Sunday, 22 June 2025
TheStatesTimes

กระทรวงแรงงาน ส่ง 252 แรงงานไทย ทำงานภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล

กระทรวงแรงงาน ตั้งเป้าจัดส่งแรงงานไทยทำงานภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล ปีงบ 64  จำนวน 5,000 คน  จัดส่งแล้ว 3,364 คน เตรียมเดินทางอีก 252 คน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2564 กระทรวงแรงงานมีกำหนดส่งแรงงานไทย จำนวน 252 คน แบ่งเป็นเพศชาย 251 คน และเพศหญิง 1 คน เดินทางไปทำงานภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย-อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (Thailand-Israel Cooperation on the Placement of Workers:TIC) ด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำพิเศษ สายการบิน El Al Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY 082 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทยเวลา 09.15 น. และมีกำหนดถึงปลายทางกรุงเทลอาวีฟ เวลา 15.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น 

“นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำรัฐบาล ให้ความสำคัญและรู้สึกขอบคุณแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศมาโดยตลอด ด้วยถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้า เกี่ยวกับเรื่องนี้กระทรวงแรงงาน มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริม สนับสนุน พัฒนากระบวนการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศให้มีประสิทธิภาพ และขยายตลาดแรงงานไทยไปต่างประเทศอย่างจริงจังตามนโยบายรัฐบาล โดยปีงบประมาณ พ.ศ.2564 มีเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในรัฐอิสราเอล จำนวน 5,000 คน ซึ่งตั้งแต่เดือนตุลาคม 63 - เดือน  พ.ค. 64 มีแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานแล้ว รวมกับที่จะเดินทางในวันพรุ่งนี้ทั้งสิ้น 3,616 คน ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว 

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ท่านรัฐมนตรีสุชาติ ได้มอบหมายให้กรมการจัดหางาน ดูแลพี่น้องแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลอย่างดี โดยก่อนเดินทั้งหมดจะได้รับการอบรมเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ก่อนการเดินทาง ซึ่งมีหัวข้อการอบรมที่เป็นประโยชน์ต่อแรงงานไทยฯ อาทิ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ภายในประเทศและการปฏิบัติตัว การเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ วิธีเดินทางออกและกลับเข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมาย สัญญาจัดหางาน สัญญาจ้างงาน และสิทธิประโยชน์กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ รวมทั้งช่องทางการติดต่อผ่านแอปพลิเคชั่น TOEA และข้อมูลหน่วยงานราชการไทยในต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้กรมการจัดหางานจัดขึ้นโดยคำนึงถึงมาตรการของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารสุขอย่างเคร่งครัด และผมในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน ได้เดินทางตรวจเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจแรงงานไทยก่อนเดินทางไปทำงานภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยหวังอย่างยิ่งว่าแรงงานไทยกลุ่มนี้ จะเป็นอีกกลุ่มที่นำรายได้ ทักษะ และประสบการณ์ที่ได้รับในต่างประเทศกลับมาพัฒนาตนเอง และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ครอบครัวต่อไป

“สำหรับโครงการ “ความร่วมมือไทย-อิสราเอลเพื่อการจัดหางาน” (Thailand-Israel Cooperation on the Placement of Workers : TIC) มีระยะเวลาการจ้างงาน 2 ปีแต่ไม่เกิน 5 ปี 3 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการต่ออายุใบอนุญาตการจ้างแรงงานต่างชาติของนายจ้างและวีซ่าการทำงาน ตามข้อกำหนดของกฎหมายรัฐอิสราเอล โดยคนหางานจะได้รับเงินเดือนขั้นต่ำก่อนหักภาษีเดือนละ 5,300 เชคเกลอิสราเอล หรือประมาณ 48,073 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) ทั้งนี้ ผู้สนใจเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลสามารถติดตามข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ www.doe.go.th/overseas และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน” นายไพโรจน์ฯ กล่าว

กรมการขนส่งทางบก เข้มงวด!!! รถโดยสารทุกประเภทต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามข้อสั่งการ รมว.คมนาคม

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ยังไม่กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระบบขนส่งสาธารณะอย่างเคร่งครัด  

