Wednesday, 2 July 2025
TheStatesTimes

สุโขทัย - มอบรางวัลสลากกาชาดการกุศล งานสักการะพระแม่ย่า ประจำปี 2564

วันนี้ (10 มิ.ย.64) เวลา 09.30 น. ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดสุโขทัย นางกนกพร พรรณเทวี ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสุโขทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานมอบรางวัลให้แก่ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจากสลากกาชาดการกุศล ประจำปี 2564 ซึ่งจังหวัดสุโขทัย ได้จัดงานสักการะพระแม่ย่า ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 12-21 กุมภาพันธ์ 2564 โดยจังหวัดได้จัดพิมพ์สลากพระแม่ย่าการกุศล เพื่อหารายได้ไว้ใช้จ่ายในกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของจังหวัดสุโขทัยที่ผ่านมา โดยมีนายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ร่วมแสดงความยินดีแก่ผู้โชคดีสลากกาชาดการกุศล

สำหรับผู้โชคดีได้รับรางวัลรถยนต์ยี่ห้อ MG1  ผู้ถูกรางวัลคือ นางสาวนัทมน ทาวงศ์ อยู่บ้านเลขที่ 20 ม.1 ตำบลเขาแก้วศรีสมบูรณ์ อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย สำหรับผู้โชคดีได้รับรางวัลรถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน คือนายพวัง จันทร์สว่าง และนางสาวสุรีย์รัตน์ สุทธานุกูล โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกเหล่ากาชาด และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบรางวัลดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา

ชัยภูมิ - นายกอบจ.ชัยภูมิ เปิดโครงการอบรมให้ความรู้ แก่บุคลากรหน่วยงานหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2564

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 เวลา 10.00 น. นายอร่าม โล่ห์วีระ นานก อบจ.ชัยภูมิ (ประธานกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ) ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการอบรมให้ความรู้ แก่บุคลากรหน่วยงานหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2564 ณ ห้องประชุมพระยาภักดีชุมพล ชั้น 3 สำนักงาน อบจ.ชัยภูมิ

ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (covid-19) ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ติดเชื้อยืนยันจำนวนมาก กอร์ปกับประกาศจังหวัดชัยภูมิ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2564 เรื่องขอความร่วมมือประชาชนในเขตพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ชะลอการจัดกิจกรรมทางสังคมและงดการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ที่มีคนจำนวนมากรวมตัวกันเพื่อให้การปฏิบัติราชการตามโครงการอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุน งบประมาณกองทุน ฟื้นฟูสมรรถภาพ จังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2564 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยบรรลุวัตถุประสงค์เป็นไปตามประกาศจังหวัดชัยภูมิ กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิจึงได้จัดทำการอบรมดังนี้

1.อบรมให้ความรู้แนวทางการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ

2. อบรมให้ความรู้บทบาทหน้าที่ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 

3. อบรมให้ความรู้วิชาการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ

โดยมีหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ ประจำปีงบประมาณ 2564 ด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการผู้สูงอายุจำนวน 15 โครงการ จำนวน 15 คน หน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ ด้านการแพทย์และกายอุปกรณ์ เครื่องช่วยความพิการ จำนวน 15 โครงการ จำนวน 15 คน และหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ที่อยู่ในระยะจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ จำนวน 18 หลัง จำนวน 14 หน่วยงาน จำนวน 14 คน


