Tuesday, 3 June 2025
TheStatesTimes

ชมบ้านใหม่ แท็กติกหาอพาร์ตเมนต์เช่าในบอสตัน ต้องกล้าต่อรอง เพื่อทางเลือกที่ดีที่สุด

จบจากประสบการณ์ในการปรับปูพื้นฐานภาษาไปเมื่อตอนก่อน ในตอนนี้ผมจะเล่าถึงพี่ลิซสาวสวยผมยาวตาโตและยิ้มหวานเป็นแฟนลูกชายของคุณป้า ซึ่งผมเคยรู้จักพี่ลิซแบบเผินๆ ตอนที่พี่เขาเรียนที่รัฐศาสตร์จุฬาฯ 

ตอนที่เจอพี่ลิซที่บอสตันนั้น พี่เขาก็เรียนที่ BU เหมือนกัน แต่เขาอยู่กับน้องสาวที่อพาร์ตเมนต์นอกเมืองที่ Natick เมืองทางตะวันตกของบอสตัน เพราะพี่เขาชอบห้องนอนกว้างและตู้เสื้อผ้าใหญ่ที่ขนาดครึ่งหนึ่งของห้องนอน เวลาพี่เขาจะขับมาเรียนก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ส่วนเรานั้นเป็นคนที่ไม่ชอบขับรถไกล ยิ่งมาใหม่ ๆ ยังไม่คุ้นชินกับถนนหนทาง สมัยนั้นยังไม่มีจีพีเอส ต้องดูแผนที่ซึ่งเราดูไม่เป็น จากเหนือเป็นใต้ เราก็เลยบอกให้พี่เขาช่วยหาที่พักใกล้ขนส่งมวลชน ไปไหนมาไหนจะได้ขึ้นรถใต้ดินอย่างสบายใจเฉิบ 

พี่เขาพาผมไปดูอพาร์ตเมนต์หลายแห่ง แต่ราคาค่อนข้างสูงประมาณมากกว่าหนึ่งพันเหรียญต่อเดือน ไอ้เราก็เกรงใจคุณพ่อคุณแม่เลยขอดูที่ถูกกว่า ซึ่งพอดีพี่เขาก็เห็นโฆษณาอพาร์ตเมนต์สร้างใหม่ในแหล่งช็อปปิงหรู Copley Place ในใจกลางเมืองบอสตัน เขาจึงพาเรามาลองดูเผื่อว่าจะมีโปรโมชันดีสำหรับตึกที่พักใหม่ 

เรานัดพนักงานฝ่ายเช่ามาก่อน พอเรามาถึงที่ตึก ก็มีผู้หญิงผมทองตาสีเขียวทับทิมตัวสูงเปรียวอายุประมาณสามสิบปลาย ๆ นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ เธอแนะนำตัวเองว่าชื่ออแมนดา แล้วพาเราผ่านพนักงานเฝ้าประตูเพื่อขึ้นลิฟต์ไปดูห้องพัก สีที่ใช้ในตึกนี้มีอยู่สี่สีคือแดงเลือดนก ดำ ขาว และน้ำตาลเข้ม 

อแมนดาพาเราไปดูห้องพักชั้นสิบซึ่งเป็นห้องนอนเดียวขนาดใหญ่ ซึ่งค่าเช่าประมาณหนึ่งพันสองร้อยเหรียญ เราบอกอแมนดาว่าห้องนี้เกินงบที่เราตั้งไว้ เราไม่อยากได้ห้องที่เกินพันเหรียญ เธอบอกว่ามีห้องขนาดกลางชั้นสามที่ยังว่างอยู่ราคาเดือนละแปดร้อยห้าสิบเหรียญ เราได้ยินราคาเลยหูผึ่งสนใจ พอเปิดประตูห้อง ห้องน้ำอยู่ด้านซ้ายติดกับห้องนอน ด้านขวาของประตูเข้ามีครัวเป็นซอกเล็ก ๆ โดยมีกำแพงกั้นเป็นสัดเป็นส่วนจากห้องนั่งเล่น สภาพห้องต่าง ๆ มีกลิ่นสีใหม่ นอกจากประตูหลักที่เปิดเข้าห้องทีเป็นสีแดงเลือดนกแล้ว ทุกอย่างในห้องชุดนั้นเป็นสีขาวโพลนหมด เมื่อเรามองห้องอีกทีจากประตูเข้า ก็คิดในใจว่าขนาดของห้องเหมาะสมกับสองคนอยู่เผื่อตอนแฟนเรามาจากเมืองไทย เราจึงตอบตกลงอแมนดาว่า เราตัดสินใจที่จะเช่าห้อง

