Sunday, 6 July 2025
TheStatesTimes

‘วันความสุขสากล’ วันแห่งการตระหนักถึงความสุขในชีวิต 

‘วันความสุขสากล’ เชื่อว่าอาจเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างและหากพูดถึงที่มาที่ไปของวันนี้ละก็ ต้องย้อนกลับไป ในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ที่ประชุมสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ได้มีมติกำหนดให้วันที่ 20 มีนาคม ของทุกปีเป็นวัน ‘ความสุขสากล’ หรือ ‘The International Day of Happiness’

แต่หากถามถึงแรงบันดาลใจ ที่ทำให้สหประชาชาติกำหนดวันแห่งความสุขขึ้นมาละก็คงไม่พ้น แนวคิดริเริ่มที่ได้มาจาก ‘ประเทศภูฏาน’ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก’ แถมยังติดอันดับที่ 1 ในการวัดความรุ่งเรืองของชาติและความสำเร็จทางสังคม หรือดัชนีมวลรวมความสุข หรือ Gross National Happiness Index (GNH) โดยที่การวัดค่าดังกล่าวไม่ได้นำการใช้เศรษฐกิจ หรือความร่ำรวยทางวัตถุมาเป็นตัวตัดสินการพัฒนา แต่กลับหันมามองแบบองค์รวมว่าจิตใจที่ดีของประชาชนและชุมชนนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าวัตถุ

เมื่อเห็นถึงแนวคิดที่ไม่ได้วัดค่าจากความมั่งคั่งทางวัตถุแต่วัดจากความมั่งคั่งความสุขทางใจแบบนี้แล้ว ‘ยูเอ็น’ จึงได้มีมติกำหนด ‘วันความสุขสากล’ ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักๆ  2 ข้อ ด้วยกัน คือ เพื่อให้ทุกคนร่วมเฉลิมฉลอง และตระหนักถึงความสุขอันเป็นเป้าหมายพื้นฐานของมนุษยชนรวมถึงแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของมนุษย์ และเพื่อเรียกร้องให้แต่ละประเทศผลักดันและเข้าถึงนโยบายสาธารณะที่จะเพิ่มความสุขให้แก่ประชาชนทุกๆ
 

หวั่นโชว์โง่รอบสอง! ‘โจ้ ยุทธพงศ์’ หวั่น ทร.เจ็บซ้ำ ปม ทุ่ม 4 พันล้านซื้อโดรนไร้คนขับ!

(19 มี.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 กองทัพเรือตั้งงบเพื่อซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำแต่ถูกกรรมาธิการ (กมธ.) ตัดงบประมาณไป 2.25 หมื่นล้านบาท แต่ยังมีการจัดงบซื้อ Hermers 900 อากาศยานไร้คนขับอีก 4.1 พันล้านบาท 

ซึ่งระหว่างที่มีการพิจารณางบประมาณปี 65 ตนได้ออกมาคัดค้านเรื่องนี้ เพราะไม่มีเหตุผลที่กองทัพเรือจะต้องซื้อโดรน โดยช่วงแรกกองทัพเรือได้ให้ใบเสนอราคาของ 2 บริษัท ส่งมาที่ กมธ. คือ บริษัทแรกคือ China National Aero-Technology Import & Export Corporation หรือ CATIC จากประเทศจีน ซึ่งเสนอ UAV แบบ Wing Loong ll จำนวน 3 ลำมาให้กองทัพเรือ แต่วันนี้กลับถอย และไม่กล้าซื้อ เพราะเคยซื้อเรือดำน้ำจากจีน 3 ลำแต่ไม่มีเครื่องยนต์ และกองทัพเรือก็ยังไม่ชี้แจงที่ให้ครูสอนภาษาจีนมาทำท่าจอดเรือดำน้ำ ทั้งนี้ตนยังได้ข้อมูลลับเกี่ยวกับท่าจอดเรือดำน้ำที่มีความผิดปกติมาด้วย 

Chelsea จะไปต่ออย่างไร? เมื่ออังกฤษแบน Roman Abramovichถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม...เป็นอย่างน้อย | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.44

✨ Chelsea จะไปต่ออย่างไร? เมื่ออังกฤษแบน Roman Abramovich ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม...เป็นอย่างน้อย
✨ SONY ระงับกิจการในรัสเซีย ทั้ง PlayStation, Games และ Anime เพื่อประท้วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน
✨ คนอเมริกันโวย!! ราคาน้ำมันพุ่ง 2 เท่า!! หลังรัฐบาลสั่งห้ามนำเข้าพลังงานรัสเซีย ขณะที่ด้านยุโรปไม่พร้อมทำตาม เพราะอาจพังไปด้วย
✨ ไหนว่าคริปโตแทรกแซงไม่ได้? เมื่อ ‘US - EU’ ตัดรัสเซียจาก ‘IMF-World Bank’ พร้อมบีบให้ไม่สามารถใช้สกุลเงินคริปโตซะแล้ว!!
✨ พาณิชย์สหรัฐฯ ขู่!! บริษัทจีนที่ส่งออกสินค้าไปรัสเซีย จะถูกคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐฯ แน่ๆ

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.

