Wednesday, 9 July 2025
TheStatesTimes

ทรัมป์ย้ำเส้นตาย!! ขึ้นภาษีนำเข้า 1 ส.ค. ส่งผลกระทบไทย โดนภาษีสหรัฐฯ 36%

(9 ก.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันอังคารว่า จะไม่มีการขยายเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคมนี้ สำหรับการบังคับใช้ภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นกับหลายประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยแสดงท่าทีว่าจะมีความยืดหยุ่นในกำหนดการดังกล่าว

ตั้งแต่เดือนเมษายน สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตรา 10% กับหลายประเทศ แต่มีบางประเทศที่ถูกกำหนดให้เสียภาษีเพิ่มเป็นพิเศษ ซึ่งถูกเลื่อนมาแล้วหลายรอบ แต่ล่าสุดทรัมป์ยืนยันว่าจะเริ่มเก็บจริงวันที่ 1 สิงหาคมนี้ และจะไม่เลื่อนอีกแล้ว

ทรัมป์โพสต์ผ่าน Truth Social ว่า “จะไม่มีการต่อเวลาอีก” และระบุว่าประเทศต่าง ๆ จะเริ่มจ่ายภาษีตามหนังสือแจ้งเตือนที่รัฐบาลส่งออกไป โดยบางประเทศจะถูกเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ เช่น อินโดนีเซีย บังกลาเทศ ไทย และมาเลเซีย ส่วนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะถูกเก็บในอัตรา 25%

ในจดหมายถึงผู้นำประเทศต่าง ๆ ทรัมป์เตือนว่า หากมีการตอบโต้ สหรัฐฯ อาจตอบกลับด้วยมาตรการภาษีที่รุนแรงขึ้น แต่ก็เปิดช่องให้ต่อรอง โดยระบุว่า หากประเทศใดพร้อมปรับนโยบายการค้า สหรัฐฯ “อาจพิจารณาปรับแก้จดหมายนี้”

จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯ มีข้อตกลงเกิดขึ้นเพียงกับไม่กี่ประเทศ เช่น อังกฤษ เวียดนาม และการลดภาษีตอบโต้กับจีน โดยทรัมป์ย้ำว่า มาตรการขึ้นภาษีนี้มีเป้าหมายเพื่อให้การค้าระหว่างประเทศเป็นธรรมกับสหรัฐฯ มากขึ้น

เปิดประวัติ ‘พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ’ หรือ โฟม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คนใหม่ ที่ไม่ได้มีดีแค่เป็นหลานชาย ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ เท่านั้น

ภายหลังจากได้เห็นโฉมหน้า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ในรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือ นายกฯ อิ๊งค์ 1/2  ซึ่งมีทั้งรัฐมนตรีหน้าเก่าและหน้าใหม่ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหนึ่งในรัฐมนตรีหน้าใหม่ที่ได้รับการจับตามองอย่างมาก นั่นก็คือ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 

ที่ผ่านมามีชาวเน็ตจำนวนมาก รวมถึงเพจดังอย่าง CSI LA ได้ตั้งคำถามว่า เหตุใด พงศ์กวิน จึงได้นั่งตำแหน่งนี้ นั่นอาจเป็นเพราะนอกจากจะเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ และอยู่ในตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญแล้ว การที่มีนามสกุล ‘จึงรุ่งเรืองกิจ’ ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เป็นที่น่าจับตามองมากขึ้นไปอีก เพราะเป็นหลานชายของ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม อีกทั้งยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ความรู้ความสามารถ ให้ลึกถึงรายละเอียดจะพบว่า พงศ์กวิน นั้นมีความรู้เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ในระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธา จากวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จาก คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต

ไม่เพียงเท่านั้นก่อนเข้าสู่ถนนสายการเมือง พงศ์กวิน ผ่านทั้งงานด้านการบริหารธุรกิจมาแล้ว ในตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการบริษัท อาทิ บริษัท จีเดค จำกัด บริษัท ไออีซี กรีน เอนเนอร์ยี่ จำกัด บริษัท ไออีซี บิซิเนส พาร์ทเนอร์ส จำกัดและบริษัท ไออีซี สระแก้ว 1 จำกัด

หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากบทบาทนักธุรกิจ จึงได้ตัดสินใจเข้ามาทำงานด้านงานการเมืองของ ตามรอย ‘สุริยะ’ ผู้เป็นอา โดยเริ่มต้นด้วยการเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ พ.ศ. 2561 ก่อนที่ในปีถัดมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ และได้รับเลือกตั้ง 

