Tuesday, 3 June 2025
TheStatesTimes

ททท. สำนักงานฉะเชิงเทรา ขอประชาสัมพันธ์กิจกรรม 'เติมบุญ.. สุขใจ สถานีต่อไปชุมทางฉะเชิงเทรา'

ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายใต้โครงการจุดหมายสายศรัทธา ปักหมุดมา 365 วัน@ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานฉะเชิงเทรา ขอประชาสัมพันธ์กิจกรรม 'เติมบุญ.. สุขใจ สถานีต่อไปชุมทางฉะเชิงเทรา' ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดฉะเชิงเทราด้วยขบวนรถพิเศษ 901/902 (รถจักรไอน้ำ) เส้นทางกรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพ วันที่ 5 ธันวาคม 2565  

​นายจิรศักดิ์ อ่วมอุไร ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานฉะเชิงเทรา กล่าวว่า กิจกรรม 'เติมบุญ.. สุขใจ สถานีต่อไปชุมทางฉะเชิงเทรา' จัดขึ้นภายใต้โครงการจุดหมายสายศรัทธา ปักหมุดมา 365 วัน@ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ ได้ร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ หอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา สมาคมการค้าธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดฉะเชิงเทรา มีวัตถุประสงค์ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยขบวนรถพิเศษ 901/902 (รถจักรไอน้ำ) เส้นทางกรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพ วันที่ 5 ธันวาคม 2565 'วันพ่อแห่งชาติ' เพื่อนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยว (เส้นทางนำร่อง) ให้กับนักท่องเที่ยว เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา แหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่สำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา ผนวกกับการเดินทางโดยรถไฟรุ่นคลาสสิกที่ให้ประสบการณ์ความรู้สึกย้อนวันวาน เพื่อมากราบสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยคาดหวังว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะเป็นเส้นทางนำร่องที่สามารถต่อยอดเสนอขายเส้นทางท่องเที่ยวร่วมกับพันธมิตร และจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้โครงการจุดหมายสายศรัทธา ปักหมุดมา ๓๖๕ วัน@ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการได้ต่อไปในอนาคต รวมทั้งจะช่วยกระตุ้นความถี่ในการเดินทาง ของนักท่องเที่ยว เกิดการกระจายรายได้สู่จังหวัดฉะเชิงเทราเพิ่มมากขึ้นด้วย

'เชียงราย' จัดยิ่งใหญ่ งานมหัศจรรย์10ชาติพันธุ์แม่สายครั้งที่ 8 ประจำปี 2565

เมื่อวันที่ 7 ที่ผ่านมานาย พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีได้ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดงานมหัศจรรย์10ชาติพันธุ์แม่สายครั้งที่8ประจำปี2565เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่าทั้ง10ชาติพันธุ์โดยมีนาง สุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นาย ณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย นาย ชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สายพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาชนให้การต้อนรับภายในงานในครั้งนี้อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่ที่มีประชากรอยู่ร่วมกัน

อย่างหลากหลายชาติพันธุ์นอกจากคนพื้นเมืองล้านนาแล้วยังมีกลุ่มชาติพันธุ์ไท ไทลือ ไทเขิน ไทยวน ไตหย่า จีนยูนนาน อาข่า ลาหู่ ดาราอ้าง และชาติพันธุ์ลัวะ ซึ่งความหลากหลายชาติพันธุ์เช่นนี้ถือว่าเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าทางการท่องเที่ยวเป็นสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ไปเยือนแม่สายตลอดทั้งปีแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ก็มีความหลากหลายทางวัฒธรรมมีภาษามีอัตลักษณ์มีประเพณีและวิธีชีวิตที่แตกต่างกันไปผู้ที่มาร่วมงานจะได้ชมการจำลองวิธีชีวิตความเป็นอยู่และการละเล่นการแสดงต่างๆของ