'กรณ์' ลงภูเก็ต ควงผู้สมัครทำงานต่อเนื่อง ย้ำยุทธศาสตร์ภูเก็ตจัดการตนเอง ชี้เป็นทางรอดด้านเศรษฐกิจและโอกาสทำกิน ยุคหลังโควิด

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายเทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดภูเก็ต ได้เข้าร่วมงาน กับสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดอันดามัน เรื่องการใช้ Digital Hub พัฒนาการท่องเที่ยว จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ โดยย้ำถึง นโยบายสำคัญต่อภูเก็ตว่า พรรคกล้ามีความชัดเจนมาแต่แรกว่าสิ่งที่เราจะทำให้ภูเก็ต คือเรื่องของการสร้างโอกาสการทำมาหากิน เศรษฐกิจปากท้อง เป็นหลัก ที่ผ่านมาเราต้องยอมรับว่านโยบาย “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ที่ผ่านมา ถือเป็นนวัตกรรมทางนโยบายซึ่งเป็นตัวยืนยันว่าภูเก็ต มีโอกาส ศักยภาพ และความต้องการที่แตกต่างกว่าหลาย ๆ จังหวัด ซึ่งควรต้องกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในยุคหลังโควิด 

นายกรณ์ กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้ภูเก็ตบริหารตัวเองได้ ก็จะสามารถกำหนดนโยบายได้อย่างแม่นยำ ทันต่อสถานการณ์และทันต่อความต้องการ คนภูเก็ตต้องได้บริหารงบประมาณของตนเอง ภาษีที่เก็บได้ต้องเข้าจังหวัดมากขึ้น สามารถกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายที่เป็นอนาคตที่เหมาะสมของตัวเองได้ และควรได้เลือกผู้ว่าฯ เลือกผู้บริหารเมืองได้เอง รวมถึงการปฏิรูประบบราชการล้าหลังด้วยเทคโนโลยีสามารถทำทุกอย่างได้บนมือถือจะสามารถลดขั้นตอนและเวลาในการติดต่อราชการที่ล่าช้า  ขณะเดียวกันภูเก็ตยังควรบริหารงานตำรวจเอง เวลาเกิดเหตุกับนักท่องเที่ยว สามารถจัดการกันได้ในพื้นที่ ไม่ต้องขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคกล้า ยังมองถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังเกิดสงคราม ยูเครน รัสเซีย โดยมองว่า หลายอย่างจะเปลี่ยนไป ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความเป็นมิตรประเทศ ประเทศคู่ค้ากัน ผลของค่าของชีพ ซึ่งเราได้รับผลกระทบแล้วจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อราคาสินค้าหลายชนิด และมันจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกมากมาย สะท้อนถึงความสำคัญของความยืดหยุ่นที่ต้องมี ในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมกับตัวเรา และนี่คืออีกสาเหตุที่ต้องให้ภูเก็ตมีการบริหารที่มีความยืดหยุ่นได้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที และเมื่อเปลี่ยนแปลงไปแล้ว โอกาสที่จะทำให้ ประเทศไทย และภูเก็ต

“ยุทธพงศ์” แฉ 3ป. - 1 ช. คาดฮั้วประมูลโครงการท่อส่งน้ำฯ ในอีอีซี ให้บริษัทวงษ์สยามฯ แทนบริษัท East Water ยักษ์ใหญ่เรื่องท่อส่งน้ำฯ พร้อมจ่อ ยื่นญัตติซักฟอก 23 พ.ค.นี้ ย้ำ! ต้องทำทันทีกัน “บิ๊กตู่” ยุบสภาหนี พร้อมถามหายาฟาวิพิราเวียร์ หลังชาวบ้านติดโควิดได