กรมการขนส่งทางบก ได้ยกระดับความเข้มข้นมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T-A เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย มาตรการคัดกรอง entry และ exit scan ในรถโดยสารสาธารณะ สถานีขนส่งผู้โดยสาร และสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ ตรวจวัดอุณหภูมิ ตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา 100% มาตรการเว้นระยะห่าง จัดเตรียมแอลกอฮอล์เจลสำหรับทำความสะอาดมือ เพิ่มความถี่ในการทำสะอาดพื้นที่สาธารณะตลอดทั้งวัน พร้อมจัดพิมพ์ QR Code ไทยชนะให้ผู้โดยสารเช็คอิน-เช็คเอาท์ทุกครั้งก่อนใช้บริการ โดยในวันที่ 5 พ.ค. 2564 สำนักงานขนส่งจังหวัด เช่น อุบลราชธานี พังงา อุดรธานี สุโขทัย ลำพูน นครพนม น่าน หนองคาย พระนครศรีอยุธยา กำแพงเพชร กาฬสินธุ์ นครราชสีมา อุตรดิตถ์ มุกดาหาร สุรินทร์ บุรีรัมย์ เชียงราย เพชรบูรณ์ สมุทรปราการ หนองบัวลำภู ลำปาง ประจวบคีรีขันธ์ พิษณุโลก เลย แพร่ ศรีสะเกษ นครปฐม ฉะเชิงเทรา ชัยภูมิ ราชบุรี จันทบุรี เชียงใหม่ ได้ดำเนินการตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะทุกประเภททั้งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดตรวจคัดกรองในพื้นที่รับผิดชอบ และประชาสัมพันธ์การปฏิบัติตามมาตรการ ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด 

ในส่วนของการให้บริการที่สำนักงานขนส่งทุกแห่ง มีการปรับรูปแบบดำเนินการแบบ New Normal ตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในการติดต่อราชการ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบก แจ้งงดการอบรมและทดสอบ ด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 เป็นต้นไป โดยผู้ขอใบอนุญาตขับรถรายใหม่ให้รอจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ส่วนการต่ออายุใบอนุญาตขับรถสามารถนำผลการอบรมออนไลน์มาดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตขับรถได้ โดยจองคิวดำเนินการล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เท่านั้น เพื่อบริหารจัดการจำนวนผู้ใช้บริการภายในสำนักงาน  ตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิประชาชน ก่อนเข้าอาคารสำนักงาน ที่นั่งพักคอยของประชาชนมีการเว้นระยะอย่างเหมาะสม ติดตั้ง Table Shield กั้นระหว่างผู้มาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ พร้อมแนะนำการให้บริการชำระภาษีรถประจำผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อลดการสัมผัสและไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง เช่น เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ หรือ แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax  ดาวน์โหลดฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS: https://apple.co/3iAx6Dd และแอนดรอยด์: https://bit.ly/2XXQLVT

ราเมศ เผย กกบห เห็นชอบ ตั้ง นิพนธ์ ปฎิบัติหน้าที่ รองภาคใต้ ชั่วคราวแทน นิพิฏฐ์

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ได้ลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบภาคใต้ว่า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้เสนอชื่อนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคภารกิจ ปฎิบัติหน้าที่แทนในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ จนกว่าจะมีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง และคณะกรรมการบริหารพรรคได้มีความเห็นชอบตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้เสนอ ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับพรรคที่ได้กำหนดไว้

นายราเมศกล่าวต่อว่า นายนิพนธ์ จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทนในตำแหน่งดังกล่าวเป็นการชั่วคราวเพื่อรอให้มีการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีต่อไป

เสกสกล จี้! นักการเมือง พักปมการเมืองก่อน หันมาร่วมมือช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ยัน บิ๊กตู่ ไม่เคยคิดท้อ-ไม่ทิ้งปชช.

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ ครม.มีมติอนุมัติมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ทั้งมาตรการคนละครึ่งช่วยเหลือคนละ 3,000 บาท โครงการเราชนะเพิ่มเงินให้อีก 2,000 บาท ม.33 เรารักกัน อีกคนละ 2,000 บาท รวมไปถึงผู้ถือสวัสดิการแห่งรัฐเดือนละ 200 บาท เป็นเวลา 6 เดือนและยังได้เพิ่มโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้    