ภาพ/ข่าว  อรรถดิษฐ์ จันตะเสน จ.ชัยภูมิ

‘บิ๊กตู่’ สั่งปรับเกณฑ์ระเบียบ เชื่อมข้อมูลหนุนรัฐบาลดิจิทัล

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ทราบถึงความก้าวหน้าของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ โดย สศช. เสนอให้เร่งรัดการบริหารจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ บิ๊กดาต้าของภาครัฐต่อเนื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนราชการและหน่วยงานรัฐ ไปปรับปรุงข้อกฎหมายและระเบียบโดยเร็วเพื่อสนับสนุนการเป็นรัฐบาลดิจิทัลให้เป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ สศช. ได้รายงานว่าจากการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ของรัฐในระยะที่ผ่าน เช่น กรณีการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (ทีพีแม็ป) พบว่าการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐยังมีข้อจำกัด เป็นอุปสรรคสำคัญของการขับเคลื่อนรัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยประเด็นปัญหาหลักคือ แม้ว่าจะมีกฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการบูรณาการข้อมูลและพัฒนารัฐบาลดิจิทัลแล้ว เช่น พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ.2560 พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 แต่กฎหมายและระเบียบภายในของหน่วยงานต่างๆ ยังเป็นข้อจำกัดในการเชื่อมโยงและเผยแพร่ข้อมูลระหว่างหน่วยงาน

ดังนั้น สศช. จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงกฎหมายและระเบียบภายในหน่วยงานให้รองรับและสนับสนุนการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น ให้สอดคล้องกับกฎหมายหลักด้านการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล รวมทั้งสนับสนุนให้บุคลากรทุกหน่วยงานให้มีทัศนคติที่เอื้อต่อการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น โดยชี้ให้เห็นความสำคัญและความจำเป็นในการบูรณาการข้อมูลเพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการพัฒนานโยบายและการปฏิบัติงานด้วยข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ในสภาพแวดล้อมของประเทศที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พิจิตร - นายกอบจ.พิจิตร ปล่อยพันธุ์ปลาเยียวยาโควิด เลี้ยงให้โตแล้วค่อยจับกินเป็นอาหาร

วันที่ 10 มิ.ย.2564  พ.ต.อ. กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยผู้บริหารและสมาชิกสภาอบจ.พิจิตร ได้ร่วมกันทำกิจกรรมแจกพันธุ์ปลาและปล่อยปลาลงแหล่งน้ำสาธารณะที่บึงห้วงตะกวน โดยมี นายภาณุวัฒน์  ยุทธนาระวีศักดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลหอไกร อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร และผู้นำซึ่งประกอบด้วย นายก อบต.- กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จาก 9 ตำบล ของ อ.บางมูลนาก มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ สำหรับการปล่อยพันธุ์ปลาที่บึงห้วงตะกวนที่เป็นแหล่งน้ำใหญ่มีพื้นที่ 400 ไร่ ครอบคลุมอยู่ในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ 5,8,9  ต.หอไกร อ.บางมูลนาก

ในส่วนของ พ.ต.อ.กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า อบจ.พิจิตร ได้จัดสรรงบประมาณ 1.7 ล้านบาท เพื่อเพาะพันธุ์ปลาจำนวน 7.72 ล้านตัว ซึ่งประกอบไปด้วยปลาตะเพียนขาว , ปลายี่สกเทศ , ปลานวลจันทร์เทศ , ปลาหมอตาล , ปลาสวาย , ปลาสร้อยขาว , ปลาบึก , ปลาสลิด และกบนา ฯลฯ

โดยให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดพิจิตรเป็นผู้ผลิตพันธุ์ปลา –กบ เพื่อมอบให้กับประชาชน 1,000 ราย ที่สนใจเลี้ยงปลา-กบ จำนวน 1 ล้านตัว ส่วนอีก 6.69 ล้านตัว ก็จะนำไปปล่อยในแหล่งน้ำสาธารณะหรือแหล่งน้ำธรรมชาติรวมถึงบึงสีไฟด้วย ทั้งนี้เพื่อหวังว่าพันธุ์ปลา-กบเหล่านี้จะเจริญเติบโตเป็นอาหารโปรตีนของชุมชนคนในท้องถิ่น รวมถึงก่อให้เกิดรายได้ในช่วงสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโควิด สำหรับระยะเวลาในการดำเนินการก็จะใช้เวลาในช่วงฤดูฝนนี้ไปจนถึงเดือน ก.ย. 2564  ในการปล่อยพันธุ์ปลาลงแหล่งน้ำต่าง ๆ ดังกล่าวอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 จับยาไอซ์ มูลค่า 135 ล้านบาท พร้อมผู้ต้องหา 4 คน ขณะกำลังมาส่งให้กับผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่อำเภอตากใบ จ.นราธิวาส