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่าการประมูลระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำในพื้นที่อีอีซี ที่มีอยู่ 3 เส้นหลักคือเส้นที่ 1 โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย - มาบตาพุด - สัตหีบ ที่กรมธนารักษ์ได้จ้าง บริษัท East Water บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ มาจัดทำบริการโดยสัญญาจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.2566 เส้นที่ 2 คือโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล - หนองค้อ และเส้นที่ 3 โครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ - แหลมฉบัง (ระยะที่สอง) ซึ่งทั้งหมดนี้มีความไม่โปร่งใสในการประมูลโครงการ

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า โดยบริษัทที่ชนะประมูลในครั้งนี้ คือ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเสนอส่วนแบ่งให้กับรัฐเป็นค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา (ชำระปีแรก) 1,450 ล้านบาท และส่วนแบ่งรายได้รายปี 21,335 ล้านบาท รวมทั้งหมด 25,693 ล้านบาท ส่วนบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท East Water เสนอค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา (ชำระปีแรก) 1,550 ล้านบาท และส่วนแบ่งรายได้รายปี 19,755 ล้านบาท รวมทั้งหมด 24,213 ล้านบาท หมายความว่าบริษัท วงษ์สยาม เสนอให้มากกว่า 1,480 ล้านบาท ความน่าเชื่อถือของบริษัท East Water ซึ่งเป็นบริษัทกึ่งของรัฐบาล เพราะการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ถือหุ้นอยู่ 40% และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยถือหุ้นอยู่ 5% รวม 2 หน่วยงานถือหุ้นกว่าประมาณ 46% เพราะหากถือเกิน 50% จะเรียกว่ารัฐวิสาหกิจ ซึ่งอาคารที่ทำการก็ใหญ่โต ส่วนบริษัท วงษ์สยาม อยู่ใน ซ.พหลโยธิน 8 อาคารเล็กๆ แต่ว่าประมูลชนะบริษัท East Water 

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับ 3 ป. คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานอีอีซี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะกำกับแล กปภ. และ 1 ช. คือนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค พลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ซึ่งไม่ได้เป็นโดยตำแหน่ง เพราะคนที่เป็นจริงๆ คือนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ซึ่งทั้งหมดมีความเกี่ยวโยงกัน 

นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า หากบริษัท East Water ไม่ได้ชนะประมูลก็จะเจ๊ง และต้องปิดบริษัท ซึ่งหลังแพ้ประมูลราคาหุ้นตกจาก 8.05 บาท เหลือ 7.40 บาท โดยเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2565 นายสันติ ประธานกรรมการที่ราชพัสดุให้บริษัทวงษ์สยามชนะประมูลด้วยมติ 6:3 โดยรายชื่อ 6 คนประกอบด้วย 1.นายสันติ 2.นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ 3.ตัวแทนปลัดกระทรวงการคลัง 4.ตัวแทนปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5.ตัวแทนปลัดกระทรวงกลาโหม และ 6.ตัวแทนปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนรายชื่อ 3 คนที่ค้าน ประกอบด้วย 1.ปลัดกระทรวงมหาดไทย 2.อธิบดีกรมโยธา และ3.อธิบดีกรมที่ดิน ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ลาเพื่อหนีการประชุม หมายความว่ามติไม่ได้เป็นเอกฉันท์ และมีปัญหา 

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ดังนั้นในวันพุธ ที่ 23 มี.ค.นี้ ตนจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อนายอาคม ถึงความไม่โปร่งใสของการประมูลโครงการท่อส่งน้ำฯ ที่เปลี่ยนมาให้บริษัท วงษ์สยาม ชนะประมูลแทน เพราะมีการเปลี่ยนทีโออาร์ ทำให้รัฐเสียประโยชน์ คือไปเอาคำว่าบริษัทจะต้องไม่เคยเป็นผู้ทิ้งงานของหน่วยงานของรัฐออก ทุนจดทะเบียนบริษัทจาก 600 ล้านบาท เหลือ 300 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนคุณสมบัติสำคัญคือจากเดิมกำหนดไว้ว่าผู้ยื่นข้อเสนอต้องเป็นนิติบุคคลที่มีอาชีพและประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจ และบริหารจัดการท่อส่งน้ำ 

