Monday, 28 April 2025
TheStatesTimes

ลุ้นรัฐออกมาตรการฟื้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช.อยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลเศรษฐกิจหลายๆ ตัวชี้วัด เพื่อประเมินภาวะของเศรษฐกิจว่าจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้กับรัฐบาลพิจารณาอีกหรือไม่ หลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการบรรเทาและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งใช้วงเงินประมาณ 1.4 แสนล้านบาทแล้ว เพื่อทำให้มีเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้  

“มาตรการทางเศรษฐกิจจะมีเพิ่มหรือไม่ คงต้องประเมินหลายๆ ปัจจัย ทั้งเรื่องของการควบคุมการระบาด การส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ การเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวที่หากทำได้ควบคู่กับการควบคุมการระบาด จะส่งผลต่อเนื่องไปถึงการออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งอาจเป็นช่วงปลายปี ส่วนเรื่องการลงทุน หากมีบริษัทรายใหญ่ 2-3 ราย เข้ามาลงทุนก็ช่วยให้เกิดแรงขับเคลื่อนได้พอสมควร โดยทั้งหมดนี้ สศช. จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด" 

นายดนุชา กล่าวว่า ปัจจัยเศรษฐกิจที่ติดตาม คือ การควบคุมการแพร่ระบาด หากสามารถที่จะควบคุมได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจช่วงที่เหลือสามารถเดินหน้าไปได้ ซึ่งมาตรการทางเศรษฐกิจที่ออกมาถือว่าเพียงพอที่จะประคองเศรษฐกิจในปีนี้ให้เติบโตในกรอบ 1.5-2.5% เช่นเดียวกับตัวเลขการส่งออกเดือน พ.ค.นี้ ที่กำลังจะประกาศออกมาในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ หากยังมีแนวโน้มที่ดี ก็จะเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อเรื่องของการจ้างงาน และการลงทุนของภาคเอกชนที่ต้องการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 

กลุ่มครูโคราช ยื่นร้องขอความเป็นธรรม อสส.หวั่นหลักฐานไปไม่ถึงประกอบการพิจารณา หลังคดีเห็นควรฟ้องเเล้วโฆษกอัยการรับหนังสือส่งด่วนให้ความเป็นธรรม

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนน รัชดาภิเษก นายพิสิษฐ์ ชดกิ่ง อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 1 พร้อมด้วยกลุ่มคณะครูในจังหวัดนครราชสีมาประมาณ 30 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมหลัง ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด กลุ่มครูในพื้นที่เขตการศึกษา ร่วมกับ นายวิรัช กับพวกซึ่งประกอบด้วยกลุ่มนักการเมือง กลุ่มผู้อำนวยการโรงเรียน กลุ่มผู้บริหาร อบต.และเทศบาลต่างๆ ในคดีทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอล ในจังหวัดนครราชสีมาโดยมีนายอิทธิพร แก้วทิพย์ โฆษกอัยการสูงสุดเป็นผู้รับหนังสือ

นายพิสิษฐ์ เปิดเผยว่า สาเหตุของการเข้ายื่นหนังสือในวันนี้เกิดจากความกังวลใจว่าหนังสือที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. และเลขา สพฐ. ไปก่อนหน้านี้ อาจยังไม่ถูกนำส่งมาที่อัยการสูงสุด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และมั่นใจว่าสิ่งที่ ป.ป.ช. กล่าวหาครูแต่ละคนมีข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาลอยๆ จนถึงวันนั้นยังไม่ได้รับคำตอบถึงผลการพิจารณาพยาน หลักฐาน ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ก่อนหน้านี้

นายอิทธิพร โฆษก อสส.กล่าวว่า หลังจากที่รับหนังสือแล้วก็จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่คณะครูได้ชี้แจงไว้ โดยนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะพนักงานอัยการในคดีนี้ เพื่อพิจารณาเอกสารทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพยานหลักฐานเก่าหรือพยานหลักฐานใหม่ ส่วนผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอัยการสูงสุดที่จะพิจารณา ซึ่งอย่างไรก็ตามจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด

โดยแนวทางการพิจารณาหลักๆ ของอัยการที่ผ่านมาจะมี 4 แนวทาง โดย แนวทางแรก คือสั่งฟ้องทั้งหมดแล้วให้ไปสู้ในชั้นศาล แนวทางที่ 2 หากเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่พิสูจน์ว่าคณะครูไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อัยการก็จะสั่งไม่ฟ้อง แนวทางที่ 3 คืออัยการจะกลับไปหารือหรือประชุมร่วมกันกับ ป.ป.ช. หากหลักฐานไม่สมบูรณ์ และแนวทางที่4 สุดท้าย คือส่งเรื่องกลับไปยัง ป.ป.ช. ให้ฟ้องร้องต่อศาลเอง

เเต่สำหรับขั้นตอนในปัจจุบันนี้ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ได้มีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายวิรัช กับพวก ในคดีทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอล ในจังหวัดนครราชสีมาไปแล้วรวม7สำนวน รวมเป็นสำนวนเดียวกัน ส่วนในเรื่องการยื่นฟ้อง ว่าจะยื่นฟ้องใครบ้างนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต รับผิดชอบในร่างคำฟ้องเพื่อยื่นฟ้องผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป ซึ่งตอนนี้คาดว่ากำลังเดินการอยู่โดยขณะนี้ตนยังไม่ทราบจำนวนเเน่ชัด เเต่คดีคือสั่งฟ้องไปเเล้ว
 

"พงศ์พรหม" ห่วงหลายคนรับวัคซีนแล้ว กลับมาใช้ชีวิตเสี่ยง ไม่ใส่หน้ากาก-ไม่พกเจล ย้ำ! ยังรับเชื้อเป็นพาหะได้ ขอการ์ดอย่าตก ป้องกันโควิดระลอก 4 เพราะอีกหลายคนยังไม่ได้วัคซีน 

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 หลังมีการกระจายวัคซีน โดย เริ่มสังเกตในเพจหลายๆ เพจ พบว่าคนที่ได้รับวัคซีนแล้ว กลับมาใช้ชีวิตเสี่ยงมากขึ้น ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นรูปเก่าๆ แต่ตรวจสอบดูแล้วไม่ใช่ หลายคนนัดทานข้าวโดยไม่ใส่หน้ากาก หลายคนเริ่มกลับไปเดินตลาดแบบไม่พกแอลกอฮอล์ คุยกันแบบไม่ใส่ Mask การถ่ายรูปกลับไปหน้าชิดอีกครั้ง 

"อย่าลืมครับว่า ถึงแม้ท่านจะฉีดวัคซีนแล้ว แต่ท่านยังสามารถรับเชื้อและเป็นพาหะได้ ในขณะที่สัดส่วนคนยังไม่ได้รับวัคซีนมีสูงกว่ามากมาย ต้องช่วยระวังกันอย่าให้เกิด Wave 4 ด้วยความประมาทครับ" นายพงศ์พรหม กล่าว

“อนุชา” ย้ำ วันนี้ยังเป็นเลขาฯพปชร. แทงกั๊ก ยังไม่ได้ยื่นลาออก เผย เข้าร่วมประชุมสามัญพรรค 18 มิ.ย.นี้ แน่นอน

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กรณีที่มีกระแสข่าวเตรียมยื่นลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ยังไม่คิดลาออก และตอนนี้ยังไม่ได้ยื่นลาออก รวมถึงไม่ได้นัดหมายที่จะแถลงข่าวในเรื่องนี้ ที่สภาฯตามที่มีข่าว สำหรับการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ที่จ.ขอนแก่น จะเข้าร่วมประชุมด้วย ส่วนจะเสนอเรื่องดังกล่าวนี้ขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุม

“สุพัฒนพงษ์” เผยคิ๊กออฟเปิดประเทศ 1 ก.ค.รัฐบาลเริ่มนับ 120 วัน 1 ก.ค.นี้ ภูเก็ตเปิดก่อน รับนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจต่างชาติ เป็นโมเดลนำร่องให้จังหวัดอื่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเปิดประเทศ ว่า 120 วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีพูดถึงนั้นจะเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ ก็จะเป็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ซึ่งต้องดูว่านายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงไปเองหรือมอบหมายให้ใครลงไป เพื่อไปดูว่าวันที่ 1 กรกฎาคม จะเริ่มต้นกันอย่างไร ทั้งนี้ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจโควิด-19 (ศบศ.) 