เป็นการแสดงให้เห็นว่านายกฯและรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะเร่งหามาตรการต่างๆ เพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และเพื่อให้ประชาชนได้นำเงินไปใช้จ่ายในครัวเรือน อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย และเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ยังได้มีมาตรการลดค่าน้ำ ค่าไฟให้อีกด้วย รวมไปถึงมีมาตรการด้านสินเชื่อ พักหนี้ และมาตรการทางด้านภาษี

ส่วนมาตรการด้านสาธารณสุข นายกฯได้ตั้งศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้แก้ปัญหาได้อย่างเร่งด่วน ซึ่งมีนายกฯ มาดูแลด้วยตนเอง และยังได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบูรณาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อให้เกิดการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานสาธารณสุขและหน่วยงานฝ่ายปกครอง    

จะเห็นแล้วว่านายกฯ ไม่หยุดที่จะคิดหาทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งด้านสาธารณสุข ด้านเศรษฐกิจ นายกฯ ยังได้ยืนยันกับประชาชนแล้วว่า จะไม่มีวันท้อถอย หรือท้อแท้ ไม่ว่าจะเผชิญกับปัญหาใด ๆ ขอให้ประชาชนมั่นใจในตัวนายกฯและรัฐบาล จะไม่ทิ้งและจะสู้เพื่อประชาชน และอยากให้ประชาชนและทุกภาคส่วนได้ร่วมไม้ร่วมมือกัน เพื่อทำให้สถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิค-19 ในประเทศได้คลี่คลายลงให้ได้และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติในเร็ววัน

ขอให้ประชาชนอย่าไปสนใจพวกที่ชอบโจมตีใส่ร้ายป้ายสีใส่ความเท็จทางการเมือง เช่น พูดถึงข้อมูลวัคซีนที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้ประชาชนสับสนและเข้าใจผิดต่อรัฐบาล จึงขอให้เชื่อมั่นว่า นายกฯ คนนี้ จะไม่มีวันทอดทิ้งพี่น้องประชาชนในยามที่เกิดวิกฤตความเดือดร้อนเช่นนี้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันตนขอร้องไปยังฝ่ายการเมืองให้ช่วยกันในฐานะเป็นผู้แทนของประชาชน ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในขณะนี้ โดยขอให้พักเรื่องทางการเมืองเอาไว้ก่อนแล้วมาร่วมแรงร่วมใจกัน

"รองโฆษกพรรคกล้า"  ห่วงบรรทัดฐาน “คดีธรรมนัส” คนต้องคำพิพากษาคดียาเสพติดต่างประเทศเป็น ส.ส.-รัฐมนตรีได้ ชี้ช่องยื่น ป.ป.ช. วินิจฉัยจริยธรรมร้ายแรงต่อ 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ กรณีต้องคำพิพากษาศาล ออสเตรเลียในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดว่า แม้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุดในเรื่องคุณสมบัติแล้ว แต่การให้เหตุผลคำวินิจฉัยในทำนองว่าคำพิพากษาของต่างประเทศ ไม่มีผลผูกพันต่อกฎหมายไทย เกิดเป็นคำถามถึงบรรทัดฐานกระบวนการยุติธรรมไทย 

"ผมไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับบุคคลในคดี แต่สงสัยว่า ถ้ามีคนก่อคดีคล้าย ๆ มันคือแป้งในต่างประเทศ หมายความว่าบุคคลนั้น สามารถสมัครรับเลือกตั้ง เป็น ส.ส. หรือเป็นรัฐมนตรี ได้หรือไม่ เชื่อว่าประชาชนอีกหลาย ๆ คน ก็คงรู้สึกสงสัยไม่ต่างกัน จึงหวังว่าคำวินิจฉัยฉบับเต็มที่จะออกมาภายหลัง จะมีการอธิบายถึงบรรทัดฐานในอนาคตที่ชัดเจนด้วย" นายแสนยากรณ์ กล่าว 

รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า เรื่องคุณสมบัติคงจะจบไปด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงมีประเด็นว่า ขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงตามหมวด 1 ของมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ซึ่งกำหนดให้บังคับใช้แก่ ส.ส. , ส.ว. และคณะรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่โดยสามารถยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อชี้มูลว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ และส่งต่อให้ศาลฎีกาตัดสินต่อไป 

