Thursday, 26 June 2025
TheStatesTimes

แม่ฮ่องสอน – อำเภอแม่สะเรียง ปล่อยแถว กวาดล้างแรงงานต่างด้าว

นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอแม่สะเรียง เป็นประธาน ปล่อยแถวระดมพลบูรณาการร่วมหน่วยงานต่างๆ เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าประเทศและการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ณ ลานหน้าที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน  ซึ่งตามมติที่ประชุมคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยอำเภอแม่สะเรียง เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่บูรณาการร่วมกันดำเนินการตรวจตราโรงงาน สถานประกอบการ หอพัก และสถานที่ต่างๆในพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าประเทศและการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid-19) ซึ่งอาจจะมีเชื้อกลายพันธุ์แพร่ระบาดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน 
 

"นายกฯ" สั่งกอ.รมน.แจงข่าว​ Fake News​ ในโซเซียล หวั่น ปชช. สับสน​ ย้ำ กอ.รมน.ทั่วประเทศสอดส่องเฝ้าระวังแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)  พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกอ.รมน. กล่าวว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้ประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (VTC) โดยมี พล.อ. วรเกียรติ  รัตนานนท์ เลขาธิการ กอ.รมน. เป็นประธานการประชุม

พล.ต.ธนาธิป กล่าวว่า​ การประชุมในวันนี้ มีวาระการประชุมในเรื่องที่กอ.รมน.ร่วมประชาสัมพันธ์ชี้แจงข้อกฎหมายและผลกระทบที่มีการส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อให้ประชาชนใช้สื่อโซเชียลอย่างรู้เท่าทัน​ ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน. มอบหมายให้กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด มวลชนของ กอ.รมน. ร่วมประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องกับประชาชน​ กรณีสื่อโซเชียลเผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้เกิดความสับสนในลักษณะข่าวปลอม (fake news) ไม่มีที่มาที่ไป หากเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จอาจจะสร้างความแตกแยกความเข้าใจผิดต่อสังคม ตลอดจนทำลายภาพลักษณ์ต่อประเทศ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 

“กอ.รมน. จึงขอความร่วมมือประชาชนรับข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการหรือรัฐบาลเป็นหลัก และขอให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์หรือส่งต่อให้ผู้อื่น จึงอยากเตือนผู้ที่มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอย่าได้ทำการเผยแพร่โดยเด็ดขาด และหากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำอันผิดกฎหมายพรบ.คอมพิวเตอร์ฯ สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วนความมั่นคง กอ.รมน. 1374 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการตรวจสอบ หากพบว่ามีความผิดจริงจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” โฆษกกอ.รมน. กล่าว 

พล.ต.ธนาธิป กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประ​ชุมกอ.รมน. ใช้กลไก กอ.รมน.ภาค และกอ.รมน.จังหวัด ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐเฝ้าระวังติดตามการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย​ โดยเฉพาะการนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยให้สนับสนุนการปฏิบัติกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก ป้องกันการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองตามแนวชายแดนโดยเน้นย้ำให้มีการดำเนินการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกระบวนการนำพา​จึงขอความร่วมมือประชาชน เป็นหูเป็นตา​ หากพบเห็นขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการโดยทันที

อย่างไรก็ตาม​ กอ.รมน.ได้นำข้อมูลอ้างอิงจาก ศบค. และ สธ. มาให้เจ้าหน้าที่ call center ใช้ในการให้บริการข้อมูลการสอบถามขั้นตอนการลงทะเบียนฉีดวัคซีนบน App หมอพร้อม คู่มือวัคซีนสู้โควิดฉบับประชาชน รวมถึงการรับแจ้งเหตุ​ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่เข้าถึงการรักษาในโรงพยาบาลโดยมีประชาชนโทรมาสอบถามข้อมูลข้อมูลดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

กระทรวงแรงงาน กำชับนายนายจ้าง/สถานประกอบการ ดูแลคนต่างด้าวตามมาตรการป้องกันโควิด-19