วันที่ 18 มิถุนายนนี้ จะมีความชัดเจน ทั้งผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะได้มีการนำเสนอ ความพร้อมและเงื่อนไขต่างๆ ต่อที่ประชุม ศบค.พิจารณา จะได้เกิดความชัดเจนกับฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจะได้เริ่มเดินหน้ากันต่อไป ทั้งนี้ เมื่อสามารถเริ่มโครงการที่ภูเก็ตได้ต่อไปก็จะพิจารณาจังหวัดอื่นที่มีความพร้อมต่อไป 

“เรื่องดังกล่าวถือเป็นความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่อยากจะเห็น 120 วันหลังจากนี้ โดยเริ่มจากวันที่ 1 กรกฎาคม ที่จะเปิดประเทศได้ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ผมได้ย้ำมาตลอดว่าเรื่องนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน อย่างพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือจากทุกฝ่ายแล้วและในวันที่ 25 มิถุนายนก็จะได้เห็นความพร้อม และหลังจากได้รับรายงานมาโดยตลอด ผมก็มีความเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจังมีความทุ่มเท เพราะต้องดูแลทั้งนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาซึ่งถือเป็นแขกของประเทศไทย ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลในเรื่องของความปลอดภัยของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ด้วย ตรงนี้ถือเป็นการเปิดศักราชที่ดีและแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างประเทศในประเทศไทย” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่าการเปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ในวันที่ 1 กรกฎาคม สำหรับมาตรการต่างๆ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องดูไปตามความเหมาะสมและสถานการณ์ต้องเข้าใจว่าแซนด์บ็อกซ์ ก็คือ การทดลองทำ ส่วนจะมีข้อปรับปรุงอะไรก็สามารถเพิ่มเติมได้ และเราเริ่มทำก่อนไฮซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งอยู่ประมาณปลายไตรมาสที่สาม ซึ่งเมื่อเราได้ซ้อมกันก่อนก็จะทำให้เรามีความสมบูรณ์และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในระดับหนึ่ง อีกทั้งก็จะได้เห็นว่าต้องมีการปรับปรุงอะไรบ้าง ในทางกลับกันก็จะสามารถส่งเสริมภูเก็ตได้อีกทาง โดยเมื่อภูเก็ต เปิดเป็นทางเข้าประเทศไทยก็จะมีนักธุรกิจไทยสามารถนัดพบกับนักธุรกิจต่างประเทศโดยอาศัยพื้นที่ภูเก็ตในช่วงเวลานี้ เป็นที่เจรจาพูดคุยทางธุรกิจกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่การท่องเที่ยวเชิงท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวแต่ จะเป็นการเปิดทางทางธุรกิจไปด้วย ซึ่งปัจจุบันมีการเตรียมการของหลายบริษัทไว้แล้วที่เตรียมจะนัดพันธมิตรทางธุรกิจมาพูดคุยกัน จึงเป็นเหตุผลหนึ่งในการทยอยเปิดประเทศ

เมื่อถามถึงรูปแบบการ เปิดโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นอย่างไร นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นก็จะไปดูความพร้อมทั้งหมดขั้นสุดท้าย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการรายงานเข้ามาเป็นระยะ 

