“ยุทธพงศ์” แฉ 3ป. - 1 ช. คาดฮั้วประมูลโครงการท่อส่งน้ำฯ ในอีอีซี ให้บริษัทวงษ์สยามฯ แทนบริษัท East Water ยักษ์ใหญ่เรื่องท่อส่งน้ำฯ พร้อมจ่อ ยื่นญัตติซักฟอก 23 พ.ค.นี้ ย้ำ! ต้องทำทันทีกัน “บิ๊กตู่” ยุบสภาหนี พร้อมถามหายาฟาวิพิราเวียร์ หลังชาวบ้านติดโควิดได

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่าการประมูลระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำในพื้นที่อีอีซี ที่มีอยู่ 3 เส้นหลักคือเส้นที่ 1 โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย - มาบตาพุด - สัตหีบ ที่กรมธนารักษ์ได้จ้าง บริษัท East Water บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ มาจัดทำบริการโดยสัญญาจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.2566 เส้นที่ 2 คือโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล - หนองค้อ และเส้นที่ 3 โครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ - แหลมฉบัง (ระยะที่สอง) ซึ่งทั้งหมดนี้มีความไม่โปร่งใสในการประมูลโครงการ

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า โดยบริษัทที่ชนะประมูลในครั้งนี้ คือ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเสนอส่วนแบ่งให้กับรัฐเป็นค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา (ชำระปีแรก) 1,450 ล้านบาท และส่วนแบ่งรายได้รายปี 21,335 ล้านบาท รวมทั้งหมด 25,693 ล้านบาท ส่วนบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท East Water เสนอค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา (ชำระปีแรก) 1,550 ล้านบาท และส่วนแบ่งรายได้รายปี 19,755 ล้านบาท รวมทั้งหมด 24,213 ล้านบาท หมายความว่าบริษัท วงษ์สยาม เสนอให้มากกว่า 1,480 ล้านบาท ความน่าเชื่อถือของบริษัท East Water ซึ่งเป็นบริษัทกึ่งของรัฐบาล เพราะการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ถือหุ้นอยู่ 40% และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยถือหุ้นอยู่ 5% รวม 2 หน่วยงานถือหุ้นกว่าประมาณ 46% เพราะหากถือเกิน 50% จะเรียกว่ารัฐวิสาหกิจ ซึ่งอาคารที่ทำการก็ใหญ่โต ส่วนบริษัท วงษ์สยาม อยู่ใน ซ.พหลโยธิน 8 อาคารเล็กๆ แต่ว่าประมูลชนะบริษัท East Water 

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับ 3 ป. คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานอีอีซี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะกำกับแล กปภ. และ 1 ช. คือนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค พลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ซึ่งไม่ได้เป็นโดยตำแหน่ง เพราะคนที่เป็นจริงๆ คือนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ซึ่งทั้งหมดมีความเกี่ยวโยงกัน 

นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า หากบริษัท East Water ไม่ได้ชนะประมูลก็จะเจ๊ง และต้องปิดบริษัท ซึ่งหลังแพ้ประมูลราคาหุ้นตกจาก 8.05 บาท เหลือ 7.40 บาท โดยเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2565 นายสันติ ประธานกรรมการที่ราชพัสดุให้บริษัทวงษ์สยามชนะประมูลด้วยมติ 6:3 โดยรายชื่อ 6 คนประกอบด้วย 1.นายสันติ 2.นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ 3.ตัวแทนปลัดกระทรวงการคลัง 4.ตัวแทนปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5.ตัวแทนปลัดกระทรวงกลาโหม และ 6.ตัวแทนปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนรายชื่อ 3 คนที่ค้าน ประกอบด้วย 1.ปลัดกระทรวงมหาดไทย 2.อธิบดีกรมโยธา และ3.อธิบดีกรมที่ดิน ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ลาเพื่อหนีการประชุม หมายความว่ามติไม่ได้เป็นเอกฉันท์ และมีปัญหา 

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ดังนั้นในวันพุธ ที่ 23 มี.ค.นี้ ตนจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อนายอาคม ถึงความไม่โปร่งใสของการประมูลโครงการท่อส่งน้ำฯ ที่เปลี่ยนมาให้บริษัท วงษ์สยาม ชนะประมูลแทน เพราะมีการเปลี่ยนทีโออาร์ ทำให้รัฐเสียประโยชน์ คือไปเอาคำว่าบริษัทจะต้องไม่เคยเป็นผู้ทิ้งงานของหน่วยงานของรัฐออก ทุนจดทะเบียนบริษัทจาก 600 ล้านบาท เหลือ 300 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนคุณสมบัติสำคัญคือจากเดิมกำหนดไว้ว่าผู้ยื่นข้อเสนอต้องเป็นนิติบุคคลที่มีอาชีพและประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจ และบริหารจัดการท่อส่งน้ำ 

