Friday, 27 June 2025
TheStatesTimes

'ธัญวัจน์’ ตั้งคำถาม เงินกู้ 7 แสนลบ. จะเยียวยาถึงคนกลางคืนหรือไม่?

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสูงเป็นรายวัน แม้ที่ผ่านมาจะมีการควบคุมมาตรการต่าง ๆ ในสถานประกอบการ แต่จากต้นเดือนเมษายนจนปลายพฤษภาคมการแพร่ระบาดขณะนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งผลในสถานประกอบการที่ยังต้องมีการรักษาระยะห่าง และจำกัดจำนวนลูกค้าในการเข้าใช้บริการ ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่ากิจการธุรกิจกลางคืน ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะไม่ว่าระลอกไหน ก็ถูกปิดก่อนและเปิดหลังเสมอ

แต่ในขณะเดียวกันประชาชนเข้าใจและพร้อมให้ความร่วมมือกับมาตรการต่าง ๆ อย่างเต็มที่

ตนจึงอยากเรียกร้องอยากให้รัฐบาลได้เข้าใจธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืน ที่มี นักร้อง นักดนตรี นักเต้น นางโชว์ ที่พวกเขาไม่ได้ร่ำรวยไม่มีมีเงินเก็บและต้องเลี้ยงครอบครัวไม่ต่างกับอาชีพอื่น ๆ

หวังว่า พ.ร.ก. เงินกู้ 7 แสนล้านครั้งนี้คงไม่ลืมกลุ่มคนเหล่านี้ ที่เขาไม่ได้อยู่ในระบบการจ้างงานทั่วไป รับเงินเป็นรายวัน รายสัปดาห์ และที่สำคัญกระทบยาวนานที่สุดกว่างานประเภทอื่น การเยียวยาเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ ซึ่งรัฐต้องคำนึงถึงระยะเวลาในการกระทบเป็นสำคัญ เพราะคนเราต้องกินต้องใช้ทุกวัน รวมถึงข้อเสนอในการสร้างงานชุมชน เพราะ “งาน” ในขณะนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด รัฐควรมองการสร้างงานในชุมชนเพราะนี่คือหนึ่งวิธีสำคัญที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจและผ่านวิกฤติไปได้ ด้วยแนวคิด Healthy Ecosystem Vital Economy Social Well - Being ระบบนิเวศที่ดีต่อสุขภาพเศรษฐกิจที่สำคัญต่อความผาสุกทางสังคม ซึ่งแน่นอนแนวคิดดังกล่าวคือการสร้างงานในชุมชน ที่อาจเกี่ยวข้องกับ ผู้คน สังคม และวัฒนธรรม เป็นสำคัญในขณะนี้

ด้วยเหตุผลสำคัญคือ มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพและไม่สามารถตีค่าวัดเป็นเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นทุนทางปัญญา ทุนทางเครือข่ายสังคม หรือแม้แต่อารมณ์ก็เป็นทุน หากรัฐมองประชาชนเป็น “ทุนมนุษย์” ก็จะสร้างความยั่งยืนให้กับประชาชนและเศรษฐกิจได้ ขณะนี้ประชาชนต้องการงาน การจ่ายเงินให้กับคน ต้องคิดว่าคือการลงทุนไม่เช่นนั้นประเทศไทยก้าวไม่พ้นวิกฤติแน่นอน


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘ยุโรป’ ทยอยคลายล็อกดาวน์ หลายประเทศเริ่มรับนักท่องเที่ยว

25 พฤษภาคม 2564 สำนักข่าวซินหัว รายงาน ยุโรปกำลังกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างระมัดระวังและเสถียร โดยหลายประเทศยุโรปทยอยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์สำหรับป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ล่วงหน้า ก่อนจะถึงฤดูกาลท่องเที่ยว ที่หลายฝ่ายเฝ้ารออย่างใจจดจ่อ

หลายประเทศอนุญาตให้โรงภาพยนตร์และพิพิธภัณฑ์กลับมาเปิดให้บริการได้ นอกจากนี้บาร์ คาเฟ่ และร้านอาหารหลายแห่งล้วนกลับมาให้บริการพื้นที่กลางแจ้งได้อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้มากขึ้น

เนื่องจากแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีความคืบหน้า สมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ทั้ง 27 ประเทศ จึงหวังว่าภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จะสามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนแบบดิจิทัลให้แก่นักเดินทางได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างอิสระในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ขณะเดียวกันก็หวังว่าการเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นตามมานั้น จะช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้

แม้การคาดการณ์ข้างต้นจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่หลายประเทศยังคงระมัดระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในหลายพื้นที่ทั่วโลกยังคงไม่คลี่คลาย

กลับสู่ปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อวันพุธ (19 พ.ค.) ฝรั่งเศสดำเนินขั้นตอนสำคัญเพื่อกลับคืนสู่ภาวะปกติ ได้แก่การอนุญาตให้ประชาชนพบปะสังสรรค์กันที่คาเฟ่หรือร้านอาหาร ซึ่งปัจจุบันกลับมาเปิดให้บริการโซนพื้นที่กลางแจ้งได้แล้ว

