งานวิจัยใหม่เมืองผู้ดียัน บุหรี่ไฟฟ้าไม่ทำคนสูบบุหรี่เพิ่มเครือข่ายฯ แนะยิ่งปล่อยใต้ดิน ยิ่งคุมลำบาก
เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเผยผลศึกษาการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในคนวัยหนุ่มสาวของอังกฤษ ไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราการสูบบุหรี่ ชี้อังกฤษมีมาตรการควบคุมที่ดีทำให้จำกัดการใช้อยู่ในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ได้ ขณะที่ไทยยังปล่อยให้บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายแต่กลับเติบโตอย่างมากในตลาดใต้ดิน ทำให้เกิดการทุจริต คอรัปชั่น ยากต่อการควบคุม
นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “ลาขาดควันยาสูบ” และเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” เปิดเผยผลการศึกษาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าล่าสุดที่ทำในประเทศอังกฤษ ว่า “งานวิจัยล่าสุดของอังกฤษชี้ชัดว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ทำให้คนหันมาสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น หมายความว่าข่าวที่เรามักจะอ่านเจอว่าต้องแบนบุหรี่ไฟฟ้า เพราะจะยิ่งทำให้คนไทยสูบบุหรี่มากขึ้นนั้นไม่จริง ตรงกันข้าม อังกฤษกลับยืนยันการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำไม่มีความสัมพันธ์ทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญกับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 24 ปี นั่นหมายความว่า เราสามารถตัดข้ออ้างบุหรี่ไฟฟ้าทำให้คนมาสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้นออกไปได้เลย”
การศึกษาดังกล่าว จัดทำโดยคณะผู้วิจัยจากสถาบันระบาดวิทยาและสุขภาพ มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (UCL) และได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ “Addiction” ซึ่งเป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในคนหนุ่มสาว เปรียบเทียบกับอัตราการสูบบุหรี่ที่เปลี่ยนแปลงไปในผู้สูบบุหรี่เป็นประจำรวมถึงผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อนด้วย โดยคณะผู้วิจัยให้เหตุผลว่า ถ้าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นการดึงดูดให้คนหันมาสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นจริง จะต้องเห็นอัตราการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งผลการวิจัยสรุปชัดเจนว่า อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำในระหว่างปี 2007-2018 ไม่มีความสัมพันธ์ทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญกับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ อายุระหว่าง 16 ถึง 24 ปี
นอกจากนี้ หนึ่งในทีมวิจัยเห็นว่า หากพิจารณาความเป็นไปได้แบบสุดโต่งจะคาดการณ์ได้ว่า จากจำนวนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีอายุระหว่าง 16 - 17 ปีในอังกฤษทั้งหมด 74,000 คน อาจมีผู้ใช้ 7,000 คนหันมาสูบบุหรี่ แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีผู้สูบบุหรี่ถึง 5 หมื่นคนต่อปีจะเลิกสูบบุหรี่เพราะการใช้บุหรี่ไฟฟ้า