ผอ.ศรชล.ภาค 1 ปฐมนิเทศกำลังพล ให้เข้าใจในบทบาทและหน้าที่ เน้นความซื่อสัตย์สุจริต

วันที่ (8 ธ.ค. 65) พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผอ.ศรชล.ภาค 1/ผบ.ทรภ.1 เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมปฐมนิเทศกำลังพล ศรชล.ภาค 1 ประจำปี งป.2566 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้กำลังพลที่ปฏิบัติราชการใน ศรชล.ภาค 1 มีความรู้ ความเข้าใจในบทบาท หน้าที่ โครงสร้างของกฎหมาย พระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องและประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ให้สามารถนำไปเป็นแนวทางการปฏิบัติงานได้ทันที โดยผ่านการบรรยายถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ จากข้าราชการในฝ่ายอำนวยการ ศรชล.จังหวัด ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัด ตลอดจนวิทยากรจากหน่วยงานของรัฐ เพื่อเสริมสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ให้กับกำลังพลของ ศรชล.ภาค 1 โดย ผอ.ศรชล.ภาค 1 ได้เน้นย้ำให้การปฏิบัติงานของกำลังพบ ต้องเป็นไปด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยมีผู้เข้ารับการอบรมเป็นกำลังพลสังกัด ศรชล.ภาค 1 ที่ได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการกับ ศรชล.ภาค 1 ในวาระ ตุลาคม 2565 รวมทั้งสิ้น 47 นาย ใช้ระยะเวลาในอบรม 2 วัน ระหว่างวันที่ 8 - 9 ธ.ค.65 ณ โรงแรม เดอะ ไซมิส พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

มูลนิธิบุณยะจินดา เพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว มอบทุนข้าราชการตำรวจดีเด่นต้นแบบและพลเมืองดี

มูลนิธิบุณยะจินดา เพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว มอบทุนข้าราชการตำรวจดีเด่นต้นแบบและพลเมืองดี ทุนสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ และทุนการศึกษาบุตรข้าราชการตำรวจ ประจำปี 2565 จำนวน 2,041,000 บาท

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2565 เวลา 14.00 นาฬิกา ที่ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ประธานในพิธี พร้อมด้วยคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ประธานกรรมการมูลนิธิบุณยะจินดา เพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว ประธานจัดงาน ในพิธีมอบถ้วยรางวัลและประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจดีเด่นต้นแบบและพลเมืองดี และมอบทุนสงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือครอบครัวข้าราชการตำรวจที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่หรือเพราะได้ปฏิบัติการตามหน้าที่ พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดา ข้าราชการตำรวจ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจ ประจำปี 2565 โดยมี พล.ต.อ.สมชาย วาณิชเสนี, พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ, พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ, พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร, พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา, พล.ต.อ.สุพร พันธุ์เสือ, พล.ต.ท.กิตติโชติ แสงนิล, พล.ต.ท.วรเทพ เมธาวัธน์, พล.ต.ท.หญิง ศิริจันทร์ จันทร์แสงสว่าง, พล.ต.ต.ปราโมทย์ อ่อนปาน, คุณกิ่งดาว พจน์โพธิ์ศรี, คุณพอฤทัย ณรงค์เดช กรรมการมูลนิธิฯ เข้าร่วมในพิธีฯ

สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัลและทุนประเภทต่าง ๆ มีรายละเอียด ดังนี้...

1. ข้าราชการตำรวจดีเด่นต้นแบบ จำนวน 3 กลุ่ม คือ

   1.1 กลุ่มสัญญาบัตร ได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศและเงินรางวัลจำนวน 100,000 บาท คือ พ.ต.ท.นิยม สุวรรณคง รอง ผกก.ชถ.1 บก.สส.จตช./รอง หน.งานสืบสวนคดีความมั่นคงและคดีพิเศษ ศปก.ตร. สน.ภ.9

   1.2 กลุ่มชั้นประทวน ได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศและเงินรางวัล รายละ 40,000 บาท จำนวน 3 ราย คือ

        (1) จ.ส.ต.ศุภศักดิ์ เหมือนพะวงศ์ ผบ.หมู่ กก.ซถ.1 บก.สส.จชต./ ผบ.หมู่ งานสืบสวนคดีความมั่นคงและคดีพิเศษ ศปก.ตร.สน. ภ.9

        (2) จ.ส.ต.ยุทธนา มังคงตา ผบ.หมู่ งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กก.6 บก.จร. บช.น.

        (3) ส.ต.ท.หญิง นิติกร ไชยวิชิต ครู ปท.1 กก.ตชด.ภ.4 บช.ตชด.

   1.3 ประกาศเกียรติคุณ ได้รับเงินรางวัลรายละ 10,000 บาท จำนวน 18 ราย คือ

 ด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมดีเด่น

 (1) พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป. สน.บางซื่อ บก.น.2 บช.น.