เมื่อพี่ลิซได้ยินเราตอบกับอแมนดา เธอก็รีบส่งสัญญาณจุ๊ปากว่าอย่าเพิ่ง แล้วเธอก็รีบบอกอแมนดาสวนไปว่าจริง ๆ แล้วเธอกำลังจะพาเราไปดูอพาร์ตเมนต์อีกที่แถว Allston ใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย แถมทางผู้บริหารของตึกนั้นทำโปรโมชันค่าเช่าเดือนแรกฟรี

‘ก้าวไกล’ เปิดนโยบายปฏิรูปราชการทั้งระบบ ต้องชนะทุจริตด้วยระบบที่โปร่งใส ไม่ใช่พึ่งคนดี

(9 ธ.ค. 65) ที่อาคารอนาคตใหม่ ชั้น 7 พรรคก้าวไกลแถลงนโยบาย ‘ราชการไทยก้าวหน้า’ ครอบคลุมทั้ง นโยบายต้านโกง เพิ่มประสิทธิภาพราชการ และ ปฏิรูปตำรวจ ซึ่งนับเป็นชุดนโยบายที่ 4 จากทั้งหมด 9 ชุด ต่อจาก ‘การเมืองไทยก้าวหน้า - สวัสดิการไทยก้าวหน้า - ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า’

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้ตรงกับวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล พรรคก้าวไกลจึงถือโอกาสเปิดนโยบาย ‘ราชการไทยก้าวหน้า’ ที่มีหัวใจสำคัญคือ ‘ราชการเพื่อราษฎร’ ซึ่งรวมถึงนโยบายต่อต้านการทุจริตทั้งระบบ โดยพรรคก้าวไกลไม่ได้มองปัญหาคอร์รัปชันอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะประสิทธิภาพของระบบราชการ และการปฏิรูปตำรวจ เพราะหากบริการภาครัฐมีความล่าช้าและเต็มไปด้วยกฎระเบียบ-ใบอนุญาต จะเป็นการเปิดช่องให้มีการเรียกสินบนจากประชาชนและภาคธุรกิจ เพื่อแลกมาซึ่งความสะดวก รวมถึงต้องปฏิรูปตำรวจ เพื่อขจัดระบบตั๋วและระบบอุปถัมภ์ที่ทำให้ตำรวจต้องมารีดไถประชาชน เอาเงินส่งนาย

พิธา กล่าวว่า ในเรื่องความโปร่งใส ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันของไทย แย่ลงอย่างต่อเนื่องตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ตกลงจากอันดับที่ 85 มาอยู่ที่ 110 ซึ่งทำให้ต้นทุนชีวิตของคนไทยจำนวนมาก ตั้งแต่เกิดจนแก่ วนเวียนอยู่กับการทุจริตคอร์รัปชัน เช่น ในวัยเด็ก พ่อแม่อาจต้องจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะเพื่อให้ลูกได้เข้าโรงเรียน ในวัยทำงาน จะเปิดร้านอาหารก็ต้องขอใบอนุญาตหลายสิบใบ งบที่จะนำมาสร้างสวัสดิการก็รั่วไหลไปกับการทุจริตงบประมาณ ดังนั้น ขอยืนยันว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องใหญ่