วันนี้ ที่ 10 มิถุนายน 2564 เวลาประมาณ 10.00 น. ที่หอประชุมพนมไพร กองบังคับการตำรวจตะเวนชายแดนภาค 4 อ.เมือง จ.สงขลา พันตำรวจเอกพหล เกตุแก้ว รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค4 และ พันตำรวจเอกกวินศักดิ์ พีรยศธนนนท์ รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมยาไอซ์ 135 กิโลกรัม มูลค่า 135 ล้านบาท พร้อมผู้ต้องหา 4 คน ประกอบด้วย นายวิฑูรย์ วิเชียรพงษ์ อายุ 23 ปี เป็นคน จ.ชลบุรี นายอัครวินท์ สวัสดิ์อักษรชื่น อายุ 22 ปี เป็นคน จ.ชลบุรี  นายภาณุพงศ์ เพิ่มเจริญ อายุ 32 ปี เป็นคนจ.สมุทรสาครและนางสาวอรวรรณ เถื่อนบำรุง อายุ 24 ปี เป็นคนกรุงเทพมหานคร

พร้อมด้วยรถยนต์ จำนวน 2 คัน เป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊สสีขาว ฝากระโปรงหน้า-หลังสีดำ หมายเลขทะเบียน ขว 2597 ชลบุรี และ รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาวป้าย หมายเลขทะเบียน 2กฬ1109 กรุงเทพฯ รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง

สถานที่เกิดเหตุ ที่เก้าเส้งรีสอร์ท 8/23ถ.เก้าแสน ซ.1 ม.3 ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 เวลาประมาณ 15.30 น.โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกลุ่มได้สืบสวนกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดจนพบว่ามีขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ตรวจพบรถต้องสงสัยจึงได้ติดตามรถคันดังกล่าวจนทราบว่าได้เข้าพักที่เก้าเส้งรีสอร์ท

เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจค้นห้องพักที่ผู้ต้องหาได้เปิดไว้ ผลการตรวจค้นพบยาไอซ์บรรจุในถุงพลาสติกสีเขียวเหลืองใส่กระสอบปุ๋ยจำนวน 135 กิโลกรัมอยู่ภายในห้องพัก แต่ไม่พบผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้ออกตรวจสอบรถต้องสงสัยที่เข้าพักในเก้าเส้งรีสอร์ท พบรถต้องสงสัยจำนวน 2 คันจึงได้ติดตามรถต้องสงสัยจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาคนที่1 คือ นายวิฑูรย์ วิเชียรพงษ์ อายุ 23 ปี เป็นคน จ.ชลบุรี โดยจับได้ที่บริเวณสามแยกสำโรง ถนนกาญจนวนิช ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ในเวลาต่อมาได้จับกุมผู้ต้องหาคนที่ 2 คือ นายอัครวินท์ สวัสดิ์อักษรชื่น อายุ 22 ปี เป็นคน จ.ชลบุรี ได้ที่บริเวณหลังเซเว่นอีเลฟเว่น หนองข้อง อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา

ส่วนผู้ต้องหาคนที่ 3 คือ นายภาณุพงศ์ เพิ่มเจริญ อายุ 32 ปี เป็นคน จ.สมุทรสาคร และคนที่ 4 คือ นางสาวอรวรรณ เถื่อนบำรุง อายุ 24 ปี เป็นคนกรุงเทพมหานคร  ได้หลบหนีไปยังสถานีขนส่งหาดใหญ่โดยอาศัยรถตู้เพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจความมั่นคงจุฬาภรณ์ อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสกัดจับรถตู้คันดังกล่าวและสามารถจับกุมผู้ต้องหาคนที่ 3 และ 4 ได้เมื่อเวลาประมาณ 22:20 น.วันเดียวกัน และนำตัวกลับมาที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 เพื่อดำเนินการสืบสวนและขยายผล

