Wednesday, 2 July 2025
TheStatesTimes

'นายกฯ' แนะ!! ดูหนัง 'ล่าราชาคริปโต' ใน​ Netflix จะได้เข้าใจ 'วิกฤติ-โอกาส-ความเสี่ยงสูง'​

“บิ๊กตู่” ชวนดู Netflix เรื่อง Trust No One - ล่าราชาคริปโต ขอให้บอกมาเรื่องที่ยังไม่ดีรัฐบาลพร้อมแก้ไข ฟังปชช. ชี้หากปชช. ตอบรับทำได้หมด แต่ขอเข้าใจระบบการบริหารจัดการมันไม่ง่ายพร้อมขออย่าขยายสิ่งที่ไม่จริง ทำสับสนอลหม่านขึ้นไปอีก

1 เม.ย. 65 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 ว่า วันนี้เป็นการประชุมเรื่องดิจิทัล ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับประเทศไทยที่จะพัฒนาให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งเราได้เริ่มต้นมาหลายปีแล้ว วันนี้หากดูจากสถิติต่างๆ คนไทยเข้าถึงการใช้อินเทอร์เน็ต 80 กว่าเปอร์เซ็นต์สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของโลก ซึ่งตนได้เรียนรัฐมนตรีไปว่าที่เข้าถึงดิจิทัลเยอะ ได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้หรือไม่ อย่างน้อยก็ทำให้เกิดความรู้ รายได้ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นมากกว่าไปใช้ในเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์

นายกฯ กล่าวว่า นี่คือการพัฒนา เราต้องหาให้เจอ หาเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ที่มันดีขึ้นให้เจอเรื่องที่ยังไม่ดีไม่เรียบร้อยก็บอกมา รัฐบาลและหน่วยงานก็พร้อมที่จะแก้ไข เราต้องทำงานหลายอย่างไปด้วยกัน ขอให้กลับไปดูว่าวันนี้มีอะไรดีขึ้นหรือยัง หลายคนอาจจะยังไม่พอใจมันน่าจะดีกว่านี้ แต่ถ้าทุกคนเข้าไปสู่ในระบบการบริหารจัดการมันไม่ง่ายนักหรอก สิ่งสำคัญที่สุดทุกกิจกรรมมันมีห่วงโซ่ มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมากในแต่ละเรื่องจะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องฟังประชาชน ถ้าประชาชนยอมรับ ตอบรับ สามารถทำได้หมด ก็จะเหลือปัญหาอย่างเดียวคือการจัดหางบประมาณให้เพียงพอ 

'อังกฤษ'​ อึ้ง!! หลังชวนอินเดียร่วมลดพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย แต่ถูกสวน!! 'ยุโรปซื้อน้ำมันรัสเซียมากกว่าอินเดียอีก'​

เมื่อ 31 มี.ค. 65 สื่ออินเดียได้รายงานข่าวการไปเยือนลอนดอนอย่างเป็นทางการของ เอส. ไจแชนการ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย เพื่อประชุมหารือกับ ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศของฝั่งอังกฤษ ซึ่งประเด็นที่เป็นไฮไลต์ของการพูดคุยครั้งนี้ หนีไม่พ้นเรื่องมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของประเทศยุโรป จากกรณีการรุกรานยูเครน

โดยรัฐมนตรีต่างประเทศหญิงของอังกฤษได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายของอังกฤษที่จะลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นการตอบโต้การกระทำของรัสเซีย และยังเป็นข้อตกลงร่วมกันในกลุ่มประเทศยุโรปเพื่อแสดงออกว่าจะยืนเคียงข้างชาวยูเครน

ลิซ ทรัสส์ กล่าวกับ ไจแชนการ์ว่า ถึงแม้ว่าอังกฤษไม่อาจบังคับให้ประเทศอื่นทำตามเป้าหมายของเรา และอินเดียก็เป็นประเทศเอกราช แต่ทางอังกฤษก็รู้ว่ารัสเซียได้เสนอขายน้ำมันให้รัฐบาลอินเดียในราคาพิเศษ จึงได้ตั้งคำถามว่า ทำไมอินเดียถึงยังสนใจรับข้อเสนอของรัสเซีย ประเทศที่ใช้กำลังทหารรุกรานประเทศอื่นอยู่อีก