เมื่อถามว่าจะมีมาตรการด้านสินเชื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ภูเก็ตบ้างหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ส่วนนี้เป็นเรื่องของธนาคารซึ่ง พ.ร.บ. ซอฟต์โลนก็มีการเดินหน้าไปแล้ว ซึ่งสามารถเข้าไปพูดคุยกันได้ อีกทั้งขณะนี้เป็นไปในลักษณะของการทยอยเปิด ขอให้ได้เริ่มก่อนจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศไทย อยากให้ทุกคนได้เห็นถึงความตั้งใจดีของคนในจังหวัดหนึ่ง อย่างน้อยก็มีจังหวัดแรก แล้วก็จะมี 2-3-4 ตามมา เชื่อว่าจังหวัดอื่นก็จะมีความพร้อมเพราะฉะนั้นขอช่วยกันให้กำลังใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของนายกรัฐมนตรีจะสร้างความเชื่อมั่นโดยลงไปพักค้างคืนที่ภูเก็ตบ้างหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงมีอยู่แล้วไม่น่าจะมีประเด็นปัญหาอะไร 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการประมาณประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวหรือไม่ว่าจะต้องมี จำนวนกี่% จึงจะเหมาะสมในการที่เปิดประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องขอดู ที่จังหวัดภูเก็ตก่อน อีกทั้งขณะนี้พบว่ามีสายการบินหลายบริษัทเริ่มเปิดเที่ยวบินที่จะมาลงที่จังหวัดภูเก็ตโดยตรง แม้จำนวนเที่ยวบินอาจจะไม่มากแต่เริ่มมีหลายแหล่งหลายประเทศที่จะเข้ามา ถือว่ามีจำนวนไม่น้อย เรื่องนี้ก็คงต้องทยอยดูวันต่อวัน เพราะถือเป็นการเปิดช่องทางเข้าประเทศไทยครั้งแรก 

เมื่อถามว่ามีการประเมินด้านเศรษฐกิจในปลายปีนี้หรือยัง ว่าจะเป็นอย่างไรหลังที่เริ่มมีการเปิดประเทศ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจกล่าวว่า “ ผมก็ทำดีที่สุดตอนนี้ก็ต้องดูวันต่อวัน เดือนต่อเดือน มีการปรับไปตลอด เราต้องเอาความขยันและความเพียรเป็นที่ตั้ง และทำให้ดีที่สุดผมคิดว่าทุกประเทศก็ทำเช่นนี้ วิธีการที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นคือ การใช้ความเพียรเป็นที่ตั้ง และหมั่นติดตามพร้อมปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆ คิดว่าวันนี้รัฐบาลก็มีความพร้อมในทุกๆด้านที่จะทำเรื่องดังกล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากโครงการคนละครึ่งเฟส 3 แล้วยังมีโครงการอื่นอีกหรือไม่ นายสุพัฒน์พงษ์ กล่าวสั้นๆ ว่า “เอานะ เขากำหนดไว้หมดแล้ว”

‘ตม.-ระนอง’ รวบยกแก๊งขบวนการปลอมหนังสือเดินทาง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทยกระทำความผิดกฎหมายและก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด        

            

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.สมชาย จิตสงบ ผกก.ตม.จว.ระนอง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้...

คดีจับกุมขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทางและนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ระนอง ร่วมกับ จนท.ทหาร ชุด ร้อย ร.2521 (จุดตรวจศิลาสลัก จปร.) ตั้งจุดตรวจจุดสกัดกั้นตรวจพบ นายไวเมียว อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา ขับขี่รถยนต์กระบะทะเบียนชุมพร บรรทุก นายเนคา อายุ 15 ปี สัญชาติเมียนมา และนายโจเซลา อายุ 16 ปี สัญชาติเมียนมา จากการตรวจสอบพบว่าหนังสือเดินทางทั้ง 2 เล่ม ที่นำมาแสดงเป็นหนังสือเดินทางปลอม จึงจับกุมตัวและสืบสวนขยายผลการจับกุม ทราบว่าหนังสือเดินทางดังกล่าวได้รับมอบมาจาก นายอาวปาย อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา จึงได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านพัก นายอาวปาย หมู่ 4 ตำบล จ.ป.ร. อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง พบหนังสือเดินทางปลอม เพิ่มอีกจำนวน 4 จึงจับกุมตัวนายอายปาย ข้อหา

“มีหนังสือเดินทางปลอมไว้เพื่อจำหน่าย” และสืบสวนขยายผลการจับกุม เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านใน หมู่10 ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง จับกุม นางเลเลข่าย อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา ข้อหา “รู้ว่าเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือให้คนต่างด้าวนั้นรอดพ้นการจับกุม” และได้สืบสวนขยายผลกระทั้งสามารถออกหมายจับและจับกุมตัว นายสมศักดิ์ ข้อหา “ทำหนังสือเดินทางปลอม”    

การสืบสวนขยายผลการจับกุมขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง มีรายละเอียด ดังนี้...

