Wednesday, 2 July 2025
TheStatesTimes

MAJOR เก็บหุ้น ‘TKN’ เพิ่มอีก 2% รวมถือ 7% แต่กลุ่ม ‘พีระเดชาพันธ์’ ยังถือเกิน 50%  

บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN ตอกย้ำศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนหลังกลุ่ม MAJOR เข้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มอีก 27.6 ล้านหุ้น คิดเป็น 2% เตรียมหารือทำ Synergy นำความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 บริษัท หนุนสร้างการเติบโตในอนาคต 

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้ของ TKN มั่นใจว่าจะผลักดันการเติบโตที่ดี โดยจะคงมุ่งรักษาความเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์สาหร่ายทะเลแปรรูปภายใต้แบรนด์ ‘เถ้าแก่น้อย’ ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับความสามารถด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ช่วยสนับสนุนการเติบโตของการดำเนินงานและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ทำให้ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (MAJOR) ได้เพิ่มการลงทุนเข้าซื้อหุ้น TKN เพิ่มอีกจำนวน 27.6 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2% ซึ่งรวมกับหุ้นเดิมส่งผลทำให้ MAJOR เข้าถือหุ้นในบริษัทฯ 7% 

‘วิโรจน์’ นำขบวน ส.ก. มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชู!! พัฒนาเมืองเก่า ยกระดับเสน่ห์ย่านตามสไตล์วิโรจน์

วิโรจน์ เบอร์ 1 ขน ส.ก. 50 เขต ประเดิมแนะนำตัวกับคนกทม. มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หวังคว้าชัยชนะ กทม. ทุกเขตพื้นที่ เขตแรกเริ่มที่พระนคร ชูนโยบายพัฒนาฟื้นฟูเมืองเก่า ยกระดับเสน่ห์ย่านตามแบบฉบับวิโรจน์

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล เดินทางออกจากศาลาว่าการ กทม. 2 พร้อมผู้สมัคร ส.ก. ทั้ง 50 เขต มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประเดิมพื้นที่เขตพระนคร พาผู้สมัครแนะนำตัวกับพี่น้องประชาชนคึกคัก วิโรจน์ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงหมายเลขที่จับได้ในวันนี้ว่า รู้สึกดีใจที่ได้เบอร์ 1 เพราะหมายถึงประชาชนต้องมาอันดับ 1 สอดคล้องกับนโยบายของพรรค สร้างเมืองที่คนเท่ากัน

สำหรับเส้นทางขบวนรถแห่วันนี้คือการมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นสัญลักษณ์ในการคืนอำนาจให้กับประชาชน หลังจากที่ถูกแช่แข็งการเลือกตั้งมากว่า 8 ปี  ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการคืนอำนาจ คืนความเป็นธรรม และคืนเมืองที่คนเท่ากัน ให้กับกรุงเทพ ด้วยนโยบายหลัก 12 ข้อ โดยเฉพาะนโยบายสวัสดิการถ้วนหน้า ที่จะเติมเงินสวัสดิการให้กับผู้สูงอายุ เด็ก และผู้พิการ  

ส่องความสำเร็จ Phuket Sandbox 8 เดือน โกยรายได้ 5 หมื่นล้าน

ผลตอบรับ Phuket Sandbox 8 เดือน สร้างรายได้กว่า 5 หมื่นล้าน พร้อมต่อยอดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ให้เป็นศูนย์กลางส่งเสริมธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ

จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เผยยอดรวมนักท่องเที่ยวนับตั้งแต่การเปิดโครงการ Phuket Sandbox เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 64 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเวลากว่า 8 เดือน ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวแล้วกว่า 400,000 คน สร้างรายได้ทางตรงจากนักท่องเที่ยวกว่า 21,000 ล้านบาท มีห้องพักเปิดให้บริการกว่า 70,000 ห้อง อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 9 คืน/คน ในระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา ทำรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 5 หมื่นล้านบาท เกิดจากการจ้างงานภายในพื้นที่ ช่วยให้ประชาชนมีรายได้...

