Wednesday, 4 June 2025
TheStatesTimes

‘ก้าวไกล’ รับฟังปัญหาชุมชนแออัดในเชียงใหม่ พร้อมชงปลดล็อกท้องถิ่น กระจายที่ดินสู่ปชช.

‘พิธา’ พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล สำรวจชุมชนแออัดเชียงใหม่ ชี้ปัญหาประชาชนไม่มีที่อยู่มั่นคง ที่ดินถูกทิ้งร้าง-กระจุกในมือเอกชนรายใหญ่ ชงแก้ปัญหาระยะยาว สร้างรัฐสวัสดิการ-ปลดล็อกท้องถิ่น-กระจายที่ดินให้ประชาชน

วันที่ 10 ธันวาคม 2565 ที่จังหวัดเชียงใหม่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ ของพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย เขต 1 เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู, เขต 3 ณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล และ เขต 4 พุธิตา ชัยอนันต์ ร่วมสำรวจและรับฟังปัญหาชาวชุมชนริมคลองแม่ข่า หลังวัดโลกโมฬี อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนแออัดที่อยู่ในพื้นที่ของเทศบาลนครเชียงใหม่ และกำลังได้รับผลกระทบจากแผนพัฒนาแม่บทคลองแม่ข่า รวมถึงการไล่รื้อชุมชนออกจากพื้นที่ด้วย

.จากการรับฟังปัญหา พบว่าชุมชนแออัดในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ มีจำนวนกว่า 21 ชุมชน รวม 2,169 หลังคาเรือน คิดเป็น 3% ของประชากรในเขตเทศบาล โดยที่ดินที่อาศัยอยู่ทั้งหมดเป็นที่ดินของรัฐ ส่วนใหญ่เป็นที่ดินราชพัสดุและเทศบาลนครเชียงใหม่ และหน่วยงานอื่น ๆ รวมกันกว่า 9 หน่วยงาน ชาวชุมชนมีทั้งที่อยู่อาศัยโดยมีสัญญาเช่าและไม่มีสัญญาเช่า ซึ่งตามแผนพัฒนาแม่บทคลองแม่ข่าไม่ได้มีแผนในการจัดการที่อยู่อาศัยหรือการชดเชยที่ชัดเจนหากการไล่รื้อเกิดขึ้น

.เพชรรัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตัวแทนชุมชนมีข้อเสนอในการจัดการ โดยขอให้ทางจังหวัดหยุดการไล่รื้อหรือย้ายประชาชนออกจากชุมชนจนกว่าจะมีแผนแม่บทการจัดการที่อยู่อาศัยที่ชัดเจน โดยชุมชนพร้อมจะปรับปรุงในที่ดินเดิมผ่านคณะทํางานที่อยู่อาศัยระดับชุมชน ในการร่วมกำหนดระยะร่นของอาคารและการปรับปรุงที่เหมาะสม ส่วนประชาชนที่ไม่สามารถอยู่ที่เดิมได้ จะขอเช่าอยู่ในพื้นที่ของรัฐใกล้เคียงที่เดิมและขอมีส่วนร่วมในการกําหนดเกณฑ์การพิจารณาสิทธิในการอยู่อาศัยร่วมกับคณะทํางาน

‘บิ๊กตู่’ ร่วมต้อนรับนทท. คนที่ 10 ล้านจากซาอุฯ พร้อมอวยพรให้มีความสุขในดินแดนสยามเมืองยิ้ม

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ชั้น 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ อาทิ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ร่วมกิจกรรม ‘Amazing Thailand 10 Million Celebrations’ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวคนที่ 10 ล้าน คือ นางนาจูด อัลไควเตอร์ และนายไฮซัม อัลมัดลึจ ชาวซาอุดีอาระเบีย

อย่างไรก็ตาม ทาง ททท. ได้มอบของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวจาก 2 เที่ยวบิน คือ เที่ยวบิน TG923 การบินไทย ผู้โดยสาร จำนวน 348 ราย เดินทางจากท่าอากาศนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 13.45 น. และ เที่ยวบิน SV 846 สายการบินซาอุดีอาระเบียน แอร์ไลน์ : ซาอุเดีย (Saudi Arabian Airlines : Saudia) จำนวน 357 ราย เดินทางจากกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 15.00 น. โดยของระลึกคือกระเป๋าผ้า ภายในบรรจุ หมวก ผ้าพันคอผ้า ผ้าขาวม้า ผ้าขนหนู และตุ๊กตา ‘น้องสุขใจ’ มาสคอตของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ตัวน้อยที่จะพานักท่องเที่ยวออกเดินทางท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าวันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่เราได้มีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงานเฉลิมฉลองการต้อนรับนักท่องเที่ยวครบ 10 ล้านคนในวันนี้ และยินดีที่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางมายังประเทศไทย

'ดีอีเอส' เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ 'ข่าวปลอม' หลังข่าวปลอมกรมสรรพากรเรียกชำระหนี้ พุ่งอันดับ 1

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) สรุปสถานการณ์ข่าวปลอมสัปดาห์ล่าสุด พบว่าข่าวปลอมกรมสรรพากรโทรศัพท์เรียกจ่ายหนี้ภาษีอากรค้างชำระมาอันดับหนึ่ง ขณะที่กระแสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนระบาดและทำให้การติดโควิด-19 ง่ายขึ้น ส่งผลมีข่าวปลอม 7 เรื่อง

น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (DES) กล่าวว่า สรุปผลการมอนิเตอร์ และรับแจ้งข่าวปลอมประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 2-8 ธันวาคม 2565 โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม พบข้อความที่เข้ามาจำนวน 5,131,164 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 222 ข้อความ แบ่งเป็นข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 184 ข้อความ และข้อความที่มาจาก Line Official จำนวน 38 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 103 เรื่อง

ทั้งนี้ DES ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจ เป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 ข่าวปลอมเรื่องนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศจำนวน 49 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 ข่าวปลอมเรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย จำนวน 39 เรื่อง

กลุ่มที่ 3  ข่าวปลอมเศรษฐกิจ จำนวน 11 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 ข่าวปลอมเรื่องภัยพิบัติ จำนวน 4 เรื่อง

สำหรับข่าวปลอมทั้ง 4 กลุ่มมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องโควิค-19 จำนวน 7 เรื่อง

‘เพื่อไทย’ แฉกระจุย ปมบีทีเอสทวงหนี้ 4 หมื่นล้าน เผย!! เตรียมยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ชัชชาติ สะสางปัญหา

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 65 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีการทวงหนี้ 4 หมื่นล้านบาท ว่า บีทีเอส ได้ปล่อยคลิปที่มีภาพนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) นำทีมผู้บริหารและพนักงาน อธิฐานขอพรท้าวมหาพรหม ให้ช่วยแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินโดยเร็ว ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตลอดที่ตนเล่นการเมืองมา 20 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนหนี้สิน 4 หมื่นล้านนั้น ทำไมกรุงเทพมหานคร (กทม.) จ่ายไม่ได้ เป็นเพราะผู้ว่าฯกทม.ในอดีตก่อนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เจาะใจทำผิดสัญญา สร้างหนี้ขึ้นมา 4 หมื่นล้านบาทเอื้อประโยชน์ให้บีทีเอส 

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า กทม.ให้กรุงเทพธนาคม จ้างบีทีเอส ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือและสายเขียวใต้ โดยไม่มีการประมูล ทำให้เกิดหนี้ก้อนแรก จำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกทม. ปล่อยให้ประชาชนนั่งฟรี โดยไม่มีการเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 มาตั้งแต่ปี 61 แต่มีค่าวิ่งรถเกิดเป็นหนี้ส่วนที่ 2 จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท และกทม.หยุดจ่ายค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 มาตั้งแต่ปี 62 ทำให้เกิดหนี้ส่วนที่ 3 จำนวน 4 พันล้านบาท เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกคำสั่ง คสช.มาตรา 44 ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ นี่จึงเป็นที่มาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยเหลวปล่อยให้เกิดหนี้ 

‘อลงกรณ์’ เรียกร้องพรรคการเมืองยุติแตกแยกแบ่งขั้ว มุ่งแข่งนโยบายและผลงานในการเลือกตั้งครั้งหน้า ยืนยันประชาธิปัตย์ก้าวข้ามความขัดแย้งแล้วพร้อมสร้างการเมืองวิถีใหม่ เตือนหากการเมืองยังแตกแยกแบ่งขั้วประเทศจะวิกฤติไม่รู้จบ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยวันนี้ภายหลังการสัมมนาหัวข้อ ‘โอกาส ความหวัง การเมืองวิถีใหม่’ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต วาระครบรอบ70ปีของนสพ.สยามรัฐ โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองร่วมเสวนาโดยนายอลงกรณ์กล่าวว่า การเมืองวิถีใหม่คือการเมืองที่สร้างสรรค์ เป็นการเมืองที่เป็นความหวัง แข่งขันด้วยวิสัยทัศน์ นโยบายและผลงาน โปร่งใส สุจรืตทุกระดับ ยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตย ให้โอกาสคนทุกรุ่นที่มีประสบการณ์ ความรู้ความสามารถมาร่วมทำงานร่วมคิดร่วมขับเคลื่อนนโยบายที่ทำได้จริงและอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อวันนี้และวันหน้าสามารถนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งและสร้างจุดเปลี่ยนประเทศสู่อนาคตที่ดีกว่า