นายแสนยากรณ์ ยังกล่าวถึง พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 5 กำหนดด้วยว่า ผู้ใดกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แม้จะกระทำนอกราชอาณาจักร ผู้นั้นจะต้องรับโทษในราชอาณาจักรด้วย รวมถึงความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมายคณะที่ 5) เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2525 ก็ระบุถึงเจตนารมณ์ส่วนหนึ่งว่า ถ้าต้องห้ามเฉพาะการกระทำผิดในประเทศ ไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดในต่างประเทศ ก็จะเกิดการลักลั่นไม่เป็นธรรม ซึ่ง 2 ประเด็นนี้ น่าจะเป็นข้อกฎหมายและความเห็นที่มีนัยยะสำคัญ หากมีการวินิจฉัยต่อว่าขัดต่อจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่

‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ บริจาคเงิน 100 ล้านบาท พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ สนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลศิริราช ชวนประชาชนการ์ดอย่าตก พร้อมวอนทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน มั่นใจประเทศฝ่าวิกฤตินี้ได้

วันนี้ (6 พฤษภาคม พ.ศ.2564) เวลา 11.00 น. ณ ตึกอำนวยการ โรงพยาบาลศิริราช ‘นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย รองเท้ายี่ห้อ แอร์โร่ซอฟ / ประธาน บริษัท ไพน์เฮิร์สท กอล์ฟคลับ จำกัด พร้อมด้วย ‘นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ’ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ได้บริจาคเงิน จำนวน 100 ล้านบาท พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ประกอบด้วย อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและตา (Face Shield) จำนวน 3,000 ชิ้น และเครื่องช่วยหายใจไฮโฟลว์ (Airvo 2) จำนวน 10 ชิ้น ให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลศิริราช เพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้ในการรักษา โดยมี รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช, นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าวิชาโรคระบบการหายใจ

โอกาสนี้ นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวขอบคุณคณะที่ร่วมบริจาคเงินทุนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ทางโรงพยาบาลนำไปใช้เพื่อสนับสนุนการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 ขณะเดียวกันขอความร่วมมือประชาชนต้องมีวินัยในการป้องกันตนเอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในการให้ความร่วมมือกับแพทย์และพยาบาล ลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ด้านนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาปรากฎตัวต่อสาธารณะชน ได้กล่าวว่า “ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้คนไทยทุกคนต้องมีความร่วมมือกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อร่วมกันฝ่าวิกฤตให้ประเทศไทยกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ขณะเดียวกันขอเชิญชวนผู้ที่พอมีกำลังมาร่วมบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือเงินทุนสนับสนุนโรงพยาบาล เพื่อช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของหมอและพยาบาล และทำให้ประเทศของเราปราศจากโควิด-19 โดยเร็ว พร้อมย้ำว่าขอให้คนไทยการ์ดอย่าตกและร่วมมือกันป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนด”

สำหรับ โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ นั้น เป็นน้องคนที่ 3 ของ ‘สรรเสริญ จุฬางกูร’ และเป็นพี่ชายของ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ ซึ่งในวงการสื่อมักจะยกให้เขาเป็นบุคคลที่ ‘Low Profile’ เป็นคนทำธุรกิจแบบเรียบง่าย แต่ไม่ชอบเปิดตัว

รัฐบาลยัน ครม. ไม่ได้ลักไก่ไฟเขียวให้เจรจาเข้าร่วม CPTPP

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้มีการเห็นชอบให้ไทยไปขอเจรจาเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP แต่อย่างใด มีเพียงการอนุมัติให้ขยายระยะเวลาเพิ่มเติมอีก 50 วัน เพื่อให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) หารือกับภาคส่วนต่าง ๆ ให้ครอบคลุม ครบถ้วน และรอบคอบมากที่สุด ในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีที่มอบหมายให้ กนศ. จัดทำกรอบการทำงานเพื่อติดตามแผนการดำเนินการเพื่อปรับตัวของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตามข้อสังเกตของ กรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรเรื่อง CPTPP

ทั้งนี้ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม. รับทราบข้อสังเกตของกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) โดย ครม.ได้มอบหมายให้ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การต่างประเทศ รับข้อสังเกต ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

โดยเฉพาะ 3 ประเด็นหลัก คือ ด้านการเกษตรและพันธุ์พืช ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เช่น ให้มีกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ที่ต้องการขอขึ้นทะเบียนยา ที่มีส่วนประกอบของจุลชีพหรือจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับจุลชีพ ต้องสำแดงแหล่งที่มาร่วมด้วยให้เร็วที่สุด และด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน เช่น เสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า 

‘หมอโอภาส พุทธเจริญ’ แนะลูกหลานจองฉีดวัคซีนให้พ่อแม่ หลังพบคนไข้ในไอซียูหลายรายเป็นผู้สูงอายุ ชี้วัคซีนช่วยลดการป่วยและเสียชีวิตจากโควิด-19 ในขณะที่ผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้น้อย

6 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์แสดงความคิดเห็นส่วนตัว ผ่านเฟซบุ๊ก Opass Putcharoen ระบุว่า...