นายเนคา และ นายโจเซลา สัญชาติเมียนมา ต้องการเดินทางไปหาแม่ที่ จว.สุราษฎร์ธานี ได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายทางช่องทางธรรมชาติ และไปเข้าพักอาศัย หลบซ่อนอยู่กับ นางเลเลข่าย สัญชาติ

เมียนมา (น้าสาว) ที่บ้านหมู่ 10 ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง จากนั้น นางเลเลข่าย ติดต่อว่าจ้าง นางมะแง่หรือโชสุ นายหน้าชาวเมียนมา ให้ดำเนินการช่วยเหลือลักลอบนำพา ขนส่ง เคลื่อนย้ายไปยัง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ค่าจ้าง 11,000 บาท/คน นางมะแง่หรือโชสุ จึงให้นางเลเลข่าย ถ่ายรูป นายเนคา และ นายโจเซลา ส่งไปให้ทางเฟซบุ๊ก ชื่อ Tanon Non จากนั้น นางมะแง่หรือโชสุ ได้ส่งรูปภาพต่อไปให้นายอาวปาย ซึ่งนายอาวปาย ได้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Just You ส่งรูปภาพ นายเนคา นายโจเซลา และคนต่างด้าวอื่นๆ ไปให้นายสมศักดิ์ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Ko Soe Soe เพื่อดำเนินการทำหนังสือเดินทางปลอม นายสมศักดิ์ ได้นำหนังสือเดินทางปลอม จำนวน 6 เล่ม มามอบให้กับนายไวเมียว สัญชาติเมียนมาที่ กม.13 (บ้านจันทร์ทึง ตำบลวังใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร) เพื่อนำไปส่งต่อให้กับนายอาวปาย (ผู้ว่าจ้าง) ที่บ้านหมู่ 4 ตำบล จ.ป.ร. อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ต่อมาวันนายอาวปาย ได้ว่าจ้างให้นายไวเมียว ให้นำพาขนส่งนายเนคา และนายโจเซลา ไปส่งยังสถานี บขส.จังหวัดชุมพร โดยได้มอบหนังสือเดินทางปลอม จำนวน 2 เล่ม ให้นายไวเมียว นำไปมอบให้ นายนายเนคา และ นายโจเซลา เก็บไว้กับตัวเพื่อใช้แสดงกับพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อถูกเรียกตรวจสอบระหว่างการเดินทาง และเมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ก็ถูก จนท.ชุดจับกุม ตรวจสอบพบว่าเป็นหนังสือเดินทางปลอม จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทางครั้งนี้ทั้งขบวนการกลุ่มเครือข่าย ขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทางของนายอาวปาย อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา มีผู้ร่วมขบวนการเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทุกคน

โดยเข้ามาอยู่อาศัยและได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นกรณีพิเศษ ประเภทกรรมกร การเกษตรและปศุสัตว์ (ในพื้นที่ จังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร) นายไวเมียว ยังให้การยอมรับว่า หลังจากมีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ ได้หันรับจ้างบริการนำพาคนต่างด้าวเดิน-ทางไปกลับ จังหวัดระนอง-จังหวัดชุมพร อยู่หลายครั้ง นอกเหนือจากการกรีดยางพารา ซึ่งที่ผ่านมาในการลักลอบนำพา ขนส่ง เคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน ต้องอาศัยความชำนาญเส้นทาง รู้เส้นทางรอง เส้นทางหลบเลี่ยงด่านตรวจ จุดตรวจจุดสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากเครือข่าย ขบวนการกลุ่มนี้เป็นบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ไม่ชำนาญเส้นทางในการลักลอบนำพา จึงใช้วิธีการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง เพื่อให้แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย นำมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจุดสกัดระหว่างการเดินทางเมื่อถูกเรียกตรวจสอบ โดยในครั้งนี้คิดว่าเจ้าหน้าที่คงไม่สามารถตรวจสอบหนังสือเดินทางปลอมได้จึงได้รับงาน และถูกจับกุมตัว