ซึ่งแม้สภาพอากาศจะไม่แจ่มใส แต่ท้องถนนในกรุงปารีสก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้ง พร้อมกับความตื่นเต้นด้วยหวังว่าสถานการณ์กำลังกลับสู่ภาวะปกติแล้ว

มาตีเยอ ครูโรงเรียนอนุบาล ซึ่งเป็นลูกค้าของร้านเลต็อง บราสเซอรี (L’Etang brasserie) ในลีเลอ-อาด็อง (L’Isle-Adam) ทางตอนเหนือของกรุงปารีส กล่าวว่า แม้จะรู้สึกหนาวเมื่อต้องนั่งท่ามกลางฝนตกปรอย ๆ บริเวณส่วนกลางแจ้งของร้าน แต่เขาก็เพลิดเพลินกับการนั่งดื่มเครื่องดื่มนอกร้านอย่างมาก เพราะสำหรับเขานี่คือสัญญาณที่ชี้ชัดว่าสถานการณ์กำลังกลับสู่ปกติ

“หลายเดือนก่อนมันหนักหนามาก ผมเลยคิดว่าจะดื่มฉลองให้กับวันสำคัญนี้สักหน่อย แม้จะดื่มเพียงลำพังก็ตาม” มาตีเยอกล่าวพร้อมยิ้มกว้าง

โปแลนด์ก็กำลังกลับสู่ภาวะปกติเช่นกัน หลังรัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม โดยนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. เป็นต้นมา ร้านอาหารและบาร์ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการส่วนกลางแจ้งได้ หลังต้องให้บริการสั่งกลับบ้านหรือจัดส่งเพียงอย่างเดียวมานานถึง 1 ปี เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์

วันที่มีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ถือเป็นวันสำคัญสำหรับ ลูคาส โมล เจ้าของบาร์และร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ย่านใจกลางเมืองของกรุงวอร์ซอ โดยร้านของเขามียอดขายรายวันสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี “การยกเลิกข้อจำกัดทำให้ทุกคนมีกำลังใจ คุณจะมองเห็นความสุขจากการได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระบนใบหน้าของผู้คน” เขากล่าว

ทั้งนี้ โปแลนด์จะทยอยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ต่อไป โดยจะอนุญาตให้นั่งทานอาหารในร้านได้ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. เป็นต้นไป แต่กำหนดว่าร้านอาหารจะให้บริการได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของความสามารถในการรองรับ

เตือนประชาชนอย่าประมาท

แม้จะสัมผัสได้ถึงความสุขของผู้คนทั่วทุกหนแห่ง แต่ปรีติ ชุกละ (Preeti Shukla) แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปในมณฑลแลงคาเชอร์ของสหราชอาณาจักร และประธานที่ประชุมแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ของสมาคมแพทย์ระหว่างประเทศสหราชอาณาจักร เตือนให้ประชาชนไม่ประมาทและระมัดระวังตนเองต่อไป ด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม หมั่นล้างมือให้สะอาด และตรวจโรคโควิด-19 เป็นประจำ โดยเฉพาะในยามที่พบเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ เพราะหากผู้คนนิ่งนอนใจ สถานการณ์อาจย่ำแย่ลงจนต้องล็อกดาวน์อีกรอบได้

ด้านรัฐบาลเยอรมนียังคงเฝ้าระวังเกี่ยวกับฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงหน้าร้อน แม้ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายวันจะมีจำนวนลดลง

โดยชเตฟเฟน ไซแบร์ต (Steffen Seibert) โฆษกรัฐบาลเยอรมนี กล่าวว่าประชาชนจะยังไม่สามารถใช้ชีวิตในฤดูร้อนอย่างผ่อนคลายได้เหมือนกับปีก่อน เพราะเป้าหมายของรัฐบาลยังคงเป็นการลดจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้สำเร็จในอนาคต พร้อมระบุว่าการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ตรวจโรคโควิด-19 และใช้แอปพลิเคชันเฝ้าระวัง ยังเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด

เนื่องจากแผนฉีดวัคซีนมีความคืบหน้า รัฐบาลลัตเวียจึงอนุญาตให้พนักงานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว กลับมาทำงานที่ออฟฟิศได้ตามปกติ โดยกำหนดจำนวนไม่เกิน 20 คน ทว่ายังมีการบังคับใช้ข้อกำหนดทางระบาดวิทยาที่เข้มงวดหากต้องทำงานร่วมกับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน รวมถึงต้องสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างทางสังคม หากต้องอยู่ร่วมกับผู้ที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่