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ห่วงกังวลการแพร่เชื้อในสถานประกอบการ กำชับนายจ้างดูแลสถานที่ทำงาน และแรงงานต่างด้าวปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน  ห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จากกรณีที่พบการติดเชื้อในแคมป์คนงานก่อสร้างช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องนี้ กระทรวงแรงงานได้มอบหมายกรมการจัดหางานเร่งประชาสัมพันธ์วิธีการป้องกัน และปฏิบัติตัว ในสถานที่ทำงานตามมาตรการของ ศบค. แก่นายจ้าง/สถานประกอบการ รวมทั้งประชาสัมพันธ์เป็นภาษาประจำชาติ (ภาษากัมพูชา ลาวและเมียนมา) ของแรงงานต่างด้าว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง อย่างไรก็ดีขอให้นายจ้างกำชับให้แรงงานต่างด้าว ที่อยู่ในความรับผิดชอบการจ้างงานของตน ปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 มีการประสานนายจ้าง/สถานประกอบการในพื้นที่ของตนเอง ให้ทราบมาตรการป้องกันและควบคุมโรค รวมทั้งการอยู่ร่วมกันในสถานประกอบการ

โดยกำชับนายจ้างให้ดูแลสถานประกอบการให้มีความสะอาดปลอดภัย ถูกสุขลักษณะตามมาตรการป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ทำความสะอาด เช็ดถูพื้นผิววัสดุอุปกรณ์ ที่มีการใช้ร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งต้องควบคุมให้แรงงานต่างด้าวในความดูแลเข้าใจและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อตัวแรงงานต่างด้าวเอง เช่น สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ทำงาน หรือทำกิจกรรมอื่นๆ หมั่นล้างมือ หรือทำความสะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะก่อนทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ ทานอาหารในจานตนเอง งดเว้นการรวมกลุ่มกัน เน้นทานอาหารปรุงสุก เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อ งดการรวมกลุ่มสังสรรค์หลังเลิกงาน อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันทีที่ถึงที่พัก เพื่อป้องกันเชื้อที่ติดตามร่างกาย แพร่สู่ครอบครัว และหากมีอาการผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจ ควรแจ้งหัวหน้างาน หรือนายจ้างทันที

'กรณ์' ติงกู้เพิ่ม 7 แสนล้านต้องใช้ให้คุ้ม! พุ่งเป้าผู้ประกอบการรายเล็ก แทนหว่านแจก

กรณ์ สะท้อนเสียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายผู้ประกอบการ กรอบเงินกู้ชนเพดาน เงินกู้ 7 แสนล้าน สำคัญอยู่ที่ว่า 'ใช้ถูกทางหรือไม่' ต้องพุ่งเป้าผู้ประกอบการรายเล็ก SMEs ร้านอาหาร และภาคบริการ

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมีมติออกเงินกู้อีก 700,000 ล้านว่า นับเป็นรัฐบาลที่ออก พรก. กู้เงินฉุกเฉินนอกระบบงบประมาณ ถึงสองครั้งเป็นรัฐบาลแรกในประวัติศาสตร์ โดยครั้งแรกสมัย รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่ตนเป็น รมว.คลัง เพื่อแก้วิกฤตเศรษฐกิจโลก Hamburger สำเร็จด้วย พรก.ไทยเข้มแข็ง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นไวเป็นอันดับ 2 ของโลก และอีกครั้งในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุงเหตุแก้ปัญหาน้ำท่วม แต่สุดท้ายไม่ได้ใช้เพราะโครงการไม่พร้อม 