สรุปผลการปฏิบัติในการบูรณาการทลายในเครือข่ายนี้ สามารถออกหมายจับผู้นำพาบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมืองได้ จับกุมได้จำนวน 1 คน และแจ้งข้อกล่าวหา จำนวน 1 คน อยู่ในระหว่างติดตามตัวเพื่อมาดำเนินคดี จำนวน 1 คน และสามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติเมียนมาได้ จำนวน 6 คน

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

หน้าเปลี่ยนไป ทุกไตรมาส | คิดเพลิน Learn & Play Talk EP.39

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 

.

.

ฮอตจริงอะไรจริง ต้องยกให้ทีมชาติอิตาลี ในศึกฟุตบอลยุโร 2020 หนนี้นี่เอง เมื่อคืนบุกอัดทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ไปแบบขาดลอย 3-0 ทำให้เป็นทีมแรกที่ลอยลำเข้ารอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

ฮอตจริงอะไรจริง ต้องยกให้ทีมชาติอิตาลี ในศึกฟุตบอลยุโร 2020 หนนี้นี่เอง เมื่อคืนบุกอัดทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ไปแบบขาดลอย 3-0 ทำให้เป็นทีมแรกที่ลอยลำเข้ารอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย

ใครที่เป็นแฟนบอลอิตาลีคงแฮปปี้หลาย เพราะถ้าคุ้นเคยกับทีมแดนมักกะโรนี จะรู้ดีว่า อิตาลีลงเล่นในฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ ๆ มักจะเครื่องร้อนช้า หรือบางครั้งเครื่องไม่ร้อนเลยก็มี แต่ในศึกยูโร 2020 ครั้งนี้ ขุนพลอัซซูรี่ คิดใหม่ ทำใหม่ กลายเป็นบอลเร้าใจ เนียนตา แฟนๆ งงสิครับ

โอเค, อิตาลี ยังมีสไตล์เกมรับ ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเหนียวแน่นหนึบเหมือนเดิม แต่สิ่งที่อิตาลีเปลี๊ยนไป๋! คือการเล่นเกมรุกที่เร้าใจ บุกกระซวกไส้ได้ใจดีเหลือเกิน ลงเล่นในยูโรมา 2 นัด ซัดไปแล้ว 6 ลูก ซึ่งมันไม่ใช่อ่ะ! ไม่ใช่อิตาลีที่คุ้นเคย ปกติอิตาลียิงไม่เกิน 2 ลูกต่อนัด และแท็กติกเพียบ จนบางทีดูแล้วเบื๊อเบื่อ!

งานนี้ต้องยกความดีให้กับผู้จัดการทีม โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่เข้ามาคุมทีม และจัดการติดตั้งโหมดบุกโหดเข้าไว้ไอ้น้อง ถึงตอนนี้ อิตาลีลงเล่นในเกมระดับเมเจอร์ ไม่แพ้ใครมาแล้ว 29 นัด นับตั้งแต่ปี 2018 เสียไปแค่ 7 ประตู คลีนชีตไป 22 นัด และยิงระเบิดระเบ้อไปถึง 80 ประตู

โอว มายก็อดดด!! นี่มันนิวอิตาลีชัดๆ! และแน่นอนว่า ถึงตรงนี้ จากที่ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อสส. เอ้ย! ไม่เคยอยู่ในลิสต์ทีมเต็งแชมป์ยูโรหนนี้ ปรากฎว่า อิตาลีก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงบัลลังก์แชมป์ยูโร 2020 อย่างเต็มตัว!