 (2) พ.ต.ท.ชนาวิน รัตนาวิน สวป.สภ.หาดใหญ่ จว.สงขลา ภ.9

 ด้านป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

 (3) พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาน รอง ผกก.สส.สภ.แม่สาย ภ.จว.เชียงราย ภ.5

 (4) พ.ต.ท.หญิง โสพิศ พิศพรรณ รอง ผกก.สส. สภ.บ้านตาขุน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ภ.8

 (5) พ.ต.ท.สิทธิพงษ์ ศรีกุลบุตร ผบ.ร้อย ตชด.227 กก.22 บช.ตชด.

 (6) พ.ต.ท.ถาวร แก้วมาเรือน สวป.สภ.เมืองปราจีนบุรี ภ.จว.ปราจีนบุรี ภ.2

 (7) ร.ต.อ.พีระวัฒน์ บุญแต้ม รอง สว.กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.

 ด้านสืบสวนดีเด่น

 (8) พ.ต.ท.ธนะเมศฐ์ วิจิตรจริยา รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง บก.น.1 บช.น.

 (9) พ.ต.ท.พูนสุข เตชะประเสริฐพร รอง ผกก.สส. บก.สส. ภ.1

 (10) พ.ต.ท.แผน สวาสดิ์นา รอง ผกก.สส.2 บก.สส. ภ.3

 (11) พ.ต.ท.ภูวสิษฐ์ เจริญธนะฐิติโชค สว.กก.4 บก.สอท.3 บช.สอท.

 (12) พ.ต.ท.มนตรี อินเปรี้ยว สว.ตม.จว.เชียงราย บก.ตม.5 บช.สตม.

 (13) พ.ต.ท.วศิน พันปี สว.กก.1 บก.ปคม. บช.ก.

 (14) ร.ต.อ.ธนพันธ์ หันประดิษฐ์ รอง สว.กก.สส.3 บก.สส. ภ.4 ด้านสอบสวนดีเด่น

  (15) ร.ต.ท.หญิง ศิราณี บัวพันธ์ รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองพิจิตร ภ.จว.พิจิตร ภ.6

 (16) ร.ต.ท.พรศักดิ์ ดีดอม รอง สว.(สอบสวน)สภ.โพธิ์แก้ว ภ.จว.นครปฐม ภ.7 ด้านฝ่ายอำนวยการดีเด่น

 (17) พ.ต.อ.อัคราวัส สีห์ธนบุญอุบล ผกก.ฝอ.บก.สสน.บช.ตชด.

 (18) พ.ต.ท.หญิง อรอนงค์ อุทัย นักกายภาพบำบัด (สบ.3) กลุ่มงานเวชศาสตร์ฟื้นฟู รพ.ตร.

2. รางวัลพลเมืองดีจำนวน 2 รางวัล ได้รับเงินรางวัล รายละ 10,000 บาท คือ

     2.1 นายภูมิภัทร ชัยชนะ     

วีรกรรม : เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 นายภูมิภัทร ชัยชนะ ซึ่งทำงานเป็นคนขับรถส่งน้ำอยู่ใน จ.ชลบุรี ขณะขับรถจะกลับเข้าที่ทำงาน พบเด็กหญิงชาวต่างชาติ ชื่อ ด.ญ.เชียร่า อายุ 10 ขวบ เดินอยู่ริมถนนมุ่งหน้า

เข้ามอเตอร์เวย์เพื่อที่จะเดินทางไปกรุงเทพฯ ด้วยความเป็นห่วงจึงพยายามพูดภาษาอังกฤษเพื่อบอกให้เด็กหญิงหยุด และเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเพื่อดูแลความปลอดภัยของน้อง และได้ติดต่อนายจ้างและภรรยานายจ้างที่เป็นนายจ้างซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ พูดเกลี้ยกล่อมและนำส่งให้กับตำรวจท่องเที่ยว    