รุ่งอรุณแห่งการฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

สหราชอาณาจักรผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติมทั่วประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 พ.ค.) แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่พบเป็นครั้งแรกในอินเดีย โดยผับ บาร์ และร้านอาหารได้รับอนุญาตให้เปิดบริการนั่งทานในร้านได้ ขณะที่สถานประกอบกิจการด้านความบันเทิงในร่ม เช่น โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ และพื้นที่เด็กเล่น กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งแล้ว

ขณะเดียวกัน สถานประกอบกิจการที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึง โรงแรม โฮสเทล และสถานที่ให้บริการที่พักพร้อมอาหารเช้า (B&B) กลับมาเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. และหลังจากคำสั่งห้ามเดินทางระหว่างประเทศถูกยกเลิกไป ประชาชนสามารถเดินทางไปยังกลุ่มประเทศสีเขียว (green-list countries) หรือกลุ่มประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิด-19 ในระดับสูงสุด ได้โดยไม่ต้องกักตัวหลังลงจากเครื่อง

ด้านออสเตรียได้ผ่อนปรนมาตรการเข้าประเทศ เมื่อวันพุธ (19 พ.ค.) โดยอนุญาตให้ประชาชนจากกลุ่มประเทศและภูมิภาคที่มีความเสี่ยงต่ำเดินทางเข้าออสเตรียได้ โดยต้องแสดงผลตรวจโรคโควิด-19 ที่เป็นลบ ใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อไม่ต้องเข้ารับการกักตัว

ด้านลัตเวียได้ละเว้นการตรวจโรคและการกักตัวตามมาตรการปกติ สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นข้อบังคับสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เขตเศรษฐกิจยุโรป สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร

ขณะที่สนามบินฟาโรทางตอนใต้ของโปรตุเกส รองรับผู้โดยสารจากสหราชอาณาจักรมากกว่า 5,000 คน เมื่อวันที่ 17 พ.ค. เพียงวันเดียว หลังจากโปรตุเกสผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางและกฎระเบียบด้านสุขอนามัยสำหรับนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร

ด้านสายการบินทีเอพี (TAP) สัญชาติโปรตุเกส เผยว่ายอดจำหน่ายตั๋วเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นร้อยละ 131 เมื่อไม่นานนี้ ส่วนจำนวนเรือสำราญเข้าเทียบท่าเรือลิสบอนก็ฟื้นตัวขึ้นในวันเดียวกัน โดยผู้โดยสารจำเป็นต้องแสดงผลตรวจโรคโควิด-19 ที่เป็นลบก่อนเข้าเมือง

ส่วนเยอรมนียังคงบังคับใช้ข้อบังคับด้านการกักตัวกับผู้โดยสารที่มาจากพื้นที่แพร่ระบาดสูง แต่สามารถลดจำนวนวันลงจาก 10 เหลือ 5 วันได้ หากมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นลบ แต่ผู้ที่มาจากพื้นที่ที่ไวรัสชนิดกลายพันธุ์ระบาด ยังต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

 

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/575411


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ไต้หวันเร่งนำเข้าวัคซีนเพิ่มหลังเกิดระบาดใหม่ 28 พ.ค. พร้อมฉีด

แม้ไต้หวันถือเป็นอีกประเทศที่ถูกยกให้เป็นผู้ที่รับมือไวรัสโควิดได้ดีอย่างมากประเทศหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิดระลอกใหม่ ทำให้ประชาชนเริ่มวิตก

ถึงกระนั้นทางรัฐบาลไต้หวัน ก็ได้เร่งประกาศใช้มาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดที่สุดนับตั้งแต่เคยเกิดการระบาดในไต้หวัน โดยได้สั่งปิดโรงภาพยนตร์ สถานบันเทิงในไต้หวัน จนถึง 28 พฤษภาคม รวมทั้งสั่งห้ามประชาชนรวมกลุ่มกันเกิน 5 คนในที่ร่ม และกลางแจ้ง ห้ามรวมกลุ่มกันเกิน 10 คน ซึ่งจากมาตรการคุมเข้มป้องกันโควิด-19

ทว่าปัญหาหนึ่งที่ยังต้องน่ากังวลต่อไป คือ เรื่องวัคซีนที่ไม่เพียง เนื่องจากความสำเร็จที่สามารถป้องกันการระบาดของโควิดที่ผ่านมาของไต้หวันนั้น มีส่วนทำให้รัฐบาลไต้หวันเพิ่งได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งเป็นของ AstraZeneca มาสต๊อกสำรองไว้เพียงแค่ 300,000 โดส และขณะนี้กำลังจะหมดลงแล้ว ขณะที่เพิ่งฉีดให้แก่ประชาชนได้เพียงประมาณ 1% เท่านั้น ของจำนวนประชากรในไต้หวัน 23 ล้านคน

อย่าวไรก็ตาม เมื่อวัคซีน คือทางรอดที่ดีที่สุดทางรัฐบาลไต้หวัน จึงเร่งจัดการปัญหานี้ โดยเฟซบุ๊ก หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว Taiwantopics.com ได้โพสต์ข้อความอัปเดตเกี่ยวกับสถานการณ์วัคซีนในไต้หวันว่า...

