Friday, 11 July 2025
TheStatesTimes

10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 วันอาสาฬหบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 วันที่พระรัตนตรัยเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์

วันอาสาฬหบูชา เป็นหนึ่งในวันสำคัญในพระพุทธศาสตรา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ก่อนวันเข้าพรรษา 1 วัน ในปี 2568 ตรงกับ วันที่ 10 กรกฎาคม 2568

อาสาฬหบูชา ย่อมาจากคำว่า 'อาสาฬหปูรณมีบูชา' แปลว่า 'การบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ' อันเป็นเดือนที่ 4 ตามปฏิทินของประเทศอินเดีย ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย มักตรงกับเดือน ก.ค. หรือ ส.ค.

วันอาสาฬหบูชา เป็นวันสำคัญทาง พระพุทธศาสนา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ เทศน์กัณฑ์แรก คือ 'ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร' เป็นครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 ได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ

การแสดงธรรมครั้งนั้นทำให้ พระโกณฑัญญะ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ เกิดความเลื่อมใสในพระธรรมจนได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระอริยบุคคลระดับโสดาบัน ได้อุปสมบทเป็นพระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา และทำให้พระรัตนตรัยครบองค์ 3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

วันอาสาฬหบูชา ถูกกำหนดให้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาโดยคณะสังฆมนตรี เมื่อ พ.ศ.2501 ตามคำแนะนำของ พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี) พร้อมทั้งยังกำหนดพิธีขึ้นอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีพิธีปฏิบัติเทียบเท่ากับ 'วันวิสาขบูชา'

อย่างไรก็ตาม วันอาสาฬหบูชาถือเป็นวันสำคัญที่กำหนดให้กับวันหยุดของรัฐเพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ส่วนในต่างประเทศที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทอื่น ๆ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันอาสาฬหบูชาเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชา

ทรัมป์ลั่น ‘ดอลลาร์คือราชา’ ขู่กลุ่ม BRICS ท้าทายเงินดอลล์!! เตรียมขึ้นภาษีอีก 10%

(9 ก.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แถลงในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร ยืนยันว่าดอลลาร์สหรัฐฯ ต้องคงสถานะสกุลเงินหลักของโลก พร้อมขู่ว่าหากประเทศใดพยายามลดบทบาทของดอลลาร์ จะถือเป็นภัยร้ายแรงระดับ "สงครามโลก" และสหรัฐฯ จะไม่ยอมให้เกิดขึ้น

ทรัมป์ระบุชัดว่า หากประเทศใดพยายามหาทางเลี่ยงการใช้ดอลลาร์ในระบบการค้าโลก เช่นกลุ่ม BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) ที่เคยพูดถึงการสร้างระบบเงินใหม่ เขาพร้อมจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% กับประเทศเหล่านั้น

“ถ้าใครอยากท้าทายดอลลาร์ก็ลองดู แต่ต้องจ่ายราคาแพง และผมไม่คิดว่าจะมีใครกล้าจ่าย” ทรัมป์กล่าว พร้อมเหน็บอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผ่านมาว่า “ถ้าอเมริกามีผู้นำโง่ ๆ เหมือนที่ผ่านมา เราก็คงเสียสถานะดอลลาร์ไปแล้ว เหมือนแพ้สงคราม”

ทรัมป์ยืนยันแนวทางเศรษฐกิจว่า “ดอลลาร์คือราชา และเราจะทำให้มันเป็นแบบนั้นต่อไป” พร้อมพูดถึงเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม ที่จะเริ่มบังคับใช้ภาษีนำเข้าชุดใหม่กับหลายประเทศ โดยบอกว่าหลายชาติต่างยอมอ่อนข้อให้สหรัฐฯ หลังจากถูกกดดันหนัก

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เพิ่งประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ 25% และเตรียมเก็บภาษีใหม่กับอีกกว่า 10 ประเทศภายในต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในมาตรการกดดันการค้าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีของสหรัฐฯ

‘ชัยวุฒิ’ ฝาก ‘อิ๊ง’ อย่านำกาสิโนมาสร้างวัฒนธรรมที่ผิด เชื่อจีนไม่เอากาสิโนจริง หวั่นภาคท่องเที่ยวกระทบยาว

‘ชัยวุฒิ’ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เชื่อผู้นำจีน ไม่หนุนกาสิโน พร้อมฝากรมว.วัฒนธรรม อย่านำกาสิโนมาสร้างวัฒนธรรมที่ผิดให้กับคนไทย 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า  ฝากไปถึงรัฐบาลโดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม คุณอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อยากให้ช่วยดูแลเรื่องวัฒนธรรมของเมืองไทยให้สวยงาม ให้เป็นแหล่งที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้คนอยากมาเที่ยว เพราะวัฒนธรรมอันดีงามของคนไทย  อย่าไปสร้างวัฒนธรรมที่ผิดๆ เรื่องกาสิโน เรื่องการพนัน ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ดีงามของสังคมไทยอย่างแน่นอน 