     2.2 นายสุขุม ผาติเสนะ 

   วีรกรรม : วันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 เวลา 15.00 นาฬิกา นายสุขุม ผาติเสนะ อายุ 25 ปี ขณะขับรถ จักรยานยนต์ผ่านมา ประสบเหตุเด็กหญิงวัย 13 ปี ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ มีชายสูงวัยอายุราว 50 ปีเป็นผู้ขับขี่ เด็กหญิงได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ "ช่วยด้วย ช่วยด้วย" บริเวณถนนชุมชนยายร้า อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จึงได้โทรศัพท์แจ้งเหตุ 191 พร้อมกับขับขี่รถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จากนั้นได้มี ส.ต.ต.พีรพัฒน์ เอี่ยวศิริ และ ส.ต.ต.สุรศักดิ์ ชัยชุมพร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.นาจอมเทียน สายตรวจรถจักรยานยนต์ สภ.นาจอมเทียน จ.ชลบุรี เข้าระงับเหตุ ติดตามสกัดจับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว และขับขี่ประกบจับคนร้ายได้ รวมระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร โดยขณะคนร้ายลดความเร็วเพื่อกลับรถหลบหนี เด็กหญิงจึงใช้จังหวะดังกล่าวกระโดดลงจากรถจักรยานยนต์ แล้ววิ่งหลบไปพักอยู่ในรถกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย 

3. รางวัลเกียรติยศสดุดีวีรกรรม จำนวน 1รางวัล ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท ผู้ได้รับรางวัลคือ 

ด.ต.บาห์รี บากา ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ไม้แก่น จว.ปัตตานี ภ.9

          วีรกรรม : วันที่ 20 กันยายน 2565 เวลาประมาณ 19.40 นาฬิกา ชุดปฏิบัติการรสืบสวนหาข่าว จำนวน 4 นาย

คือ ร.ต.ท.เสถียร เชื้อประสาท รอง สว.(ป.) สภ.ไม้แก่น, ด.ต.บาห์รี บากา ผบ.หมู่(ป.) สภ.ไม้แก่น จว.ปัตตานี, ส.ต.อ.อาริส ดารากัย ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ไม้แก่น และ ส.ต.อ.ฮาหมัด หะยีตาแยะ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ไม้แก่น ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาออกสืบสวนหาข่าว โดยได้ขับรถจักรยานยนต์มาบริเวณริมถนนหน้าโรงพยาบาลไม้แก่น อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ทางด้านหลังรถยนต์สายตรวจ หมายเลขทะเบียน 6 กง 6359 กทม. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด เป็นเหตุให้ ด.ต.บาห์รี บากา พร้อมพวกรวม 4 นาย ได้รับบาดเจ็บ แต่ ด.ต.บาห์รี บากา ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

4. ทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดา ข้าราชการตำรวจ จำนวน 127 ทุน เป็นเงิน 1,059,000.- บาท จำแนกเป็น

      4.1 ระดับประถมศึกษา 63 ทุนๆ ละ 3,000 บาท เป็นเงิน 189,000 บาท

      4.2 ระดับมัธยมศึกษา 52 ทุนๆ ละ 5,000 บาท เป็นเงิน 260,000 บาท

      4.3 ระดับอุดมศึกษา/นรต. 11 ทุนๆ ละ 10,000 บาท เป็นเงิน 110,000 บาท

      4.4 ระดับปริญญาโทต่างประเทศ 1 ทุนๆ ละ 500,000 บาท เป็นเงิน 500,000 บาท

            ทุนระดับปริญญาโทต่างประเทศเป็นทุนการศึกษาแบบต่อเนื่อง สำหรับนักเรียนนายร้อยตำรวจที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโทในต่างประเทศ โดยได้ทำการคัดเลือกจาก

ผู้มีผลการเรียนดีเด่นเรียนไม่ต่ำกว่า 3.50 และสอบได้อันดับที่ 1-10 โดยมอบให้ทุนละ 500,000 บาทต่อปี ในวงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท ผู้ที่ได้รับทุนคือ ว่าที่ ร.ต.ต.ตระการศักดิ์ ชูแก้ว รอง สว.ประจำ รร.นรต. 

5. ทุนสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 114 ราย เป็นเงิน 512,000.- บาท ดังนี้

     5.1 บาดเจ็บ 71 รายๆ ละ 2,000 บาท เป็นเงิน 142,000 บาท

     5.2 บาดเจ็บสาหัส 32 รายๆ ละ 5,000 บาท เป็นเงิน 160,000 บาท

     5.3 ทุพพลภาพ 1 รายๆ ละ 10,000 บาท เป็นเงิน 10,000 บาท

     5.4 เสียชีวิต 10 รายๆ ละ 20,000 บาท เป็นเงิน 200,000 บาท

ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ ประชันไอเดีย นวัตกรรมการออกแบบอาคารเพื่อร่วมแก้ปัญหา มลภาวะเป็นพิษ PM2.5 ในงาน 'HYFIVE DESIGN AWARD 2022'

ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จัดงาน HYFIVE DESIGN AWARD 2022 ขึ้นระหว่างวันที่ 8-14 ธันวาคม 2565 ณ โกดังราชวงศ์ เชียงใหม่ ซึ่งเป็นกิจกรรม CSR โครงการแรกของบริษัทฯ ที่มุ่งหวังการ มีส่วนร่วมกับชุมชนเพื่อปรับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเชียงใหม่จากมลภาวะเป็นพิษ PM 2.5 ภายในงานมีพิธีมอบรางวัลผู้ชนะการออกแบบอาคารและการจัดแสดงผลงานของผู้ชนะการประกวด 'นวัตกรรมการออกแบบอาคารเพื่อร่วมแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในจังหวัดเชียงใหม่อย่างยั่งยืน ' ที่สะท้อนการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 รวมทั้งสิ้น 6 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 70,000 บาท

นางสาวพีรญา วงศรานุชิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ “เนื่องจากบริษัทฯ ตระหนักในปัญหามลภาวะ เป็นพิษ PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนเชียงใหม่ ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ ตั้งใจให้งานนี้เป็นการเปิด โอกาสให้กับนักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจและมีความถนัดด้านการออกแบบได้ประชันฝีมือ เป็นที่มา ของงาน HYFIVE DESIGN AWARD 2022 ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมเข้าแข่งขันส่งผลงานเข้า มากว่า 37 ผลงานจากทั่วประเทศ”

“ในการจัดงานดังกล่าว เรามุ่งหวังการมีส่วนร่วมของคนในสังคมได้ร่วมคิดค้นนวัตกรรมการ ออกแบบอาคารเพื่อร่วมแก้ไขปัญหา PM2.5 ว่ามีแนวคิดและการออกแบบอย่างไร อาทิ โปรเจกต์ Ozone Square การจัด Façade และ Column เพื่อปิดล้อมลม สําหรับช่องว่างตรงกลางอาคาร รอบๆ จะป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้ามาในอาคาร และต้นไม้ที่อยู่ตรงกลางจะทําหน้าที่กรองฝุ่นที่หลงเหลืออีกครั้ง ,โปรเจกต์ Biosphere จากการนําสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) เช่น ควร ใช้ air filtration ซึ่งเป็นการนํากระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงธรรมชาติท่ีอยู่ล้อมรอบอาคารเป็น buffer ฟอกอากาศ ก่อนเข้าอาคารรวมถึงอาคารภายใน เป็นแนวคิดที่นําธรรมชาติเข้ามามีส่วน ร่วมกับผู้คนที่ช่วยฟื้นฟู และส่งเสริมทั้งภายในอาคารและพื้นที่โดยรอบ ในการรับมือปัญหามลพิษใน จังหวัดเชียงใหม่อย่างยั่งยืน” 

'สีจิ้นผิง’ เยือนซาอุฯ กระชับสัมพันธ์อาหรับ MBS ต้อนรับสมเกียรติ ผิดกับครั้ง ‘ไบเดน’

มกุฎราชกุมาร เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้ปกครองโดยพฤตินัยของซาอุดีอาระเบีย ต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดี (8 ธ.ค.) ด้วยพิธีการซึ่งมุ่งให้เกียรติอย่างเต็มที่ เป็นการส่งสัญญาณว่า ‘ริยาด’ มีความสนใจเพิ่มพูนสายสัมพันธ์กับปักกิ่งให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ถึงแม้สหรัฐฯแสดงท่าทีจับตามองอย่างระแวงระวัง

กองทหารราชองครักษ์ของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งขี่ม้าอาหรับและถือธงชาติจีนและธงชาติซาอุดีฯ เข้าคุ้มกันรถยนต์ของ สี ขณะที่แล่นเข้าสู่พระราชวังหลวงในกรุงริยาด และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด ออกมาต้อนรับด้วยการยื่นมือให้สัมผัสพร้อมรอยยิ้มสดชื่น ในทันทีที่ผู้นำจีนก้าวลงจากรถ