นายกรณ์ กล่าวว่า มาถึงรัฐบาลนี้ออก พรก.พิเศษกู้เงินแก้วิกฤตโควิดสองรอบ (1ล้านล้าน+7แสนล้าน) รวม 1.7 ล้านล้านบาท เท่ากับ 10% ของ GDP รอบล่าสุดนี้ ก้อนแรก 7 แสนล้านคือการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณปี 2565 ก้อนสองอีก 7 แสนล้านโดยออกเป็นพรก.พิเศษ รวม 1.4 ล้านล้าน รวมสองปี การกู้ทั้งหมดของ ‘64 และ ‘65 รวมเกือบ 3 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 20% ของ GDP สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่ยังตกต่ำ และฟื้นช้าเพราะวัคซีนยังไม่เรียบร้อยดี คนไทยยังกลับไปทำมาหากินยังไม่ได้ รัฐบาลจึงต้องกู้ และกู้โดยไม่มีทางเลือกอื่น

อย่างไรก็ตามหากถามว่า การกู้ครั้งใหม่นี้มีผลต่อเสถียรภาพทางการคลังหรือไม่ คำตอบคือในสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงิน คำตอบคือ ไม่กู้ไม่ได้อยู่ดี โดยที่ ‘ภาระต่องบประมาณ’ ยังรับได้อยู่ (สัดส่วนงบดอกเบี้ยและงบคืนเงินต้น เทียบกับงบรายจ่ายโดยรวมของรัฐบาล) แต่นั่นเป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยช่วงนี้ต่ำมาก และเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นว่าดอกเบี้ยนโยบายประเทศอื่นจะปรับขึ้น เพราะสัญญาณเงินเฟ้อเริ่มกลับมาจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ๆเช่น สหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป ทั้งหมดจะไม่เป็นปัญหาหากเศรษฐกิจเราฟื้นอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้า GDP เราโตได้เฉลี่ยเพียงปีละ 2-3% ไปอีก 4-5 ปี เราอาจจะเริ่มมีปัญหา ดังนั้นการใช้เงินจึงต้องเข้าเป้า และนี่คือ โจทย์ที่สำคัญที่สุด ต้องกู้แต่ต้องใช้เงินกู้ให้คุ้มที่สุด

“รอบแรก 1 ล้านล้านบาทผมให้แค่ 6/10 คะแนน จากส่วน 'เยียวยา' ผมถือว่ารัฐบาลทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ‘เราไม่ทิ้งกัน’ หรือ ‘คนละครึ่ง’ ฯลฯ แต่ที่หัก 4 คะแนน ผมว่าผิดเป้า เพราะเอาไป ‘ฟื้นฟู’ ในเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียเยอะ และเบิกจ่ายช้ามาก ไม่สมกับเป็น ‘งบฉุกเฉิน’ ตามนิยามของ ‘พรก.’ รอบใหม่นี้ไม่ควรแจกแนวเดิม และไม่ควรมีเรื่องฟื้นฟูไม่เป็นเรื่องอีกเลย แต่ต้องยิงให้เข้าเป้า นั่นคือเป้าหมายหล่อเลี้ยงผู้ประกอบการขนาดเล็ก SMEs ร้านอาหาร ธุรกิจภาคบริการทั้งระบบให้อยู่รอดจนถึงการฉีดวัคซีนครบตามเป้า” อดีต รมว.คลัง กล่าว

นายกรณ์ กล่าวาว่า พรรคกล้า เราเสนอทางออกไปหลายครั้งเพื่อแก้ปัญหา อย่างล่าสุดเราเสนอให้รัฐบาลออกมาตรการเพื่อช่วยทุกคนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร แต่ก็ถูกกระทรวงการคลังปฏิเสธ ส่วนในเงินกู้ 7 แสนล้านใหม่ มีส่วนที่กันไว้เพื่อการฟื้นฟูสูงถึง 270,000 ล้าน ตรงนี้ก็จะนำไปสู่ความผิดพลาดซํ้ากับปีที่ผ่านมา ตรงนี้ต้องปรับ และสำคัญที่สุดที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลต้องเร่งทำคือ 'ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ' มิเช่นนั้นเงินกู้ทั้งหมดนี้ก็จะถูกละลายหายไปโดยที่ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ทำให้คนไทยรู้สึกมีความหวังมากขึ้น ทั้งหมดนี้คือ เสียงสะท้อนจากเฮือกสุดท้ายของผู้ประกอบการ รวมไปถึงกรอบเงินกู้ที่ล้นชนเพดานแล้ว

เพราะเราไม่ได้อยู่บนโลกคนเดียว | คิดเพลิน Learn & Play Talk EP.10

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 

.