โดยเอาคำว่าท่อส่งน้ำออกไป ทั้งที่เป็นสาระสำคัญ อีกทั้งบริษัท วงษ์สยาม ไม่เคยบริหารจัดการท่อส่งน้ำเลย ตรงข้ามกับ บริษัท East Water ที่มีประสบการณ์บริหารท่อส่งน้ำกว่า 30 ปี รายได้ปีละ 5 พันล้านบาท รวม 30 ปีรายได้ 1.5 แสนล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ บริษัทวงษ์สยาม ได้ยื่นประมูลโครงการโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์กับการประปานครหลวง มูลค่า 6.4 พันล้านบาท แต่ไม่ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติ แต่กลับมาชนะประมูลโครงการท่อส่งน้ำฯ ที่มีบริษัท East Water เป็นคู่แข่ง จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัย โดยหากมีความผิด นายอาคมต้องรับผิดชอบที่มอบหมายให้นายสันติดูแลเรื่องนี้

สอนมวยรัฐบาล! ‘อดีต รมว. คลัง’ ชี้ ‘รัฐบาล’ แก้ปัญหาแบบ ‘ปะผุ’ พร้อมสอนรับมือผลกระทบ ‘รัสเซีย-ยูเครน’ 

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ช่องยูทูปสภาที่ 3 ถึงผลกระทบที่ประเทศไทยจะต้องประสบจากการสงครามระหว่างประเทศรัสเซีย-ยูเครน ว่า ประเทศไทยควรจะต้องการวางแผน ในแง่ของเศรษฐกิจระดับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( SME ) และในระดับรากหญ้า ที่ผ่านมาผลกระทบจากโควิดทำให้เราไม่สามารถ ที่จะฟื้นธุรกิจการท่องเที่ยวได้ดีเท่าที่ควร ตรงนี้เป็นปัญหาซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข

อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า เท่าที่ตนมองไปจนถึงสิ้นปี 2565 และอาจจะปีหน้าบางส่วน นโยบายของประเทศจีนที่ใช้ COVID Zero คือไม่ยอมให้มีการแพร่ระบาดของโควิดได้เลย พยายามจะหาทางเบรกแต่พอเบรกแล้ว ถ้ามีการแพร่ระบาดอีกก็ล็อกดาวน์ใช้มาตรการแบบเข้ม ซึ่งจีนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ เพราะจำนวนคนของจีนเยอะมาก แต่จำนวนห้องของโรงพยาบาลน้อย เขาก็รู้ว่าถ้าจำนวนคนติดโควิดแพร่กระจาย ต่อให้มีจำนวนคนอาการหนัก เป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นต์น้อย แต่จำนวนประชากรของเขาเยอะ ก็จะทำให้โรงพยาบาลรองรับไม่ได้ 

เพราะฉะนั้นโอกาสที่ไทยจะฟื้นเรื่องท่องเที่ยว ที่จะทำให้เกิดขึ้นมาโดยเร็ว จากตลาดใหญ่ที่สุดของไทย คือตลาดจีนนั้นทำได้ยาก ขณะนี้จะพบว่าไทยมีปัญหาเรื่องการส่งสินค้าเกษตรไปประเทศจีน ปัญหาที่มีมากคือการส่งลำไยอบแห้ง ซึ่งเป็นที่นิยมของคนจีนที่สั่งซื้อเป็นประจำ จำนวนการส่งออกของลำไยอบแห้ง ที่ทำในประเทศไทยคือ 100% ส่งออกถึง 70% ของจำนวนที่ผลิต แต่เวลานี้ส่งออกไม่ได้ เพราะประเทศจีนยังมีมาตรการต่างๆที่ทำให้ลำไยจากไทยไม่ได้ส่งไป

อดีต รมว.คลัง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้อีกไม่กี่เดือนจะมีทุเรียนออกมาจำนวนแสนๆตัน ถ้าหากว่ายังไม่สามารถที่จะไปเคลียร์ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากเหตุผลอะไรก็ตาม ก็จะทำให้เกษตรกรของไทยมีปัญหาใหญ่ คือขายสินค้าไม่ได้ ในปีนี้เกษตรกรอาจจะพบว่าราคาสินค้าดีขึ้น เช่น อาจจะดีใจว่าราคาข้าวขยับขึ้นหน่อย ส่วนราคาข้าวโพดเวลานี้ก็นิ่ง ราคาสินค้าเกษตรอื่นๆเช่นน้ำมันปาล์มก็สูงขึ้น 

แม้อาจจะดีใจแต่ปัญหาคือเกษตรกรของไทย หาซื้อปุ๋ยได้ยากมีเงินบางทีก็ซื้อไม่ได้ ราคาปุ๋ยก็จะแพงเพราะฉะนั้นต้นทุนในเรื่องของการซื้อปุ๋ย ,ยาฆ่าแมลง จะพุ่งสูงขึ้น ต่อให้มีความสามารถในการขายสินค้าราคาสูงขึ้น แต่ต้นทุนก็จะสูงขึ้นมากกว่า ตรงนี้จะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกษตรกร ซ้ำซ้อนกับปัญหาในเรื่องท่องเที่ยวซึ่งยังไม่ฟื้นเพราะฉะนั้นตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับประเทศไทย

“ส่วนการเตรียมตัววางแผนของรัฐบาลปัจจุบัน กรณีสงครามรัสเซียยูเครน ออกมาคล้ายกับสิ่งที่รัฐบาลทำในสมัยแรกๆของวิกฤตโควิด แทนที่จะไปดักทางปัญหาล่วงหน้า 3-5 ก้าว โดยคิดล่วงหน้าว่าตรงนี้ในอนาคตอีก 3-6 เดือนจะเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ผ่านมาเราจะพบว่าวิกฤตโควิดเฉพาะในช่วงแรก รัฐบาลเดินตามหลังโควิดประมาณ 1-2 ก้าวตลอดเวลา โดยรอให้ตรงนี้เกิดขึ้นมาแล้วตามไปแก้ในลักษณะแบบปะผุ” อดีตรมว.คลัง ระบุ

อดีต รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ลักษณะการทำงานแบบนี้ไม่ทันเหตุการณ์ ไม่ได้เตรียมตัวในการแก้ไขปัญหา แล้วปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับวิกฤต รัสเซีย-ยูเครน รัฐบาลไม่ได้วางกระบวนการคิดอ่านในการแก้ไขปัญหา ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆตั้งแต่สงครามเริ่มต้น ก็จะช้าไปแล้ว แบบเดียวกับวัคซีนพอถึงเวลาตั้งใจว่าจะไปจองวัคซีน ก็ไม่ทันแล้วต้องไปต่อคิวตอนท้าย เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ เห็นว่าในส่วนของรัฐบาลที่ผ่านมา การติดตามสถานการณ์ แล้วมาเล่าวิเคราะห์เน้นให้ประชาชน ผู้ประกอบการทั้งขนาดเล็กขนาดกลางขนาดใหญ่ ได้ตระหนักถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีน้อยมากเกินไป 

ทบ. ระดม ทหารช่วยซ่อมบ้าน-ดูแลปชช. ประสบภัยจากพายุฤดูร้อนหลายจังหวัดภาคอีสาน

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกแรงจากพายุฤดูร้อน ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่ง ผู้บัญชาการทหารบก มีความห่วงในต่อสภาพอากาศดังกล่าว กำชับให้หน่วยทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ได้แจ้งเตือนและเตรียมเข้าช่วยประชาชนรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอีกระรอกในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้  โดยให้บรรเทาความเดือดร้อนทันที ทั้งการขนย้ายสิ่งของ ซากปรักหักพัง การซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย การรักษาพยาบาล การมอบเครื่องอุปโภคบริโภค หรือการจัดหาที่อยู่อาศัยขั้นต้น โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนดูแลประชาชนให้กลับมาสู่ปกติโดยเร็ว ทั้งนี้ ตั้งแต่ 6 มีนาคม 65 วาตภัยที่เกิดขึ้นทำให้พื้นที่ใน 13 จังหวัดของภาคอีสาน ได้รับผลกระทบและทหารชุดช่างจากกองทัพภาคที่ 2 ได้เข้าช่วยเหลือประชาชนและซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายไปแล้ว 102 หลัง ใน 28 อำเภอ 

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) ได้เกิดวาตภัย ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายใน 5 จังหวัด รวม 10 อำเภอ ประมาณ 120หลังคาเรือน กองทัพบกโดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยภัยกองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งทหารชุดช่วยเหลือประชาชน กำลังพลจิตอาสาและทหารชุดช่างเข้าสำรวจความเสียหายทันที พร้อมช่วยทำความสะอาด รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและทำการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายเบื้องต้น  ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายมากจะได้ร่วมกับส่วนราชการและภาคประชาชนจิตอาสา วางแผนเข้าซ่อมแซมในช่วงต่อไปโดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและส่วนราชการได้ร่วมกันดูแลช่วยเหลือมีดังนี้ จ.กาฬสินธุ์ ที่บ้านโคกเจริญ ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี บ้านเรือนเสียหาย 9 หลัง กองพันทหารม้าที่14กรมทหารม้าที่7 ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ เข้าซ่อมหลังคาบ้านแล้ว  4 หลัง 
       