ลงทะเบียนฉีดวีคซีนกันหรือยัง

โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคเรื้อรัง

ลงให้คุณพ่อ คุณแม่ได้เลย

ตอนนี้คนไข้ป่วยหนักที่โรงพยาบาลจุฬามีแต่ผู้สูงอายุหรือพวกที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง นอนใส่ท่อช่วยหายใจในไอซียูหลายราย

มีข้อมูลชัดเจนว่าวัคซีนลดการป่วยและเสียชีวิตจากโควิด-19 ในขณะที่ผลข้างเคียงเกิดขึ้นน้อยกว่ามาก ๆ ครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/opass.putcharoen

“ประยุทธ์” เน้นย้ำแผนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยในที่ประชุม Microsoft APAC Public Sector Summit “เผย” ใช้ช่องทางดิจิทัลมาประยุกต์ใช้แก้ไขการแพร่ระบาดโควิด “ลั่น” รัฐบาลไทยตั้งเป้าจัดหาวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ประชาชน 50 ล้านคนในสิ้นปีนี้

วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ตามเวลาประเทศไทย (09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น) ณ สำนักงานใหญ่ Microsoft ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประเทศสิงคโปร์ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปาฐกถาผ่านระบบวีดิทัศน์ในพิธีเปิดการประชุม Microsoft APAC Public Sector Summit ซึ่งจัดในรูปแบบออนไลน์ ภายใต้หัวข้อ Empowering Nations for a Digital Society ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 พฤษภาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับบทบาทดิจิทัลและฐานข้อมูลในการช่วยฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ สนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายไปสู่ยุคดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรม ภาคการศึกษา และภาคธุรกิจพลังงาน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไมโครซอฟต์ และผู้แทนจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจกว่า 20 คน ร่วมอภิปราย

นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่ง ว่ายินดีที่ได้แลกเปลี่ยนต่อที่ประชุมฯ ถึงความคืบหน้าของการตอบสนอง การฟื้นฟู และการปฏิรูป ของประเทศไทยเพื่อสร้างสังคมดิจิทัลที่ครอบคลุมในทุกมิติ พร้อมระบุว่า การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ก่อให้เกิดความท้าทาย แต่ได้สร้างโอกาสในหลายมิติ อาทิ การปรับตัวเข้ากับวิถีการทำงานรูปแบบใหม่ มาตรฐานสุขอนามัยรูปแบบใหม่ และการเกิดโมเดลธุรกิจใหม่ อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะมีศักยภาพในการรับมือและปรับตัวท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยตัวเลขผู้ป่วยที่ควบคุมไว้ได้ในระดับหนึ่ง และประชาชนยังสามารถใช้ชีวิตได้ค่อนข้างปกติ แต่จากจำนวนยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลได้ทำทุกอย่างเพื่อให้ผ่านวิกฤตระลอกนี้ไปด้วยกัน มีการเตรียมการและวางแผนฟื้นฟูประเทศหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไป มีมาตรการฟื้นฟูสถานการณ์โควิด-19 โดยใช้ช่องทางดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการแก้ไขการแพร่ระบาดในด้านต่างๆ รวมทั้งแจกจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาได้ผลเป็นอย่างดี มีการเข้าถึงอย่างรวดเร็ว โปร่งใส ทั่วทั้งประเทศ ประชาชนไทยมีความพึงพอใจ และรัฐบาลตั้งเป้าจัดหาวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ประชาชน 50 ล้านคนในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ ภาครัฐจะฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยแก้ปัญหาภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด คือ ภาคการท่องเที่ยว โดยประเทศไทยจะเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอีกครั้ง โดยมีภูเก็ตเป็นจุดหมายนำร่องแห่งแรก เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคมนี้

