Sunday, 29 June 2025
TheStatesTimes

‘หมอธีระ’ เตือน! ‘Long COVID’ น่ากลัวกว่าที่คิด ชี้ อย่าหลงคำลวง ‘Omicron’ เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตือนคนไทยอย่าหลงคำลวงว่าแค่หวัดธรรมดา หากติด Omicron รุนแรงน้อยกว่าเดลต้าก็จริง แต่มีโอกาสเกิดภาวะผิดปกติระยะยาว หรือ Long COVID จากเคยปกติ กลายเป็นไม่ปกติ

วันนี้ 15 เม.ย. รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 โดยระบุว่า "Long COVID is real" อย่าหลงคำลวงว่าแค่หวัดธรรมดา กระจอก เป็นแป๊บเดียวก็หาย เอาอยู่ เป็นโรคธรรมดาประจำถิ่น

"หาย ตาย และ Long COVID" เป็นสามทางที่จะเกิดขึ้นหากติดเชื้อ Omicron รุนแรงน้อยกว่าเดลต้าก็จริง

ติดแล้วป่วยมีอาการ มากกว่าไม่มีอาการ มีโอกาสปอดอักเสบ รุนแรง ใช้ท่อช่วยหายใจ มีโอกาสตาย

3 ฤดูในเดือนเดียว เมษายน 65 เดือนที่มีทั้ง 3 ฤดูในเมืองไทย

ในต้นเดือนเมษายน 2565 ปีนี้ นอกจากประเทศไทยจะเจอสถานการณ์โควิดที่ยังมองไม่เห็นทางสว่างที่ปลายอุโมงค์ว่าสถานการณ์จะเริ่มผ่อนคลายลงไปเมื่อไร เนื่องจากยอดของผู้ติดเชื้อที่อยู่ในหลักวันละสองหมื่นกว่าคนขึ้นไปทุกวัน แต่ในช่วงนี้มีสิ่งหนึ่งที่เป็นปรากฏการณ์ที่เชื่อว่าทำให้หลายๆ คนแปลกใจ โดยเฉพาะคนที่อยู่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง 

นั่นก็เพราะจู่ๆ ในช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงวันหยุดดยาวแห่งเทศกาลสงกรานต์ของคนไทย และเป็นเดือนที่ประเทศไทยจะมีอากาศร้อนมากที่สุด กลับกลายเป็นว่ามีบางช่วงโดยเฉพาะช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีพายุฝนฟ้าคะนองและลมแรง หลังจากนั้นอากาศเย็นลงทันทีทันใดจนต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเหมือนกับอยู่ในหน้าหนาวเลยกันเลย กลายเป็นว่ามี 3 ฤดูกาล เกิดขึ้นภายใน 1 เดือน ทั้งร้อน หนาว และฝน เลยทีเดียว นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นบ่อยนักในประเทศไทย 

สำหรับวันนี้จะมาพูดถึงลักษณะของอากาศที่ทำให้ช่วงหน้าร้อนที่สุดของประเทศไทยกลายเป็น 3 ฤดูกาลภายในเดือนเมษายนนี้กันครับ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักลักษณะฤดูกาลของประเทศไทยกันก่อนครับ 

ทั้งนี้ประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตรระหว่างละติจูดที่ 5-20 องศาเหนือ และลองจิจูดที่ 97-105 องศาตะวันออก ทำให้ภูมิอากาศของประเทศเรามีลักษณะเป็นแบบทุ่งหญ้าสะวันนา หรือภูมิอากาศแบบร้อนชื้นสลับแห้งแล้ง โดยภูมิอากาศแบบนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีจะสูงกว่า 18 องศาเซลเซียส และมีลักษณะที่สำคัญ คือ มีฤดูแล้งสลับฤดูฝนให้เห็นชัดเจน ขณะที่ฝนส่วนใหญ่ตกในฤดูร้อน ในฤดูหนาวอากาศจะแห้ง ซึ่งจะเกิดขึ้นในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย 

ในขณะที่บางส่วนของประเทศไทย คือ ภาคใต้และทางตะวันออกสุดของภาคตะวันออก เป็นลักษณะภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ทำให้มีฝนตกมากกว่าภาคอื่น และไม่ค่อยได้สัมผัสกับอากาศหนาวมากเหมือนกับภาคอื่น 