แต่ทว่าสิ่งที่นาย เอส. ไจแชนการ์ ตอบกลับรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษกลับมีประเด็นที่น่าสนใจ โดยเขามองว่า การรวมกลุ่มกันคว่ำบาตรรัสเซียดูเป็นเหมือนแคมเปญของทางฝั่งยุโรปมากกว่า และหากเทียบปริมาณการพึ่งพาน้ำมันของทางฝั่งยุโรปกับอินเดียนั้นก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก 

เพราะที่ผ่านมา แหล่งน้ำมันที่อินเดียนำเข้ามาเกือบทั้งหมด มาจากประเทศทางตะวันออกกลาง มีประมาณ 7.5-8% นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา แล้วจึงตามด้วยรัสเซีย ซึ่งบางครั้งน้อยกว่า 1% เสียอีก 

แต่ในทางกลับกัน ประเทศทางฝั่งยุโรปต่างหากที่พึ่งพาพลังงานน้ำมันจากรัสเซียเป็นส่วนใหญ่ มิหนำซ้ำ ประเทศในยุโรปยังนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้นอีกถึง 15% ในเดือนมีนาคมปีนี้ ซึ่งมากกว่าตอนก่อนเกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเสียอีก

เรื่องนี้ต้องรู้ ! ปฐมพยาบาลอย่างไรให้ถูกวิธี! | Click on Clear THE TOPIC EP.182

📌 ปฐมพยาบาลต้องรู้ เพิ่มโอกาส ‘รอดชีวิต’! ไปกับ ‘นายธัชตะวัน เกษกานดา’ วิทยาจารย์ สภากาชาดไทย!
📌ใน Topic : เรื่องนี้ต้องรู้ ! ปฐมพยาบาลอย่างไรให้ถูกวิธี!

ในรายการ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

'พระครูแจ้'​ จัดให้!! เจ้าอาวาสวัดดังบางพลี จัดพิธีอุปสมบทหมู่ 24 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล นายตำรวจระดับสูงร่วมบรรพชา

ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เมตตาเป็นประธานอุปถัมภ์ จัดพิธีบรรพชาอุปสมบทหมู่ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2 เมษายน

นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าจะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดี ถวายเป็นพระราชกุศล แด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ 1-2 เมษายน 2565 โดยมีนายตำรวจระดับสูงตลอดจนสื่อมวลชนร่วมบรรพชาอุปสมบทหมู่ในครั้งนี้ จำนวน 24 รูป

เกาะยอในความทรงจำ (๑) 

นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นักเขียนเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงความทรงจำเมื่อครั้งทำงานเก็บข้อมูลชีวิตชาวบ้านที่เกาะยอ จังหวัดสงขลา ว่า 

ดิฉันเข้าไปทำงานเก็บข้อมูลชีวิตชาวบ้านรอบทะเลสาบสงขลากับอ.เขมานันทะ น้องกิ๋ว-คุณปรัศนันท์ กังศศิเทียม และทีมงานคนอื่นๆ เป็นครั้งแรกเมื่อกลางปีพ.ศ. ๒๕๔๒ เขียนเป็นหนังสือ “ทะเลสาบสงขลา” และ “อนุทินทะเลสาบ” ให้กับ สำนักพิมพ์สุขภาพใจ แล้วหลังจากนั้น ในปีพ.ศ. ๒๕๔๔ ดิฉันก็ยังได้เข้าไปเก็บข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตผู้คนและวัฒนธรรมชาวบ้าน ที่เกาะยอ เมืองสงขลา ให้กลุ่มบริษัทแปลน เป็นช่วงที่ดิฉันและน้องกิ๋วพักอยู่สงขลาหลายเดือน นับเป็นความทรงจำที่ยิ้มได้เสมอเมื่อรำลึกถึง

หลังจากนั้น...นานครั้ง ดิฉันถึงมีโอกาสเข้าไปที่เกาะยออีกบ้าง หลักๆ คือไปที่สถาบันทักษิณคดีศึกษา มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เกาะยอ ที่จำได้และถ่ายภาพเก็บไว้ก็คือช่วงปีพ.ศ. ๒๕๔๘ และปีพ.ศ. ๒๕๕๙

