึงขอความชัดเจนและให้จังหวัดรวมไปถึงผู้ที่รับผิดชอบวัคซีนได้ให้ความสำคัญกับคณะครู และบุคลากร่างการศึกษาที่จะต้องอยู่กับบุตร-หลานของทุกท่านวันละหลายพันคนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย

ปทุมธานี - นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นำชุด ตรวจเชิงรุก (RaPid Test) ให้กับประชาชนชาวตำบลสามโคก

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 เวลา 09.00  น. ณ ศาลพลายแก้ว วัดสะแกตำบลสามโคก อำเภอสามโคกจังหวัดปทุมธานี พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายเสวก ประเสริฐสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยนายนิรันดร์ ใจป้ำ

นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามโคก นายธนภาค ตรีรัตนนุกูล ที่ปรึกษาพิเศษนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีและเจ้าหน้าที่นำชุดตรวจเชิงรุก(RaPid Test)มาตรวจให้พี่น้องชาวตำบลสามโคกและใกล้เคียง ด้านนายนิรันดร์ ใจป้ำ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามโคกได้เพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณท่านพลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่างนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่ได้นำเจ้าหน้าที่ พร้อมชุดตรวจ (RaPid Test) มาตรวจให้พี่น้องประชาชนชาวตำบลสามโคกและใกล้เคียง และสืบเนื่องตามที่จังหวัดปทุมธานี ปรากฏการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 เกิดขึ้นในพื้นที่โดยพบผู้ป่วยยืนยันเป็นจำนวนมากนั้นดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและควบคุม เชื้อไวรัส โควิด 19 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์ ทางเทศบาลสามโคกจึงได้ขออนุเคราะห์ชุดตรวจ (RaPid Test)พร้อมเจ้าหน้าที่มาบริการประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลสามโคกและใกล้เคียง ขณะนี้ได้มีประชาชนในพื้นที่ ทยอยเข้ามาตรวจ วิเคราะห์หาเชื้อไวรัส covid-19 อย่างต่อเนื่อง และขอขอบพระคุณพระอธิการเริงชัย ฐานุตฺตโร เจ้าอาวาสวัดสะแกที่เอื้อเฟื้อสถานที่ไว้เพื่อรองรับประชาชน ที่เข้ามาตรวจหาเชื้อไวรัส covid-19 สุดท้ายนี้กระผมในฐานะนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามโคก ขอให้พี่น้องชาวตำบลสามโคก จงดูแลรักษาความสะอาดหมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

วันนี้ (21 มิ.ย.) 4 คู่ เริ่ม 23.00 น. ชี้ชะตาทีมผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์

โปรแกรมการแข่งขัน ตารางบอลยูโร 2020 วันจันทร์ที่ 21 มิ.ย. 64

ยูเครน - ออสเตรีย เวลา 23.00 น. ช่อง NBT2HD / Truesport HD (666)

มาซิโดเนีย - เนเธอร์แลนด์ เวลา 23.00 น. ช่อง PPTV 36 / Truesport HD3 (668)

รัสเซีย - เดนมาร์ก เวลา 02.00 น. ช่อง NBT2HD / Truesport HD (666)

ฟินแลนด์ - เบลเยี่ยม เวลา 02.00 น. ช่อง 3 HD (33) / Truesport HD3 (668)


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เชียงราย - กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. โครงการการสานเสวนาส่งเสริมการมีส่วนร่วม และปรึกษาหารือ กิจกรรมการเสริมสร้างเครือข่ายผู้นำชุมชนประชาธิปไตย ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย

เมื่อ 21 มิ.ย. 64 เวลา 08.30 น. กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. โดย พ.อ.กิตติพล ไพรหิรัญ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ร. (ท.) เป็นประธานเปิดการอบรม โครงการการสานเสวนาส่งเสริมการมีส่วนร่วม และปรึกษาหารือ กิจกรรมการเสริมสร้างเครือข่ายผู้นำชุมชนประชาธิปไตย  พร้อมด้วยกำลังพล กอ.รมน.จังหวัด ช.ร.ร่วมกับ ผู้นำชุมชนในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย จำนวน 65 คน  ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้นำชุมชน มีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ ความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับประชาชน รวมทั้งสื่อสารข้อมูลของภาครัฐให้กับประชาชนรับรู้ถึงการดำเนินงานและรับทราบข่าวสารของประชาชน โดยผ่านการมีส่วนร่วมและปรึกษาหารือในชุมชน และเพื่อรับทราบปัญหา และบูรณาการ การแก้ไขปัญหาร่วมกันของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในแต่ละพื้นที่ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เด่นศักดิ์ สุริยะ ประธานคณะกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าจังหวัดเชียงราย เป็นวิทยากร ทั้งนี้จัดให้มีมาตรการเฝ้าระวังป้องกันเชื้อไวรัสไวรัสโคโรนา 2019 ให้กับผู้เข้ารับการอบรม

