Wednesday, 11 June 2025
Tesla

อินเดียปิดประตูใส่ BYD หวั่นโดนทุ่มตลาดจากจีน แต่เปิดช่องเจรจา Tesla ตั้งโรงงาน ดึงดูดทุนสหรัฐฯ

(9 เม.ย. 68) รัฐบาลอินเดียได้ตัดสินใจ จำกัดการเข้าถึงตลาด สำหรับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากจีนอย่าง BYD Co. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน EV ของโลก ท่ามกลางความพยายามของอินเดียในการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทคู่แข่งสัญชาติอเมริกันอย่าง Tesla Inc.

แหล่งข่าวจากภาครัฐระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่ Tesla กำลังพิจารณาการตั้งฐานการผลิตในอินเดีย ซึ่งทางรัฐบาลได้แสดงความตั้งใจอย่างชัดเจนในการอำนวยความสะดวกและเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับบริษัทของอีลอน มัสก์ ในขณะที่บริษัทจีนอย่าง BYD กลับถูก 'ควบคุมและจำกัด' มากขึ้นในด้านการเข้าถึงตลาดและการขยายกิจการ

การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลด้านความมั่นคงระดับชาติของอินเดียที่ยังคงมีต่อจีน แม้ในช่วงหลังความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะในเวทีการทูตระดับภูมิภาค

“รัฐบาลอินเดียยังคงระมัดระวังอย่างมากกับการลงทุนจากจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์อย่างยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีองค์ประกอบด้านเทคโนโลยีและข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญ” พียูช โกยาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

ท่าทีดังกล่าว สะท้อนแนวทางปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศที่แข็งแกร่งมากขึ้น โดยอินเดียได้กำหนด ภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ประกอบสำเร็จรูป (CBU) ไว้สูงถึง 100% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอัตราภาษีนำเข้าที่ 'สูงที่สุด' ในบรรดาเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่วโลก

“นโยบายนี้เป็นเครื่องมือในการปกป้องผู้ผลิตรถยนต์ภายในประเทศ พร้อมทั้งผลักดันให้นักลงทุนต่างชาติสร้างฐานการผลิตภายในอินเดีย แทนการนำเข้าสินค้าสำเร็จรูป” นักวิเคราะห์จากมุมไบให้ความเห็น

อย่างไรก็ดี อินเดียถือเป็นหนึ่งในตลาด EV ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และกำลังกลายเป็นจุดหมายสำคัญของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ระดับโลก ท่ามกลางนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาดของนายกฯ อินเดีย นเรนทรา โมดีแต่การจัดการสมดุลระหว่างความมั่นคงและการลงทุนต่างชาติยังคงเป็นโจทย์ท้าทาย

ทั้งนี้ การตัดสินใจเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในปีที่แล้วนิวเดลีได้ปฏิเสธข้อเสนอการลงทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ (ราว 36,000 ล้านบาท) จาก BYD ที่ร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่น 

นอกจากนี้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากจีนรายอื่นอย่าง Great Wall Motor Co. ขอถอนตัวออกจากอินเดียหลังจากไม่สามารถขอรับการอนุมัติที่จําเป็นจากหน่วยงานกํากับดูแลได้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่บริษัทจีนต้องเผชิญในการพยายามเข้าสู่หรือขยายธุรกิจในตลาดอินเดีย

ในขณะที่อินเดียยังคงรักษาจุดยืนที่ระมัดระวังต่อการลงทุนจากจีน และกําลังแสวงหาความร่วมมือที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทอเมริกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Tesla Inc อย่างไรก็ตามรายละเอียดของข้อตกลงที่เกิดขึ้นระหว่างอินเดียและ Tesla ยังไม่ได้รับการเปิดเผย