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/85854


ที่มา : กรมประชาสัมพันธ์

1 เมษายน ‘วันโกหก’ วันที่สามารถแต่งเรื่องหลอกขึ้นมาได้ โดยฝ่ายที่ถูกแกล้งห้าม ‘โกรธ’

ทุกวันที่ 1 เมษายนเป็นวัน April Fool’s Day หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ วันโกหก ซึ่งเป็นวันที่นิยมเล่นสนุกกันในฝั่งชาวตะวันตก โดยความพิเศษของวันนี้ คือ สามารถโกหกหรือปล่อยข่าวลืออะไรก็ได้ และคนถูกหลอกหรือถูกโกหกต้องไม่โกรธกัน

โดยความเป็นมาของ ‘April Fool’s Day มีที่มาจากวันขึ้นปีใหม่ของชาวฝรั่งเศสในช่วงยุคศตวรรษที่ 16 ซึ่งตรงกับวันที่ 1 เมษายนของทุกปี โดย โป๊ป เกรโกรี หรือสมเด็จพระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 13 ได้กำหนดให้ชาวคริสต์ทั่วโลกเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่พร้อมกัน ต่อมาได้มีการกำหนดใหม่ให้วันที่ 1 มกราคมของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ 

แต่ด้วยในสมัยนั้นการกระจายข่าวยังไม่ทั่วถึงมากพอ ทำให้คนในชนบทของประเทศฝรั่งเศสที่อยู่ห่างไกลจึงไม่ค่อยที่จะได้รับข่าวสารใหม่ ๆ เท่าใดนัก ทำให้พวกเขายังเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายนตามเดิม นั่นจึงเป็นเหตุให้กลุ่มคนที่ทันสมัย หรืออยู่บนพื้นที่ที่กำลังพัฒนาแล้วเย้ยหยันคนเหล่านั้นว่า ‘หน้าโง่’ อีกทั้งพยายามจะแกล้งหลอกให้คนกลุ่มนี้หลงเชื่อข่าวสารที่ไม่ได้มีมูลความจริงกันเพื่อความสนุกสนาน
 

๒ เมษายน วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ 3 ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ทรงเริ่มการศึกษาที่โรงเรียนจิตรลดา ก่อนจะทรงเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาทรงสำเร็จการศึกษาและได้รับปริญญามหาบัณฑิตจากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ณ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2529
 

Good Morning THE STATES TIMES | ประจำวันที่ 31 มีนาคม 2565

เช้านี้มีอะไรอัปเดต!!
#GoodMorningTHESTATESTIMES
ประจำวันที่ 31 มีนาคม 2565

พบกับประเด็นข่าวน่าลิงก์ Good Morning THE STATES TIMES
ข่าวยามเช้าที่จะมาสแตนบาย ทุกวันอังคาร-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 5.00 น. เป็นต้นไป
โดย ปริม-กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา

.

 

.

งานสุดหิน!! ฉลองกรุงเทพ​ 200​ ปี เมื่อต้องย้ายตลาดนัดสนามหลวงไปที่​ 'จตุจักร'​ แต่คลี่คลายได้เพราะ​ 'พลเอกเปรมฯ'​

งานหนึ่งที่ยากที่สุดของการเตรียมงานฉลองกรุงเทพ​ 200​ ปี​ เมื่อปี​ พ.ศ.​ 2525 คือ​ การย้ายตลาดนัดสนามหลวงไปที่จตุจักร

มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!! 

เพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และความผูกพันของผู้คนจำนวนมาก

สวนนงนุชพัทยา ร่วมกับ บริษัทปรีชา กรุ๊ป  ลงนามบันทึกข้อตกลง ( MOU) ความร่วมมือในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควบคู่การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติเพื่อความยั่งยืน

วัน ที่ 31 มีนาคม 2565 เวลา11.00 น. ที่   ห้องรับรองนงนุชเทดดิชั่น เซ็นเตอร์    สวนนงนุชพัทยา ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง ( MOU ) ความร่วมมือในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควบคู่การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติเพื่อความยั่งยืน  โดยมีนายฐนนท์ศรณ์  เลิศฤทธิ์ศิริกุล  กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทปรีชา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และนายกัมพล  ตันสัจจา ประธาน บริษัท นงนุชแลนด์สเคป แอนด์ การ์เด้นท์ ดีไซน์ จำกัด  ร่วมลงนามจัดทำโครงการดังกล่าว
นายกัมพล  ตันสัจจา  ประธาน บริษัท นงนุชแลนด์สเคป แอนด์ การ์เด้นท์ ดีไซน์ จำกัด  กล่าวว่า   ในการออกแบบตกแต่งสวนในโครงการ “New Project 2022   ปรีชา เขาใหญ่ – ปากช่อง”   จะเน้นให้เป็นสวนพักผ่อน  ด้วยการเลือกพรรณไม้ที่มีรูปทรงสวยงาม ดูแลง่าย แต่ให้ประโยชน์ใช้สอยสูงสุด รวมถึงเป็นพรรณไม้ที่ทรงคุณค่า  สง่างาม เหมาะสมกับสถานที่ เน้นความสวยงามในทุกมุมมอง