“การเลือกตั้งครั้งหน้าควรแข่งขันด้วยวิสัยทัศน์ นโยบายและผลงานตามแนวทางการเมืองวิถีใหม่โดยต้องก้าวข้ามความขัดแย้งแตกแยกแบ่งขั้วทางการเมืองแบบสุดโต่งที่ทำให้ประเทศติดหล่มจมปลักวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทก์มากว่า 20 ปี การเลือกตั้งต้องสร้างโอกาสและความหวังให้กับประชาชนและต้องเป็นการเลือกตั้งที่สุจริตสะท้อนอำนาจของประชาชน”

เชียงใหม่จัดพิธีถวายเครื่องสักการะล้านนา พระอนุสาวรีย์เจ้าดารารัศมี พระราชชายา ‘วันรำลึกเจ้าดารารัศมี พระราชชายา’

เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 เวลา 9.00 น. นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและภาคีเครือข่าย เฝ้ารับเสด็จ พลเอกหม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล ประธานมูลนิธิสถาบันการศึกษาในรัชกาลที่ 6 และสมเด็จพระเจ้าภคิณีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โปรดกำหนดการเสด็จมาเป็นประธานในพิธีถวายเครื่องสักการะล้านนา พระอนุสาวรีย์เจ้าดารารัศมี พระราชชายา พระผู้ประทานที่ดินให้โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ณ พระอนุสาวรีย์เจ้าดารารัศมี พระราชชายา สวนบ้านบานเย็นโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย

เนื่องในวันที่ 9 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ เจ้าดารารัศมี พระราชชายาในรัชกาลที่ 5 พระผู้ประทานที่ดินคุ้มหลวงกลางเมืองเชียงใหม่เพื่อก่อสร้างโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยในปัจจุบัน โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โดยนายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ผู้บริหาร ครูบุคลากร พร้อมภาคีเครือข่าย ได้จัดพิธีถวายเครื่องสักการะล้านนา พระอนุสาวรีย์เจ้าดารารัศมี พระราชชายา เนื่องในวันรำลึกเจ้าดารารัศมี พระราชชายา ณ ลานพระอนุสาวรีย์เจ้าดารารัศมี พระราชชายา สวนบ้านบานเย็น โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร ทุ่มงบกว่า 29 ล้านบาท มอบไออุ่นพร้อมถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยหนาวรวม 4 ภาค

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร ทุ่มงบกว่า 29 ล้านบาท มอบไออุ่นพร้อมถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยหนาวรวม 4 ภาค

ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร มอบหมายให้ นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ จัดทีมสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบ 'ภัยหนาว' ในถิ่นทุรกันดาร ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี กำแพงเพชร สุโขทัย ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย   นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม บึงกาฬ สกลนคร ลพบุรี เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร ขอนแก่น ชัยภูมิ กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร รวม 40 จังหวัด รวมผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 47,000 ชุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 29 ล้านบาท โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โดยในวันที่ 9-10 ธันวาคม 65 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอแม่สรวย อำเภอแม่ลาว อำเภอเมือง และอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย มอบผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ฯลฯ บรรจุลงกระเป๋าผ้า รวม 2,000 ชุด โดยมี ผู้แทนหน่วยงานรัฐ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย และมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์แม่จัน เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี และ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ และนางศิริพร โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์ ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคในพื้นที่

ในโอกาสเดียวกันนี้ ที่จังหวัดนครสวรรค์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ทำพิธี มอบศาลาที่พักผู้โดยสารเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อหลบแดดหลบฝน ณ บริเวณหน้าแขวงการทางนครสวรรค์ที่ 1 อำเภอเมือง รวมทั้ง จัดทีมหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ ณ บริเวณมูลนิธิการกุศลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก

โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างครบวงจรชีวิต ภายใต้ปณิธาน 'ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต' ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

‘อลงกรณ์’ เตือนอย่าปรามาส ‘เพื่อไทย’ กรณีเสนอค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาท

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ เขียนในไลน์ส่วนตัวแสดงความเห็นอย่างน่าสนใจเกี่ยวกับนโยบายค่าจ้าง 600 บาทของพรรคเพื่อไทยวันนี้ (10 ธันวาคม) ว่า…

“..อย่าปรามาส เพื่อไทยกรณีค่าจ้าง 600 บาท !!!

กรณีพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 600 บาทต่อวัน จบปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือนในอีก 5 ปีข้างหน้าคือปี 2570 เป็นส่วนหนึ่งของ 10 นโยบายพลิกฟื้นประเทศ นั้นเป็นการนำเสนอนโยบายที่น่าสนใจและไม่ควรปรามาสก่อนศึกษาอย่างรอบด้านเสียก่อน ไม่ใช่ค้านกันดิสเครดิตกันเพียงเพราะคนเสนอเป็นคู่แข่งทางการเมือง 

โดยส่วนตัว ชอบคิดนโยบายใหม่ๆ และนวัตกรรมการบริหารนโยบายด้วยกลไกและวิธีการใหม่ๆ 

กาฬสินธุ์ฉลองมหาเจดีย์ศรีมิ่งเมืองกาฬสินธุ์ ในวันอายุวัฒนะ 6 รอบ ‘พระเทพสารเมธี’ เจ้าอาวาสวัดประชานิยม

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ที่วัดประชานิยม เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ ชาวพุทธศาสนิกชนในภาคอีสานกว่า 3,000 คน ร่วมกันรำถวายเสริมความเป็นสิริมงคลเนื่องในวันอายุวัฒนะ พระเทพสารเมธี เจ้าอาวาสวัดประชานิยม ครบ 6 รอบ 72 ปี มี นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ นำถวายภัตตาหารเช้า และมีนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมร่วมงาน ท่ามกลางพ่อค้า คหบดี และเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ร่วมทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล

โดยในช่วงเช้ามีพระสงฆ์กว่า 300 รูป ได้ออกรับบิณฑบาตร ข้าวสารอาหารแห้ง มีการเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นเป็นการถวายภัตตาหารเช้า และได้มีการรำถวายขอพรพระมหาเจดีย์ศรีมิ่งเมืองกาฬสินธุ์ โดยมีผู้เข้าร่วมฟ้อนรำกว่าสองพันคน ในชุดพื้นเมืองที่สวยงาม โดยมีผู้ใจบุญที่มาจากหลายจังหวัดทางภาคอีสานได้ร่วมกันออกโรงทานเสริมบุญบารมี ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นด้วยความสามัคคี

สำหรับประวัติ พระเทพสารเมธี (บัวศรี ชุตินฺธโร) เป็นเจ้าอาวาสวัดประชานิยม และ อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) นามเดิม บัวศรี นามสกุล วงศ์สวัสดิ์ บิดา นายแดง วงศ์สวัสดิ์ มารดา นางมี วงศ์สวัสดิ์

เกิดที่ บ้าน อุ่มเม่า ตำบล อุ่มเม่า อำเภอ ยางตลาด จังหวัด กาฬสินธุ์ โดยเกิดวันที่ 10 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2493 วัน อังคาร แรม 3 ค่ำ เดือน อ้าย ปี ขาล การศึกษาประถมศึกษาปีที่ 4 นักธรรมชั้นเอก เปรียญ 4 ประโยค บรรพชาเมื่อวันที่ 19 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร

โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑุฒโน) เด็จพระสังฆราช เป็นพระอุปัชฌาย์ และอุปสมบทวันที่ 23 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 ณ วัดบวรนิเวศวิหารกรุงเทพมหานคร โดยมี สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระอุปัชฌาย์ การงานในอดีต เป็นครูสอนปริยัติธรรม เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เจ้าคณะตำบลลำพาน เจ้าคณะอำเภอสมเด็จ ด้านสมณศักดิ์ พ.ศ. 2524 เป็นพระครูภัทรคุณาภรณ์ พ.ศ. 2530 เป็น พระสุเมธีธรรมภาณ พ.ศ. 2539 เป็น พระราชญาณเวที พ.ศ. 2549 เป็น พระเทพสารเมธี รางวัลที่ได้รับ ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา (เสมาธรรมจักร) จากกรมการศาสนา พุทธคุณูปการ จากสภาผู้แทนราษฎร ส่วนตำแหน่งหน้าที่ในปัจจุบัน เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอาวาสวัดประชานิยม อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต)

ไม่รอด!! ‘กรมศุลกากร’ ร่วมกับหน่วย SITF ปิดเส้นทาง ยึดเฮโรอีน 45 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1,350 ล้านบาท เตรียมส่งออกออสเตรเลีย

วันนี้ (10 ธันวาคม 2565) เวลา 13.00 น. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดี รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ รองอธิบดี รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร พ.ต.อ.ณรัชต์พล เลิศรัชตะปภัสร์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายถวัลย์ รอดจิตต์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม และหน่วย SITF 

โดย พ.ต.อ. จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว รอง ผบก. ปส.1 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเรือโทภูมิ แสงคำ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ร่วมแถลงข่าว การตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 45 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1,350 ล้านบาท (ประเทศปลายทาง) ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ กรมศุลกากร

โดย นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากปัญหาการลักลอบส่งออกยาเสพติดที่ปรากฎในปัจจุบัน กรมศุลกากรในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า-ส่งออก ยาเสพติด 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top