ข่าวดี!! วัคซีน AstraZeneca ที่มาถึงเมื่อสัปดาห์ก่อนราว 4 แสนกว่าโดส จะเริ่มแจกจ่ายให้แต่ละเขต ในวันที่ 27 พ.ค.นี้

ข่าวล่าสุดเมื่อชั่วโมงที่แล้ว มีข่าวออกมาว่า วัคซีน AstraZeneca ที่มาถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน จะแจกจ่ายให่แก่แพทย์พยายาลและผู้ทำงานด่านหน้าก่อน โดยเริ่มแจกจ่ายแต่ละพื้นที่ในวันที่ 27 เดือน 5 นี้ และคาดว่า 28 นี้ (พฤหัส) จะได้เริ่มฉีดกัน

ส่วนหลายคนถามมาว่าบุคคลทั่วไปได้ฉีดเมื่อไหร่ อันนี้ต้องรอรัฐบาลประกาศอีกทีว่ามีโควต้าเปิดให้ลงทะเบียนเมื่อไร

วัคซีนที่ไต้หวันผลิตเองเดิมคาดไว้ว่าปลายเดือนกรกฎาคมนี้จะสามารถออกมาได้ใช้กัน รอตามข่าวอีกที ถ้าสำเร็จจะมีวัคซีนอีกเยอะเลย

ก็เป็นอีกเรื่องเบาใจของประชาชนในไต้หวัน ที่รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนมาให้แบบทันใจ ส่วนจะครอบคลุมประชากรทั้งหมดแค่ไหน คงต้องตามต่อเป็นระยะ ๆ

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=434835221333312&id=100044205139631

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2094502

https://www.google.com.tw/amp/s/www.cna.com.tw/amp/news/firstnews/202105255003.aspx


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

อินเตอร์ลิ้งค์ พบนักลงทุน ประจำไตรมาส 1 ปี 2564 เดินหน้าสร้าง New-S curve ใหม่ ๆ มั่นใจแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะนิวไฮแน่นอน

ILINK พบนักลงทุน Opp Day Q1/64 (25 พ.ค. 64) นำโดย คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ พร้อมด้วย คุณวริษา อนันตรัมพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยสาระสำคัญ “สำหรับผลการดำเนินงาน มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21% โดยเป็นผลมาจากกระแส Digital และลุยสร้าง New-S curve ใหม่ ๆ มั่นใจได้ว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะนิวไฮตามเป้าอย่างแน่นอน” ทั้งนี้ เป็นการ Live จาก อาคาร สนง.ใหญ่ รัชดา


 

ก้าวไกล ซัด 'ดีอี' ดีแต่ฟ้องคนปล่อยเฟกนิวส์

นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวถึงนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่กำลังไล่ฟ้องประชาชนอย่างบ้าคลั่ง ประหนึ่งเป็นงานรักงานหลักที่รอคอยมานาน ท่านเร่งดำเนินคดีกับประชาชน รวมถึงไปถึงสื่อมวลชน ทั้ง ๆ ที่หน้าที่ของท่านคือ การให้ความรู้ความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีการดำเนินคดีกับประชาชนหลายราย เช่น ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่วัดสังฆทาน จำนวน 300 ราย ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “ศบค. ประกาศเคอร์ฟิว เวลา 23.00-04.00 น. พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด” ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “เคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน ตั้งแต่ 4 ทุ่ม-ตี 4 เริ่มวันที่ 23 เม.ย.64 นี้” เป็นต้น

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่กำลังจะถูกดำเนินคดี ซึ่งหากย้อนดูดี ๆ หน่วยงานรัฐก็เคยแจ้งข้อมูลที่คาดเคลื่อนเช่นกัน

อย่างกรณีล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบอกว่า “วอล์คอินฉีดซีนได้ โดยจนท.จะฉีดให้สำหรับผู้มีรายชื่อเท่านั้น”

16 พ.ค. ผู้ว่ากทม. บอกว่า “วัคซีนไม่พอ วอล์คอินไม่ได้ ต้องรอเดือนมิถุนายน”

18 พ.ค. ตอนเช้า อนุทินบอก “วอล์คอินได้ถ้าวัคซีนพอ ตกบ่าย นายกฯบอก “ให้ระงับการฉีดวัคซีน”

นี่คือตัวอย่างการให้ข้อมูลที่คาดเคลื่อนของรัฐ ซึ่งก็คล้ายกับประชาชนหลายรายที่กำลังจะถูกดำเนินคดี ถ้าหากจะฟ้องประชาชนที่โพสต์ข้อความให้เกิดความสับสน ก็เห็นควรว่าจะต้องฟ้องหน่วยงานรัฐด้วย เพราะเจ้าหน้ารัฐก็ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเช่นกัน อยากให้ใช้มาตรฐานเดียวกันด้วย