พิธา กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ ต้องไม่ใช่การหวังพึ่งแค่การปลูกฝังจิตสำนึก-จริยธรรมในการต่อต้านการโกง หรือ การมอบศรัทธาทั้งหมดไว้ให้กับ ‘คนดี’ มาปกครองบ้านเมืองเหมือนที่ผ่านมา แต่ต้องเป็นการทำให้รัฐโปร่งใสกว่าที่เคยเป็นมา ทุกคนตรวจสอบทุกคนได้ด้วยอาวุธใหม่ ๆ ที่ประเทศไม่เคยมี เพื่อวางระบบที่ดีในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ตนจะไม่ยอมให้คนไทยถูกโกง โดยสิ่งที่ทำได้ทันทีในฐานะนายกรัฐมนตรี คือการเปิดเผยข้อมูลรัฐทันที เปิดเผยงบประมาณทุกบาทให้ละเอียดในรูปแบบที่วิเคราะห์ต่อได้ (machine readable) รวมถึงเปิดข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ทุกคนถูกตรวจสอบโดยทั้งประชาชนและระบบจับโกงอัจฉริยะที่จะแจ้งเตือนเมื่อมีโครงการส่อทุจริต ‘เราเชื่อว่าประชาชนพร้อมตรวจสอบเรา และพวกเรานักการเมือง-ข้าราชการ ก็ต้องพร้อมถูกตรวจสอบเช่นกัน’

นอกจากนั้น รัฐบาลก้าวไกลจะนำเสนออีก 2 โครงการต้านโกง คือ…

(1) โครงการ ‘คนโกงวงแตก’ หรือ leniency programme เพื่อจูงใจให้คนที่คิดจะโกง เกิดความระแวงกันเองจนไม่มีใครกล้าโกง เพราะมีการออกกฎผ่อนผันโทษ ให้ใครที่มอบตัวและแฉกันเองก่อน
(2) โครงการ ‘แฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน’ เพื่อสร้างสังคมต้านโกง ด้วยกฎหมายคุ้มครองความปลอดภัยและความก้าวหน้าทางอาชีพให้กับเจ้าหน้าที่ที่แฉการทุจริตในหน่วยงาน (whistleblower protection) รวมถึงการเพิ่มเงินรางวัลให้ประชาชนที่แจ้งเบาะแส

สำหรับเรื่องประสิทธิภาพภาครัฐ ข้อมูลของธนาคารโลกแสดงให้เห็นว่าตลอด 8 ปี ในช่วงที่ภาครัฐมีขนาดใหญ่ขึ้น ประสิทธิภาพภาครัฐกลับลดลง บริการภาครัฐหลายส่วนล่าช้า-ยุ่งยาก ทำให้ภาระตกอยู่กับประชาชน ดังนั้น ถ้าก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลและพิธาเป็นนายกฯ เรื่องแรกที่จะทำคือการทำให้บริการภาครัฐอย่างน้อย 99% ทำได้ผ่านมือถือ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดเวลาประชาชน และจะช่วยให้ข้อร้องเรียนไม่เงียบหาย มีการอัปเดตความคืบหน้าทุกขั้นตอน และมีฐานข้อมูลที่ช่วยให้โอนสวัสดิการให้ประชาชนได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องลงทะเบียน 

นอกจากนั้น ก้าวไกลจะเดินหน้ายกเลิกทุกกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อประชาชน ยกเลิกใบอนุญาตที่ซ้ำซ้อน 50% และปรับกระบวนการทำงานให้ประชาชนรู้ผลใบอนุญาตใน 15 วัน โดยหากหน่วยงานของรัฐ พิจารณาใบอนุญาตเกินกำหนด ให้ถือว่าคำขออนุญาตนั้น มีผลบังคับใช้เหมือนใบอนุญาตทันที