.

.

Nongshim บะหมี่เบอร์ 1 สัญชาติเกาหลีใต้ ความศรัทธา แลกมาด้วยการตัดพี่ตัดน้อง | LOCK LENS GURU EP.19

???? GURU : คุณอรุณรัตน์ เปรมสิริอำไพ คอลัมน์นิสต์อิสระ นักแปล นักเล่าข่าว

▶️ หัวข้อ : รู้จัก Nongshim บะหมี่เบอร์ 1 สัญชาติเกาหลีใต้ สำเร็จบนความศรัทธา ที่แลกมาด้วยการตัดพี่ตัดน้อง

อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021042508

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES 

.

.

“รมว.ดีอีเอส” เผย ประสาน ตร.เอาผิด “สมศักดิ์ เจียม” ผิดพ.ร.บ.คอมพ์ฯ-ม.112 ชี้ ลากตัวมาดำเนินคดีได้ ไม่ว่าในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน หรือช่องทางอื่นที่มี 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการป้องกันเฟกนิวส์ว่า ได้ให้มีการศึกษาเกี่ยวการปรับแก้กฎหมาย หรืออาจจะออกกฎกระทรวงหรือออกประกาศ ออกระเบียบในส่วนของการกระทำผิดเกี่ยวกับการนำข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ยกตัวอย่าง ที่ผ่านมาเวลาขอแพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้ปิดกั้นหรือดำเนินคดีค่อนข้างจะช้า ก่อนหน้านี้มีการขอไปยังเฟซบุ๊กให้ปิด 12,259 ยูอาร์แอล แต่ปิดให้แค่ 5,740 ยูอาร์แอล หรือไม่ถึงครึ่ง 

โดยอ้างว่าไม่เข้าเกณฑ์และไม่ผิดกฎหมายของประเทศเขา จึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การทำงานเข้มข้นขึ้น เพราะเราต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องเฟคนิวส์ หรือการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียที่เข้าข่ายผิดกฎหมายให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น 

“ขณะนี้มีเฟกนิวส์ต่าง ๆ ออกมามาก โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จึงอยากเตือนคนที่กำลังตั้งใจจะทำร้ายบ้านเมืองด้วยการปล่อยเฟกนิวส์เพื่อปั่นป่วนกันเองขอให้หยุด เพราะที่ผ่านมาเรามีคณะติดตามเรื่องนี้คอยรวบรวบพยานหลักฐานไว้หมด หากพบว่ากระทำผิดจะดำเนินการปิดกั้นและดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอให้เคารพกฎหมายด้วย” นายชัยวุฒิ กล่าว 

เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวว่าจะประสานกับตำรวจให้ล่าตัวนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ออกมาโพสต์ข่าวลือเกี่ยวกับสถาบันก่อนหน้านี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาดีอีเอสได้มีการแจ้งไปยังเจ้าของแฟลตฟอร์ม ขอให้ปิดกั้นข้อมูลที่สร้างความตื่นตระหนกและไม่เป็นความจริงมาตลอด ไม่ใช่เฉพาะเพจของนายสมศักดิ์ หรือเพจของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์เท่านั้น ซึ่งกรณีของนายสมศักดิ์นั้น ดีอีเอสได้ประสานไปยังตำรวจให้ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้ว และตนเชื่อมั่นว่าในที่สุดจะดำเนินคดีเอาตัวคนผิดมาลงโทษในเมืองไทย โดยใช้กลไกส่งตัวผู้ร้ายข้ามและช่องทางอื่นที่มีตามกฎหมายระหว่างประเทศ