จากนั้นผู้นำทั้งสองได้จัดการประชุมอย่างเป็นทางการ โดยที่มกุฎราชกุมาร ‘แสดงความปรารถนาให้เขา, คณะผู้แทนของเขา พำนักอย่างมีความสุข’ ระหว่างอยู่ในซาอุดีอาระเบีย สำนักข่าวเอสพีเอ ของทางการซาอุดีอาระเบียรายงาน

บรรยายกาศเช่นนี้ช่างตรงกันข้ามกับการต้อนรับแบบเรียบ ๆ ที่จัดให้แก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางสายสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองที่มีรอยร้าวฉานสืบเนื่องจากสหรัฐฯ ไม่พอใจนโยบายด้านน้ำมันของซาอุดีฯ และกรณีสังหารโหด ‘จามาล คาชอกกี’ นักหนังสือพิมพ์ซาอุดีเมื่อปี 2018

ทั้งนี้ในคราวนั้นเจ้าชายโมฮัมเหม็ด เพียงแต่ยกกำปั้นมาชนกับไบเดนเท่านั้น ไม่ได้มีการจับมือกัน

สหรัฐฯ ซึ่งเฝ้าจับตามองอย่างระแวงระวังทั้งต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการที่สายสัมพันธ์ที่มีอยู่กับ ริยาด กำลังอยู่ในช่วงต่ำสุด ให้ ‘จอห์น เคอร์บี้’ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ออกมาแถลงในวันพุธว่า การเยือนครั้งนี้เป็นตัวอย่างของความพยายามของจีนที่จะแผ่อิทธิพลไปทั่วโลก แต่จะไม่ทำให้นโยบายที่สหรัฐฯ มีต่อตะวันออกกลางเปลี่ยนแปลงไป

สี เดินทางถึงซาอุดีอาระเบียตั้งแต่วันพุธ โดยกระทรวงการต่างประเทศจีรายงานว่า ทางกองทัพอากาศซาอุดีฯ ได้ส่งเครื่องบินมาคุ้มกันตั้งแต่ที่เครื่องบินของผู้นำจีนเข้าสู่น่านฟ้าของซาอุดีอาระเบีย และเมื่อเดินทางมาถึง ก็มีการยิงปืนสลุต 21 นัด รวมทั้งมีเชื้อพระวงศ์อาวุโสของซาอุดีหลายท่านมาต้อนรับ สี ที่สนามบิน

ทางด้าน เจ้าชายอับดุลลาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย แถลงวันพุธว่า ริยาดจะยังคงเป็นหุ้นส่วนพลังงานที่ไว้วางใจได้สำหรับปักกิ่ง และสองประเทศจะกระชับความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานพลังงานด้วยการจัดตั้งศูนย์ประจำภูมิภาคสำหรับโรงงานจีนในซาอุดีฯ

ทั้งนี้ จีน ผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นคู่ค้าสำคัญของซาอุดีอาระเบียที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 1 ของโลก และการขยายความสัมพันธ์ระหว่างกันภายใต้ความพยายามในการแตกแขนงเศรษฐกิจของตะวันออกกลางทำให้อเมริกากังวลหนักเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของจีนในโครงสร้างพื้นฐานที่อ่อนไหวในอ่าวอาหรับ

การเยือนของประธานาธิบดีสี ยังเกิดขึ้นขณะที่ตลาดพลังงานโลกแขวนอยู่กับความไม่แน่นอน หลังจากมหาอำนาจตะวันตกบังคับใช้มาตรการจำกัดราคาน้ำมันของรัสเซียที่หันไปเพิ่มปริมาณการจัดส่งน้ำมันให้จีนพร้อมส่วนลด

สำนักข่าวเอสพีเอ รายงานด้วยว่า เมื่อวันพุธ บริษัทจีนและซาอุดีฯ ได้ลงนามข้อตกลง 34 ฉบับครอบคลุมการลงทุนในพลังงานสะอาด เทคโนโลยีสารสนเทศ บริการคลาวด์คอมพิวติ้ง การขนส่ง การก่อสร้าง ฯลฯ โดยไม่มีการระบุมูลค่า แต่ก่อนหน้านี้เอสพีเอรายงานว่า สองประเทศจะทำข้อตกลงกันรวมมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์

เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า การเยือนคราวนี้นอกจาก สีจะหารือกับฝ่ายซาอุดีฯ แล้ว หลังจากนั้นริยาดยังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดระหว่างจีนกับผู้นำอาหรับซึ่งจะถือเป็น หลักหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การพัฒนาความสัมพันธ์จีน-อาหรับ