ในส่วนของการปฏิรูปตำรวจ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายปฏิรูปตำรวจว่า ปัจจุบันมีการสร้างระบบเส้นสาย ตั๋วตำรวจ ตั๋วช้าง ทำให้ตำรวจไม่สนใจการสืบสวนคดีหรือทำงานที่เป็นของตำรวจจริง ๆ แต่กลับไปรีดไถ รับสินบน ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บ่อนการพนัน และการค้ามนุษย์ แม้ว่ารัฐสภาเพิ่งจะผ่าน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งระบบเดิม ๆ ที่เอื้อให้กลับสู่การทุจริตอีกครั้ง

พรรคก้าวไกลจึงเสนอนโยบายตำรวจของประชาชน โดยปรับโครงสร้างให้ยึดโยงกับประชาชน ทั้งใน ‘ระดับประเทศ’ ที่จะมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ส่วนใหญ่มีที่มาผ่านผู้แทนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล คอยป้องกันการใช้เส้นสาย ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต้องทำงานอยู่ในสายตาประชาชนตลอดเวลา และใน ‘ระดับจังหวัด’ จะมี ‘คณะกรรมการนโยบายความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด’ ซึ่งองค์กรท้องถิ่นและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สามารถลงมติว่าจะเห็นชอบนายตำรวจที่ ก.ตร. ตั้งขึ้นมาเป็นผู้บังคับการจังหวัดนั้น ๆ หรือไม่ และช่วยประเมินคุณภาพการทำงานของตำรวจในจังหวัด ส่วนเรื่องการตรวจสอบ พรรคก้าวไกลเสนอให้มีคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระแยกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างเด็ดขาด ทำงานไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตำรวจโดยขึ้นตรงต่อรัฐสภาและมีกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส ยึดโยงกับประชาชน เพื่อขจัดปัญหาประโยชน์ทับซ้อนของตำรวจที่อาจช่วยเหลือกันเอง และเปิดให้ตำรวจน้ำดีภายใน สตช. ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสการทุจริตได้อย่างปลอดภัย

เรื่องรักนักเรียนนายร้อย ตอนที่ 10 เก็บเธอไว้ ข้างในจนลึกสุดใจ (อวสาน)

>> พูดคุย
ที่โรงเรียนนายร้อยจะมีคำกลอนที่ติดไว้ที่ผนังของโรงเรียนว่า ‘เรียน รัก รู้ รบ เจนจบ หมดสิ้น คืออัศวิน จปร.’ เป็นคำที่นักเรียนนายร้อยทุกคนสามารถท่องได้ โดยคำแปลแบบสรุปว่า เรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยแล้วต้องรู้ทุกเรื่อง

>> ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว
กรกฎได้มีโอกาสเจอเขมิการะหว่างไปทำกิจกรรมที่สนามศุภชลาสัย ทว่า เขาไม่มีโอกาสได้คุยกับเธอได้มากอย่างที่ใจหวัง และเขมิกาก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมคุยด้วย นั่นจึงทำให้กรกฎรู้ว่า…ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง

เวลาผ่านไป กรกฎและเพื่อน ๆ ก็ขึ้นปีห้า กันแล้ว เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเลย ในขณะเดียวกันเขมิกากับสาวิตรีก็เรียนจบแล้วและกำลังจะรับพระราชทานปริญญาบัตร

ดังคำเขาว่า เวลาจะเยียวยาทุกอย่างเอง ตอนนี้ความเศร้าเสียใจจากอาการอกหักของกรกฎ ค่อย ๆ เลือนหายไป เขาไม่ได้คิดถึงเขมิกาจนกินไม่ได้นอนไม่หลับอีกแล้ว กรกฎกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนตอนที่ไม่รู้จักเขมิกาได้แล้ว

ที่ห้องนอนของนักเรียนนายร้อย 

จ้ำเดินเข้ามาหากรกฎพร้อมกับเอ่ยถาม

“กบ เอ้ย กรกฎ จะฝากอะไรไปให้เขมิกาไหม พอดีอาทิตย์นี้เพื่อนจะไปงานรับปริญญาสาวิตรีนะ น่าจะได้เจอกันแน่ๆ อยากฝากอะไรไหม?”