จ.อำนาจเจริญ ที่บ้านป่าก่อน้อย หมู่ 4 ต.ป่าก่อ อ.ชานุมาน  บ้านเรือนเสียหาย 2 หลัง  ทหารชุดช่าง กรมทหารราบที่ 6 เข้าซ่อมแซมหลังคาบ้านดังกล่าวเรียบร้อย

จ.นครราชสีมา ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ โดยที่ ต.เทพาลัย อ.คง บ้านเรือนเสียหาย 5 หลัง ,อ.หนองบุญมาก  หมู่ 3,9  ต.หนองไม้ไผ่ บ้านเรือนเสียหาย 11 หลัง  , อ.โนนสูง : ต.ใหม่ และ ต.ลำมูล บ้านเรือนเสียหาย 39 หลัง , อ.โนนไทย : หมู่ 3, 4, 6, 10,12 ต.บัลลังก์ บ้านเรือนเสียหาย 40 หลัง ซึ่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทหารชุดช่างจาก กรมทหารช่างที่ 2 และกองพลทหารราบที่3 ร่วมกันเข้าสำรวจและซ่อมแซมบ้านเรือนเรียบร้อยแล้ว 12 หลัง ที่เหลือกำลังดำเนินการ

จ.ชัยภูมิ ที่ อ.เนินสง่า : บ.กะฮาดน้อย ม.1 ,บ.หนองกะเทือง ม.7 ,บ.หนองไข่น้ำ ม.9 ต.กะฮาดน้อย บ้านเรือนเสียหาย 12 หลัง วัด 1 แห่ง ยุ้งข้าว 1 หลัง โรงเลี้ยงวัว 1 แห่ง ส่วนที่ อ.บ้านเขว้า ฝนตกต่อเนื่องทำให้น้ำท่วมถนน 225 บ.โนนแดง ซึ่งกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ร่วมกับส่วนราชการเข้าสำรวจความเสียหาย 

เปลี่ยนใจใน 9 ชั่วโมง! เปิดใจ ‘อาสามัครต่างชาติ’ เท ‘รบยูเครน’ หลัง ‘รัสเซีย’ ยิงขีปนาวุธถล่มฐานฝึก!

อาสาสมัครชาวต่างชาติที่เดินทางไปรบกับกองทัพรัสเซียหลายคนพากันหนีออกจากยูเครนหลังรัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มฐานฝึกซ้อม เพราะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าจะเจอความเป็นจริงอันโหดร้ายของการทำสงครามกับกองทัพที่ทันสมัยของรัสเซีย

หลังจากประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประกาศรับสมัครอาสาสมัครต่างชาติมาช่วยรบกับรัสเซียก็มีช่าวต่างชาติจากกว่า 50 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดาขันอาสากว่า 16,000 คน

ทว่าเมื่อวันที่ 13 มี.ค. รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มฐานฝึกซ้อมของอาสาสมัครเหล่านี้ในเมืองยาโวริฟใกล้กับชายแดนโปแลนด์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 35 รายส่วนใหญ่เป็นชาวยูเครน และบาดเจ็บอีก 134 รายตามตัวเลขของทางการยูเครน แต่รัสเซียอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้

เหตุการณ์นี้ทำให้อาสาสมัครต่างชาติหลายคนที่ไม่พอใจเรื่องการจัดการที่ไม่ค่อยดี การขาดแคลนอาวุธและการฝึกซ้อม และการเซ็นสัญญาที่ไม่กำหนดเวลาสิ้นสุดที่ชัดเจนเป็นทุนเดิมกันอยู่แล้ว เริ่มเปลี่ยนใจกลับบ้านกันมากขึ้น

หนึ่งในนั้นคือ เจสเปอร์ โซเดอร์ (Jesper Söder) ชาวสวีเดนที่เล่าถึงการโจมตีเมื่อวันที่ 13 กับสำนักข่าว AP ว่า “นรกชัดๆ ทั้งเสียงยิง เสียงตะโกน ความหวาดกลัว ไหนจะระเบิดกับขีปนาวุธอีก”

หลังถูกโจมตีโซเดอร์และกลุ่มอาสาสมัครต่างชาติรวมทั้งชาวสแกนดิเนเวีย อังกฤษ และอเมริกันออกจากฐานฝึกซ้อมกลับไปยังชายแดนโปแลนด์