สําหรับชาวต่างชาติมองประเทศไทยเป็นประเทศเมืองพุทธ เมืองที่สงบสุขปลอดภัย คนต่างชาติก็อยากมาเที่ยวอยู่แล้ว แต่ถ้าเราไปทำกาสิโนทําให้เป็นเมืองที่ไม่ปลอดภัย ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศจีนก็จะไม่อยากมาเที่ยวเมืองไทยของเรา 

“ผมว่าทุกประเทศในโลกก็ไม่เห็นด้วยกับ การพนัน ไม่อยากให้ประชาชนพลเมืองเค้าไปเล่นการพนันเป็นสิ่งที่ไม่ดี ผมทราบมาว่าประเทศจีนตอนนี้ก็มีการจํากัดการเดินทางไปมาเก๊า ไม่อยากให้คนไปเล่นการพนัน ให้เดินทางไปปีนึงไม่เกิน 3-4 ครั้ง ซึ่งผมคิดว่าก็เป็นสิ่งที่ไม่แปลกที่เค้าจะไม่อยากให้คนจีนมาเที่ยวเมืองไทยถ้าเมืองไทยมีกาสิโน เพราะว่าจะเป็นความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนคนจีนอย่างแน่นอน ซึ่งก็หมายความว่าถ้าเรามีกาสิโนการท่องเที่ยวก็จะได้ผลกระทบรุนแรงแน่นอน”

ทั้งนี้  อยากให้รัฐบาลคิดถึงเรื่องนี้ให้ดี ส่งเสริมการท่องเที่ยวเอาใจใส่ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวให้ดี เพราะตอนนี้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในภาคธุรกิจท่องเที่ยวเดือดร้อนกันมาก ขอให้เอาใจใส่แล้วเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาโดยด่วน นี่ก็เป็นเรื่องสําคัญที่อยากให้รัฐบาลพิจารณาส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง วันนี้คนที่อยู่ในธุรกิจทางท่องเที่ยวเดือดร้อนกันมาก นักท่องเที่ยวหายไปทั้งจากจีนและหลายประเทศ โดยเฉพาะถ้าเรามีการส่งเสริมเรื่องความปลอดภัย เรื่องการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่ดี  น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าการทำกาสิโน เพราะการทำกาสิโนจะทําให้หลายประเทศอาจจะต่อต้าน ไม่อยากให้คนในประเทศของเขาเข้ามาเที่ยวเมืองไทยในอนาคต

สหรัฐฯ ใช้ช่องทาง ‘ไทย-เม็กซิโก’ นำเข้าแร่หายาก หลังจีนสั่งแบนส่งแร่ให้สหรัฐฯ ตั้งแต่ปลายปี 2567

จีนแบนแร่หายากไม่ให้ส่งเข้าสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯ กลับหาช่องทางนำเข้าได้ โดยผ่านประเทศที่ 3 อย่างไทย และเม็กซิโก 

(10 ก.ค.68) สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่ามีแร่แอนติโมนี หรือพลวง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ และรถยนต์ นำเข้าสู่สหรัฐฯ มากเป็นผิดปกติ ผ่านประเทศที่ 3 อย่างไทย และเม็กซิโก ตั้งแต่จีนประกาศแบนการส่งชิปให้สหรัฐฯ เมื่อปลายปี 2024

จีนประกาศแบนการส่งแร่เหล่านี้ให้สหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการจำกัดการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ไปให้จีนแต่บันทึกของศุลกากรสหรัฐฯ และการจัดส่งแสดงข้อมูลว่า มีบริษัทที่จีนเป็นเจ้าอย่างน้อยหนึ่งแห่งที่มีส่วนในการค้ากับสหรัฐฯ 

โดยข้อมูลการค้าแสดงให้เห็นเส้นทางใหม่ในการจัดส่งแร่ไปยังสหรัฐฯ ผ่านประเทศที่ 3 ตั้งแต่จีนแบนการส่งแร่ ทั้งสหรัฐฯ ยังนําเข้าพลวงออกไซด์ 3,834 เมตริกตันจากไทยและเม็กซิโก ในเดือนธันวาคม-เมษายน ซึ่งจำนวนนี้ ถือว่า เกือบมากกว่าการนำเข้าของ 3 ปีรวมกัน ทั้งไทยและเม็กซิโก ยังพุ่งเข้าสู่ 3 อันดับแรก ที่จีนส่งออกแร่พลวง ทั้งที่ในปี 2023 ก่อนการจำกัดการส่งออกนั้น ทั้งสองประเทศไม่ได้อยู่ในลิสต์ท็อป 10 