พอได้ฟังแบบนั้น กรกฎก็บอกกลับไปว่า “ฝากให้ช่วยซื้อดอกกุหลาบสีเหลืองให้เธอหนึ่งช่อ และบอกว่าจากกรกฎ”

จ้ำได้ยินแบบนั้นก็เอียงคอถามด้วยความสงสัย “มีความหมายอะไรหรือเปล่าวะ สีเหลืองเนี่ย?” 

กรกฎนิ่งไม่ตอบ จ้ำจึงเอ่ยถึงความหมายของสีดอกกุหลาบตามที่เขารู้มา

“แบบว่ากุหลาบสีดำรักอมตะ กุหลาบสีขาวรักบริสุทธิ์…”

พอเห็นเพื่อนกำลังจะร่ายยาว กรกฎก็รีบตัดบททันที

“ไม่มีอะไร พอดีเพื่อนเกิดวันจันทร์ ก็วันจันทร์สีเหลืองไง” เหมือนจ้ำจะไม่เชื่อในสิ่งที่กรกฎบอก ไม่ใช่ไม่เชื่อว่าเกิดวันจันทร์ แต่ไม่เชื่อว่าความหมายของดอกกุหลาบสีเหลืองจะมีแค่นี้ต่างหาก แต่ว่าจ้ำก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้ต่อ เพราะรู้ทั้งรู้ว่ากรกฎอกหักมา และกลัวว่าจะยังทำใจไม่ได้

แค่พูดถึงเขมิกาได้ด้วยท่าทางปกติ ก็ถือว่าเก่งแล้ว

“กับสาวิตรีเป็นอย่างไรบ้าง?” ห้องเงียบได้ไม่นาน กรกฎก็ถามจ้ำกลับบ้าน จ้ำยกยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยบอก

“ก็ดีนะ เราวางแผนจะแต่งงานกัน ตอนนี้ก็ไปดูที่แถวคลองสามไว้ จะซื้อร่วมกัน แล้วตอนนี้เราก็ฝากเงินในธนาคารใช้ชื่อร่วมกัน…” จ้ำเล่าด้วยท่าทางที่มีความสุขแบบสุดๆ ไม่แปลกหากจะมีความสุขขนาดนี้เพราะจ้ำก็ฝันเอาไว้เยอะว่าจะไปได้ด้วยดีกับสาวิตรี ซึ่งพอได้ยินแบบนั้นกรกฎก็ยกยิ้มแสดงความยินดีกับเพื่อน

เพื่อนได้ดี…เราต้องดีใจด้วย

แต่อย่างที่เรารู้กัน และมันคือสัจธรรมของโลกใบนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสมหวัง

กรกฎเองก็เช่นกัน แม้จะชอบเขมิกาขนาดไหน หรือเขมิกาจะเป็นรักแรกและรักเดียวของเขา แต่ก็ไม่ได้สมหวังอย่างที่ใจนึก แต่กรกฎก็รู้สึกดีนะที่ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตเขา เขาได้รู้จักเขมิกาและเธอก็ทำให้โลกทั้งใบของกรกฎเป็นสีชมพู

แค่ช่วงเดียว…ก็ดีใจ

สิ่งที่เขมิกาคิดและพูดอาจจะถูกต้องก็ได้ การที่เธอไม่อยากคบกับกรกฎเพราะเธอไม่ต้องการเจอหน้าสุเทวาอีก เธอรู้อยู่เต็มอกว่าหากคบกับกรกฎต่อไป เธอต้องเจอสุเทวา และถึงแม้ทั้งคู่ดูจะเป็นเพื่อนที่ไม่ถูกหน้าชะตากัน แต่เพราะเรียนด้วยกัน ชั้นปีเดียวกัน วันไหนสักวันก็คงต้องกลับไปคบกันเหมือนเดิมนั่นแหละ