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายบอย หรือตี๋ (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีให้นำยาไอซ์ดังกล่าวมาส่งให้กับผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่อำเภอตากใบจังหวัดนราธิวาส โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 300,000 บาท

จึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ในข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน/ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจาหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมตรวจยึดยาเสพติดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลาเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์

สังคม VIP กลบทุกข่าวดี ‘วัคซีนไทย’ | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

สังคม VIP ความเสื่อมแห่งสังคมไทย
กลบทุกข่าวดี ‘วัคซีนไทย’ จนดับวูบ

NEWS GEN TIMES  ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย​ อ.ต้อม -​ กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง 

.

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วันนี้เมื่อ 57 ปีก่อน เป็นวันถึงแก่อสัญกรรมของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของประเทศไทย สิริอายุ 67 ปี

จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีนามเดิมว่า แปลก ขีตตะสังคะ เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2440 เริ่มต้นการศึกษาที่โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี จนเมื่ออายุ 12 ปี ได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนนายร้อยทหารบก จนได้เป็น ‘ว่าที่ร้อยตรี’ สังกัดเหล่าปืนใหญ่ เมื่อปี พ.ศ.2458

จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นหนึ่งในคณะเปลี่ยนแปลงการปกครองสยาม พ.ศ.2475 ต่อมาในปี พ.ศ.2481 ก็ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย โดยเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงประเทศหลายประการ อาทิ การเปลี่ยนชื่อจากประเทศ ‘สยาม’ เป็น ‘ไทย’ รวมถึงการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ เป็นวันที่ 1 มกราคม หรือการให้ใช้คำว่า สวัสดี เป็นการกล่าวทักทายกัน ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามแบบวัฒนธรรมตะวันตก และทำให้ประเทศมีความทันสมัยยิ่งขึ้น

จอมพล ป. พิบูลสงคราม ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2487 เนื่องจากแพ้เสียงส่วนใหญ่ในการร่างกฎหมายสำคัญในสภา แต่ต่อมาในปี พ.ศ.2490 หลังการทำรัฐประหาร เขาก็ได้รับการทาบทามให้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง กระทั่งในปี พ.ศ.2500 เกิดการรัฐประหาร นำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นเหตุให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องลี้ภัยทางการเมืองไปยังประเทศญี่ปุ่นในเวลาต่อมา

จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ชื่อว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุด เป็นระยะเวลารวม 14 ปี 11 เดือน ต่อมาเจ้าตัวได้ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2507 ณ บ้านพักส่วนตัว ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สิริอายุ 67 ปี โดยมีการจัดพิธีฌาปนกิจที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะมีการนำอัฐิกลับสู่ประเทศไทยในวันที่ 27 มิถุนายน ปีเดียวกัน พร้อมพิธีต้อนรับจากทั้งสามเหล่าทัพ
 

ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/แปลก_พิบูลสงคราม


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โควิดทุบความเชื่อมั่นเอกชนหดตัว 2 เดือนติด

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประจำเดือนพ.ค. 2564 ว่า ดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ที่ระดับ 24.7 หลังจากภาคธุรกิจยังคงมีความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ รวมถึงได้รับผลกระทบจากการที่ภาครัฐออกมาตรการควบคุมการระบาดของโรค ทำให้มีการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สั่งปิดกิจการหลายประเภท ธุรกิจเริ่มขาดสภาพคล่องและปิดกิจการ ส่งผลให้มีการปลดคนงานเพิ่มขึ้นหรือมีการลดเงินเดือน 