รอยเตอร์ได้เปิดเผยบริษัทในไทย ที่ชื่อว่าบริษัท Thai Unipet Industries ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Youngsun Chemicals ผู้ผลิตแอนติโมนีของจีนที่ตั้งอยู่ในไทย และเป็นบริษัทที่มียอดการค้าขายกับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลพบว่า Thai Unipet จัดส่งแร่พลวงอย่างน้อย 3,366 ตันจากไทยไปยังสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนธันวาคม - พฤษภาคม ซึ่งเพิ่มถึงกว่า 27 เท่าของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อรอยเตอร์พยายามติดต่อไปยังบริษัทนี้เพื่อสอบถาม ก็ไม่ได้รับการตอบกลับทั้งยังได้รับแจ้งว่าเบอร์โทรนั้นไม่ถูกต้องด้วย 

รายงานของ RFC Ambrian ยังพบว่าประเทศไทยและเม็กซิโกต่างมีโรงหลอมพลวงเพียงแห่งเดียว และโรงงานนั้นได้เปิดตัวอีกครั้งในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งยังไม่มีข้อมูลว่า มีประเทศใดขุดโลหะในปริมาณที่มากด้วย 

ทั้งจากสถิติยังพบว่า แม้จะถูกแบนจากจีน แต่การนำเข้าพลวง แกลเลียม และเจอร์เมเนียมของสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมานั้นเทียบเท่า หรือมากกว่าก่อนจีนจะแบน แม้ว่าจะซื้อในราคาที่สูงกว่า ซึ่งมีการมองว่า การส่งแร่จากจีน ด้วยการผ่านประเทศที่ 3 นั้น เป็นวิธีหลีกเลี่ยงกฎระเบียบ 

แม้จีนจะแบนการส่งออกแร่หายากอย่าง 'พลวง' ให้สหรัฐฯ ตั้งแต่ปลายปี 2024 แต่สหรัฐฯ ยังนำเข้าแร่ผ่านประเทศที่ 3 อย่างไทยและเม็กซิโกได้ต่อเนื่อง ข้อมูลชี้ว่าบริษัทลูกของจีนในไทยมีบทบาทสำคัญในการส่งแร่ไปสหรัฐฯ มากขึ้นกว่าปีที่แล้วกว่า 27 เท่า

ด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนเอง ก็ได้กล่าวในเดือนพฤษภาคมว่ามีการดำเนินการในต่างประเทศที่ "สมรู้ร่วมคิดกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายในประเทศ" เพื่อหลบเลี่ยงข้อจํากัดการส่งออก ทั้งยังเริ่มเรียกร้องให้ต่อต้านการขนส่งและลักลอบขนย้ายแร่ธาตุ ซึ่งผู้ฝ่าฝืนอาจถูกโทษจำคุก โดยกฎหมายนี้บังคับใช้กับบริษัทจีนที่แม้ทำธุรกรรมในต่างประเทศก็ตาม 

จีน เป็นประเทศที่ครองอุปทานแร่อย่าง พลวง แกลเลียม และเจอร์เมเนียม ที่ใช้ในการผลิตชิป, สื่อสารโทรคมนาคมเซมิคอนดักเตอร์ และเทคโนโลยีทางทหาร ซึ่งตั้งแต่กลางปี 2024 จีนเริ่มจำกัดการส่งแร่เหล่านี้ โดยกำหนดให้บริษัทที่ส่งแร่ไปสหรัฐฯ ต้องขอใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ ก่อนจะห้ามส่งออกอย่างจริงจังในเดือนธันวาคม 

นอกจากการนำเข้าแล้ว ในเดือนเมษายนเอง โดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศอนุมัติโครงการเหมืองแร่ 10 แห่งทั่วสหรัฐฯ หวังเพิ่มการผลิตแร่สำคัญอย่างทองแดง พลวง และแร่อื่น ๆ เพื่อหวังลดการพึ่งพาแร่จากจีนด้วย 

‘เคทีซี’ ผนึกค้าปลีกทั่วประเทศผุดแคมเปญ Mid-Year Sale ฝ่ากระแสเศรษฐกิจซบเซา มอบส่วนลด-เงินคืนสูงสุด 20%

(10 ก.ค.68) เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุนการใช้จ่ายอย่างมีคุณค่า พร้อมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้บริโภคผ่านแคมเปญ 'Mid-Year Sale' โดยร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และแฟชั่นแบรนด์ทั่วประเทศ ท่ามกลางบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่ยังคงท้าทาย เคทีซีพร้อมเดินหน้าส่งเสริมทุกการใช้จ่ายให้คุ้มค่าและคล่องตัว หวังกระตุ้นบรรยากาศจับจ่ายและเสริมสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจค้าปลีกในช่วงกลางปี มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีรับส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนสูงสุด 20% ผ่านการใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่าย

นายสรชัช ศรีลมูล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายใต้บริบทที่เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายและยังมีความไม่แน่นอน รวมถึงราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น เคทีซีตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยเพื่อส่งสัญญาณเชิงบวกให้กับตลาดผ่านการบริโภคภายในประเทศ จึงร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และแฟชั่นแบรนด์ทั่วประเทศ เปิดตัวแคมเปญ Mid-Year Sale ให้ได้รับประสบการณ์การใช้จ่ายที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ในทุกมิติ เมื่อสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป รับส่วนลดเพิ่มหรือเครดิตเงินคืนสูงสุด 20% โดยมีรายละเอียดดังนี้