ตลอดระยะเวลา 4 ปี ในบทบาท สส. ต้องยอมรับว่า พงศ์กวิน เป็น สส.ที่มุ่งมั่นในบทบาทที่ตนเองดูแล มีความตั้งใจ ขยันทำงาน โดยเฉพาะงานฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นทั้งวิปรัฐบาล, รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกีฬา สภาผู้แทนราษฎร เรียกได้ว่าติดอันดับ ‘ตัวท็อป’ ที่มาประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไปทุกแมตช์ ยกมือแทบจะทุกรอบ ไม่เคยพลาด จนคำว่า ‘ดาวรุ่ง’ ในเชิงของ สส.ภาพลักษณ์ดี ติดอยู่ในสายตาบรรดาคนการเมือง

แม้ว่าในการเลือกตั้งปี 2566 ในสีเสื้อพรรคเพื่อไทย จะไม่ได้รับการเลือกตั้ง เพราะอยู่ในลำดับที่ 93  แต่ต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้กับสุริยะผู้เป็นอา และล่าสุด พงศ์กวิน ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในรัฐบาลนายกแพทองธาร ชินวัตร แทน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่ลาออกตามมติพรรคภูมิใจไทยไปก่อนหน้า

ถึงชั่วโมงนี้ หลายคนโดยเฉพาะชาวเน็ต ยังคงมีข้อกังขาว่า การได้นั่งในตำแหน่ง รมว.แรงงาน ของ พงศ์กวิน ในครั้งนี้ หลักๆ คงโฟกัสไปที่การมีนามสกุลดังอย่าง ‘จึงรุ่งเรืองกิจ’ และก็คงห้ามความคิดใครไม่ได้ด้วย แต่หากมองด้วยใจเป็นกลาง โดยปราศจากอคติ ก็ควรเปิดโอกาสและให้เวลากับ รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง อย่าง พงศ์กวิน ได้พิสูจน์ฝีมือสร้างผลงาน ทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งอาจจะทำได้ดีกว่า คนที่เคยนั่งเก้าอี้ตัวนี้ก็ได้

‘กมธ. อุตสาหกรรม’ เสนอแก้ไขกฎหมายสถานพยาบาล คุมเพดานกำไรค่ารักษา – ยา สร้างความเป็นธรรมผู้ใช้บริการ

กมธ.อุตสาหกรรม เสนอแก้ไขกฎหมายสถานพยาบาล กำหนดเพดานค่ารักษา ค่ายาและเวชภัณฑ์ คุมกำไรค่ารักษา ค่ายาและเวชภัณฑ์ต่อหน่วย สร้างความเป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชน ผู้บริโภค และผู้ใช้บริการ 

วันที่ (9 ก.ค. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้แถลงข่าวถึงการยื่นแก้ไขร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาล ฉบับที่... พ.ศ. ... ว่า 

จากการได้รับข้อร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลเอกชนนั้นมีราคาสูงเกินสมควร และส่งผลกระทบแก่ผู้เข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก ดังนั้นทางคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมซึ่งได้ดูแลอุตสาหกรรมทางการแพทย์ด้วย จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยที่ประชุมคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมได้มีความเห็นตรงกันว่าการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาลจะเป็นการแก้ไขปัญหาการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคหรือผู้ป่วยที่ใช้บริการสถานพยาบาลเอกชน หรือ โรงพยาบาลเอกชนที่ต้นเหตุ 

สำหรับการยื่นแก้ไขร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาล ฉบับที่... พ.ศ. ... โดยคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมนั้นมีการแก้ไขใน 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่

การแก้ไขมาตรา 7 ในส่วนของ ‘คณะกรรมการสถานพยาบาล’ ซึ่งมีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานคณะกรรมการ โดยร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาลฉบับแก้ไข จะมีการเพิ่มผู้แทนของกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนของสภาองค์กรของผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมเป็นกรรมการสถานพยาบาล 

เพื่อให้คณะกรรมการสถานพยาบาลได้มีการใช้อำนาจในการกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาล ค่ายา และค่าเวชภัณฑ์ และค่าบริการอื่น ๆ ในอัตราสูงสุด หรือกำหนดเพดานค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลเอกชน รวมถึงอัตรากำไรขั้นสูงสุดต่อหน่วยของอัตราค่ารักษาพยาบาล ค่ายาและเวชภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ  ตามที่จะได้มีการแก้ไขในมาตรา 11/1 ในร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาลที่ทางคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมได้มีการเสนอให้แก้ไขไปด้วย

“การแก้ไขกฎหมายสถานพยาบาลจะทำให้พี่น้องประชาชน ผู้บริโภค และผู้เข้ารับบริการได้รับความเป็นธรรมจากค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมากยิ่งขึ้น” นายอัครเดชกล่าวในตอนท้าย