EA พลิกโฉมธุรกิจ สู่ยานยนต์ไฟฟ้า เปิดอาณาจักร ‘พลังงานบริสุทธิ์’ (EA) ผู้พร้อมป้อน ‘พลังงานใหม่’ สู่อนาคตไทย

เคยได้อ่านบทความหนึ่งของนิตยสาร Bloomberg เมื่อราว 2 ปีก่อน ตอนนั้นมีหัวข้อที่ทำให้ต้องคลิก Feed เข้าไปอ่านไปต่อ เพราะมีการพูดถึง ‘รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย’ ในชื่อว่า MINE Mobility แถม Bloomberg ยังได้กล่าวยกย่องให้ MINE เปรียบเสมือน ‘Tesla of Thailand’ 

จริงๆ แล้ว MINE Mobility เป็นหนึ่งในธุรกิจของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA (Energy Absolute) ธุรกิจไทยผู้บุกเบิกและพัฒนาการนำ ‘พลังงานสะอาด’ หรือ ‘พลังงานทดแทน’ มาใช้ขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทย รวมถึงอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

EA ถูกก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยเริ่มต้นจากการทำธุรกิจ น้ำมันปาล์ม และหลังจากทำธุรกิจได้ 7 ปี ก็จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ มีรายได้ที่น่าสนใจดังนี้…

- ปี 2560 รายได้ 11,673 ล้านบาท กำไร 3,817 ล้านบาท
- ปี 2561 รายได้ 12,490 ล้านบาท กำไร 4,975 ล้านบาท
- ปี 2562 รายได้ 14,955 ล้านบาท กำไร 6,082 ล้านบาท
- 9 เดือน ปี 2563 รายได้ 12,738 ล้านบาท กำไร 3,720 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 20,558 ล้านบาท กำไร 6,100 ล้านบาท

ทีนี้หากมาพิจารณาถึงกลุ่มธุรกิจหลักๆ ของ EA แล้ว มีผลิตภัณฑ์ใดอยู่ในพอร์ต แล้วกลุ่มธุรกิจไหนที่น่าสนใจขนาดที่ Bloomberg เปรียบให้เป็น ‘Tesla of Thailand’

1.) กลุ่มธุรกิจไบโอดีเซล
ธุรกิจกลุ่มนี้เป็นธุรกิจการผลิต และจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล หรือ B100 ซึ่งหากนำไปผสมกับน้ำมันดีเซลพื้นฐานตามปริมาณ ก็จะกลายเป็นน้ำมันดีเซลที่ใช้เติมเครื่องยนต์ เช่น ดีเซล B7 B10 หรือ B20 ขณะเดียวกันนอกจากน้ำมันไบโอดีเซลแล้ว ธุรกิจกลุ่มนี้ของ EA ก็ยังมีกรีนดีเซล สารเปลี่ยนสถานะ กลีเซอรีนบริสุทธิ์ 

2.) กลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของ EA จะดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

3.) กลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต
ธุรกิจกลุ่มนี้ ถือเป็นอนาคตของทั้ง EA และประเทศไทย และเป็นกลุ่มธุรกิจที่เชื่อว่าน่าจะเป็นเหตุผลให้เกิดการเปรียบเทียบกับการเป็น Tesla แห่งประเทศไทย นั่นก็เพราะธุรกิจกลุ่มนี้จะครอบคลุมการผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ ประเภทลิเทียมไอออน พอลิเมอร์ รวมถึงยังประกอบรถยนต์ไฟฟ้า รถโดยสารไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า และเรือโดยสารไฟฟ้า และธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า ซึ่งในที่นี้จะพาลงไปดูรายละเอียดเพื่อทำความรู้จักกับธุรกิจกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น...

>> แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Li-Ion Battery)
แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน เป็นอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่มีความสามารถในการกักเก็บประจุไฟฟ้าได้ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ชนิดที่สามารถชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าไปใหม่ได้หลังจากไฟฟ้าถูกใช้หมดไป โดยบริษัทฯ ได้ออกแบบให้มีคุณสมบัติที่โดดเด่น คือ สามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้สูงมีน้ำหนักเบา มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สำหรับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนของกลุ่มบริษัทนั้น นอกจากไม่มีส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยร่วมลงทุนในบริษัท AMITA Technologies Inc. (AMITA-Taiwan) ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ในด้านการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ใช้สำหรับระบบกักเก็บพลังงานและยานยนต์ไฟฟ้า จากประเทศไต้หวัน

>> รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า
โดยในปี 2563 กลุ่มบริษัทได้เริ่มก่อสร้างโรงงานประกอบยานยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ผลิตโดยกลุ่มบริษัท ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงสุดประมาณ 8,000 คันต่อปี และสามารถปรับเปลี่ยนสายการผลิตเป็นรถประเภทอื่นได้ เช่น รถโดยสารไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า เรือไฟฟ้า หรือรถที่ใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ 

ปัจจุบันได้มีการเริ่มทยอยส่งมอบรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า “MINE BUS” ซึ่งเป็นรถชานต่ำ รองรับผู้โดยสารที่ใช้รถวีลแชร์ เด็กและผู้สูงอายุ ให้สามารถขึ้น-ลงได้ง่าย สะดวก โดยภายในห้องโดยสารมีความกว้างขวาง ระยะห่างระหว่างเบาะกว้าง ไม่อึดอัด มีช่องเสียบ USB เพื่อชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือให้บริการระหว่างการเดินทาง ยิ่งไปกว่านั้นในรถจะไม่มีทางเดินต่างระดับของช่วงห้องโดยสารที่สูงแบบรถประเภทอื่น ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ขนาด 250-350 kWh ที่ออกแบบให้สามารถชาร์จประจุไฟฟ้าได้ด้วยความเร็วภายในเวลาประมาณ 15-20 นาที สามารถขับเคลื่อนระยะทางได้ถึง 250-300 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ช่วยยกระดับการเดินทางบนท้องถนนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

>> เรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า 
บริษัทฯ นำแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Lithium-ion Battery) ที่ใช้เป็นอุปกรณ์กักเก็บพลังงานให้กับยานยนต์ไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) ประเภทรถยนต์ มาพัฒนาต่อยอดเป็นเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า “MINE SMART FERRY” ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเรือไฟฟ้าลำแรกของประเทศไทย ผ่านการตรวจสอบการออกแบบ การทดสอบระบบ และการเดินเรือตามมาตรฐานและมีความปลอดภัย สามารถคว้ารางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2563 สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 250 คน สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 18 knots ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ขนาด 700 - 800 kWh ที่ผลิตจากโรงงานของบริษัท อมิตา เทคโนโลยี ภายในกลุ่มของบริษัทฯ สามารถชาร์จประจุไฟฟ้าจาก 0-80% ของ State of Charge (SOC) ในเวลาเพียง 15-20 นาที และขับเคลื่อนได้ระยะทางประมาณ 100 กม.ต่อการชาร์จหนึ่งรอบจากหัวชาร์จ 26 หัว ปัจจุบันมีให้บริการใน 3 เส้นทางระหว่างเส้นทางพระนั่งเกล้า-สาทร

ยิ่งไปกว่านั้น ทางบริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับกรมเจ้าท่า ในการพัฒนาท่าเรือสะพานพุทธ และท่าเรือนนทบุรี เพื่อติดตั้งจอแสดงข้อมูลการเดินทางต่างๆ แก่ผู้โดยสารบริเวณจุดรอเรือบนท่า และใช้ระบบบัตร EMV Contactless เป็นระบบหลักระบบเดียวในการชำระค่าโดยสาร เพื่อเป็นการนำร่องให้กับผู้ให้บริการขนส่งมวลชนรายอื่นๆ ได้สร้าง Ecosystem ของระบบบัตรโดยสารแบบ Open loop อีกด้วย

>> สถานีชาร์จประจุไฟฟ้า EA ANYWHERE
บริษัทเป็นผู้บุกเบิกการติดตั้งเครื่องชาร์จประจุไฟฟ้าเพื่อให้บริการชาร์จประจุไฟฟ้าให้กับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่จะซื้อยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ โดยดำเนินงานธุรกิจสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้เครื่องหมายการค้า “EA Anywhere” ให้บริการชาร์จประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งประเภท PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) และประเภท BEV (Battery Electric Vehicle) สามารถใช้ได้ทั้งการอัดประจุไฟฟ้ากระแสสลับได้สูงสุดที่ 44 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับ On-board Charger ของรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่น ส่วนเครื่องอัดประจุไฟฟ้าประเภทกระแสตรง สามารถอัดประจุไฟฟ้าได้สูงสุดที่ 150 กิโลวัตต์ /ชั่วโมง