สมาชิกที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 – วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ร่วมรายการ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ทุกสาขา / ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ทุกสาขา / ห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป (เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ และเดอะมอลล์ ทุกสาขา, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, เอ็มสเฟียร์, พารากอน, สกายพอร์ต ดอนเมือง และบลูพอร์ต (เฉพาะโซนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และพาวเวอร์ มอลล์) / ห้างสรรพสินค้าสยาม ทาคาชิมายะ / สยามดิสคัฟเวอรี่ และ ไอคอนสยาม เฉพาะในส่วนของพื้นที่โอเพ่น สเปซ และเคาน์เตอร์แบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ หรือช่องทางบริการสั่งซื้อสินค้าของห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ ได้แก่  Line Chat & Shop / Facebook Live และ Personal Shopper 1425 ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและห้างสรรพสินค้าโรบินสัน / Central Online Application และ www.central.co.th หรือ ช่องทาง M Chat & Shop ของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ กรุ๊ป แลกคะแนนรับส่วนลดเพิ่มหรือเครดิตเงินคืนสูงสุด 20% (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ktc.promo/midyear) รวมถึงสมาชิกที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่ร้านค้าลักชูรี่แบรนด์ (Luxury brands) ภายในโซน Luxe Galleries ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 20% (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ktc.promo/chidlom-luxe)

สมาชิกที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2568 – วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ศูนย์การค้าชั้นนำ ได้แก่ สยามพารากอน, ไอคอนสยาม, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, เซ็นทรัล ภูเก็ต และเกษรวิลเลจ เฉพาะร้านค้าลักชูรี่แบรนด์ในหมวด เสื้อผ้า, กระเป๋า, รองเท้า และนาฬิกา แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18%  (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ktc.promo/fashion-luxurybrands2025)

สมาชิกที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ระหว่างวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 – วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ร้านค้าแฟชันแบรนด์ที่ร่วมรายการ ได้แก่ Club 21, เครือ PP Group และเครือ Pacifica แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% และสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในเครือ Jaspal, เครือ CMG, เครือ H&M, เครือ RSH, ร้านแบรนด์ COS, ร้านแบรนด์ Pomelo, ร้านแบรนด์ Mango แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% หรือแลกคะแนนรับสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ktc.promo/fashion-eos2025)

‘พีระพันธุ์’ เผยอินเวอร์เตอร์ฝีมือคนไทยผ่านมาตรฐานแล้ว พร้อมเร่งเดินหน้าผลิตล็อตแรก ช่วยลดค่าไฟให้ประชาชน

ไม่นานเกินรอ!! อินเวอร์เตอร์ฝีมือคนไทยผ่านมาตรฐานแล้ว พร้อมผลิตล็อตแรก ช่วยลดค่าไฟให้ประชาชน

‘พีระพันธุ์’ เดินหน้าแก้ปัญหาค่าไฟแพง ส่งเสริมนวัตกรรมฝีมือคนไทย ล่าสุด อินเวอร์เตอร์ต้นแบบสำหรับโซลาร์รูฟท็อป ที่พัฒนาโดย ‘ครูน้อย’ หรือ นายทวีชัย ไกรดวง ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เรียบร้อยแล้ว เตรียมเดินหน้าผลิตล็อตแรก 10,000 ชุด เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน

จุดเริ่มต้นของโครงการนี้มาจากการที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดสกลนคร และได้เห็นผลงานของ ‘ครูน้อย’ จึงผลักดันให้มีการพัฒนาต่อยอด จนสามารถยกระดับมาตรฐานได้สำเร็จ

ครูน้อย เป็นช่างไฟฟ้าคนไทยที่ทุ่มเททำงานด้านนวัตกรรมมาโดยตลอด แม้ไม่ได้จบการศึกษาด้านวิศวกรรมโดยตรง แต่ด้วยประสบการณ์และความตั้งใจ เขาสามารถคิดค้นอินเวอร์เตอร์ต้นแบบ ที่ใช้ร่วมกับแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าในบ้านได้สำเร็จ ถือเป็นตัวอย่างของคนไทยที่สามารถพัฒนานวัตกรรมได้เองในประเทศ

อินเวอร์เตอร์รุ่นนี้เป็นระบบ On-Grid ขนาด 5.5 กิโลวัตต์ ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ 5,000 วัตต์ เพียงพอสำหรับการใช้ไฟในบ้านบางส่วน ช่วยลดค่าไฟจากระบบไฟฟ้าปกติอย่างเห็นผล นอกจากนี้ ยังผ่านการทดสอบสำคัญครบ 3 ด้าน คือ
• ความปลอดภัยในการเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้า (Grid Code)
• ทดสอบป้องกันฝุ่น น้ำ ความร้อน และไฟฟ้ารั่ว (Safety Test)
• ป้องกันสัญญาณรบกวนที่กระทบอุปกรณ์อื่นในบ้าน (EMC Test)