'ศิริกัญญา' ยัน 'ก้าวไกล' สนับสนุนเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ควบคู่ช่วยผู้ประกอบการ-พัฒนาทักษะแรงงาน

ศิริกัญญา ยืนยัน ก้าวไกลสนับสนุนเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ควบคู่ช่วยผู้ประกอบการ-พัฒนาทักษะแรงงาน-ลดค่าครองชีพ ย้ำต้องการแก้ทั้งระบบ หวังให้นายจ้างอยู่รอด ลูกจ้างอยู่ได้

(9 ธ.ค. 65) ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไป ว่าหลังจากได้ฟังคำอธิบายของผู้เสนอนโยบายคือพรรคเพื่อไทย ทำให้ทราบว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับปริญญาตรีที่ 25,000 บาท เป็นเป้าหมายที่ผู้เสนอนโยบายต้องการทำให้ได้ภายในปี 2570 โดยมีสภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยประกอบ ซึ่งถือว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับพรรคก้าวไกล ที่สนับสนุนการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เพียงแต่วิธีการที่ใช้แตกต่างกัน

“วิธีการที่พรรคก้าวไกลเสนอไปก่อนหน้านี้ คือให้แก้ที่ระบบการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีฐานให้พูดคุยกันในคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) เพื่อกำหนดเลยว่า ค่าแรงขั้นต่ำควรจะเป็นเท่าไหร่ เราจึงเสนอให้แก้กฎหมายคุ้มครองแรงงานว่าด้วยค่าแรงขั้นต่ำ ว่าต้องปรับขึ้นอัตโนมัติและปรับขึ้นทุกปี โดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ คือจีดีพีโตเท่าไหร่ และคำนึงถึงค่าครองชีพหรือเงินเฟ้อว่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ปัจจัยอะไรเพิ่มขึ้นมากกว่าก็นำปัจจัยนั้นมาเป็นฐานในการคำนวณปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขั้นต้นในแต่ละปี ที่จะพูดคุยบนโต๊ะของบอร์ดค่าจ้าง ก่อนให้บอร์ดฯ ตัดสินใจอีกครั้ง เพื่อให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสภาวะเศรษฐกิจ ตามค่าครองชีพ และปรับขึ้นทุกปี เพราะหากปรับขึ้นคราวละมาก ๆ ภายในครั้งเดียว เราก็เข้าใจความรู้สึกของฝั่งผู้ประกอบการ” ศิริกัญญากล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน ตามที่พรรคก้าวไกลประกาศ ศิริกัญญากล่าวว่า ย้อนกลับไปปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ก็เสนอแนวทางเดียวกันคือไม่ได้แข่งกันที่จำนวนเงินว่าควรปรับเพิ่มเป็นเท่าไหร่ แต่พูดถึงการแก้ไขที่ระบบ และทำให้ดูว่าจากปี 2555 ที่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท มาจนถึงวันนี้ หากคำนวณตามวิธีของพรรคก้าวไกล ค่าแรงจะเพิ่มเป็นเท่าไหร่ ซึ่งเราคิดว่าเป็นวิธีที่ยุติธรรมต่อทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง

“เราเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่เห็นใจฝั่งลูกจ้างมากกว่า เพราะต้องยอมรับว่ามีอำนาจต่อรองน้อยกว่า ยังไม่นับว่าองค์ประกอบภายในบอร์ดค่าจ้างซึ่งเป็นองค์กรไตรภาคีประกอบด้วย ฝ่ายรัฐ ฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง ตัวแทนฝั่งลูกจ้าง 5 คน มาจากการคัดเลือกกันเองภายในองค์กรคือมาจากสหภาพ และในประเทศไทย ก็มีจังหวัดเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่มีสหภาพ ดังนั้น จึงต้องเพิ่มอำนาจการต่อรองของลูกจ้าง ด้วยการกำหนดในกฎหมายคือพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานที่พรรคก้าวไกลเสนอ ว่าค่าจ้างต้องปรับอัตโนมัติขึ้นไปทุกปี” ศิริกัญญาระบุ