‘อลงกรณ์’ เผย จีนเปิดด่านโม่ฮานนำเข้าทุเรียนไทยแล้ว ย้ำต้องเข้มงวดมาตรการปัองกันปนเปื้อนโควิด แนะผู้ส่งออกบริหารความเสี่ยงเพิ่มการขนส่งทางเรือทางอากาศเพิ่ม

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาผลไม้ล่วงหน้าในคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผย ว่าได้รับรายงานจากสํานักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจํากรุงปักกิ่ง ฝ่ายเกษตร ประจําสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ฝ่ายเกษตร ประจําสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ว่า ด่านโม่ฮานในมณฑลยูนนานเปิดนำเข้าทุเรียนไทยจากด่านบ่อเต็นของลาวแล้วตั้งแต่วันที่15เมษายนที่ผ่านมา หลังจากระงับการนำเข้าทุเรียนไทย 3 วันระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน จากตรวจพบการปนเปื้อนโควิดในรถบรรทุกคอนเทนเนอร์จากไทย

โดยด่านเปิดทำการระหว่างเวลา 08.30 - 21.00 น. และในเวลา17.30 - 21.00 น.เป็นช่วงให้รถบรรทุกเปล่าผ่าน

ส่วนโหย่วอี้กวน(กว่างซีจ้วง)ยังเปิดให้บริการระหว่างเวลา 08.00 - 19.00 น. แต่มีความแออัดจึงควรหลีกเลี่ยงเพื่อลดความเสี่ยง

 “ทั้งนี้ขอให้ผู้ประกอบการดำเนินมาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิดและฆ่าเชื้อสินค้าตามข้อกำหนดของทางราชการอย่างเคร่งครัดตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board)”

‘กอบศักดิ์’ มองวิกฤต ‘ศรีลังกา’ เป็นหนังตัวอย่างที่เจอปัญหาหนี้รัฐบาล-ครัวเรือนทะลุเพดาน ชี้ ประเทศตลาดเกิดใหม่ต้องเจอในไม่ช้า หลังผลกระทบโควิด 

.
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า 

จากวิกฤตสู่วิกฤต

ศรีลังกาเป็นเพียงประเทศแรกๆ ใน Emerging markets ที่เข้าสู่วิกฤตในรอบนี้ 

เป็นเพียงหนังตัวอย่าง ที่ยังมีอีกหลายประเทศ ที่จะประสบปัญหาเศรษฐกิจ (แต่คงใช้เวลาอีกระยะ)

ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า ระหว่างสองปีที่ผ่านมา ทุกประเทศทั่วโลกต้องต่อสู้กับการแก้ไขปัญหาโควิด 

รัฐบาลใช้เงินไปมากในการเยียวยา ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการจัดซื้อวัคซีน และการให้บริการสาธารณสุขกับประชาชนของตนเอง 

ระดับหนี้ของรัฐบาลจึงเพิ่ม ทะลุเพดานหนี้ที่เหมาะสม

ด้านเอกชน  SME ก็ลำบากกันทั่ว จากยอดขายที่ลดลง จากหนี้ที่ต้องก่อ เพื่อหาสภาพคล่องมาประคองธุรกิจ

ส่วนประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ ก็มีหนี้เพิ่มพูน จนระดับหนี้ครัวเรือนของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก ทำให้ Emerging Markets หลายๆ ประเทศ สะสมความเปราะบางเพิ่มขึ้น เข้าสู่จุดคับขัน 

ที่น่าหนักใจที่สุด ก็คือ ปกติแล้วหลังวิกฤต เราจะมีช่วงดีๆ อย่างน้อย 2-3 ปี  ให้เคลียร์ปัญหาต่างๆ ที่สะสมขึ้น เศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทำให้พี่น้องประชาชนมีรายได้ ร้านค้าค้าขายดี รัฐบาลเก็บภาษีได้ 

ทั้งหมดช่วยให้ระดับหนี้ของภาครัฐ เอกชน ประชาชน ลดลง ทำให้ทุกคนฐานะการเงินเข้มแข็งขึ้น สามารถสะสมเงินออมอีกรอบ พร้อมรับกับวิกฤตรอบถัดไป

อย่างไรก็ตาม ที่บอกว่าน่าหนักใจมากรอบนี้ ก็เพราะเรากำลังจะออกจากวิกฤตหนึ่ง แต่จะเข้าสู่อีกวิกฤตทันที 

ช่วงเวลาดีดี ไม่ได้มาอย่างเคย!!! 