ทั้งนี้ เบื้องต้นกระทรวงพลังงานตั้งเป้าผลิตอินเวอร์เตอร์ลอตแรก 10,000 ชุด เพื่อลดต้นทุนการผลิต และให้ประชาชนสามารถซื้อใช้ในราคาถูกกว่าสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในครัวเรือน

นอกจากเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์  นายพีระพันธุ์ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกำลังเร่งผลักดันกฎหมายด้านพลังงานชุดใหม่ เพื่อลดขั้นตอนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ปรับโครงสร้างพลังงานให้โปร่งใส เป็นธรรม และลดการผูกขาด เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานสะอาดได้มากขึ้น

ทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแนวทาง “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” ของนายพีระพันธุ์ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ และทำให้คนไทยมีทางเลือกในการผลิตไฟฟ้าใช้เองได้จริง

‘แม่ทัพภาค 2’ วอนคนไทยใช้สติปมเขมรปล่อยคลิปยั่วยุ ชี้ เป็นเพียงการทำไอโอการเมืองของประเทศเพื่อนบ้าน

(10 ก.ค.68) อุบลราชธานี - แม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 วอนประชาชนอย่าใช้อารมณ์ในการดูคลิปที่ฝั่งตรงข้ามปล่อยมา เพราะบางครั้งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น เป็นการสร้างไอโอทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้าน ยืนยันความสัมพันธ์อยู่ในเกณฑ์ดีไม่มีปัญหาอะไร

จากกรณีที่ทางฝ่ายกัมพูชาปล่อยคลิปทหารไทย มีปากเสียงกับทางทหารกัมพูชา ที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกชี้แจงว่า เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00 น. โดยสื่อของฝ่ายกัมพูชาได้นำเสนอคลิปวิดีโอการโต้เถียงระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารไทยและทหารกัมพูชาลงโซเชียลนั้น

จากการตรวจสอบของหน่วยที่เกี่ยวข้อง พบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณช่องอานม้า ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 2310 โดยกำลังพลประมาณ 7 นาย ได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับกิจกรรมภายในของหน่วย และกิจกรรมการตรวจเยี่ยมของผู้บังคับบัญชาคาดว่าฝ่ายกัมพูชาเห็นว่าฝ่ายทหารไทยมีการปฏิบัติต่างไปจากวันปกติทั่วไปจึงอยากเข้ามาสังเกตการณ์ใกล้ ๆ

แต่เมื่อเข้าใกล้พื้นที่มากกว่าขอบเขตที่กำหนด ทหารไทยจึงแสดงตนเข้าชี้แจงและขอให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม เป็นเหตุให้เกิดการโต้เถียงกันด้วยวาจาตามที่ปรากฏข่าว แต่ทั้งสองฝ่ายได้มีการอธิบายทำความเข้าใจกัน จนเป็นที่เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ บริเวณที่ฝ่ายไทยจัดกิจกรรม มิได้เป็นการรุกล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชา ตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ขณะที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ตามคลิปดังกล่าวว่า ตนขอฝากถึงพี่น้องประชาชนคนไทยในช่วงนี้อาจจะมีคลิปที่กระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชน ต่อทหารไทย และ ทหาร กัมพูชา ที่อาจจะกระทบกระทั่งกันตามแนวชายแดนบางจุดบางเวลา ซึ่งบางครั้งมันมีต้นเหตุ แต่ต้นเหตุมันไม่ใช่ตามคลิปที่ออกไป อีกฝ่ายหนึ่งจะตัดเอาเฉพาะในส่วนเป็นผลบวกกับอีกตนเองมาเผยแพร่

ซึ่งคลิปส่วนใหญ่จะไม่ได้เกิดจากพี่น้องคนไทย ทหารไทยไม่ได้ทำคลิปพวกนี้เราไม่ค่อยทำกัน เพราะว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คลิปเหล่านั้นเป็นคลิปที่ผู้ไม่หวังดีจากประเทศเพื่อนบ้านสื่อสารออกมาบางอย่างนั้นก็เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการเมืองของประเทศฝ่ายตรงข้าม ของประเทศข้างเคียง

ในส่วนของเราขอให้พี่น้องได้พิจารณาให้ดีคลิปต่างๆเหล่านั้นว่า ต้นคลิปมาจากที่ใดถ้าเป็นของกองทัพ หรือเป็นคนไทยนั้น อาจเป็นที่น่าเชื่อถือได้

ปัจจุบันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทหารไทย - กัมพูชา อยู่ในเกณฑ์ดีไม่มีปัญหาอะไร มีบ้างที่เราลาดตระเวนเจอกัน หรือบางจุดที่อาจจะปะทะคารมกันบ้าง แต่เราก็เราก็ไม่ได้ใช้อาวุธ หรือ มีเหตุรุนแรงจนบานปลาย เราพยายามพูดคุยกันกับพี่น้องผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ พูดคุยกันโดยตลอดขอให้ใช้สติอย่าใช้อารมณ์ต่อคลิปที่เห็นในสิ่งที่เห็นประชาชนขอให้ฟังคำชี้แจงจากกองทัพหรือส่วนรัฐบาลที่จะชี้แจงเป็นหลักเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยตามแนวชายแดนช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง

หลังจากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้มีการร้องเพลง จดหมายจากแนวของ ยอดรัก สลักใจ หน้าร่วมกับ นายเสถียร สุภากุล หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ เสถียร ทำมือ นักร้องเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิตก่อนจะเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 (ค่ายพิทักษ์อุทุมพรเขต) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

‘ดร.กอบศักดิ์’ ประเมินท่าที ‘ทรัมป์’ คาดรอบนี้ของจริง เชื่อ สหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษี 1 ส.ค. นี้ ไทยโดน 36%

‘ดร.กอบศักดิ์’ วิเคราะห์ท่าที ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ คาดรอบนี้ของจริง สหรัฐไม่ถอยเก็บภาษีตอบโต้แล้ว เดินหน้าขึ้นภาษี 1 ส.ค. นี้ ไทยโดน 36% 

(10 ก.ค.68) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์เฟซบุ๊ก 'Kobsak Pootrakool' ระบุว่า ครั้งนี้ของจริง !!! รอบนี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ คงจะไม่มีการถอยเรื่องการเก็บภาษี Tariffs ที่ประกาศออกมา โดยที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคนที่จะมากดดันให้ประธานาธิบดีสหรัฐเปลี่ยนใจได้หายไปมาก

1.ตลาดทุน-รอบนี้ตลาดทุนแทบจะไม่มีอาการเข่าอ่อนเช่นเดียวกับช่วงต้นเมษายน Dow Jones, S&P500, Nasdaq, ตลาดพันธบัตรสหรัฐ, ค่าเงินสหรัฐ, VIX และราคาทองคำปรับน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่ตัวเลข Tariffs ที่ออกมาสำหรับประเทศส่วนใหญ่แทบจะไม่แตกต่างจากเมื่อ 2 เมษายนที่ผ่านมา ที่เป็นเช่นนี้เพราะตลาดรับข่าวไปมากแล้ว และสำหรับจีน ซึ่งเป็นคู่กรณีสำคัญนั้น สหรัฐคงได้รับบทเรียนไปมาก และมีสายตรงที่จะคุยกับทีมจีน

ทั้งนี้ การที่ดัชนีหุ้นสหรัฐอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงเมษายนมาก หมายความว่า ประธานาธิบดีสหรัฐสามารถสบายใจเรื่องนี้ มีช่องให้ประกาศภาษีต่าง ๆ ที่ท่านต้องการ โดยไม่ต้องกังวลใจเช่นรอบที่แล้ว

2.ผู้ประกอบการสหรัฐ-การที่สหรัฐยอมถอย 90 วัน และยอมเก็บที่อัตรา 10% ได้ช่วยเปิดช่องในการหายใจให้กับภาคธุรกิจสหรัฐ จากเดิมทุกอย่างมากะทันหันมาก อัตราภาษีที่จะถูกเก็บก็สูงมาก ทำให้หลายธุรกิจปรับตัวไม่ทัน แต่ 90 วันที่ยอมชะลอไว้ได้เปิดช่องให้ทุกคนเร่งนำเข้า Raw Materials และสินค้าต่าง ๆ และหา Suppliers ใหม่ที่ไม่ใช่ผู้ผลิตจีน เพราะทุกคนรู้ว่าถ้ารอผลเจรจายังไงก็ไม่ได้ภาษีที่ดีกว่า 10% และจีนก็จะโดนภาษีสูงกว่าคนอื่น ๆ สั่งนำเข้าช่วง 90 วัน น่าจะได้ถูกที่สุดแล้ว

ทำให้ในปัจจุบันผู้ประกอบการสหรัฐน่าจะมีสต๊อกของวัตถุดิบและสินค้าพอที่จะไปถึงปลายปีนี้ หมายถึงว่าพออัตราของทุกประเทศประกาศออกมาหมดแล้ว ก็จะมีเวลา 5-6 เดือน ในการเลือก Suppliers ที่ถูกสุดสำหรับปี 2569 ความจำเป็นที่ต้องออกมากดดันประธานาธิบดีจากกลุ่มนี้จึงลดลงมาก

นอกจากนี้ การที่มีวัตถุดิบที่มีต้นทุนภาษีเพิ่มแค่ 10% ก็หมายความว่าแรงกดดันต่อเงินเฟ้อสหรัฐก็จะยังไม่มาก จนกระทั่งต้นปีหน้าไปแล้ว

3.ประชาชนสหรัฐ-การที่กฎหมาย One Big Beautiful Bill (OBBB) ผ่านสภาเรียบร้อย ก็มีนัยยะสำคัญเช่นกัน เพราะเมื่อช่วงเมษายนประชาชนมีแต่ด้านลบ จากภาษีนำเข้าที่ขึ้นมาก่อน เพราะทำได้เร็ว แต่การช่วยเหลือจากรัฐบาลด้วยการลดภาษี No tax on tips, No tax on overtime, No tax on Social Security benefits ตลอดจนความช่วยเหลืออื่น ๆ ที่จัดไว้ใน OBBB (รวมถึงการช่วยเหลือ SMEs และธุรกิจสหรัฐ) เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาผ่านสภา