โดยเอาคำว่าท่อส่งน้ำออกไป ทั้งที่เป็นสาระสำคัญ อีกทั้งบริษัท วงษ์สยาม ไม่เคยบริหารจัดการท่อส่งน้ำเลย ตรงข้ามกับ บริษัท East Water ที่มีประสบการณ์บริหารท่อส่งน้ำกว่า 30 ปี รายได้ปีละ 5 พันล้านบาท รวม 30 ปีรายได้ 1.5 แสนล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ บริษัทวงษ์สยาม ได้ยื่นประมูลโครงการโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์กับการประปานครหลวง มูลค่า 6.4 พันล้านบาท แต่ไม่ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติ แต่กลับมาชนะประมูลโครงการท่อส่งน้ำฯ ที่มีบริษัท East Water เป็นคู่แข่ง จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัย โดยหากมีความผิด นายอาคมต้องรับผิดชอบที่มอบหมายให้นายสันติดูแลเรื่องนี้

นอกจากนี้นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงสถานการณ์โควิด – 19 ว่า วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิต ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดจำนวนลง ขณะที่รัฐบาลไม่มีเงินที่จะนำมาใช้ในการรักษาแล้ว ทำให้เกิดมาตรการแบ่งสีผู้ป่วยตามความรุนแรงของอาการ ถ้าไม่มีอาการให้กักตัวรักษาที่บ้าน โดยจะมีการแจกยาฟาวิพิราเวียร์ให้รับประทานที่บ้าน ตนในฐานะส.ส.มหาสารคาม วันนี้ในพื้นที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก แต่ไม่เห็นยาฟาวิพิราเวียร์ มีเพียงยาแก้ปวด จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. ออกมาชี้แจงว่ายาฟาวิพิราเวียร์อยู่ไหน และอย่ามาพูดว่าโควิด – 19 สายพันธุ์โอมิครอนไม่อันตราย ซึ่งสวนทางกับยอดผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นทุกวัน 

“วันนี้ใครติดโควิด – 19 รพ.ไม่มีเตียงรับ ยูเซปพลัสที่บอกว่ารักษาได้ทั้ง รพ.รัฐ และเอกชน แต่วันนี้ไม่มีเตียง ระบบสาธารณสุขล่มสลายเป็นไปตามมีตามเกิด ฉะนั้น ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมตัวไว้เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาจะถูกอภิปรายเรื่องการบริหารโควิด – 19 ล้มเหลวแน่นอน การประชุมส.ส.ของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และตัวแทนพรรค ไปประชุมร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในการเปิดประชุมสมัยหน้า โดยวันที่ 23 พ.ค. เวลา 08.30 น. พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะยื่นญัตติทันที พล.อ.ประยุทธ์จะได้ไม่ต้องยุบสภาหนี” นายยุทธพงศ์ กล่าว 

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลกู้มาใช้โดยกำหนดกรอบด้านสาธารณสุข 3 หมื่นล้านบาท ก็บานปลายมาเป็น 1.15 แสนล้านบาท ล่าสุดขณะนี้เงินกู้ก้อนนี้เหลืออยู่ 7.4 หมื่นล้านบาท ถ้าเงินตรงนี้หมดก็ไม่มีเงินแล้ว ดังนั้น การที่พล.อ.ประยุทธ์ขยายเพดานเงินกู้จากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 70 ตนอยากให้พล.อ.ประยุทธ์กล้ากู้เงินเพิ่ม เพราะวันนี้ประชาชนอยู่ไม่ได้แล้ว เพราะติดโควิดกันทั้งประเทศ ซึ่งการกู้เงินแม้เป็นอำนาจของรัฐบาลในการออกพ.ร.ก. แต่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ไม่เชื่อว่าเสียงตัวเองในสภาจะผ่านหรือไม่ เพราะถ้าโหวตแพ้ในสภาเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกเนื่องจากเป็นพ.ร.ก.สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์จึงเอาใจส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลอย่างมาก เพราะไม่มั่นใจในเสถียรภาพรัฐบาล ตนจึงคิดว่าเปิดสภารอบนี้รัฐบาลจะเกิดปัญหาแน่นอน