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า การที่นายจ้างต้องปรับเพิ่มค่าแรงเป็น 450 บาท อาจเป็นตัวเลขที่เยอะ พรรคก้าวไกลจึงมีแผนช่วยเหลือ เช่น สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รัฐจะเยียวยา 6 เดือนแรกที่มีการประกาศใช้ค่าแรงขั้นต่ำใหม่ รวมถึงช่วยเหลือเงินประกันสังคมที่จะให้งดจ่ายเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อชดเชยส่วนของค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น และมีอัตราภาษีใหม่สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เริ่มที่ 10% ไต่ระดับขั้นบันได ต่างจากปัจจุบันที่เริ่มต้นที่ 15%

ศิริกัญญากล่าวอีกว่า ในฝั่งลูกจ้างก็จำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและทักษะ เพราะการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ แม้มีความจำเป็นต้องทำ แต่ไม่มีความยั่งยืนหากทักษะแรงงานไม่ได้รับการยกระดับ พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้มีโครงการ Upskill และ Reskill สำหรับทักษะพื้นฐาน จะมีการเรียนออนไลน์ ส่วนทักษะขั้นสูง อาจมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ได้ประกาศนียบัตร สามารถขอเพิ่มค่าแรงจากนายจ้างได้ง่ายขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แรงงานในปัจจุบันสามารถหางานใหม่ได้หรือเพิ่มค่าจ้างง่ายขึ้น ยังช่วยให้เด็กจบใหม่ทุกคนได้งานดีๆ ไม่ว่าเขาเรียนจบด้านใด สามารถปรับทักษะได้ตลอด

'เพื่อไทย' จ่อฟ้อง ‘รองโฆษกรบ.’ แปลงสโลแกน พรรคเพื่อไทยจะซ้ำรอยอดีต ‘คิดใหญ่ โกงเป็น’

เพื่อไทยฉุนโดนแปลงสโลแกน จ่อฟ้อง ‘รองโฆษกรัฐบาล’ เอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์-กฎหมายอาญา ฐานจงใจหมิ่นประมาท ใส่ร้าย ผ่านเว็บรัฐบาลไทย

(9 ธ.ค. 65) นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์รัฐบาลไทย www.thaigov.go.th เผยแพร่ข่าวนางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 ว่า การที่นางสาวทิพานันแสดงความมั่นใจบอกว่าเศรษฐกิจดีนั้น คงจะมีแต่นางสาวทิพานันกับรัฐบาลเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ เพราะแม้แต่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยังบอกว่า พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ รับมือโควิดไม่สำเร็จ จนมีการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 20,000 ราย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่คัดค้านกับความเห็นดังกล่าวของนายมิ่งขวัญ ขณะนั่งแถลงข่าวอยู่ด้วยกัน

“ดังนั้นระหว่างนายมิ่งขวัญ ซึ่งเป็นทีมเศรษฐกิจคนใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ กับนางสาวทิพานัน ประชาชนคงเชื่อนายมิ่งขวัญมากกว่า พี่น้องประชาชนทั้งประเทศต่างรู้ดีว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังตกต่ำเพียงใด ภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ ยืนยันได้จากหนี้สาธารณะพุ่งชนเพดานที่ 10 ล้านล้านบาท คนจนพุ่งทะลุ 20 ล้านคน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หนี้ครัวเรือนพุ่งทะลุเกือบชนเพดาน ความเหลื่อมล้ำในไทยสูงสุด เด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นนางสาวทิพานันต้องเดินออกมาจากอุปทานหมู่ที่สะกดจิตตัวเองว่าเศรษฐกิจดี เพียงเพราะกังวลว่าตนเองซึ่งอยู่ในรัฐบาลจะเสียแต้มเท่านั้น” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ

“นอกจากนี้ในเว็บไซต์ www.thaigov.go.th ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาล ที่ใช้สื่อสารต่อประชาชนอย่างเป็นทางการ ยังเผยแพร่ข้อความว่านางสาวทิพานัน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะซ้ำรอยอดีต ‘คิดใหญ่ โกงเป็น’ ข้อความที่ปรากฏเป็นการเจตนาจงใจใส่ร้าย ใส่ความให้วิญญูชนทั่วไปให้เข้าใจผิดต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชันในประเทศไทยที่จัดอันดับโดยองค์กร Transparency International พบว่า ในปี 2564 ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อยู่ที่ 35 คะแนน อันดับที่ 110 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อันดับการประเมินจากองค์กรเดียวกันพบว่า ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชัน อยู่ในอันดับที่ 59 ซึ่งดีกว่ารัฐบาลนี้เท่าตัว”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top