ขณะที่บรรดาผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอินเดียอย่าง Tata Motors และ Mahindra & Mahindra สามารถเติบโตได้ดี โดยก่อนหน้านี้พวกเขาต่างคัดค้านการผ่อนปรนภาษีนำเข้า เนื่องจากเกรงว่าจะเปิดทางให้ผู้เล่นต่างชาติเข้ามาทำตลาดในราคาที่แข่งขันได้ยากสำหรับผู้ผลิตท้องถิ่น

‘อีลอน มัสก์’ วิวาทเดือด ‘รมว.คลัง’ กลางทำเนียบขาว หลังถูกกดดันเรื่องล้มเหลวลดงบฯ 1 ล้านล้านดอลล์

(9 มิ.ย. 68) สตีฟ แบนอน อดีตหัวหน้ากลยุทธ์ทำเนียบขาวในยุครัฐบาลทรัมป์ เผยว่าอีลอน มัสก์ หัวหน้าหน่วยงานปรับลดงบประมาณรัฐบาลกลาง (DOGE) ได้มีปากเสียงอย่างรุนแรงกับสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จนถึงขั้นเกิดการปะทะกันในทำเนียบขาว 

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการเดินจากห้องทำงานประธานาธิบดีไปยังบริเวณนอกห้องของหัวหน้าคณะทำงานซูซี ไวลส์ โดยมัสก์ถูกกล่าวหาว่าผลักเบสเซนต์ หลังโดนตั้งคำถามถึงความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายการลดงบประมาณรัฐบาลกลางตามที่เคยสัญญาไว้

เบสเซนต์กล่าวหาว่ามัสก์เคยให้คำมั่นว่าจะลดรายจ่ายภาครัฐลง 1 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ทำได้จริงเพียงแค่ประมาณ 1 แสนล้าน และยังไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ว่า เกิดการประหยัดลงจริงหรือไม่ ซึ่งแบนอนกล่าวว่า 

“มัสก์รู้สึกอ่อนไหวกับประเด็นนี้อย่างมากและนั่นนำไปสู่การกระทบกระทั่งอย่างเปิดเผย โดยมีเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวหลายรายอยู่ในเหตุการณ์ แม้หลังเหตุการณ์ ประธานาธิบดีทรัมป์จะออกมาสนับสนุนเบสเซนต์อย่างชัดเจน แต่เบสเซนต์เองก็ไม่มีท่าทีโกรธเคืองส่วนตัว และยังกล่าวชื่นชมผลงานบางส่วนของมัสก์ในภายหลัง”

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปลายวาระการทำงาน 5 เดือนของมัสก์ในตำแหน่ง “พนักงานพิเศษของรัฐบาล” ซึ่งเขาได้รับมอบหมายให้ทำการตัดลดงบประมาณและยุบหน่วยงานภาครัฐที่ไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ผลงานของเขากลับถูกวิจารณ์อย่างหนักจากทั้งสาธารณชนและรัฐสภา รวมถึงการฟ้องร้องจากกลุ่มสิทธิพลเมืองเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชนโดยไม่ได้รับความยินยอม นอกจากนี้ ความนิยมส่วนบุคคลของมัสก์ก็ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ภาพลักษณ์ของ Tesla และ SpaceX เองก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย

แม้มีกระแสข่าวลือว่ามัสก์ถูกลดบทบาทในรัฐบาลจากกรณีการเข้าถึงข้อมูลลับด้านความมั่นคงและข้อกล่าวหาเรื่องการใช้สารเสพติดระหว่างการหาเสียง แต่ในการแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์หลังประกาศลาออก มัสก์กลับกล่าวติดตลกถึงรอยฟกช้ำใต้ตาว่าเกิดจากการเล่นกับลูกชายวัย 5 ขวบ ไม่เกี่ยวกับเหตุวิวาทในทำเนียบขาว 

ด้านโฆษกทำเนียบขาวระบุเพียงว่า “ความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติในการทำงานตามนโยบายที่มีเอเนอร์จี้” และทุกฝ่ายยังคงปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนตามเจตนารมณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top