เขมิกาคิดถูกจริงๆ

เพราะหลังจากที่กรกฎไม่ได้ติดต่อกับเขมิกาแล้ว ชีวิตเขาก็วนเวียนอยู่แค่ในโรงเรียน และสุดท้าย กรกฎและสุเทวาก็กลับมาเป็นเพื่อนกัน เพราะทั้งคู่ไม่ได้เป็นคู่แข่งหัวใจกันอีกแล้ว และเมื่อเวลาผ่านไป แล้วได้ลองย้อนกลับมานึกดู ทั้งกรกฎและสุเทวาก็อาจจะหัวเราะให้กับสิ่งที่เคยทำลงไปก็ได้

มิวสิก “ด้วยเหตุและผลที่มีมากมาย…เก็บเธอไว้ข้างในจนลึกสุดใจ ได้คิดถึงเธอทุกคราว…”

เพลงนี้ กรกฎขอมอบให้เขมิกา…

อวสาน

‘อรรถวิชช์’ ชู Govtech ปราบส่วยรถบรรทุก กางข้อมูลผู้เกี่ยวข้อง ไล่เช็กทุจริตได้ทุกเวลา

‘อรรถวิชช์’ ชู Govtech ปราบส่วยรถบรรทุก เปิดเผยเส้นทางเดินรถ เปิดเผยชื่อเจ้าหน้าที่เข้าเวร มีบันทึกทางดิจิทัล ตามเช็กบิลได้ทุกเวลา

(9 ธ.ค. 65) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล ผ่านเวทีเสวนา ‘อิทธิพลส่วยรถบรรทุกกับการคอร์รัปชัน’ ที่จัดโดยสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยว่า ปัญหาส่วยรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ปราบปรามได้เป็นครั้งคราว แต่ก็มีปัญหามาตลอด เพราะการสมยอม ทั้งผู้ทำผิดกฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐ มีทั้งรูปแบบส่วยสติกเกอร์ เป็นป้ายเคลียร์ไม่ให้ถูกจับ แปะชื่อย่อบริษัท หรือแบบพวงกุญแจสัญลักษณ์ต่าง ๆ ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการทุจริตคอร์รัปชันที่พบเห็นกันทั่วไป

ดร.อรรถวิชช์ ย้ำว่า การแก้ไขคอร์รัปชันรูปแบบนี้ สามารถใช้ Govtech หรือ Government Technology บูรณาการกระทรวงที่เกี่ยวข้องมาแก้ปัญหา ซึ่งตอนนี้ก็มีเทคโนโลยีภาครัฐแล้ว แต่กลับไม่เชื่อมโยงหน่วยงาน

‘ศิริโชค’ เย้ย ‘นักการเมือง’ ขยันอวยตัวเอง ทั้งที่คะแนนนิยมรูด ลือ! ขอซบพรรคคู่แข่ง

นายศิริโชค โสภา ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดสงขลา โพสตข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ผมรู้สึกตลกกับนักการเมืองบางคน ที่ชอบโพสต์เชียร์ตัวเอง หรือจ้างให้นักข่าวเขียนเชียร์ตัวเอง และส่งไปตามกลุ่มต่าง ๆ แต่ก็เข้าใจได้ครับ เพราะตอนนี้คะแนนเสียงตกมาก อย่าว่าแต่อันดับ 2 เลย ตกไปถึงอันดับ 3 อันดับ 4 โน่น หัวคะแนนที่เคยสนับสนุน ตอนนี้ถอยออกไปเกือบหมดแล้ว เพราะแกสร้างวีรกรรมไว้เยอะ  

พวกประเภทปากกล้า ขาสั่น นี่ผมชอบจังครับ สร้างภาพว่าคะแนนเสียงดี แต่ดันไปขอลงสมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ทำไมครับความลับไม่มีในโลกนี้ 