มีเรื่องเกี่ยวกับเกาะยอ ที่ดิฉันเขียนไว้ในหนังสือ “อนุทินทะเลสาบ : บันทึกจากแผ่นดินของปู่-ทะเลของย่า” พิมพ์เผยแพร่ในปีพ.ศ. ๒๕๔๔ พลิกดูวันนี้มีหลายเรื่องที่เห็นว่ามีค่า สำหรับคนเกาะยอ-สงขลา รุ่นหลัง จึงนำมาขึ้นเพจ ให้ได้อ่านกัน

สำหรับภาพประกอบนั้น ดิฉันตั้งใจนำมาให้ได้ดูเปรียบเทียบ ๒ ช่วงในห้วงเวลาที่เปลี่ยนไป ภาพเก่านั้นถ่ายไว้เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๔๘ ภาพสีสดใสบันทึกไว้เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๙ 
ซึ่งบัดนี้ คงเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ในช่วงปัจจุบัน
ดูภาพ และอ่านเรื่องเกาะยอกันนะ
#เกาะยอ

"ผ้าดำดี ลูกสาวสวย" คือคำพังเพยที่ชาวสงขลาระบุกันถึงภาพของเกาะยอในวันวาน ผ้าที่ทอขึ้นจาก "ด้ายกุหลี" หรือเส้นไหมละเอียดสีดำ ด้วยฝีมือของสาวเกาะยอ ตาคม ผิวขาวนวล ตามเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนของบรรพบุรุษ ได้สร้างชื่อให้เกาะยอเป็นสถานที่อันโดดเด่นในบริเวณปากอ่าวทะเลสาบสงขลา ทั้งยังเป็นแหล่งของผลไม้อร่อยนานาพันธุ์ กระเบื้องดินเผามุงหลังคา และมาตุภูมิของอิงอร-นักเขียนผู้ใช้สำนวนภาษาประดุจปลายปากกาจุ่มหยาดน้ำผึ้ง

ธานี ไพโรจน์ภักดิ์ ชาวเกาะยอ กำนันวัย ๖๗ ปี เล่าว่า ๒-๓ ชั่วอายุคนก่อนนี้ คนเกาะยอส่วนใหญ่เป็นจีนฮกเกี้ยนอพยพมาจาก ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ และ ต.ทุ่งหวัง อ.เมืองสงขลา จีนสมัยนั้นแล่นเรือใบมาเห็นเกาะแห่งนี้ร่มรื่นน่าอยู่ มีที่ว่างไร้เจ้าของมากมาย จึงชวนกันมาตั้งรกราก พบว่ามีต้นยอขึ้นอยู่มาก ถึงเรียกกันว่า "เกาะยอ" มาแต่บัดนั้น

จีนเริ่มต้นชุมชนบนเกาะขึ้นที่บ้านนาถิ่น ได้เมียคนไทย พากันทำสวน ปลูกฝ้าย ปลูกครามย้อมผ้าตามถนัด สาวเกาะยอทอผ้าทุกครัวเรือน คิดค้นลายผ้าขึ้นอย่างมีแบบฉบับของตนเอง พื้นดำ น้ำเงินขัดลายยกดอกเป็นลายราชวัตร ลายลูกแก้ว ลายข้าวหลามตัด ลายดอกพริก ลายดอกก้านแย่ง ฯลฯ ทอทั้งผ้าพื้นสีเขียว สีน้ำเงิน เป็นโสร่งทั้งของหญิงและชาย จากฝ้ายเป็นด้ายกุหลีที่ละเอียดกว่าเส้นไหม จนมาถึงไหมเทียมโทเรในปัจจุบัน

ลักษณะโดดเด่นของผ้าเกาะยอก็คือ ความหนาคงทน สวยด้วยลายเฉพาะถิ่น ส่งขายไกลทั่วเมืองไทย เดี๋ยวนี้สาวเกาะยอยังทอผ้ากันอยู่กว่า ๒๐๐ ครอบครัว เสียงกี่กระตุกกึงกังยังกังวานอยู่ยามบ่าย เมื่อเดินผ่านลัดเลาะไปตามถนนคดเคี้ยวในเกาะ