นอกจากนี้ นางสาวสุทธวรรณ ยังตั้งคำถามต่อนายชัยวุฒิว่า มีความสามารถพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องราวของเทคโนโลยีบ้างไหม มีความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ อยากให้แสดงเป็นที่ประจักษ์บ้าง ดูอย่างประเทศอื่น เช่น ออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวัน เขาเน้นส่งเสริมให้คนใช้เสรีภาพบนโลกออนไลน์ ช่วยกันพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสังคม มีการร่วมมือกับกลุ่มนักพัฒนาซอฟท์แวร์และระบบไอทีเพื่อสังคม พัฒนาแอปพลิเคชันบอกพิกัดร้านที่มีสต็อกหน้ากากอนามัยพร้อมแจกจ่าย แสดงความโปร่งใสและเป็นธรรมของรัฐในการกระจายอุปกรณ์ป้องกันโรค

นาวสาวสุทธวรรณ กล่าวต่ออีกว่า "อยากจะเรียนถามกับรัฐมนตรีกระทรวงดีอีว่า ภารกิจหลักที่ท่านตั้งใจเข้ามาทำคืออะไรกันแน่ ในสถานการณ์โควิดเช่นนี้ ท่านทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง เห็นมีแต่การขู่ฟ้องประชาชนและสื่อมวลชนเป็นหลัก ไล่ฟ้องแบบมอญซ่อนผ้าโยนนู่นยัดคดีนี่เพื่อเอาใจนายไปวัน ๆ เท่านั้นหรือ ทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จนไปถึงมาตรา112 ท่านทำได้เท่านี้จริง ๆ หรือ?

"หากท่านและทีมงานมีเวลาว่างมากพอ โปรดช่วยกันระดมสมองมาปรับปรุงแอปพลิเคชันหมอพร้อมหรือพัฒนาแอปฯ ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายจะดีกว่า" นางสาวสุทธวรรณ กล่าวทิ้งท้าย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

แม่ฮ่องสอน - โรงเรียนบ้านท่าตาฝั่ง พื้นที่ใกล้การสู้รบชายแดนไทย-เมียนมา ชูแผนการสอนตามบริบท ให้เด็กได้รู้ทักษะการใช้ชีวิตในภาวะสงคราม เน้นความปลอดภัยและฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็กเป็นสำคัญ

นายสายัญ โพธิ์สุวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าตาฝั่ง เปิดเผยว่า เดิมกระทรวงศึกษาธิการ ให้เปิดการเรียนการสอน ในวันที่ 1 มิถุนายน 2564 แต่จากการประเมินความพร้อมตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ของโรงเรียน ทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ที่ยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่องจากกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ส่งผลให้โรงเรียนที่กำลังจะเปิด จึงเลื่อนการเปิดภาคเรียนเป็นวันที่ 14 มิถุนายน 2564 อย่างไรก็ตาม หากเปิดทำการเรียนการสอนแล้ว แต่ยังคงมีสถานการณ์แทรกซ้อน โรงเรียนมีเป้าหมายหลัก คือ ให้ความสำคัญ เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง เป็นสำคัญ ซึ่งหากเกิดเหตุได้เตรียมแผนรวบรวมพลเรือน อพยพเข้าไปยังจุดรวมพล พร้อมจัดสรรที่พักอาศัยและอาหาร เรียบร้อยแล้ว  

ส่วนแผนการเรียนการสอนจะปรับรูปแบบการเรียนการสอน บนฐาน "ทุนที่เรามี" "บริบทที่เราเป็น" และ "พรุ่งนี้ที่อยากเห็น" ให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่มากที่สุด เน้นการออกแบบโดยใช้สถานการณ์ (Phenomenon Based Learning) เช่น ในภาวะสงครามเช่นนี้ จะสร้างทักษะชีวิตด้านใดให้กับนักเรียน การพักอาศัยอยู่ในป่าต้องทำอย่างไร รวมถึงการบริหารจัดการ เรื่องความสะอาดและสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย เป็นต้น และที่นี่สอนได้แต่แบบออนไซท์เพราะมีเพียงไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่ยังไม่เพียงพอ อินเทอร์เน็ตที่สัญญาณต่ำมากไม่เสถียร และยังขาดอุปกรณ์การเรียนสำหรับเด็กอีกจำนวนมาก

นอกจากนี้ในห้วงที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้ร่วมกับคริสตจักรบ้านท่าตาฝั่ง เยียวยาเรื่องสภาพจิตใจของนักเรียน ผู้ปกครอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงและเด็ก ๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้เด็กต้องหนีภัยสงคราม ที่ยากกว่านั้นเด็ก ๆ ต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจ เพราะยังกลัวกับเสียงปืนและระเบิด ครูจึงต้องปรับการสอนฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็กอันดับแรก ในขณะนี้เด็ก ๆ ยังอยู่กับครอบครัว ญาติพี่น้อง ในอนาคตหากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ทางโรงเรียนจะเตรียมความพร้อมเรื่องที่พัก เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมให้กับนักเรียนต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