'นายกฯ' ปลื้ม รถไฟขนส่งทุเรียน-มะพร้าว เที่ยวปฐมฤกษ์ ถึงจีนแล้ว กำชับ ทุกหน่วยงาน ผลักดันเพิ่มการส่งออกสินค้าทางการเกษตรไทย-อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ รองรับการขยายตัว ด้านการส่งออก

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล วางแผนปฏิบัติการดำเนินงานให้รถไฟนำร่องส่งออกสินค้าทางการเกษตร อาทิ ทุเรียน มะพร้าว ได้ขนส่งไปยังประเทศจีนผ่านเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ประสบความสำเร็จด้วยดีให้ทันช่วงเวลาในฤดูกาลที่ผลไม้เมืองร้อนเริ่มทยอยออกผลผลิต ความสำเร็จจากรถไฟขนส่งทุเรียน-มะพร้าว เที่ยวปฐมฤกษ์ที่เดินทางถึงจีนแล้ว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 ถือเป็นก้าวสำคัญในการขนส่งสินค้าระบบรางทางเลือกใหม่ของไทยที่สามารถย่นระยะเวลาการเดินทาง ลดการสัมผัสเชื้อโรค ลดต้นทุนในการขนส่ง รวมถึงเพิ่มโอกาสและมูลค่าผลผลิตให้เกษตรกรในการขยายตลาดผู้บริโภค โดยหวังให้เกิดการระบายสินค้าในประเทศออกสู่ตลาดได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาผลไม้ล้นตลาดในประเทศไทยและเร่งสร้างมูลค่าการส่งออกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

นายธนกร กล่าวว่า จากสถิติของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศพบว่า สินค้าประเภทผลไม้ของไทยครองส่วนแบ่งทางการตลาดในจีนสูงเป็นอันดับ 1 โดยมูลค่าการส่งออก 2 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากในปี 2563 ที่มูลค่าการส่งออกกว่า 1.02 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1.6 แสนล้านบาทในปี 2564 ซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นถึงศักยภาพของผลไม้ไทย อาทิ ทุเรียน มังคุด มะพร้าว ส้มโอ หรือมะม่วง ที่ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนอย่างต่อเนื่อง จึงเร่งหาแนวทางเพิ่มเติมในการผลักดันสินค้าทางการเกษตรไทยออกสู่ตลาดจีนในช่วงฤดูกาลผลผลิตนี้เพื่อรองรับอุปทานส่วนเกินจากผู้บริโภคในประเทศไทยและอุปสงค์จากผู้บริโภคต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น โดยประเทศไทยประสบความสำเร็จในการขนส่งทุเรียนและมะพร้าวด้วยเส้นทางรถไฟจีน-ลาวเที่ยวแรกจำนวน 3 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเดินทางออกจากสถานีต้นทางมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ไปยังสถานีหนองคาย ก่อนส่งต่อไปยังสถานีท่านาแล้ง สปป.ลาว และถึงปลายทายด่านโมฮาน มณฑลยูนนาน ประเทศจีนแล้วเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 และผ่านมาตรการตรวจสอบสินค้าตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) ของรัฐบาลจีนอย่างเคร่งครัด

นายธนกร กล่าวว่า การขนส่งสินค้าระบบรางผ่านเส้นทางรถไฟจีน-ลาวครั้งนี้ใช้เวลาเดินทางเพียง 4-5 วัน เนื่องจากมีระยะทางที่สั้นกว่าการขนส่งผ่านรถบรรทุกและเรือ ทั้งนี้ ด่านโมฮานนี้ยังเป็นแหล่งตรวจรถบรรทุกที่ยังมีการใช้บริการที่ไม่มากเพียง 200 คันต่อวันเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเส้นทางใหม่ที่เหมาะแก่การระบายสินค้าจากไทยได้รวดเร็วกว่าในเส้นทางอื่นที่ยังติดขัดในเรื่องระยะทาง และมาตรการการตรวจสอบสินค้าที่ใช้เวลา ส่งผลให้การขนส่งล่าช้า ซึ่งอาจทำให้ผลไม้เน่าเสียกลางทางได้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top