ถนนที่เพิ่งลาดยางช่วงปีพ.ศ. ๒๕๒๗-๒๕๒๘ วกเวียนทับเส้นทางเดินโบราณที่เลี้ยวเลาะเข้าไปตามสวนผลไม้นานา เกาะยอเลื่องชื่อเรื่องผลไม้อร่อย เป็นที่โจษจันกันมานานแล้ว ดังหลักฐานในบันทึกของสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษี คราวเสด็จออกตรวจราชการภาคใต้ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ว่า "อนึ่งที่ปากช่องทะเลสาบนั้นมีเกาะๆ หนึ่งชื่อเกาะยอ...มีสวนเรียงรายอยู่ในเกาะและรอบเกาะเป็นสวนผลไม้ หมาก มะพร้าว จำปาดะ ขนุน สะตอ พุมเรียง ละมุด ทุเรียน และมีสวนมัน ผักและพลูต่างๆ บริบูรณ์ มีบ้านราษฎรเจ้าของสวนเรียงราย" 

คุณตาประวิทย์ นพคุณ วัย ๘๖ ปี คนย่านถนนนครนอก อำเภอเมืองสงขลา ยืนยันด้วยรอยยิ้มและดวงตาเป็นประกายสดใสเมื่อเล่าถึงเกาะยอครั้งคุณตายังหนุ่มว่า "คนเกาะยอทำสวนทอผ้า ผู้หญิงเกาะยอตัวขาว เชื้อจีนสวยมากๆ ผลไม้เกาะยอขึ้นชื่อ มีทั้งสวา(ละมุด) จำปาดะ มะพร้าว ทุเรียน"

ร้อยกว่าปีหลังบันทึกของเจ้าฟ้าภาณุฯ ผลไม้เกาะยอยังอุดม ผ้าเกาะยอยังดี ลูกสาวชาวเกาะยอยังสวย กระเบื้องเกาะยอเท่านั้นที่กลายไปเป็นตำนาน

เรือนไทยใต้ซ่อนตัวอยู่หลังแมกไม้ครึ้ม แดดสว่างจับหลังคากระเบื้องดินเผา คือภาพงามยามเย็น บ่งบอกถึงวิถีชีวิตสงบเนิบช้า เรือนปั้นหยาทุกหลังที่ผ่านตา ล้วนมุงกระเบื้องเกาะยอ นอกจากจะให้ความงามอันกลมกลืนกับเรือกสวนรอบข้างแล้ว กระเบื้องเกาะยอยังแข็งแกร่ง คงทนอยู่ได้ถึง ๔๐-๕๐ ปี ขึ้นชื่อว่ามุงแล้วร่มเย็นอยู่สบาย ช่วงรุ่งเรืองคนเกาะยอตั้งเตาเผากระเบื้องกันราว ๑๐ เจ้า ขุดดินจากทุ่งนาปั้นกระเบื้อง อิฐ โอ่ง อ่าง กันตั้งแต่เดือนยี่ถึงเดือน ๑๑ มาหยุดเอาหน้ามรสุม ยามฝนชุก ชื้นแฉะจนตากกระเบื้องไม่ได้ คนเกาะยอเล่าว่า เคยบรรทุกกระเบื้องเป็นหมื่นๆ แผ่น ลงเรือใบ รอนแรมไปในเวิ้งทะเลสาบสงขลาแถบเมืองนครศรีธรรมราช พัทลุง ขายไกลถึงเมืองตรัง ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รุ่งเรืองมีชื่อเสียงโด่งดังถึงกลันตัน ตรังกานู ปีนัง สิงคโปร์ จนพวกพ่อค้าพากันเอาเรือสำเภา ๒ หลักขนาดใหญ่ออกทะเลลึก มาบรรทุกกระเบื้องไปขายเอง