หลวงพ่อจ่อยมาโปรดเกลี้ยกล่อมสำเร็จ อส.ตำรวจปีนเสาโทรศัพท์หวังฆ่าตัวตายพิษโควิด-19

อส ตร.เครียดปีนเสาโทรศัพท์ หวังฆ่าตัวตาย เจอวาทะอาจารย์จ่อยกล่อม ปีนลงมาสารภาพพิษโควิด-19 เงินไม่พอค่าใช้จ่าย

เมื่อคืนวันที่ 24 พ.ค.64 เวลา 21.30 น. พ.ต.อ.ปัญญา ดำเล็ก ผกก.สภ.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุ มีคนปีนเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์  หน้าวัดสามัคคีบรรพต (วัดบางเสร่นอก) ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ 

ที่เกิดเหตุพบผู้คนจำนวนมาก มาพูดให้กำลังใจกับผู้ที่ปีนอยู่บนเสาสัญญาณโทรศัพท์ อยู่ในระดับสูงประมาณ 20-25 เมตร ได้ผ่อนคลายและไม่กระโดดลงมาโดยได้นำเจ้าหน้าที่ส่วนป้องกันและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง พร้อมยานพาหนะ และรถพยาบาลเทศบาลตำบลบางเสร่ มาให้การช่วยเหลือ โดยมี นายกันต์ ธนาอัครชล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางเสร่ เป็นผู้แทนนายชัยวัฒน์ อินอนงค์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางเสร่ ช่วยเข้าเจรจา

จนกระทั่ง พระครูเกษม กิตติโสภณ (พระอาจารย์จ่อย) เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต (วัดบางเสร่นอก) ทราบข่าว จึงรีบเดินทางมาร่วมเจรจาเกลี้ยกล่อม จนทำให้ผู้ที่ปีนอยู่บนเสาสูงจิตใจอ่อนลง ยอมปีนลงมาจากเสาสูงอย่างปลอดภัย ทราบชื่อต่อมา นายชัยยง สอนรัตน์ อายุ 54 ปี อส.ตร. (อาสาสมัครตำรวจ) ชาวตำบลบางเสร่ อ.สัตหีบ

จากการสอบถามลูกชาย (ไม่เปิดเผยชื่อและสกุล) ทราบว่า พ่อเป็นคนชอบดื่มเหล้า พอได้ดื่มก็จะมีอาการเครียดกับปัญหาชีวิต โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 บอกลำบากจริง ๆ ก่อนที่พ่อจะปีนเสาโทรศัพท์ได้นั่งพูดคุยกับพนักงานดับเพลิง ทต.บางเสร่ บ่นรำพึงว่าตนเองอยากจะบวชเพราะเครียดกับปัญหาชีวิตและเรื่องเงินไม่พอใช้ จึงคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย แต่พระอาจารย์จ่อย ได้เข้ามาพูดคุยเกลี้ยกล่อมจนยอมลงมาอย่างปลอดภัย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ปทุมธานี - อบจ. ลุยเมกะโปรเจ็กต์ เดินหน้ารถไฟฟ้าโมโนเรล แก้ปัญหารถติดเพื่อชาวปทุมธานี

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 เวลา 08:30 น. ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายเสวก ประเสริฐสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมกับหัวหน้าส่วนงาน อบจ.ปทุมธานีที่เกี่ยวข้อง และนายมารุต ศิริโก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด พร้อมคณะร่วมประชุมการพัฒนาเมืองแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดเพื่อการรองรับการขยายตัวจังหวัดปทุมธานีโดยใช้ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโรเรล 

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่าจากปัญหาจรราจรติดขัดในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ที่ไม่ได้รับการแก้ไข ประกอบด้วย 1.เส้นทางรังสิต-นครนายก 2.เส้นทางคูคต-ลำลูกกา 3.เส้นทางคลองหลวง โดยได้เชิญ ทางบริษัท เอเอ็มอาร์ เอเชีย จำกัด ได้เข้ามาสำรวจว่ารถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรลจะสามารถใช้ในเส้นทางไหนบ้างเพื่อแก้ปัญหารถติด ส่วนการเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง รังสิต-บางซื่อ ทางเราก็มีแผนที่จะดำเนินการให้เป็นรูปธรรม แต่การประสานเพื่อดำเนินการยังไม่เป็นทางการ