“แต่เมื่อกฎหมายนี้เรียบร้อยแล้ว สำหรับประชาชนสหรัฐก็จะมีสองด้าน ด้านหนึ่งต้องจ่ายเงินเพิ่มจากสินค้าที่แพงขึ้น อีกด้านกระเป๋าตังค์ที่มีเงินมากขึ้น ที่ทำให้ผลกระทบต่อประชาชนลดลง ความยอมรับ การรับได้ก็จะมากขึ้น แรงกดดันต่อท่านประธานาธิบดีในส่วนนี้ก็จะลดลง”

4.การเมืองสหรัฐ-นอกจากภาคประชาชนที่นิ่งขึ้น ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ Mr.Bessent ออกมาบอกว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้สหรัฐเก็บภาษีจากการนำเข้าแล้วประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งปี 2568 จะมีภาษีที่เก็บได้จากการนำเข้ามากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มาช่วยปิดช่องว่างของการขาดดุลการคลัง และใช้ในการลดภาษีให้กับคนสหรัฐ

“ยิ่งเห็นเงินมากเช่นนี้ ท่านประธานาธิบดีก็คงยากที่จะถอยในเรื่องนี้ นอกจากนี้ ดีลต่าง ๆ ที่สหรัฐได้มา ที่เป็น 'Good Deals' ก็จะทำให้ความยอมรับก็จะมากขึ้นเช่นกัน ทั้งหมดรวมกันแล้วนำไปสู่ข้อสรุปเดียว “ครั้งนี้ของจริง”?? 1 สิงหาคม จะเป็นจุดเริ่มต้นของอัตรา Tariffs ใหม่สำหรับทุกประเทศ โอกาสที่จะชะลอรอบนี้น้อยมาก !!!”

ดร.กอบศักดิ์ชี้ว่า ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้าคงจะเห็นตัวเลขครบทุกประเทศ ที่จะมากำหนด New Trade Landscape หรือโครงสร้างการค้าโลกใหม่ ว่าใครมีแต้มต่อ ใครจะได้เปรียบ ใครจะแข่งขันได้ดี ใครจะอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบ ซึ่งมีนัยยะอย่างยิ่งต่อระบบการค้าโลก ภาคส่งออกและภาคอุตสาหกรรมไทย ไม่นับ Tariffs อื่น ๆ ที่จะออกมาเพิ่มเติมสำหรับ BRICS สำหรับบางอุตสาหกรรมสำคัญ ที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะทำคิดขึ้นมาได้ และทำต่อไป

CNN เปิดเทปลับ ‘ทรัมป์’ เคยขู่ ‘ปูติน-สี จิ้นผิง’ ลั่นจะถล่ม ‘มอสโก – ปักกิ่ง’ หากบุก ‘ยูเครน – ไต้หวัน’

เทปเสียงหลุดทรัมป์ขู่บอมบ์มอสโก-ปักกิ่ง CNN เปิดเทปลับ เผยทรัมป์เคยขู่ปูติน-สี จิ้นผิง จะ 'บอมบ์' เมืองหลวงหากบุกยูเครน-ไต้หวัน! ย้ำเด็ดขาดทุกนโยบาย ทั้งในและนอกประเทศ 

(10 ก.ค.68) สำนักข่าว CNN เปิดเผยเทปเสียงลับที่สะเทือนวงการการเมือง จากงานระดมทุนปี 2024 ที่เผยให้เห็นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในมุมที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยเล่าอย่างตรงไปตรงมาว่าเคยขู่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย หากรัสเซียบุกยูเครน สหรัฐฯ จะ 'ทิ้งระเบิดใส่มอสโก' ตามเสียงบันทึกจากงานระดมทุนที่จัดขึ้นในนิวยอร์กและฟลอริดา

ในเทปเสียงที่เปิดเผยครั้งนี้ ทรัมป์เล่าถึงการสนทนากับปูตินว่า "กับปูติน ผมบอกว่า 'ถ้านายบุกยูเครน ฉันจะบอมบ์มอสโกให้ยับเลยนะ ฉันไม่มีทางเลือก' ...เขาทำเหมือนไม่เชื่อ แต่สุดท้ายเขาเชื่อผม 10%" การเปิดเผยครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์การข่มขู่ที่ทรัมป์ใช้ในการจัดการกับผู้นำต่างชาติ

นอกจากรัสเซียแล้ว ทรัมป์ยังอ้างว่าเคยขู่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในลักษณะเดียวกัน หากจีนคิดจะบุกไต้หวัน โดยบอกอย่างเด็ดขาดว่า "ถ้าทำ ฉันจะบอมบ์ปักกิ่ง" พร้อมกับเสริมอย่างภาคภูมิใจว่า "เขาคิดว่าผมบ้า" แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็คือ "เราไม่เคยมีปัญหา" สะท้อนถึงการใช้ภาพลักษณ์ที่คาดเดาไม่ได้เป็นเครื่องมือทางการทูต