กิจการกระเบื้องดินเผาเกาะยอเพิ่งมาสิ้นสูญไปเมื่อราว ๒๐ ปีนี้เอง วันเวลาเคลื่อนไป หากบ้านเก่าที่เคยใช้กระเบื้องเกาะยอกลับอยู่กันยาวนาน มุงหลังคามากว่า ๕๐ ปีไม่มีพัง แทบไม่ต้องซ่อมแซม บ้านใหม่ก็ถูกกระเบื้องโรงงาน ที่แม้จะมุงแล้วร้อนอบอ้าว ทั้งไม่คงทนเท่า แต่ราคาที่ถูกกว่า เบากว่า ใช้ไม้โครงหลังคาน้อยกว่าที่เข้ามาแทน ก็ทำให้ชาวบ้านสมัครใจหันไปใช้ของใหม่ที่ผลิตออกมาตีตลาด จนกระเบื้องเกาะยอค่อยๆ สูญสิ้นความนิยมไปโดยปริยาย คงเหลือเพียงกระเบื้องดินเผาของเมืองสงขลาก็แต่ที่บ้านท่านางหอม นอกเกาะยอห่างไกลออกไป ให้นึกถึงตำนานของบ้านหลังคากระเบื้องดินเผา สวยสงบในดงไม้ จารึกไว้ถึงวันวานอันรุ่งเรืองของ "เบื้องเกาะยอ" ในวันเวลานี้

จริงหรอ? พบสิ่งแปลกปลอมในน้ำปลาร้ายี่ห้อดัง คาด!! ผู้ใช้อาจเก็บไม่ดี

จากการมีผู้ใช้ Tiktok รายหนึ่งชื่อ ‘panceke123’ ได้โพสต์คลิปหลังจากเจอสิ่งแปลกๆ ที่อยู่ในขวดน้ำปลาร้ามีลักษณะเป็นแผ่นยุ่ยๆ คล้ายเห็ด ซึ่งชาวเน็ตคาดการณ์กันไปหลายกรณี ทั้งเห็ดรา หรือพยาธิใบไม้

ล่าสุดเจ้าของแบรนด์น้ำปลาร้า ได้ติดต่อชี้แจงทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ระบุว่า ทางบริษัทมีกรรมวิธีการผลิตที่สะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน และไม่ใส่สารกันบูด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการจัดเก็บ เนื่องจากน้ำปลาร้าเป็นวัตถุดิบที่ละเอียดอ่อน หากเปิดฝาทิ้งไว้ หรือเก็บในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ก็อาจเกิดการก่อตัวของจุลินทรีย์ ซึ่งก่อให้เกิดราได้ ซึ่งข้างขวดได้ระบุเตือนเอาไว้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น ได้ติดต่อสอบถามไปยังลูกค้าที่ประสบปัญหาแล้ว อย่างไรก็ตามยังคงยืนยันกับลูกค้าว่าน้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ สะอาด ปลอดภัย ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในผลิตภัณฑ์อย่างแน่นอน 

ขณะเดียวกันฟากชาวเน็ตที่ลูกค้าประจำของน้ำปลาร้าแบรนด์ดังกล่าว ต่างออกมาโพสต์ถึงความเชื่อมั่นในสินค้าที่มีความสะอาด รสชาติดี ราคาเหมาะสม พร้อมทั้งเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าว อาจจะมาจากการเก็บรักษาที่ไม่ถูกต้องของผู้ใช้งานก็เป็นได้ 

'ภรรยา' ไลฟ์ขายแบรนด์เนมสามี หลังจับได้มีชู้ เหน็บแรง "สินค้าทุกชิ้นสภาพดีค่ะ ดีหมด ยกเว้นเจ้าของ"

"ภรรยา" ชาวฟิลิปปินส์ ไม่ไหวจะเคลียร์ ไลฟ์สดขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมของสามีหลังจาก ที่ทิ้งเธอไปกับหญิงอื่น ชาวเน็ตแห่ถูกใจกันยกใหญ่

กลายเป็นไวรัลข้ามคืน ทำเอาโลกโซเชียลสะเทือนเลยทีเดียวสำหรับ "ภรรยา" สาวรายนี้ Jamille Margarita Galvez เธอเป็นสาวจากประเทศฟิลิปปินส์ ที่ได้ไลฟ์ขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมของสามีหลังจาก ที่ทิ้งเธอไปกับหญิงอื่น