ทั้งนี้จังหวัดปทุมธานีเป็นเมื่องมหาวิทยาลัย มีนักศึกษาจำนวนมาก การเดินทางจึงเป็นสิ่งจำเป็น หากแก้ปัญหาด้านจราจรติดขัดได้เร็วคุณภาพชีวิตของประชาชนก็จะดีขึ้น โดยเฉพาะถนนเส้นรังสิต- นครนายก มีปัญหารถติดหนักมาก รองลงมาคือถนนเส้น คลองหลวง-หนองเสือ และเส้นอื่น ๆ ก็เริ่มมีปัญหาแล้วเช่นกันซึ่งจะต้องเร่งแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนต่อไป นายมารุต ศิริโก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด กล่าวว่า เอเอ็มอาร์ เอเซีย เป็นบริษัทที่ได้ดำเนินการทำรถไฟฟ้าสายสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีทองให้กับกรุงเทพมหานคร และได้ส่งงานไปเมื่อปีที่แล้วที่ผ่านมา บริษัทของเราเป็นบริษัทของคนไทยที่ดำเนินการด้านระบบควบคุมการเดินรถและอาคารสถานี ระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ รวมถึงเครื่องจักรของศูนย์ซ่อมรถไฟฟ้า

นอกจากนี้กลุ่มของบริษัทเราได้มีส่วนในการพัฒนาเมือง โดยเราจะสำรวจว่ามีอะไรบ้างที่เหมาะสมกับเมืองนั้น ๆ  ในส่วนของจังหวัดปทุมธานียังไม่มีรถไฟฟ้าเป็นของตัวเอง ที่มีอยู่เป็นเพียงส่วนขยายที่มาจากกรุงเทพมหานครได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีแดงจากบางซื่อมายังรังสิต และรถฟ้าสายสีเขียวจากหมอซิต สะพานใหม่มายังคูคต ในความเหมาะสมของรถที่จะมาใช้ นั้นท่านนายก อบจ.ต้องการให้เป็นรถ ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็ก ใช้พื้นที่ไม่มาก เน้นบริการได้ทั่วถึง และไม่เป็นมลภาวะตัวรางรถต้องเป็นแบบที่เหมาะกับถนนในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งตนเองเชื่อมั่นว่าหลังจากมีเส้นทางรถไฟฟ้าเข้ามาทำให้วิถีการเดินทางที่เปลี่ยนไปเนื่องจากมีการเดินทางที่สะดวกขึ้น ตนเองคาดว่ารถไฟฟ้าจะเป็นตัวตอบโจทย์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและแก้ปัญหาจราจรติดขัดในจังหวัดปทุมธานี โดยท่านนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีให้แนวความคิดไปศึกษาว่าการแก้ปัญหาแบบครบวงจรถนนทุกเส้นไม่ทำเพียง เส้นใดเส้นหนึ่งเพราะเล็งเห็นว่าจะต้องแก้ปัญหาในภาพรวมของจังหวัดทั้งหมดโดยทางบริษัท จะต้องกลับไปทำการบ้านตามที่ท่านมีวัตถุประสงค์ไว้และกลับมารายงานให้ท่านทราบอีกครั้งภายใน 30 วัน


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ

ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 เยี่ยมอาการลูกเรือประมง ก.สิริกุล 1 ที่ประสบเหตุจมกลางทะเล

สืบเนื่องจากวันที่ 23 พฤษภาคม 2564 ทัพเรือภาคที่ 1/ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ทรภ.1/ศรชล.ภาค 1)

 ได้ช่วยชีวิต 8 ลูกเรือประมงของเรือ ก.สิริกุล 1 ที่ประสบเหตุคลื่นลมแรงน้ำเข้าเรือและจมลงกลางทะเล ทำให้ลูกเรือทั้งหมดต้องลอยคอเกาะอุปกรณ์ช่วยชีวิต รอความช่วยเหลือ โดยผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1/ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1) ได้สั่งการให้จัดเครื่องบินลาดตระเวนแบบที่ 1 ขึ้นบินเพื่อกำหนดตำบลที่ของผู้ประสบภัย และส่ง เฮลิคอปเตอร์ ปราบเรือดำน้ำแบบที่ 1 ไปให้ความช่วยเหลือชีวิตลูกเรือลำดังกล่าว จนปลอดภัยทั้ง 8 คน และนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ โดยผู้ประสบภัย 5 คน อาการปลอดภัย สามารถกลับภูมิลำเนาได้ ส่วนอีก 3 คน อาการพ้นขีดอันตราย แล้ว แต่ยังคงต้องนอนพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ต่อไปนั้น

พลเรือโท โกวิท  อินทร์พรหม ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 ยังคงมีความห่วงใยอาการของลูกเรือทั้ง 3 คน ที่ยังคงนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลฯ จึงพร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา เดินทางไปเยี่ยมอาการของลูกเรือทั้ง 3 คน ณ หอผู้ป่วยพิเศษอายุรเวชกรรมชาย โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ  เมื่อวันที่ 24 พ.ค.64 ได้พบกับผู้ประสบภัยทั้ง 3 คน พร้อมมอบกระเช้าเพื่อให้กำลังใจ และสอบถามอาการของผู้ประสบภัยทั้ง 3 คน ด้วยความห่วงใย ทราบว่า ในวันนี้ ตรวจร่างกายแล้วไม่มีอาการข้างเคียงจากการสำลักน้ำทะเล อาการโดยทั่วไปปกติดี ซึ่งในเย็นวันนี้แพทย์เจ้าของไข้ได้อนุญาตให้ทั้ง 3 คน กลับบ้านได้