ไม่มีเวลาหายใจ

ทำให้ทุกประเทศเข้าสู่อีกช่วงของความท้าทาย โดยที่ทุกคนมีความเปราะบางทางการเงินอย่างยิ่ง 

ยิ่งเงินเฟ้อสูงเป็นพิเศษจากปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยิ่งเฟดต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย ผลกระทบต่อ Emerging Markets ก็จะยิ่งแรงกว่าปกติ 

หลายคนที่ปริ่มน้ำอยู่แล้ว อาจจมน้ำได้

ศรีลังกาจึงเป็นกรณีศึกษา ที่เป็นบทเรียนให้กับทุกคน

ก่อนโควิดระบาด ศรีลังกาได้ลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ที่ชอบเรียกกันว่า "โครงการช้างเผือก" ได้สร้างหนี้ให้กับรัฐบาล ทำให้ฐานะของรัฐบาลอ่อนแอลง ทั้งในเรื่องของท่าเรือ สนามบิน โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรของประเทศ

‘ก้าวไกล’ ชี้ การล่วงละเมิดทางเพศพุ่ง เพราะทัศนคติเชิงลบต่อเหยื่อ และกลไกที่ไม่เอื้อต่อการเข้าถึงความยุติธรรม

ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ และอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่อกรณีข่าวนักการเมืองคนดังล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เสียหายหลายรายว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ในทุกวิชาชีพ โดยเฉพาะการอาศัยเงื่อนไขของผู้กระทำที่มีอำนาจเหนือกว่า และแม้จะมีข่าวการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอยู่ทุกวัน แต่การข่มขืนกระทำเราหรือการล่วงละเมิดทางเพศกลับเกิดมากขึ้น เพราะสังคมขาดความเข้าใจและยังมีทัศนคติเชิงลบต่อผู้เสียหาย อีกทั้งขาดกลไกรับเรื่องร้องทุกข์จนผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ ต้องพึ่งพาภาคประชาสังคมหรือต้องทำให้เรื่องกลายเป็นข่าว จี้รัฐปรับปรุงระบบรับร้องทุกข์ที่เป็นมิตร พร้อมเปลี่ยนทัศนคติของสังคมช่วยกันปกป้องผู้เสียหาย  

โดยก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ มีตัวแทนทั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้ทรงคุณวุฒิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่าปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศมีสาเหตุหลักด้วยกัน 4 ประการ ได้แก่ การที่คนในสังคมยังขาดความตระหนักและขาดการเคารพสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของผู้อื่น การขาดกลไกในการเฝ้าระวังปัญหาโดยเฉพาะในระดับครอบครัว สถานศึกษา และชุมชน การขาดกลไกรับเรื่อง การรับแจ้งความร้องทุกข์ และกระบวนการยุติธรรมที่เป็นมิตรต่อผู้เสียหาย รวมถึงกลไกการแก้ไขพฤติกรรมของผู้กระทำความผิด และการขาดกลไกการบำบัดฟื้นฟูแก้ไขเยียวยาต่อผู้เสียหายและครอบครัว 

พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งก่อนเกิดเหตุ เมื่อเกิดเหตุแล้ว และหลังเกิดเหตุ ไปยังคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ยกระดับการแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศให้เป็น “วาระแห่งชาติ” แต่จนบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด

“ที่ดูคืบหน้าอยู่บ้างคือร่าง พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง จะเป็น กม.ที่นำมาใช้กับผู้กระทำความผิดที่ก่อเหตุหลายครั้ง และอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการแพทย์หรือการคุมขัง เพื่อเข้าระงับเหตุไม่ให้ไปกระทำความผิด โดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศซ้ำอีก ที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ สว. แต่นั่นเป็นเพียงปลายเหตุ เพราะปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศมีมากกว่านั้น ทั้งกรณีที่ผู้เสียหายไม่ทราบว่าเมื่อเกิดเหตุแล้วควรจะดำเนินการอย่างไร เมื่อไปแจ้งความแล้วกลับโดยปฏิเสธไม่รับแจ้งความหรือให้กลับไปหาพยานหลักฐานเอง ไปจนถึงการกลัวคนรอบข้างและสังคมไม่เชื่อ กล่าวโทษกดดัน กลายเป็นผู้เสียหายเป็นผู้ผิด ทั้งการดำเนินคดีที่ยาวนาน มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก 