ในการไลฟ์นั้น "ภรรยา" ตั้งชื่อไลฟ์ว่า "ไลฟ์ขายสิ่งของ ของคนที่จากบ้านนี้ไปแล้ว" (Mga gamit ng sumakabilang-bahay live selling) ซึ่งเป็นการเล่นคำได้อย่างแสบๆ คันๆ จากคำว่า sumakabilang-buhay ในภาษาฟิลิปปินส์ ที่แปลว่า ผู้ที่ตายจากไป แล้วได้ด้วย โดยในการไลฟ์ของเธอนั้นมีผู้ที่เข้ามารับชมมากกว่า 28,000 คนเลยทีเดียว

'ปูติน' พร้อมฉีกสัญญาซื้อ-ขายก๊าซกับชาติตะวันตก ย้ำคำเดิมรับเฉพาะ 'เงินรูเบิล' เท่านั้น

วันนี้เป็นวันที่สงครามเศรษฐกิจตึงเครียดมาก เมื่อผู้นำรัสเซียออกคำสั่งรับชำระค่าก๊าซเป็นเงินรูเบิลเท่านั้น ตอบโต้ชาติยุโรปที่ใช้มาตรการลงโทษกับตน ประกาศกร้าวพร้อมฉีกสัญญา หยุดส่งก๊าซ

ผู้นำรัสเซียนำอาวุธหนักออกรบในสงครามเศรษฐกิจ ประกาศพร้อมที่จะฉีกสัญญาซื้อขายก๊าซกับประเทศที่ไม่เป็นมิตรในวันนี้ หากผู้ซื้อไม่จ่ายเงินเป็นเงินรูเบิล ตามคำสั่งของนาย วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ใครที่ต้องการซื้อก๊าซธรรมชาติของรัสเซียต้องเปิดบัญชีกับธนาคารของรัสเซียโดยใช้เงินสกุลรูเบิลชำระเงินเท่านั้น เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในเมื่อชาติตะวันตกใช้ระบบการเงินมาเป็นอาวุธทำร้ายรัสเซีย อายัดทรัพย์สินในรูปเงินดอลลาร์และยูโร ดังนั้นรัสเซียก็จะไม่ยอมรับเงินตะวันตกอีกแล้ว หากไม่ใช่รูเบิล สัญญาซื้อขายใดๆ ต้องล้มเลิกไป

สินค้าพลังงานเป็นปัจจัยทางยุทธศาสตร์ ที่ทำให้หลายชาติเกรงใจรัสเซียมานาน ยุโรปพึ่งพาก๊าซร้อยละ 40 จากรัสเซีย มูลค่าซื้อขายต่อวันระหว่าง 7,000 - 30,000 ล้านบาท สื่อรัฐบาลรัสเซีย ชี้รัฐบาลยังเล็งใช้มาตรการรูเบิลแบบเดียวกันนี้กับสินค้าอื่นๆ ด้วย

ชาติยักษ์ใหญ่ในยุโรปที่พึ่งพาก๊าซรัสเซียสูงที่สุด อย่างเยอรมนี ยกความศักดิ์สิทธิ์ของสัญญา ยืนยันว่าจะจ่ายค่าก๊าซเป็นเงินยูโรตามที่ตกลงไว้เท่านั้น รัฐมนตรีคลังของเยอรมนี หารือและเห็นพ้องกับรัฐมนตรีของฝรั่งเศส สัญญาต้องเป็นสัญญา เรื่องพลังงานไม่อาจนำมาใช้ข่มขู่ทางการเมือง สื่อของรัสเซียเตือนด้วยว่า หากไม่ทำตามเศรษฐกิจยุโรปอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ในส่วนของรัสเซีย แม้รายได้จะหายไปก็สามารถหันไปหาเอเชียแทนได้

สงครามเศรษฐกิจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูง เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า กำลังเป็นปัญหาการเมืองทำลายความนิยม ผู้นำสหรัฐจึงงัดมาตรการนำน้ำมันจากคลังปิโตรเลียมสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมาใช้วันละ 1 ล้านบาร์เรล เป็นเวลา 6 เดือน เป็นปริมาณสูงที่สุดในรอบ 50 ปี เพื่อบรรเทาปัญหาและดึงราคาน้ำมันให้ลดลง

'วิลล์ สมิธ' ลาออกจากการเป็นสมาชิก 'ออสการ์' หลังตบหน้า คริส ร็อก กลางเวทีประกาศรางวัล