ทางด้าน นาย สถิตย์ ม่วงทอง เจ้าของเรือประมง ก.สิริกุล 1 ได้กล่าวขอบคุณ ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 ที่ได้จัดเครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ ออกไปให้ความช่วยเหลือ ลูกเรือทั้ง 8 คน ได้ทันท่วงที ผู้ประสบภัยทุกคนได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัย อีกทั้งยังได้ขอบคุณชมรมวิทยุมดดำนาวี ทัพเรือภาคที่ 1 ทำให้มีช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สามารถติดต่อประสานขอความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความรวดเร็ว รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทีมแพทย์และพยาบาลจาก โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ รวมไปถึงผู้ประสานงานทุกท่าน ที่ช่วยทำให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จ


ภาพ/ข่าว  กองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 1

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ 'ดีพร้อม' (DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม เพิ่มโอกาสทางการตลาด กระตุ้นธุรกิจการค้าและการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารให้เติบโต ผ่านการจัดแสดงสินค้าออนไลน์รูปแบบเสมือนจริง THAIFEX-ANUGA ASIA 2021 “The Hybrid Edition”

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถาการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลายสาขา แต่อุตสาหกรรมอาหารยังได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว โดยรายงานของสถาบันอาหาร ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม ปี 2563 อุตสาหกรรมอาหารของไทยในช่วง 11 เดือน อยู่ที่ 981,430 ล้านบาท หดตัวลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 7.39 แต่แนวโน้มในปี 2564 นี้ มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมอาหารจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นร้อยละ 12 และจะมีมูลค่าราว 1.08 -1.10 ล้านล้านบาท เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการเลือกสินค้าอาหาร หรือวัตถุดิบ เพื่อมาประกอบอาหารเองเพิ่มมากขึ้น

“ดีพร้อม เล็งเห็นถึงโอกาส และความสำคัญของการขับเคลื่อนของภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มให้สามารถเดินหน้าต่อได้ ภายใต้สถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ จึงเร่งออกมาตรการและแนวทางการสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยให้กลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยเร็วในหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการขยายช่องทาง

"ขณะเดียวกันเพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดกิจกรรมผ่านเวทีการแสดงสินค้านานาชาติรูปแบบออนไลน์เสมือนจริงในงานแสดงสินค้าอาหาร 2564 หรือ THAIFEX-ANUGA ASIA 2021 “The Hybrid Edition” ซึ่งการจัดงานเกิดจากการ่วมกันระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับหอการค้าไทย"

การจัดงานในครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด Driving the next normal ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม "สู่วิถีใหม่” เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมอาหารเติบโตได้อย่างต่อเนื่องภายในปี 2564

ทั้งนี้ ภายในงานจะมีการแสดงคูหาเสมือนจริงผ่านรูปแบบ 3 มิติ โดยผู้ชมงานจากต่างประเทศสามารถเข้าไปเลือกสินค้าในชั้นวางสินค้า ชมคลิปวิดีโอ เปิดแคตตาล็อกสินค้า ฝากข้อความนัดเวลาเจรจาการค้าล่วงหน้า หรือเจรจาการค้าได้ทันที โดยจะเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมแสดงสินค้างาน ได้โอกาสใหม่ ๆ ในการเข้าถึงตลาดในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกอีกด้วย

นอกจากนี้ทาง ดีพร้อม ยังได้สนับสนุนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารที่มีศักยภาพและความพร้อมเข้าร่วมงานในครั้งนี้ จำนวน 20 ราย อาทิ บริษัท อุตสาหกรรมเครื่องหอมไทย-จีน, บริษัท ทิกเกิ้ล ไทม์ จำกัด, บริษัท โคโคเน่ น้ำมันมะพร้าว จำกัด, บริษัท ใบชาโชคจำเริญ จำกัด, บริษัท แคปหมึก ฟู้ดแอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด, บริษัท ด.เด็กกินผัก จำกัด, บริษัท พีอันต้า จำกัด, บริษัท ชาโลม เฮลท์ จำกัด, บริษัท จตุพล ชาไทย (ดอยแม่สลอง) ฯลฯ โดยนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องหอมไทย ผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูป อาหารแปรรูป เข้าร่วมในงานครั้งนี้

คาดว่าการสนับสนุนในครั้งนี้จะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะผู้ซื้อชาวต่างชาติที่เข้ามาร่วมงานกว่า 1,230 ราย นายณัฐพล กล่าวเสริม

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้างานแสดงสินค้าอาหาร 2564 พร้อมชมนิทรรศการเสมือนจริง ภายในงาน THAIFEX-Virtual Trade Show ระหว่างวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2564 และงาน THAILEX-ANUGA “The Hybrid Event” ได้ในระหว่างวันที่ 29 กันยายน-3 ตุลาคม 2564 ผ่านทาง www.dipromvirtual.com


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top