ทหารผ่านศึกชาวอเมริกันที่ใช้ชื่อว่า ฮิว (Hieu) ที่รอดชีวิตจากการถูกรัสเซียโจมตีเผยกับ Task & Purpose ว่า “ผมรอดเพราะขีปนาวุธตกใส่โครงสร้างที่แข็งแรงแทนที่จะเป็นเต็นท์ที่ผมอยู่ ยูเครนเสนอจะพาคนที่ไม่ต้องการรบแล้วหลังถูกขีปนาวุธถล่มกลับไปยังชายแดน”

ฮิวซึ่งเป็นอดีตพลรถถัง M1 Abrams ที่เคยไปรบที่อัฟกานิสถานเมื่อปี 2012 เล่าว่า อาสาสมัครที่อยู่ในเต็นท์เดียวกับเขา 23 คน มีเพียง 7 คนที่ตัดสินใจอยู่ต่อ

ส่วนในชุมชนออนไลน์ยอดฮิตอย่าง Reddit ผู้ใช้คนหนึ่งซึ่งลบบัญชีไปแล้วโพสต์คลิปให้เห็นสภาพหลังการโจมตีลงในฟอรัม “อาสาสมัครเพื่อยูเครน” พร้อมกับเตือนว่า ให้คิดดีๆ ก่อนไปยูเครน เพราะสถานการณ์แย่มาก

“ไปร่วมกับกองกำลังต่างชาติเลยพวก ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แต่ให้คิดให้ดีว่าเคียฟจะแย่แค่ไหน แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่ารัสเซียมีเครื่องบินรบ และพวกนายแทบจะไม่มีอะไรเลย แล้วจงยอมรับว่ามีโอกาสตาย พวกเราที่ออกมา รวมทั้งกองกำลังพิเศษจากหลายๆ ประเทศแค่ต้องการลดความเสี่ยง ไม่มีใครอยากตายในการต่อสู้ที่ไม่เป็นธรรมหรอก และหลังจากโดนขีปนาวุธถล่มอย่างหนักวันนี้ ผมอยากให้พวกคุณคิดให้ดีก่อนจะไป”

เจ้าของบัญชีรายนี้ระบุอีกว่า “มีชาวต่างชาต 60 คนรวมทั้งผมออกมาหลังถูกโจมตี พวกเขาส่งคนที่ไม่เคยฝึกซ้อมไปแนวหน้าโดยมีกระสุนน้อยนิดกับอากาห่วยๆ แล้วคนพวกนี้ก็ถูกฆ่า...พวกที่ยังอยู่จะถูกส่งไปที่เคียฟและอีกหลายคนจะต้องตาย กองกำลังต่างชาติมีกำลังคนน้อยกว่า และมีผู้นำยูเครนบ้าๆ อีก 2-3 คนเท่านั้น”

เช่นเดียวกับ เจค ไพรเดย์ (Jake Priday) ครูจากเมืองคาร์ดิฟฟ์ของอังกฤษบอกกับ The Economist ว่า เขาออกมาจากยูเครนหลังไปเหยียบที่นั่นได้เพียง 9 ชั่วโมง หลังจากทราบว่าจะต้องเซ็นสัญญาที่ผูกกับกฎอัยการศึกซึ่งกำหนดให้พวกเขารบโดยไม่มีกำหนดตายตัว โดยไม่มีการอธิบายขยายความใดๆ จากยูเครน

“สำหรับผมมันคือการหลอกลวง” ครูวัย 25 ซึ่งผ่านการเป็นทหารมาแล้วเผย “พวกเขาขายฝันให้คุณ คุณสามารถช่วยชาวยูเครน! แล้วจากนั้นคุณกลับถูกส่งตัวไปยังที่ที่แย่ที่สุดในสมรภูมิ”

ไพรเดย์ยังกังวลว่าหากถูกรัสเซียจับตัวไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้รัสเซียประกาศเตือนว่านักรบต่างชาติจะถูกดำเนินคดีในฐานะอาชญากร เจสัน เฮ (Jason Haigh) อดีตแพทย์ทหารที่เคยไปรบในอิรักเผยกับ The Sun เมื่อช่วงต้นเดือนว่า เขาออกมาจากยูเครนแล้วหลังจากเผชิญหน้ากับกองกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ของรัสเซียระหว่างสู้รบที่เมืองอันโตนอฟในช่วงแรกๆ ของสงครามยูเครน

อดีตแพทย์ทหารวัย 34 ถูกฝูงเครื่องบินเจ็ตของรัสเซียยิงจรวดใส่ระหว่างร่วมกับกองทัพยูเครนมุ่งหน้าไปยังสนามบินฮอสโตเมลในกรุงเคียฟ ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์โจมตีของรัสเซียอีกฝูงหนึ่งจะตามมาสมทบ