ส่วนดัชนีวัดความสุขในการดำรงชีวิตปัจจุบันมีค่าดัชนี 27.7 ลดลงจากเดือนเม.ย. อยู่ที่ 30.6  ต่ำที่สุดในประวัติการณ์นับตั้งแต่สำรวจมาเดือน พ.ค. 49 หรือ 193 เดือน หรือ 16 ปี 1 เดือน สอดคล้องกับความคาดหวังความสุขในการดำเนินชีวิตในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (มิ.ย. – ส.ค.) ต่ำเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคมีความกังวลความไม่แน่นอนในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด -19 

“ภาคธุรกิจอยากเห็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในเรื่องของการกระจายวัคซีนในทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงเพื่อให้มีเพียงพอกับจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนไว้ ทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชนกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง รวมถึงเร่งการหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในคลัสเตอร์ต่างๆหลายพื้นที่ให้ได้โดยเร็ว และเร่งขับเคลื่อนการส่งออกของประเทศเพื่อเพิ่มระดับการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมามีรายได้ทันทีเมื่อประชาชนได้รับวัคซีนและมีภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ”

ก.แรงงาน ปล่อยกู้สูงสุด 1 ล้านบาทปลอดดอกเบี้ย เพิ่มทักษะแรงงานช่วยสถานประกอบกิจการ สู้วิกฤตโควิด-19 ระลอก 3

กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ปล่อยกู้ปลอดดอกเบี้ยต่อเนื่องถึงสิงหาคม 64 ช่วยสถานประกอบกิจการใช้หมุนเวียนในการพัฒนาทักษะฝีมือลูกจ้าง สู้วิกฤตโควิด-19 ระลอก 3 นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ กพร.ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ เยียวยาความเดือดร้อนของกำลังแรงงานในประเทศที่กำลังเผชิญอยู่ โดยให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการที่ต้องการพัฒนาทักษะฝีมือลูกจ้างเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานสามารถกู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ปลอดดอกเบี้ย (ดอกเบี้ย 0%) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม หรือทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน

อธิบดี กพร. กล่าวต่อไปว่า กพร.ได้จัดสรรงบประมาณจากเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานให้แก่สถานประกอบกิจการกู้ยืมแบบไม่มีดอกเบี้ยต่อเนื่องจนถึง 31 สิงหาคม 2564 ในวงเงินกู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท ในปี 2564 กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดสรรเงินจำนวน 30 ล้านบาท จากกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน สำหรับให้สถานประกอบกิจการกู้ยืมไปใช้ในการพัฒนาทักษะ หรือนำไปใช้ในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติให้แก่พนักงาน แบบไม่มีดอกเบี้ย ตั้งแต่ 16 กรกฎาคม 2563-31 สิงหาคม 2564 ซึ่งปัจจุบัน ณ 31 พฤษภาคม 2564 ได้อนุมัติให้เงินกู้ยืมไปแล้ว 28 บริษัท เป็นเงินกว่า 17 ล้านบาท และมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด ได้แก่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) ทั้ง 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร ให้บริการรับคำขอกู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน

ด้าน คุณอัชฌารี บัวมี Training & Audit Manager บริษัท กรีน ลาเท็กซ์ จำกัด เป็นสถานประกอบกิจการที่ผลิตที่นอนยางพารา หมอน เบาะ ตุ๊กตา และเครื่องนอน กล่าวถึงเงินกู้ดังกล่าวว่า การให้เงินกู้ยืมเป็นประโยชน์มาก ต่อสถานประกอบกิจการ เป็นเงินก้อนช่วยเหลือ รักษาการจ้างงาน ทำให้สถานประกอบกิจการดำเนินการจัดอบรมต่อไปได้ตามแผนประจำปีอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพพนักงานได้รับการพัฒนาและมีความพร้อม กลับมาช่วยบริษัทสู้กับวิกฤตโควิด-19