11 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ในหลวง ร.10 ทรงนำประชาชนทุกหมู่เหล่า จัดกิจกรรม ‘ปั่นเพื่อพ่อ Bike For Dad’

วันนี้เมื่อ 7 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เป็นประธานจัดกิจกรรม ‘ปั่นเพื่อพ่อ Bike For Dad’

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้มีพระราชปณิธานที่จะจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ ผู้ทรงมีพระคุณอันประเสริฐ เปรียบดุจพ่อของแผ่นดิน

โดยมีพระราชประสงค์จะจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ และจัดแสดงโขนกลางแปลงพระราชทานเฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

'บัวขาว' โผล่หน 2 บิลบอร์ดไทม์สแควร์ ประกาศศักดาถึงมวยหนุ่ม "สดไม่สด เดี๋ยวรู้กัน"

ประกาศศักดาถึงมวยหนุ่ม "สดไม่สด เดี๋ยวรู้กัน"  บิลบอร์ดเมืองไทยเหมือนจะใหญ่ไม่พอแล้วสำหรับความดังของนักชกระดับตำนาน 'บัวขาว บัญชาเมฆ' ล่าสุดบิลบอร์ดยักษ์ใจกลางไทม์สแควร์ มหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในบิลบอร์ดที่แพงที่สุดและได้รับความสนใจมากที่สุดในโลก จับภาพบัวขาวมาขึ้นเป็นครั้งที่สองในรอบปี ชวนแฟนมวยทั่วโลกจับตาไฟต์สุดมันที่กำลังจะระเบิดขึ้นกับรายการ RWS ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์ บนเวทีมวยราชดำเนินวันที่ 9 ธ.ค.นี้

'บิ๊กโจ๊ก' เข้าใจดี เหตุ 'ชูวิทย์' ไม่ไว้ใจ หลังไม่เอาผิดข้อหาฟอกเงิน 'ตู้ห่าว'

(9 ธ.ค 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เปิดเผย ถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เริ่มไม่ไว้ในการทำงานของตนเองเนื่องจากยังไม่มีการดำเนินคดีตู้ห่าว รวมถึง น.ส.พัชรินทร์ และพวกที่เป็นอมินีในความผิดฐานฟอกเงิน โดยตนมองว่าการออกมาในลักษณะดังกล่าวเป็นเพราะนายชูวิทย์ 'เป็นห่วง' เพราะได้นำข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ มาให้แล้วกลัวว่าตำรวจทำสำนวนไม่แน่นหากสรุปสำนวนแล้วอัยการหรือศาลยกฟ้องได้ 

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนายชูวิทย์ เข้าใจว่า สน.ยานนาวา ทำคดี สน.เดียวไม่มีความชำนาญ แต่ยืนยันว่าคดีนี้เป็นคดีใหญ่ และ ผบ.ตร.ได้แต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งมีทั้งตนเองและตำรวจนครบาล มีการระดมพนักงานสอบสวนฝีมือดีจากทั่วประเทศ รวมถึงมีอธิบดีอัยการคดียาเสพติด ปปส.และปปง.มาร่วมทำงานด้วย จึงขอให้นายชูวิทย์ มั่นใจว่าตำรวจทำคดีนี้อย่างรอบคอบรัดกุม และหากคดีนี้ตนทำไม่ดีคนที่เสียหายนอกตนเองแล้ว ประชาชนก็จะไม่ศรัทธาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องนี้ขออย่ากังวลใจ 

‘อลงกรณ์’ ดันไทยเป็นฮับรถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงของอาเซียน (ASEAN Ev Conversion Hub) เสนอแผนปั้นอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแนวใหม่ แนะรัฐออก 8 มาตรการส่งเสริมการแปลงรถยนตร์เบนซินดีเซลเป็นรถไฟฟ้า