‘สนามปุสกัส อารีนา’ สังเวียนแข้งแห่งฮังการี สนามที่เปิดให้แฟนบอลเข้าชมแบบ 100%

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

เล่นเอาฮือฮา กับภาพผู้ชมในสนามแบบเต็มความจุ ในแมทซ์ ‘ฮังการี-โปรตุเกส’ และแมทซ์ ‘ฮังการี-ฝรั่งเศส’ น่าจะเรียกว่า เป็นภาพครั้งแรกที่มีแฟนบอลเข้ามาแบบเต็มสนาม นับตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นต้นมา

สนามดังกล่าวนี้ มีชื่อว่า ‘ปุสกัส อารีน่า’ ใช้เป็นสนามเหย้าของทีมชาติฮังการี โดยเหตุผลที่มาของการเปิดให้แฟนบอลได้เข้ามาเชียร์แบบ 100% นั้น เนื่องจากประเทศฮังการี มีการผ่อนคลายกฎและมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับโควิด-19 เพื่อรองรับทัวร์นาเม้นท์สำคัญนี้โดยเฉพาะ

ฮังการีถือเป็น 1 ใน 11 ประเทศที่ได้รับการเป็นเจ้าภาพในศึกยูโรหนนี้ และก็โชคดีมากๆ ว่า ก่อนที่ยูโร 2020 จะเริ่มต้นได้ไม่นาน ทางการได้กระจายการฉีดวัคซีนไปสู่ประชาชนแล้วกว่า 5.3 ล้านคน จากจำนวนประชากรในประเทศทั้งหมด 9.8 ล้านคน ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขัน ‘กล้า’ ที่จะเปิดให้แฟนบอลเข้าชมเกมแบบ 100% ที่ความจุกว่า 67,000 คน

ปุสกัส อารีนา จะใช้เป็นสังเวียนในศึกยูโรรอบแรกอีกหนึ่งนัด นั่นคือ ในนัดทีมโปรตุเกสพบฝรั่งเศส และเปิดใช้อีกครั้งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ซึ่งแน่นอนว่า แฟนบอลสามารถเข้าชมเต็มความจุได้เหมือนเดิม

ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่า การแข่งขันในสายเอฟ ที่เป็นกรุ๊ปออฟเดธที่มีเยอรมัน โปรตุเกส ฝรั่งเศส และฮังการี กลายเป็นเกมที่เตะกันมันส์แทบทุกนัด เพราะบรรยากาศมันได้ ทั้งนักเตะ ทั้งกองเชียร์ ก็เลยจัดกันเต็มเหนี่ยว มันส์ขั้นสุด!


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายเจค ซุลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตือนว่า จีนจะถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลก หากจีนไม่ยอมให้มีการสืบหาต้นตอของไวรัสโควิด-19 อย่างจริงใจ

นายซุลลิแวน ให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯ ว่า จีนจะถูกนานาประเทศตีตัวออกห่าง หากจีนไม่ยอมเปิดทางให้ผู้สอบสวนได้เข้าไปสืบหาต้นตอไวรัสโควิด-19 อย่างจริงจัง เพื่อพิสูจน์ว่าไวรัสดังกล่าวมีจุดกำเนิดมาจากที่ใด โดยสหรัฐฯ จะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อกดดันต่อไป เพื่อหาว่าไวรัสมาจากที่ใดและใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังกลุ่มประเทศสมาชิกจี7 เรียกร้องให้มีการสืบหาต้นตอไวรัสดังกล่าวอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีไบเดน ยังได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการทบทวนเกี่ยวกับต้นตอของการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม โดยระบุว่าหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ยังไม่ล้มสมมติฐานที่ว่า ไวรัสดังกล่าวน่าจะหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่นของจีน

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สนับสนุนทฤษฎีที่ว่า สถาบันไวรัสวิทยาแห่งเมืองอู่ฮั่นอาจเป็นต้นตอของไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 โดยอ้างว่านักวิจัยบางรายในสถาบันแห่งนี้มีอาการที่คล้ายกับอาการของโรคโควิด-19 เมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2562 ขณะที่จีนปฏิเสธทฤษฎีนี้มาตลอด

เมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) และจีนได้ร่วมกันเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสโควิด-19 โดยได้ข้อสรุปว่า ไวรัสดังกล่าวไม่น่าจะหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่นอย่างที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยไว้

รายงานดังกล่าวระบุว่า ไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะแพร่เชื้อจากค้างคาวสู่มนุษย์ผ่านทางสัตว์อีกประเภทหนึ่งที่เป็นพาหะของโรค

อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ พร้อมกับอีก 13 ชาติ แสดงความกังวลต่อการที่ดับเบิลยูเอชโอ มีความล่าช้าในการเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งมีการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลที่สมบูรณ์

สหรัฐฯ ได้กล่าวโทษจีนอย่างต่อเนื่องถึงความไม่โปร่งใสในการสืบสวนหาต้นตอของโรค ขณะที่ฝ่ายจีนก็ได้คัดค้านคำกล่าวของสหรัฐฯ มาโดยตลอด

ทั้งนี้ คาดว่าองค์การอนามัยโลกจะดำเนินการสืบหาต้นตอของไวรัสเป็นครั้งที่สอง แต่จะแยกกับการสืบสวนจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top