‘ยูเครน’ คว่ำบาตรบริษัทจีน 5 แห่ง กล่าวหาส่งชิ้นส่วนโดรนให้ ‘รัสเซีย’ มาถล่ม

(9 ก.ค. 68) ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ลงนามในคำสั่งคว่ำบาตร 5 บริษัทจากจีน หลังพบว่าบริษัทเหล่านี้ส่งชิ้นส่วนที่ใช้ในโดรนรุ่น Shahed ซึ่งรัสเซียใช้โจมตียูเครน โดยคำสั่งนี้มีขึ้นหลังจากหน่วยความมั่นคงยูเครนตรวจพบชิ้นส่วนจากจีนในซากโดรนที่ถูกยิงตกในกรุงเคียฟเมื่อ 4 กรกฎาคม

บริษัทที่ถูกคว่ำบาตร ได้แก่ Central Asia Silk Road International Trade, Suzhou Ecod Precision Manufacturing, Shenzhen Royo Technology, Shenzhen Jinduobang Technology และ Ningbo BLIN Machinery โดยรายชื่อทั้งหมดถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของประธานาธิบดี

โดรนรุ่นชาเฮด (Shahed) เป็นอาวุธที่รัสเซียใช้โจมตียูเครน โดยสร้างขึ้นจากแบบของอิหร่าน และประกอบด้วยชิ้นส่วนจากหลายประเทศ ซึ่งยูเครนเตือนว่า ยังมีบางประเทศที่ไม่ได้ร่วมคว่ำบาตรรัสเซีย และปล่อยให้ชิ้นส่วนเหล่านี้ส่งไปถึงรัสเซีย

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ยูเครนระบุว่า รัสเซียยังผลิตอาวุธต่อไปได้ เพราะได้รับชิ้นส่วนและวัสดุจากจีน ซึ่งถือเป็นพันธมิตรสำคัญของรัสเซียในช่วงสงคราม โดยก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกีเคยกล่าวหาว่า “จีนไม่ยอมขายโดรนให้ยูเครน แต่กลับส่งให้รัสเซียแทน”

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับจีนยังคงแน่นแฟ้น ล่าสุดมีรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เตรียมเดินทางเยือนจีนในเดือนกันยายนนี้ เพื่อพบปะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

‘หม่อมไกรสร’ ไพรีผู้พินาศ ประมาทเพราะอำนาจ พลาดจนตัวตาย | THE STATES TIMES Story EP.175

หากจะพูดถึงเจ้านายที่ชีวิตขึ้นสุด ลงสุด หรือก็คือมีอำนาจวาสนาถึงสูงสุด มียศศักดิ์ได้ทรงกรมถึง ‘กรมหลวง’ และลงต่ำสุดถูกถอดยศเหลือแค่ ‘หม่อม’ ก่อนถูกประหารชีวิตด้วยท่อนจันทน์ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษ์รณเรศ’ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว

เรื่องราวและความผิดของ ‘หม่อมไกรสร’ จะเป็นอย่างไร วันนี้ THE STATES TIMES Story ได้รวบรวมมาเล่าให้ฟังแล้ว ถ้าพร้อมแล้ว ไปฟังกัน…

‘เอกนัฏ’ ส่งทีมสุดซอย บุกจับโรงงานเถื่อนในที่ดินป่าไม้ ลอบนำเข้าเศษยางจากกัมพูชาแปรรูปส่งออกต่างประเทศ

(9 ก.ค.68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือ ทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง นำหมายค้นจากศาลจังหวัดระยอง เข้าตรวจสอบโรงงานร้างแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตป่า ตรวจสอบภายในโรงงานพบเป็นที่ตั้งของ บริษัท ฟูด้า รับเบอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 71 หมู่ที่ 2 ต.ขำฆ้อ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง หลังได้รับรายงานว่ามีการลักลอบตั้งประกอบกิจการโรงงานรีไซเคิล บดย่อยยางรถยนต์ และมีการนำเข้า เศษยางรถยนต์จากกัมพูชามาลักลอบแปรรูปส่งออก

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าโรงงานดังกล่าวมีการประกอบกิจการรีไซเคิลยางรถยนต์เก่า พบกองวัตถุดิบประเภทยางรถที่ใช้แล้ว เศษยางรถบดย่อย เศษลวดจากยางรถเป็นจำนวนมาก เพื่อมารีดทำยางแผ่นส่งออกต่างประเทศ และยังพบเครื่องจักรที่ใช้ในการประกอบกิจการ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการตั้งและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงทำการยึดอายัดของกลาง และจับกุม นายฉี เร่อเทียน สัญชาติจีน และนายรังสฤษดิ์ หวานฤดี ชาวไทย ในข้อหาร่วมกันประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และจับแรงงานชาวพม่าลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวน 2 ราย ส่งดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรเขาชะเมา 

จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าที่ดินแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตป่าที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) สำหรับให้อยู่ทำกินเพื่อการเกษตร ซึ่งผู้ถือครองสิทธิ์คือ นางเบญจพร หอมขจรทรงวศิน ต่อมา นายฉี เร่อเทียน มีการทำสัญญาเช่าที่ดินแปลงดังกล่าวกับ นายกิตติ ทรงวศิน เพื่อประกอบธุรกิจ ทำให้ผิดวัตถุประสงค์ในการใช้ที่ดินในเขตป่าตามอนุญาต คทช. เพราะไม่ได้ใช้ประโยชน์เพื่อทำกินและการเกษตร แต่กลับปล่อยให้ชาวต่างชาติมาเช่าช่วงต่อ และลักลอบตั้งโรงงานเถื่อนทำธุรกิจรีไซเคิล บดย่อยเศษยาง และพบว่ากิจการแห่งนี้มีความเชื่อมโยงขบวนการนำเข้าเศษยางรถยนต์มาจากกัมพูชา มาบดย่อยแปรรูปเป็นยางแผ่น เพื่อส่งออกไปจีนอีกด้วย

นอกจากที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมและตำรวจ บก.ปทส. ดำเนินคดีกับชาวจีนและหุ้นส่วนชาวไทย ข้อหาประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ชุดสุดซอยจะทำรายงานเพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อมอบหมายให้อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และกรมป่าไม้ พิจารณาทบทวนการให้สิทธิ์เช่าที่ดินทำกินในที่ดินป่าไม้ ว่ามีการกระทำที่ผิดวัตถุประสงค์ในการให้คนไทยเช่าใช้ที่ดินทำกินและการเกษตรหรือไม่ เพื่อบูรณาการความร่วมมือตรวจสอบ บังคับใช้กฎหมาย และป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำความผิดของผู้ลักลอบใช้พื้นที่ป่าไม้ฝ่าฝืนทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ต่อไป

จีนทุบสถิติมูลค่าเศรษฐกิจทางทะเลปี 2024 ทะลุ 45 ล้านล้าน!! ขนส่ง-ต่อเรือ-ประมง เกินเป้าทุกด้าน

(9 ก.ค. 68) จีนประกาศมูลค่าเศรษฐกิจทางทะเลในปี 2024 สูงเกิน 10 ล้านล้านหยวน (ราว 45.5 ล้านล้านบาท) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สะท้อนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมทางทะเลอย่างต่อเนื่อง

เจิ้งซานเจี๋ย (Zheng Shanjie) หัวหน้าคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ เผยตัวเลขนี้ระหว่างแถลงความคืบหน้าของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2021 และจะสิ้นสุดในปี 2025

จีนยังคงเป็นผู้นำโลกด้านการขนส่งทางเรือ โดยมีปริมาณการขนส่งสินค้าและตู้คอนเทนเนอร์คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของทั่วโลก รวมถึงครองส่วนแบ่งตลาดเรือและอุปกรณ์วิศวกรรมทางทะเลมากกว่าร้อยละ 50

นอกจากนี้ จีนยังรักษาตำแหน่งผู้นำด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเล ด้วยปริมาณผลผลิตที่สูงสุดในโลกติดต่อกันหลายปี สะท้อนบทบาทสำคัญของเศรษฐกิจทางทะเลในการขับเคลื่อนประเทศ

10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 วันอาสาฬหบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 วันที่พระรัตนตรัยเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์

วันอาสาฬหบูชา เป็นหนึ่งในวันสำคัญในพระพุทธศาสตรา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ก่อนวันเข้าพรรษา 1 วัน ในปี 2568 ตรงกับ วันที่ 10 กรกฎาคม 2568

อาสาฬหบูชา ย่อมาจากคำว่า 'อาสาฬหปูรณมีบูชา' แปลว่า 'การบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ' อันเป็นเดือนที่ 4 ตามปฏิทินของประเทศอินเดีย ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย มักตรงกับเดือน ก.ค. หรือ ส.ค.

วันอาสาฬหบูชา เป็นวันสำคัญทาง พระพุทธศาสนา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ เทศน์กัณฑ์แรก คือ 'ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร' เป็นครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 ได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ

การแสดงธรรมครั้งนั้นทำให้ พระโกณฑัญญะ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ เกิดความเลื่อมใสในพระธรรมจนได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระอริยบุคคลระดับโสดาบัน ได้อุปสมบทเป็นพระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา และทำให้พระรัตนตรัยครบองค์ 3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

วันอาสาฬหบูชา ถูกกำหนดให้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาโดยคณะสังฆมนตรี เมื่อ พ.ศ.2501 ตามคำแนะนำของ พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี) พร้อมทั้งยังกำหนดพิธีขึ้นอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีพิธีปฏิบัติเทียบเท่ากับ 'วันวิสาขบูชา'

อย่างไรก็ตาม วันอาสาฬหบูชาถือเป็นวันสำคัญที่กำหนดให้กับวันหยุดของรัฐเพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ส่วนในต่างประเทศที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทอื่น ๆ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันอาสาฬหบูชาเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top