เขาเล่าว่า “ทันใดนั้นประตูนรกก็เปิดรอต้อนรับพวกเรา พวกเราเกือบถูกถล่ม ผมไม่เคยเจอการยิงที่มีอานุภาพขนาดนี้มาก่อน และไม่คิดว่าคนในยุคนี้เคยเห็นเหมือนกัน อิรักกับอัฟกานิสถานแตกต่างอย่างสิ้นเชิง กองทัพรัสเซียทันสมัยมาก”

เฮเล่าอีกว่าหลังการสู้รบ เขากับเพื่อนชาวอเมริกันอีก 1 คนถูกเจ้าหน้าที่ยูเครนคุมตัวและทุบตีจนสะบักสะบอมเพราะคิดว่าเป็นฝ่ายรัสเซียและถูกนำตัวไปสอบสวนที่ฐาน 3 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวออกมา เขาตัดสินใจขึ้นรถไฟหนีไปยังเมืองลวิวก่อนจะข้ามชายแดนเข้าโปแลนด์

‘หมอของขวัญ’ ทัวร์ลง! หลังวิจารณ์ปม ‘พิมรี่พาย’ ให้พ่อ ‘5 ล้าน’ เท่ากับ ‘กตัญญู’  ดัน #หมอของขวัญ พุ่งติดเทรนด์อันดับหนึ่งทวิตเตอร์!

จากกรณีดราม่า พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์คนดัง ที่ไลฟ์สดตามปกติของเธอ แต่มีชาวเน็ตได้เข้าไปคอมเมนท์ว่าคนดูน้อยจัง ทำให้พิมรี่พายอารมณ์ขึ้นกลางไลฟ์รวมไปถึงได้ใช้คำพูดที่ดูคล้ายว่าเธอจะเหยียดคนจนนั้น

ล่าสุด “หมอของขวัญ” คนดังในโลกออนไลน์ ที่มักจะออกมาแสดงความคิดเห็นในหลายๆเรื่องบนโลกโซเชียล ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องราวดราม่าดังนี้ด้วย ว่า ขอเข้าข้างพิมรี่พาย เพราะมองว่าพิมรี่พายไม่ได้ดูถูกใคร แต่เป็นการพูดโดยรวม แล้วคุณหมอยังเตือนสติชาวเน็ตให้ลองถามตัวเองว่า

คนรุ่นใหม่ มุ่งมั่นทำงาน! ‘พลังประชารัฐ’ เปิดตัว ‘3 ผู้ท้าชิง’ ‘เก้าอี้ ส.ก.’ ย่านฝั่งธนบุรี!

(19 มี.ค. 65) นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กรุงเทพ ในฐานะหัวหน้าภาค กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นประธานเปิดศูนย์ประสานงานเลือกตั้ง ส.ก. เขตบางกอกใหญ่ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. โซนกรุงธนเหนือ "คนรุ่นใหม่ มุ่งมั่นทำงาน" ประกอบด้วย นายพีรพัทธ์ ศรีสิงห์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตธนบุรี นายอาชวิน สีตบุตร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตคลองสาน และน.ส.ภัณฑ์ธิรา ณิชยสุรีย์กุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางกอกใหญ่

นายจักรพันธ์ กล่าวว่า ซึ่งทั้ง 3 คน มีความพร้อมที่จะทำงานให้กับประชาชนในพื้นที่ ด้วยผลงานที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ผ่านงานทางด้านภาคเอกชนและภาคสังคม มีความพร้อมเข้ามาพัฒนาพื้นที่ฝั่งธนบุรี โดยมีนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กรุงเทพ ของพรรค พร้อมแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ในพื้นที่ใกล้เคียง ประกอบด้วย นายชลพฤกษ วงศ์อรุณนิยม เขตทวีวัฒนา นายผาด นิสัยชล เขตบางกอกน้อย นายชูชาติ ยิ้มงาม เขตภาษีเจริญ นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์ เขตตลิ่งชัน นายเริง ม่วงชุ่ม เขตบางแค 

ทั้งนี้ ทางพรรคได้เปิดให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีบทบาททางการเมือง โดยผู้สมัครล้วนเป็นคนหนุ่ม คนสาว คนรุ่นใหม่ โปรไฟล์ดี เต็มไปด้วยความรู้ ความสามารถ และที่สำคัญพวกเขามีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะเข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนากรุงเทพมหานคร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top