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5หรือ กก.สส.บก.ตม.5 และด่าน ตม.เชียงแสน ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาคนต่างด้าวสัญชาติลาว หลังให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้าเมือง 7 คน เตรียมข้ามไป สปป.ลาว

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทยกระทำความผิดกฎหมายและก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด  

                  

สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.อ.มนุวัฒน์ กอสนาน ผกก.ด่าน ตม.เชียงแสน ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครสวรรค์ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายพันฯ คนต่างด้าวสัญชาติลาว พร้อมกับนายจางเสวี่ย  คนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้าเมือง กับพวกจำนวน 4 คน และร่วมกันจับกุมตัวนายลีเจิ่น คนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้าเมือง กับพวกรวม 3 คน ส่งดำเนินคดี โดยกล่าวหาว่า นายพัน ว่า

“ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองพ้นจากการจับกุม ไม่เดินเข้ามาในราชอาณาจักรตามช่องทางฯ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ และฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 แห่ง พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” และกล่าวหาคนต่างด้าวสัญชาติจีนว่า “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ และฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 แห่ง พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” เหตุเกิด บริเวณช่องทางธรรมชาติบ้านสบรวก และโรงแรมแสนโชคการ์เด้นโฮม ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 

สำหรับพฤติการณ์ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติจีนเข้าพักในโรงแรมแสนโชคการ์เด้นโฮมเพื่อเตรียมตัวหนีออกนอกราชอาณาจักรไป สปป.ลาว จึงรีบไปตรวจสอบโดยแบ่งกำลังเป็นสองชุด โดยให้อีกชุดไปลาดตระเวนบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ผลการตรวจสอบพบนายลีเจิ่นฯ คนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้าเมืองกับพวกอีก 3 คน พักอาศัยอยู่ในโรงแรม จึงได้จับกุมตัวไว้ และจากการลาดตระเวนยังพบนายจางเสวี่ย คนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้าเมืองกับพวกรวม 4 ราย กำลังจะลงเรือยาวสัญชาติ โดยมีนายพัน คอยดูต้นทาง จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม แต่คนขับเรือสัญชาติลาวได้ออกเรือหลบหนีไป จึงได้จับกุมตัวคนต่างด้าวสัญชาติจีนทั้ง 7 คน และคนสัญชาติลาว 1 คน ส่ง พงส.สภ.เชียงแสน ดำเนินคดี

จากการขยายผลพบว่ามีเครือข่ายคนสัญชาติไทยคือ นายโอม เป็นผู้เช่ารถยนต์และให้บุคคลอื่นขับนำคนต่างด้าวสัญชาติจีนมาเข้าพักในโรงแรมดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่ง พงส.สภ.เชียงแสน และ พงส.ฯ ได้แจ้งข้อหานายโอม แล้วว่ากระทำความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองพ้นจากการจับกุม” ส่วนผู้ร่วมกระทำผิดอื่นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีตามกฎหมาย

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่  507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ชาร์จ แมเนจเม้นท์ สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ผนึกกำลัง บางจาก คอร์ปอเรชั่น ร่วมถือหุ้นขับเคลื่อนธุรกิจให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร พร้อมให้บริการลูกค้าผู้ขับรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการชาร์จรถระหว่างการเดินทาง นำร่องแห่งแรกด้วย ‘Quick SHARGE’

ชาร์จ แมเนจเม้นท์ สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ผนึกกำลัง บางจาก คอร์ปอเรชั่น ร่วมถือหุ้นขับเคลื่อนธุรกิจให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร พร้อมให้บริการลูกค้าผู้ขับรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการชาร์จรถระหว่างการเดินทาง นำร่องแห่งแรกด้วย ‘Quick SHARGE’ ภายในสถานีบริการน้ำมันบางจากที่สุขุมวิท 62

ระบุการร่วมทุนครั้งนี้เป็นดีลแห่งอนาคต รองรับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้ามีโอกาสเติบโตสูง หลังรัฐบาลมีนโยบายผลักดันการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 30% ภายในปี 2573 ขณะที่ค่ายรถยนต์จากจีนเริ่มปักหมุดฐานการผลิตในไทย เชื่อส่งผลให้ราคา EV ในอนาคตจับต้องได้ง่ายขึ้น พร้อมเชื่อมั่นการจับมือครั้งนี้จะสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และขับเคลื่อนอนาคตด้วยพลังงานสะอาดไปด้วยกัน