พิมรี่พาย แจง แค่ โทนี่ พูดถึง 5 วินาทีต้องเจออะไรบ้าง บริจาคของหน่วยงานโดนตีกลับ ไม่รับของ-กลัวมีปัญหา ขอตั้งโรงพยาบาลสนามที่คลองเตยก็ไม่ได้

กรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเสวนาใน Clubhouse โดยตอนหนึ่ง นายทักษิณ ได้พูดในประเด็นว่าภายในเรือนจำเขามีสนามฟุตบอล มีโรงอาหาร เราสามารถเปลี่ยนมาเป็นโรงพยาบาลสนามชั่วคราวได้หรือไม่ หรือถ้าตั้งมันแพง ก็ไปขอ “พิมรี่พาย” ตั้งให้ ทำให้ พิมรี่พาย ต้องออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวระหว่างไลฟ์สดขายของ ว่าขออย่าลากพิมรี่พายไปเกี่ยวข้อง

ล่าสุด ในช่วงเย็นวันเดียวกัน (19 พ.ค. 64) พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ก็ได้ออกมาไลฟ์ชี้แจงถึงกรณีนี้อีกครั้งว่า ไม่เคยคิดจะพูดเรื่องนี้แต่ต้องพูดให้เข้าใจ พิมรู้ดีว่าพิมไม่ได้เป็นคนที่พิเศษหรือวิเศษไปกว่าใคร รู้ดีว่าตัวเองแตะต้องได้ เพราะเป็นแค่แม่ค้าธรรมดา เป็นคนธรรมดา ทุกคนวิจารณ์ได้ แต่ยอมรับตามตรง แค่ 5 วินาทีที่คุณทักษิณพูดถึง แค่ 5 วินาทีนี้ไม่มีใครรู้ว่าเราต้องเจออะไรบ้าง

เมื่อเช้าพิมซื้อของบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ โดยไม่ได้ทำเป็นคอนเทนต์ แค่ต้องการช่วยหลังบ้าน ซื้อของไป 2 แสนกว่า แต่แค่คุณทักษิณพูดถึง 5 วินาทีเมื่อคืน ของบริจาคถูกส่งไปตอนเช้า 9 โมง โดยไม่ประสงค์ออกนาม หน่วยงานนั้นให้เอาของกลับ ไม่รับของจากฉัน กลัวมีปัญหา นี่แค่ชม 5 วินาทีเอง”

“ฉันโดนอำนาจมืดข่มขู่จะตรวจสอบกี่ครั้งรู้หรือไม่ ฉันโดนแอคหลุมมาด่าทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร ผลกระทบจากการที่คุณทักษิณพูดถึงฉัน เพียงต้องการแซะรัฐบาลและขบขัน แต่ผลกระทบที่ตามมาฉันโดนอะไรบ้าง ฉันอยู่ในสังคมนี้ฉันรู้ต้องทำอย่างไร”

“ทำไมถึงไม่อยากให้โยงการเมือง เพราะฉันขยับตัวไม่ได้เลย ถ้าขยับจะถูกมองทำในเจตนาไม่ได้ ธุรกิจพิมทำอย่างสุจริตและเสียภาษี ระวังตัวที่สุด รู้มั้ยฉันให้คนไปขอตั้งโรงพยาบาลที่คลองเตย รออยู่ 2 อาทิตย์ เขาไล่ฉันกลับมา แถมยังต้องแบกรับภาระลูกน้องอีกหลายชีวิต แต่พอถูกโยงว่ามีปัญหา ความจริงโดนโยงมาหลายครั้ง แต่พูดไม่ได้”