ที่แย่ที่สุดคือผู้กระทำที่เป็นผู้มีอิทธิพลหรืออำนาจที่เหนือกว่าผู้เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นระหว่างคนในครอบครัว เป็นผู้ใหญ่กับเด็ก นายจ้างกับลูกจ้าง อาจารย์กับลูกศิษย์ การกระทำต่อแรงงานข้ามชาติ หรือกรณีนักการเมืองที่เป็นข่าวในปัจจุบัน จนผู้เสียหายหวาดกลัว ไม่กล้าแจ้งความ และหลายครั้งยอมถูกกระทำต่อเนื่องกันอีกหลายครั้ง หากรายใดกล้าลุกขึ้นมา ก็ต้องขอความช่วยเหลือกับภาคประชาสังคม องค์กรมูลนิธิต่างๆ หรือต้องทำให้เป็นข่าว ซึ่งเราไม่ควรจะให้กระบวนการที่ต้อง ”ไม่ปกติ” ถึงจะได้รับการช่วยเหลือ กลายเป็นเรื่อง “ปกติ” ไป” 

สถาบันวัคซีนฯ ออกแถลงการณ์ อย่าเข้าใจผิดปล่อยให้ติดเชื้อโอมิครอน เพราะไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเท่านั้น จึงจะเกิดภูมิ

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ เรื่อง ความจำเป็นของการได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น ระบุว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ที่มีการระบุว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น การปล่อยให้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน มีความปลอดภัย และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาตินั้น

สถาบันมีความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับการส่งต่อข้อมูลที่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนดังกล่าวอย่างมากในการนี้ สถาบันขอยืนยันว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในสถานการณ์ที่ไวรัสมีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วนั้น มีความจำเป็นอย่างมากโดยการฉีค วัคชีนเข็มกระตุ้น ช่วยลดอาการป่วยที่รุนแรง ลดโอกาสการเสียชีวิต และลดโอกาสการเกิด ภาวะ Long COVID ในผู้ใหญ่ รวมถึงภาวะอักเสบทั่วร่างกายในเด็ก (Multisystem Inflammatory Syndrome in Children; Mis-C) จากการป่วยด้วยโควิด-19 ได้จริง

หลักฐานเชิงประจักษ์ชี้ว่า วัคชีนเข็มกระตุ้นสามารถลดอาการเหล่านี้ลงได้มากกว่าผู้ป่วยที่ไม่เคยฉีดวัคซีนเลย หรือ ฉีดวัคซีนแล้วแต่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น มีการดำเนินการอย่างกว้างขวาง ทำให้มีรายงานยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิผล (Vaccine effectiveness) ของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจำนวนมากจากหลายประเทศทั่วโลก

โดยในประเทศไทยได้มีการเก็บข้อมูลเพื่อศึกษาประสิทธิผลของวัคชีนที่ใช้ในประเทศด้วยเช่นกัน ผลการศึกษาในปัจจุบัน (ข้อมูลการประเมินประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริง จ. เชียงใหม่ ช่วงเดือน มกราคม-มีนาคม 2565 ณ วันที่ 8 เมษายน 2565) ระบุว่า

ในสถานการณ์การระบาดของโอมิครอน การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ไม่ป้องกันการติดเชื้อ แต่สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้มากกว่า 85% และหากได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ในระยะเวลาที่เหมาะสม สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 34-68% และเพิ่มการป้องกันการเสียชีวิตได้ถึง 98-99% และเมื่อมีการมีวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 4 เมื่อครบกำหนดการเข้ารับวัคซีน พบว่า สามารถป้องกันการติดเชื้อได้สูงถึง 80-82% โดยยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4

จากผลการประเมินประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริงในระดับโลก ทำให้องค์การอนามัยโลกได้ออกประกาศสนับสนุนให้ประชาชน เข้ารับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น เพื่อลดอัตราการป่วยหนัก และเสียชีวิตจากการคิดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ด้วยเช่นกัน

‘จุรินทร์’ ย้ำชัดจุดยืนปชป. ไม่ป้องคนทำผิด ต่อต้านคุกคามทางเพศ ขอความเป็นธรรมให้ฝ่ายเสียหาย ชี้ รองผอ.ศูนย์เลือกตั้งทำหน้าที่ต่อไป

16 เม.ย. 2565 – ที่สนามบินนานาชาติ ดอนเมือง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคปชป. ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวหลายราย ว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ในฐานะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) พูดถึงจุดยืนของพรรคชัดเจนแล้ว คงจะไม่พูดซ้ำอีก แต่ขอเรียนว่าขณะนี้เรื่องไปถึงกระบวนการยุติธรรมแล้ว จึงขอให้กระบวนการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฝ่ายที่ได้รับความเสียหาย ส่วนการคัดเลือกผู้อำนวยการ(ผอ.)ศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แทนนายปริญญ์นั้น เรายังมีรองผอ. อีก 9 คน ซึ่งคงทำหน้าที่ต่อไปได้

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ของพรรค หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ขอประเมิน แต่อย่างไรก็ตาม นายสุชัชวีร์ ยังคงเดินหน้าหาเสียงเต็มที่ ส่วนพรรคเข้าไปช่วยหาเสียงไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากกฎหมายท้องถิ่นห้ามไว้ โดยเฉพาะผู้ที่มีตำแหน่งทางการเมือง จึงขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็นไปมากกว่านี้

‘โฆษกเพื่อไทย’ สาปส่งพวกล่วงละเมิดทางเพศ ยกพรรคการเมืองควรเป็นแบบอย่างประชาชน ถ้าเป็นนักการเมืองต้องได้รับโทษสูงสุดตามกฏหมาย

16 เมษายน 2565 – น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่มีผู้เสียหายจำนวนมากร้องเรียนพฤติกรรมนักการเมืองรายหนึ่งที่กระทำการล่วงละเมิดทางเพศจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมนั้น เรื่องนี้ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนสอบสวนทุกฝ่ายอย่างละเอียดถี่ถ้วน ให้ความยุติธรรมกับเหยื่อที่ถูกกระทำไม่ว่าจะด้วยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องรู้สึกหมดหวังกับกระบวนการยุติธรรมไทยเหมือนในหลายกรณีที่ผ่านมา

ขณะที่พรรคการเมืองเองซึ่งเป็นสถาบันทางการเมืองที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก เป็นสถาบันที่มีผลต่อความไว้เนื้อเชื่อใจของพี่น้องประชาชน ซึ่งต้องยึดหลักนิติธรรม 3 ประการคือ หลักความสูงสุดของกฎหมาย หลักความเสมอภาคภายใต้กฎหมาย รวมทั้งหลักการรับรองและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของพลเมือง หากพรรคการเมืองใดขาดตกบกพร่องในหลักนิติธรรมแม้เพียงข้อเดียว คงยากที่จะเป็นสถาบันทางการเมืองที่จะเป็นที่พึ่งที่หวังให้กับพี่น้องประชาชนได้

ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าวมองว่า พรรคการเมืองทุกพรรคต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นสมาชิกพรรคและผู้ที่ดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรคอย่างละเอียดรอบคอบ รัดกุม เพราะแม้แต่ในใบสมัครสมาชิกพรรคการเมืองดังกล่าว ได้มีการระบุชัดเจนว่าจะต้องไม่เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งมีข้อบังคับมากมายหลายด้าน ดังนั้นผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญภายในพรรค ก็ควรจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติจากกระบวนการที่เข้มงวดมากขึ้น เพราะหมายถึงอนาคตทางการเมืองของนักการเมืองผู้นั้น รวมถึงพรรคการเมืองนั้นด้วย

‘ปริญญ์’ ดอดพบตำรวจก่อนถูกออกหมายจับ พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ด้านตำรวจยื่นฝากขังพรุ่งนี้ สั่งตม.เข้มกันหลบหนีออกต่างประเทศ