“ความท้าทายต่อไปคือการวาดภาพยุทธศาสตร์การเติบโตในโลกใหม่หลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกในฐานะที่เป็นปัจจัยสนับสนุนสำหรับทุกภาคส่วน เช่น เทคโนโลยี Internet of Things (IOT) และระบบอัตโนมัติทั้งหลายที่จำเป็นต่อภาคยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งยังช่วยสนับสนุนการค้า การบริการ และการท่องเที่ยว ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้พร้อมสำหรับอนาคต สิ่งเหล่านี้คือเส้นทางที่ไทยจะดำเนินต่อไป และมุ่งหวังที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตร เช่น การวางบทบาทของประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางภูมิภาคอินโดจีนของดาต้าเซ็นเตอร์สีเขียวและบริการคลาวด์ ด้วยการใช้พลังงานทดแทนเพื่อบรรลุเป้าหมายให้ประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ ในอนาคตอันใกล้นี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การดำเนินการตามเส้นทางสู่ความสำเร็จของเศรษฐกิจดิจิทัล จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รัฐบาลตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางภูมิภาคสำหรับบริษัทนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวโครงการริเริ่มนำร่องต่าง ๆ เพื่อดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีและบุคลากรที่มีความสามารถสูง การพัฒนานโยบายเพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดระบบนิเวศด้านนวัตกรรม ตลอดจนปรับปรุงความง่ายในการประกอบธุรกิจของไทย ซึ่งรัฐบาลกำลังวางแผนการพัฒนาทั้งในระยะเร่งด่วนและในระยะยาวและกล่าวขอบคุณที่ให้โอกาสรัฐบาลไทยได้มาแบ่งปันวาระแห่งชาติด้านดิจิทัลในวันนี้ และรัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานร่วมมือกันในอนาคต

ลุงป้อม ช่วยเกษตรกรไม้สัก/ไม้ผล ประชุม คปช. สนับสนุนเอกชน ร่วมภาครัฐ ส่งออกไม้สัก ส่งเสริมเศรษฐกิจ เห็นชอบไม้ผลทุกชนิด แปรรูปเพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิต ชดเชยผลกระทบโควิด-19

เมื่อ 6 พฤษภาคม 2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ (คปช.) ครั้งที่ 2/2564  ผ่านระบบ Video Conference ทางไกล โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทส.

ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ การขอทบทวนมติ ครม.เกี่ยวกับการขออนุญาตส่งออกไม้สักสวนป่า จากเดิมที่มีการอนุญาตให้เฉพาะองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เป็นผู้ส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ เป็นการให้หน่วยงานของภาครัฐ และภาคเอกชน สามารถส่งไม้สักออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศได้ด้วย นอกจากนี้ คปช. ยังได้เห็นชอบให้ทบทวนมติ ครม. ซึ่งเดิมให้เฉพาะไม้ผลบางชนิดเท่านั้น ที่สามารถนำป้อนเข้าโรงงานแปรรูปไม้ (โรงเลื่อย) ผลิตเป็นไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับได้  เป็นการเสนอให้เพิ่มไม้ผลทุกชนิด สามารถนำเข้าป้อนโรงงานแปรรูปไม้ (โรงเลื่อย) ผลิตเป็นไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับได้ ได้แก่ ยางพารา,สะเดาเทียม,สนประดิพัทธ์,กระถินเทพา,มะพร้าว,มะไฟบ้าน,จามจุรี,ยูคาลิปตัส,สนทะเล,กระถินณรงค์,กระถินยักษ์,มะขาม,มะปรางบ้าน และไม้ตาล ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์จากต้น หรือกิ่งของไม้ผลชนิดต่าง ๆ ที่ตัดหรือฟันออก ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แทนการทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ และสามารถสร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกร ได้อีกทางหนึ่งด้วย

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับ ทส. และหน่วยงานอื่น ๆ ที่รับผิดชอบให้เร่งรัดปฏิบัติตามมติของ คปช. ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด เพื่อให้นำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ส่งเสริมการอนุรักษ์ป่า และเพิ่มรายได้ภาคส่งออก และเกษตรกร ชดเชยผลกระทบจากภาวะโควิด-19 สำหรับการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของพี่น้องประชาชน ให้ ทส.เร่งสำรวจการถือครองที่ดิน เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ยังไม่มีที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยภายใต้กรอบกฎหมาย อย่างถูกต้อง เหมาะสม และเป็นธรรมต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top