คำพูดที่น่าตกใจเหล่านี้ถูกเปิดเผยในเทปเสียงที่นำไปใช้ประกอบการเขียนหนังสือ '2024' โดยนักข่าว Josh Dawsey, Tyler Pager และ Isaac Arnsdorf ทรัมป์ใช้ท่าทีแข็งกร้าวและการข่มขู่ผู้นำต่างชาติเป็นจุดขายหลักในการหาเสียง โดยอ้างเสมอว่าหากเขาเป็นประธานาธิบดี สงครามในยูเครนและความขัดแย้งในกาซาจะไม่เกิดขึ้น

ล่าสุดในการประชุมคณะรัฐมนตรี ทรัมป์ได้แสดงความไม่พอใจต่อปูตินอย่างเปิดเผยและชัดเจน โดยระบุว่า "ผมไม่พอใจปูตินเลย" และ "เราโดนเขาโยนเรื่องไร้สาระใส่มาเยอะมาก" การแสดงออกครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างเด่นชัดจากการหลีกเลี่ยงการวิจารณ์ปูตินโดยตรงในอดีต สะท้อนถึงความผิดหวังจากการเจรจาที่ไม่คืบหน้า

ในส่วนของนโยบายภายใน เทปเสียงเผยให้เห็นท่าทีที่เด็ดขาดของทรัมป์ โดยระบุว่าหากได้เป็นประธานาธิบดี จะดำเนินการเนรเทศนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวประท้วง โดยเฉพาะกลุ่มที่แสดงการสนับสนุนปาเลสไตน์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ "นักศึกษาคนไหนที่ประท้วง ผมจะไล่ออกนอกประเทศ ...ผมว่ามันจะหยุดทันที" ทรัมป์กล่าวอย่างมั่นใจ พร้อมกับย้ำกับผู้บริจาคว่า หากเขาได้รับเลือกตั้ง จะ "ย้อนกระแสขบวนการนี้กลับไป 25-30 ปี"

ในด้านการระดมทุน ทรัมป์ยังอวดเทคนิคและความสำเร็จในการโน้มน้าวผู้บริจาครายใหญ่ โดยเล่าถึงกรณีศึกษาที่มีผู้สนใจเสนอเงิน 1 ล้านดอลลาร์เพื่อได้โอกาสทานอาหารกลางวันกับเขา แต่ทรัมป์สามารถใช้เทคนิคการเจรจาต่อรองโน้มน้าวให้ผู้บริจาครายนั้นเพิ่มจำนวนเงินเป็น 25 ล้านดอลลาร์ได้สำเร็จ "คุณต้องกล้าขอ ...ต้องทำให้พวกเขาคิดในแบบที่คุณต้องการ" เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจ

เทปเสียงจากงานระดมทุนปี 2024 ครั้งนี้เผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนของทรัมป์ในมุมที่ตรงไปตรงมาและแข็งกร้าว ทั้งในด้านนโยบายต่างประเทศที่พร้อมใช้การข่มขู่และความรุนแรงต่อผู้นำมหาอำนาจโลก และนโยบายภายในที่เน้นความเด็ดขาดต่อผู้ที่คิดเห็นต่างทางการเมือง รวมถึงเทคนิคการระดมทุนจากผู้สนับสนุนระดับสูง ท่าทีและกลยุทธ์เหล่านี้สะท้อนถึงแนวทางการหาเสียงที่เน้นความเข้มแข็งและการใช้อำนาจต่อรองอย่างหนักในทุกเวทีและทุกระดับ

สตูล จัดพิธีเปิดโครงการน้ำพระทัยพระราชทานส่วนภูมิภาค สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ 77 จังหวัด ประจำปี 2568

เมื่อวานนี้ (9 ก.ค.68) นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการน้ำพระทัยพระราชทานส่วนภูมิภาค สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ 77 จังหวัด ประจำปี 2568 โดยมี ทันตแพทย์หญิงสุกีรติ กปิลกาญจน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ซึ่งจัดขึ้น ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศาลากลางจังหวัดสตูล ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล

พิธีเปิดเริ่มเวลา 11.00 น. โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เปิดกรวยกระทงดอกไม้ถวายราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมกล่าวอาศิรวาท และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ในเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคม 2568 โดยกิจกรรมประกอบด้วยการมอบอาหารกล่องปรุงสุกแก่ผู้สูงอายุ จำนวน 200 คน

โครงการ 'น้ำพระทัยพระราชทาน' ดำเนินการโดย สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้น้อมเกล้าฯ รับพระราชเสาวนีย์ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 27 ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน โดยภายหลังเสร็จสิ้นพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมมอบอาหารกล่องแก่ผู้สูงอายุในบรรยากาศที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยน้ำใจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top