ส่วน คุณธิดาทิพย์ จำปาแดง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนเชอรัลเอ็นเนอร์ยีเทค จำกัด ในนามศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเนเชอรัล เป็นศูนย์ทดสอบฯ เอกชนในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ 1 ได้กล่าวขอบคุณกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่ให้กู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อนำมาปรับปรุงสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้เป็นที่ยอมรับ และรักษามาตรฐานให้เป็นไปตามที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนด และเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ารับการทดสอบด้วย

“การให้กู้ยืมดังกล่าวเป็นมาตรการจูงใจเพื่อให้สถานประกอบกิจการมีส่วนร่วมในการพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่แรงงานที่เป็นลูกจ้างของตนเองเพื่อให้มีทักษะฝีมือเพิ่มสูงขึ้น สถานประกอบกิจการที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้ยืมได้ที่ สพร. และ สนพ. ทุกแห่งทั่วประเทศ โดยสามารถยื่นคำขอกู้พร้อมหลักฐานได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 15 กรกฎาคม 2564 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สพร. และ สนพ.ทุกจังหวัด หรือกองส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน 0 2643 6039” อธิบดี กพร. กล่าวทิ้งท้าย
 

มุกดาหาร - “อุ๊บ” เชื่อตำรวจออกหมายจับถูกตัว แจงไม่ได้เป็นนกสองหัว ยังเป็นคนเดิมที่ยืนอยู่กับความถูกต้อง

นายวิริยะ พงษ์อาจหาญ หรือ “อุ๊บ วิริยะ” นักปั้นดารามือทอง อดีตกัลยาณมิตรของลุงพล ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจแม่และพ่อน้องชมพู่ที่จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจพ่อและแม่น้องชมพู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ให้กำลังใจมาโดยตลอด เคยมาที่กกกอกแล้วกว่า 10 ครั้ง ทุกครั้งที่มาก็จะมาเยี่ยมทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายพ่อแม่น้องชมพู่และลุงพล แต่ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ข้างฝ่ายที่ถูกต้อง ฝ่ายที่เรารู้สึกมีความสุขกับการที่จะมาพบปะเยี่ยมเยียน วันนี้ถือว่าเป็นวันดีวันหนึ่งเนื่องจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และทีมทนายความที่ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวแม่น้องชมพู่ ในส่วนตัวขอชี้แจงว่าไม่ได้เป็นนกสองหัวไปฝ่ายนู้นทีฝ่ายนี้ที ยังเป็นคนเดิมที่ยืนอยู่กับความถูกต้อง

อุ๊บ วิริยะ กล่าวว่า มีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าขอออกหมายจับถูกต้องแล้วเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเก็บรวบรวมหลักฐานมาเป็นระยะเวลาถึง 1 ปี ถ้าหลักฐานไม่หนักแน่นจนชี้ชัดมัดตัวคนร้ายได้ก็คงไม่มีหมายจับออกมา เราเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของตำรวจว่ามีความถูกต้อง จากการมาที่กกกอกกว่า 10 ครั้ง และติดตามข่าวจากทุกสื่อ ทุกโซเชียล ทำให้สามารถวิเคราะห์แยกแยะออกได้ว่าใครดีใครชั่ว ใครที่กระทำความผิดมันก็เห็นชัดจากพฤติกรรมของคนบางคนที่แสดงออกมาให้เราเห็น ฉายาคน 2 ซิมเป็นเรื่องจริงล้านเปอร์เซ็นต์ และน่ากลัว ตั้งแต่เกิดมา 62 ปี ในชีวิตนี้ไม่เคยเจอคนแบบนี้ และเมื่อมาเจอก็ทำให้คิดว่าคนเราเป็นไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ น่ากลัว อยู่ห่างไกลไว้เป็นดีที่สุด


ภาพ/ข่าว  ชุด ฉก.พญาอินทรีย์ / เดวิท โชคชัย จ.มุกดาหาร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top