“ความจริงพิมเพิ่งมารวยแค่ 2 ปีนี้เอง โดยจนมาก่อน เป็นแม่ค้าตลาดนัด เรียนก็ไม่จบ ทำให้เข้าใจคนจนดี จึงช่วยเพราะเข้าใจหัวอกคนจน เข้าใจความลำบากและความทุกข์ ทำให้คิดตอบแทนคืนให้สังคมบ้าง ยิ่งคุณทักษิณพูดถึง 5 วินาที มีเอฟเฟคมากมาย ท่านพูดขบขำกดดันรัฐบาล แต่ทำให้เราซวย ซึ่งเดือดร้อนจากคำพูดของท่านจริงๆ รอบนี้พูดถึงพิมแล้วฉันจะอยู่อย่างไร”

 

ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/hotclip/467364


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

สมาคมประกันฯ ดึงเอกชนแจกประกันแพ้โควิดฟรี 11.5 ล้านสิทธิ

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้จัดโครงการฉีดช่วยชาติ หมอพร้อมฉีด ประกันวินาศภัยพร้อมดูแล โดยมีการมอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการแพ้วัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปฟรี 11.5 ล้านสิทธิ เพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด โดยสามารถเลือกลงทะเบียนรับสิทธิฟรี ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการฯ และมีเงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่แต่ละบริษัทกำหนด

ทั้งนี้บริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วม ได้แก่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย 2 ล้านสิทธิ, บมจ.ทิพยประกันภัย 2 ล้านสิทธิ, บมจ.เมืองไทยประกันภัย 2 ล้านสิทธิ, บมจ.วิริยะประกันภัย 2 ล้านสิทธิ, บมจ.สินทรัพย์ประกันภัย 1 ล้านสิทธิ, บมจ.สินมั่นคงประกันภัย 1 ล้านสิทธิ, บมจ.อาคเนย์ประกันภัย 1 ล้านสิทธิ, บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ 500,000 สิทธิ
 
“สมาคมประกันวินาศภัยไทย และภาคธุรกิจประกันวินาศภัย มีความเชื่อมั่นว่าการมอบกรมธรรม์ประกันภัยแพ้วัคซีน จำนวน 11.5 ล้านสิทธิ์ในครั้งนี้จะกระจายไปสู่ประชาชนในทุกภาคส่วนของสังคมและสร้างความมั่นใจในการเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด”

เกษตรกร เฮ! จุรินทร์ ชง ครม.อนุมัติ ! จ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนาแล้ว 

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา เพื่อช่วยเกษตรกรชาวนานั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมแก้ไขนำเรื่อง ขออนุมัติในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอังคาร 18 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา 

" ล่าสุด ครม.อนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทนกรณีที่ดินมีเอกสารสิทธิ จำนวน 82 แปลง เนื้อที่ 422 กว่าไร่ ในอัตราไร่ละ 125,000 บาท เป็นเงิน 52,785,937 บาท และที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิจำนวน 22 แปลง เนื้อที่ 206-2-02 ไร่ ในอัตราไร่ละ 45,000 บาทเป็นเงิน 9,292,725 บาท ให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ " นางมัลลิกา กล่าว 

นางมัลลิกา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นโครงการที่ผ่านการตรวจสอบและเห็นชอบโดยคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ และคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนาจังหวัดศรีสะเกษ เฉพาะกลุ่มโนนสัง กลุ่มราษีไศล และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านรวมทั้งสิ้น 104 แปลง เนื้อที่ 628 กว่าไร่ เป็นเงิน 62,078,662 บาท 

"เป็นเรื่องที่พิจารณากันมายาวนานจนสำเร็จในยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีมอบรองนายกรัฐมนตรี จุรินทร์เป็นผู้รับผิดชอบ และล่าสุดเกษตรกรชาวนาดีใจมากเพราะรัฐบาลนี้จริงใจใส่ใจแก้ไขปัญหาแม้จะเป็นเรื่องยืดเยื้อมาหลายยุค แล้วเมื่อวาน นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่าเกษตรกรติดป้ายขอบคุณนายกฯ รองนายกฯ จุรินทร์ และรัฐมนตรีเฉลิมชัย กันว่อนเลยที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งก็ดีใจกับเกษตรกรด้วยเพราะเขาก็สู้อดทนกันมานาน " นางมัลลิกา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top