วิลล์ สมิธ ยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิกสถาบันออสการ์แล้ว โดยเขาน้อมรับผลการตัดสินทางวินัยที่จะมีตามมา พร้อมยืนยันจะไม่ให้ความรุนแรงครอบงำเหตุผลอีกต่อไปแล้ว

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า วิลล์ สมิธ ดาราฮอลลีวูดชื่อดัง เจ้าของรางวัลออสการ์นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมปีล่าสุด ได้ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิก สถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ ซึ่งเป็นผู้จัดมอบรางวัลออสการ์ แล้วเมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) หลังจากที่เขาได้ก่อเหตุฉาวตบหน้าคริส ร็อก เพื่อนนักแสดงและพิธีกรบนเวทีประกาศรางวัล ที่กล่าวล้อเลียนเจดา พิงเก็ตต์ สมิธ ภรรยาของเขาที่ป่วยด้วยโรคผมร่วง

ทั้งนี้ สมิธออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ (1 เม.ย.) ระบุว่า เขากำลังจะลาออกจากการเป็นสมาชิกสถาบัน และจะยอมรับผลที่ตามมา ตามแต่สถาบันจะเห็นสมควร ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการระบุออกมาว่าสมิธจะถูกริบรางวัลคืนหรือไม่

“การเปลี่ยนแปลงนั้นต้องอาศัยเวลา ผมจะมุ่งมั่นทำสิ่งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผมจะไม่ปล่อยให้ความรุนแรงเข้ามาครอบงำและอยู่เหนือเหตุผลได้อีกต่อไป” ช่วงท้ายแถลงการณ์ของสมิธระบุ

การลาออกจากสถาบันออสการ์หมายความว่า สมิธจะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงโหวตให้กับภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อหรือรางวัลอื่น ๆ แต่ผลงานของเขาจะยังสามารถได้รับการพิจารณาและเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลได้

เขายอมรับว่า พฤติกรรมของเขาในงานประกาศผลรางวัลออสการ์เป็นเรื่องที่น่าตกใจ เจ็บปวด และไม่อาจให้อภัยได้ โดยรายชื่อของบุคคลที่เขาเคยทำร้ายนั้นมีมากมาย ซึ่งรวมถึงคริส ครอบครัวของเขา เพื่อนรักของเขาและคนที่เขารักอีกหลายคน รวมถึงผู้ร่วมงานทั้งหมดและผู้ชมทั่วโลกซึ่งรับชมอยู่ทางบ้าน

'วิโรจน์' เยือนศาลเจ้าแม่ทับทิม ชี้!! การพัฒนาเมืองต้องคำนึงถึงจิตวิญญาณชุมชน 

วิโรจน์ เยือนศาลเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง พร้อมยกตัวอย่างว่าเป็นการพัฒนาพื้นที่ที่ล้มเหลว หวังกทม. ถอดบทเรียนการพัฒนาพื้นที่ที่ไม่ทิ้งผู้คน

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยกลุ่มนิสิตจุฬาฯ พิทักษ์ศาลเจ้าแม่ทับทิม เดินทางไปยังศาลเจ้าแม่น้ำทับทิม สะพานเหลือง ในเวลา 09.00 น. เพื่อพูดคุยสอบถามและรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาที่ดิน ซึ่งปัจจุบันมีการไล่ที่ประชาชนและพยายามย้ายศาลเจ้าแม่ทับทิมไปไว้ที่สถานที่ใหม่

บริบททางประวัติศาสตร์ของศาลเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง เป็นศาลเจ้าที่มีอายุยาวนานกว่าร้อยปี เกิดขึ้นในช่วงรัชกาลที่ 5 โดยชุมชนชาวจีนอพยพที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ สะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่อย่างร่วมสมัยผ่านกาลเวลา เมื่อมีการพัฒนาพื้นที่เป็นย่านธุรกิจ ทำให้ต้องมีการเคลื่อนย้ายศาลดั้งเดิม ที่มีคุณค่าด้านสถาปัตยกรรมและคุณค่าทางจิตใจ โดยในกรณีนี้ วิโรจน์ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่า การพัฒนาเมืองต้องคำนึงถึงหัวใจและจิตวิญญาณของชุมชนด้วย ไม่ใช่เพียงตอบสนองผลประโยชน์ของทุนใหญ่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top