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมลงทุนถือหุ้นใน บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) โดยมีนายวิบูลย์ วงสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวางแผนยุทธศาสตร์และพัฒนาธุรกิจองค์กร (SBBU) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนร่วมแสดงความยินดีกับ นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ SHARGE ในจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ และการเติบโตในอนาคตด้วยพลังงานสะอาดผ่านธุรกิจให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่าง เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ SHARGE ได้เปิดให้บริการ EV Charging แบบครบวงจรและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ล่าสุด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทพลังงานไทยที่เป็นที่ยอมรับในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมสีเขียวมาดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ได้เล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตของ SHARGE จึงได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในรูปแบบของผู้ถือหุ้นเพื่อเติบโตพร้อมกับ SHARGE โดยมองว่า SHARGE มีจุดแข็งจากการเป็นผู้ให้บริการที่ครอบคลุมลูกค้า 3 กลุ่ม ประกอบด้วย…

1.) กลุ่มชาร์จตามที่อยู่อาศัย

2.) กลุ่มชาร์จตามแหล่งไลฟ์สไตล์

และ 3.) กลุ่มชาร์จระหว่างเดินทาง เช่น การชาร์จตามสถานีต่างๆ

โดยทุกกลุ่มลูกค้าจะได้รับบริการด้วยเครื่องชาร์จมาตรฐานจากยุโรป รองรับรถ EV ที่หลากหลาย ให้บริการชาร์จแบบ Quick Charge อีกทั้งยังมีนวัตกรรมรองรับไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานด้วยแอปพลิเคชัน ที่เชื่อมต่อข้อมูลการชาร์จมาไว้บนสมาร์ทโฟนตอบโจทย์ผู้ขับขี่รุ่นใหม่ที่ผู้ใช้งานสามารถจองแท่นชาร์จ จ่ายค่าไฟฟ้า และติดตามข้อมูลการชาร์จได้แบบเรียลไทม์ จะส่งผลให้การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย ให้เกิด EV ecosystem ที่เกิดการใช้-แลกเปลี่ยน ทรัพยากรจากภาคส่วนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูแลสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ตามแผนโรดแมปของรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมายการผลิต EV ภายในปี พ.ศ.2573 ไว้ที่ 30% ของการผลิตรถยนต์ในไทย

ทั้งนี้การได้บางจากฯ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นนั้น จะช่วยสนับสนุนการบริการของ SHARGE ให้ครอบคลุมลูกค้าในกลุ่มที่ต้องการชาร์จระหว่างการเดินทาง (ON THE GO) นำร่องแห่งแรกภายในสถานีบริการน้ำมันบางจากที่สุขุมวิท 62 ซึ่งจะเปิดให้บริการราวไตรมาสที่ 3 โดยความพิเศษของสถานีนี้คือให้บริการด้วยเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้มาตรฐานจากยุโรป รองรับรถ EV ที่หลากหลาย ให้บริการชาร์จแบบ Quick SHARGE กำลังไฟฟ้าสูงถึง 120 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จรถ EV ได้เร็วขึ้นกว่าแท่นชาร์จทั่วไป ส่วนสถานีในลำดับถัดมาจะตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ย่านธุรกิจ แหล่งไลฟ์สไตล์ ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ

“ถือเป็นการพิสูจน์ถึงความไว้วางใจจากองค์กรขนาดใหญ่ที่เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตในอนาคตของ SHARGE โดยเฉพาะการที่ SHARGE สร้างเครือข่ายทางธุรกิจด้วยการมีพันธมิตรจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ครอบคลุมทั้งธุรกิจพลังงาน ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ จึงเป็นสัญญาณการเติบโตที่ดีและจะช่วยเติมเต็มธุรกิจของบางจากฯ ให้ครอบคลุมผู้ใช้บริการได้อย่างครบถ้วน” นายพีระภัทร กล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top