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งและประธานที่ปรึกษามูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาพิเศษ ‘อนาคตประเทศไทยภายใต้ความท้าทายใหม่’ ในงาน ‘We Change ... BEV Conversion’ โดยมุ่งเน้นถึงทิศทางแนวโน้มอุตสาหกรรม แนวทางสนับสนุนของภาครัฐ องค์กร เพื่อลดปัญหาอุปสรรค ข้อจำกัดของอุตสาหกรรมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และการดัดแปลงยานยนต์ไฟฟ้าของไทย ซึ่งมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย (AEITF) ร่วมกับ บริษัท สื่อสากล จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค ได้รับทราบถึงทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจการพาณิชย์ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล แผนการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2558-2579 ของกระทรวงพลังงาน ตลอดจนสร้างกระแสความรับรู้มาตรการส่งเสริมภาครัฐ มุมมองการดัดแปลงยานยนต์ไฟฟ้าและจักรยายนต์ไฟฟ้าสำหรับธุรกิจรายย่อยและประชาชนทั่วไป โดยมี นายสุเมฆ ปัณฑรานุวงศ์ ประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการจัดงาน นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานบริษัทสื่อสากล จำกัด และประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ กล่าวเปิดงานและกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการเสวนา ณ งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 The 39th Thailand International MOTOR EXPO 2022 ห้องประชุมจูปีเตอร์ 8-9 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็คเมืองทองธานี

นายอลงกรณ์ ได้กล่าวปาถกถาถึงศักยภาพและอนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย โอกาสและความท้าทายของสถานการณ์สำคัญของโลก และการตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศของโลก (Climate Chang) โดยรัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมให้เกิดการผลิตการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 

โดยคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) กำหนดนโยบาย 30@30 >> การผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2030โดยมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกหรือศูนย์กลางของภูมิภาค (EV Hub) 

เปิดหวูด ‘รถไฟผลไม้’ จาก 'ไทย-ลาว' สู่จีน ขน 'ลำไย-กล้วย' เข้า 'เฉิงตู-ฉงชิ่ง' แล้วกว่า 1,300 ตัน

(9 ธ.ค.65) สำนักข่าวซินหัว เผย รถไฟสินค้าขบวนพิเศษ ซึ่งบรรทุกผลไม้สดเดินทางถึงนครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ผ่านทางรถไฟจีน-ลาวเมื่อวันพุธ (7 ธ.ค.) และอีกขบวนเดินทางถึงเทศบาลนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้เมื่อวันพฤหัสบดี (8 ธ.ค.) นับเป็นผลไม้ชุดแรกที่นำเข้าผ่านทางรถไฟสายดังกล่าวสู่ทั้งสองเมือง

รถไฟสองขบวนซึ่งขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ระบบเย็นขบวนละ 25 ตู้ ขนส่งผลไม้มากกว่า 1,300 ตัน ได้แก่ ลำไย, กล้วย และผลไม้อื่นๆ จากไทยและลาว โดยรถไฟที่มุ่งหน้าสู่เฉิงตูใช้เวลาเดินทาง 4 วัน ขณะรถไฟที่มุ่งหน้าสู่ฉงชิ่งใช้เวลาเดินทาง 6 วัน ซึ่งลดต้นทุนด้านเวลาสำหรับผู้จัดจำหน่ายผลไม้จีนอย่างมีนัยสำคัญ 

อ้ายจงหัว กรรมการบริหารของบริษัท ฉงชิ่ง จินกั่วหยวน อินดัสเตรียล จำกัด ซึ่งนำเข้าลำไยไทยมากกว่า 70,000 ตันในปีที่แล้ว ระบุว่า ครั้งนี้ ฉงชิ่ง จินกั่วหยวนฯ นำเข้าลำไยจำนวน 25 ตู้คอนเทนเนอร์สู่เฉิงตู ซึ่งเคยใช้เวลาขนส่งทางทะเลมากกว่า 10 วัน ทว่าทางรถไฟจีน-ลาวช่วยให้สามารถประหยัดเวลาด้านโลจิสติกส์และลดต้นทุนถึงร้อยละ 30


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top