16 เม.ย. 2565 – ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา กับตำรวจ สน.ลุมพินี หลังตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาก่อเหตุ ล่อลวงหญิงสาวผู้เสียหายหลายรายไปข่มขืนและกระทำอนาจาร ว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง 2 ข้อหา ประกอบด้วย กระทำอนาจาร และข่มขืนกระทำชำเรา

ทั้งนี้ นายปริญญ์ ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อีกทั้งวันนี้ก็ได้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม และจะนำเอกสารหลักฐานมาประกอบภายหลัง แต่เนื่องจากนายปริญญ์ เดินทางมามอบตัวด้วยตนเอง ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ม.134 เจ้าหน้าที่จึงไม่มีอำนาจควบคุมตัวไว้ เพราะยังไม่มีการออกหมายจับ ยกเว้นแต่เจ้าตัวไม่มาตามนัดฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในเวลา 08.00 น. วันพรุ่งนี้ตำรวจจึงจะสามารถจับกุมได้ทันที

ซึ่งการยื่นประกันตัวก็ต้องยื่นในชั้นศาลเพื่อพิจารณาต่อไป ส่วนคดีนี้ จะดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ ในพื้นที่ สน.ลุมพินี มีทั้งหมด 3 คดี ก็ต้องยื่นประกันตัวในแต่ละคดี

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ดูแลด้านกฎหมาย ได้กำกับดูแลคดีด้วยตนเอง ซึ่งคดีนี้ทางสถานีตำรวจสามารถทำเองได้ แต่อาจนำชุดสืบสวน บก.น.5 มาร่วมทำงาน กรณีมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติม แต่ตอนนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา ยืนยันว่าไม่หนักใจที่ผู้ต้องหาเป็นบุคคลมีตำแหน่งทางการเมือง เพราะตำรวจยึดหลักตามกฎหมาย ทำงานตามกรอบกฎหมายอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม และมั่นใจในพยานหลักฐานที่มี

ขณะเดียวกัน ในวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.) เวลา 08.00 น. ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้นัดนายปริญญ์ ไปยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอีกครั้ง

รัสเซียยิงถล่มโรงงานผลิตขีปนาวุธในยูเครน หลังจากที่เรือรบลาดตระเวน ‘มอสควา’ (Moskva) ซึ่งเป็นเรือธงของกองเรือทะเลดำถูกโจมตีจนอับปางลงเมื่อวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.) 

ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานวานนี้ (15) ว่า โรงงานขีปนาวุธวิซาร์ (Vizar) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติกรุงเคียฟ ถูกยิงถล่มในช่วงกลางดึกจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ขณะที่รัสเซียออกมาอ้างว่าใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ยิงจากกลางทะเลโจมตีโรงงานดังกล่าว

รัฐวิสากิจอาวุธของยูเครนระบุว่า โรงงานแห่งนี้เป็นสถานที่ผลิตขีปนาวุธร่อนเนปจูน (Neptune) ซึ่งเป็นอาวุธที่เคียฟและวอชิงตันอ้างว่าใช้ยิงโจมตีเรือมอสควาของรัสเซีย

เจ้าหน้าที่เพนตากอนให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า เรือมอสควาถูกยิงด้วยขีปนาวุธเนปจูน 2 ลูก ซึ่งขัดแย้งกับฝ่ายรัสเซียที่อ้างว่ากระสุนบนเรือเกิดระเบิดเอง และเรือได้อับปางลงระหว่างที่ถูกลากเข้าฝั่งท่ามกลางพายุ

เรือมอสความีบทบาทสำคัญไม่น้อยในปฏิบัติการรุกรานยูเครนที่กินเวลาเข้าสู่สัปดาห์ที่ 7 แล้ว ส่วนชะตากรรมของลูกเรือทั้ง 500 คนก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด เจ้าหน้าที่เพนตากอนระบุว่าลูกเรือที่รอดชีวิตบางส่วนได้รับการช่วยเหลือจากเรือรัสเซียลำอื่นๆ แต่ทางการยูเครนชี้ว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายในตอนนั้นทำให้ปฏิบัติการช่วยชีวิตเป็นไปไม่ได้เลย
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top